คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : การประลอง
นายกองเฝิงไม่ตอบทันที เขาหันไปมองเหล่าทหารหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “เสี่ยวต้า! ออกมา!”
เสี่ยวต้าเป็นทหารหนุ่มที่มีท่าทางคล่องแคล่วและอายุพอๆ กับหลี่เจิ้ง เขามองไปที่ซูเหม่ยอี้ ก่อนจะเดินออกมาด้วยท่าทีที่มั่นใจ เขาหันไปยิ้มให้กับเพื่อนๆ ที่ยังยืนดูอยู่ และพูดขึ้น “ข้าจะให้เห็นว่าใครคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายนี้”
ซูเหม่ยอี้มองไปที่เขาด้วยความสงบ แม้จะยังไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกเรียกออกมาประลองกับทหารคนนี้ แต่เมื่อได้รับคำสั่งมาแล้ว นางก็ไม่คิดจะปฏิเสธ นางรู้ดีว่าทหารทุกคนที่อยู่ในค่ายนี้ต่างก็ต้องผ่านการทดสอบกันทั้งนั้น
แต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งรู้สึกไม่พอใจคือคำพูดของทหารคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างสนาม เขามองนางจากหัวจรดเท้าและหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความขบขัน “เจ้ารูปร่างอย่างกับสตรี จะไหวรึ?”
เสียงหัวเราะจากกลุ่มทหารดังขึ้นข้างหลัง ทำให้บรรยากาศรอบข้างรู้สึกหนักหน่วงขึ้นไปอีก นางมองไปที่ชายหนุ่มที่ล้อเลียนตนเอง จากนั้นก็พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่สนามประลองด้วยท่าทีสงบ
“ข้าไหวแน่นอน” ซูเหม่ยอี้พูดเสียงเบา
“ถ้าเจ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเถอะ” เสี่ยวต้าพูดเบาๆ แล้วยืดตัวขึ้นอย่างมั่นใจ
เสียงโห่ร้องท่ามกลางการฝึกฝนที่ท่วมท้น ซูเหม่ยอี้รู้ดีว่านี่ไม่ใช่แค่การทดสอบทักษะการต่อสู้เท่านั้น แต่มันยังเป็นการทดสอบสถานะของนางในกองทัพ
เขากวาดตามองไปยังซูเหม่ยอี้ แล้วยิ้มอย่างท้าทาย “ข้าจะดูว่าเจ้าจะสามารถยืนหยัดได้แค่ไหนในสนามนี้”
ซูเหม่ยอี้ไม่ตอบแต่ก้าวขาออกไปอย่างมั่นคง ร่างบาง ๆ ของนางเต็มไปด้วยพลังที่ซ่อนอยู่ นางยืนนิ่งและจับดาบของตนอย่างมั่นใจ ก่อนจะก้มศีรษะเล็กน้อยให้เป็นการแสดงความเคารพ จากนั้นเตรียมตัวรับการโจมตีที่อาจจะมาในรูปแบบใดก็ได้
“เริ่มได้!” เสียงของนายกองเฝิงดังขึ้น และทันทีที่เขาพูดจบ เสี่ยวต้าไม่รอช้า เขาพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดาบยาวในมือของเขากะพริบแสงท่ามกลางแสงแดดที่ส่องผ่าน หลังจากฝึกหนักมานาน เสี่ยวต้าไม่เพียงแต่มีความเร็วที่เหลือเชื่อ แต่ทักษะการใช้ดาบของเขาก็เชี่ยวชาญจนเป็นที่ยอมรับในหมู่ทหารทุกคน
“เตรียมตัว!” เขาร้องเตือน ก่อนที่ดาบของเขาจะพุ่งมาที่คอของซูเหม่ยอี้ด้วยความเร็ว
การโจมตีของเขารวดเร็วและหนักแน่น แต่นั่นไม่ได้ทำให้ซูเหม่ยอี้ตกใจ นางเคลื่อนไหวด้วยท่าทางที่คำนึงถึงจังหวะและพื้นที่รอบตัวได้อย่างมีระเบียบ
ซูเหม่ยอี้หลบการโจมตีได้อย่างเฉียบคม ร่างของนางหมุนตัวไปทางซ้ายแล้วย่อตัวลงต่ำพุ่งเข้าหาเสี่ยวต้า นางใช้เทคนิคการเคลื่อนไหวจากชาติก่อน ซึ่งรวดเร็วและว่องไว การเคลื่อนไหวนี้ทำให้เสี่ยวต้ามึนงงไปชั่วขณะ แต่เขาก็สามารถที่จะกลับมาควบคุมทิศทางของตัวเองได้ทัน
"ดีมาก!" เสี่ยวต้าหัวเราะในลำคอ เขาหันดาบกลับมาอีกครั้งพร้อมกับโจมตีหนักกว่าเดิม คราวนี้เขายังใช้อาวุธทั้งสองมือที่ดูเหมือนจะรุกเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง
แต่ซูเหม่ยอี้รู้ดีว่าการบุกอย่างไม่ยั้งมือจะเปิดช่องโหว่ให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นได้ง่าย นางไม่รีบร้อนที่จะรับมือทันที แต่แทนที่จะหลบไปข้างๆ กลับเป็นการก้าวออกไปข้างหน้าในมุมที่เสี่ยวต้าไม่ทันคิด นางใช้ศิลปะการเคลื่อนไหวที่ประสานกับทักษะการโจมตีอย่างละเอียด ทำให้นางมีความได้เปรียบในการต่อสู้จากทุกทิศทาง
ดาบของเสี่ยวต้าปะทะกับดาบของซูเหม่ยอี้เป็นครั้งที่สาม เสียงเหล็กกระทบกันดังสนั่น เขากระแทกดาบของนางไปข้าง ๆ แต่ทว่าในขณะที่เขาพยายามจะหมุนตัวเพื่อตั้งรับการโจมตี ซูเหม่ยอี้ก็ใช้วิธีที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสายตาของนักรบทั่วไป นางใช้ขาเตะเข้าสู่กลางหน้าท้องของเสี่ยวต้า ซึ่งทำให้เขาถอยไปสองก้าวและเซถอย
เสี่ยวต้าไม่ทันตั้งตัว เมื่อมองดูซูเหม่ยอี้ที่ยังคงยืนนิ่งด้วยท่าทางสงบ เขากลับรู้สึกเหมือนถูกท้าทายครั้งใหญ่
เขาไม่ยอมแพ้ แต่กลับยิ้มกว้างและพุ่งเข้าหานางอีกครั้ง คราวนี้เขาใช้อาวุธคู่มือหนึ่ง ดาบในมือขวาและคมเหล็กในมือซ้ายที่เหมือนจะให้โจมตีสองทิศทาง
ซูเหม่ยอี้เห็นช่องโหว่ตรงที่เขากำลังใช้มือขวาเพื่อโจมตีไปข้างหน้า และมือซ้ายยังไม่สามารถตัดสินการเคลื่อนไหวได้ทัน นางหายใจเข้าอย่างหนัก ขณะที่ยกดาบของตนขึ้นเพื่อรับการโจมตี
เมื่อเสี่ยวต้าพุ่งเข้ามาใกล้ นางใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีในการคำนวณและสังเกตการณ์จังหวะ เคลื่อนไหวไปข้างหน้าและขวางการโจมตีของเขาด้วยดาบในมืออย่างเชี่ยวชาญ ก่อนที่จะหมุนตัวไปทางด้านหลังและสวนกลับไปด้วยเทคนิคที่ทำให้เสี่ยวต้าไม่ทันระวัง
ซูเหม่ยอี้คว้าดาบเสี่ยวต้าไว้ได้ทัน และพลิกคมดาบขึ้นข้างบนในขณะที่ร่างของเสี่ยวต้าเซถอยไปข้างหลัง โดยการเคลื่อนไหวของนางไม่เพียงแค่ป้องกันการโจมตี แต่ยังสามารถใช้ดาบของเขาทำให้เสียการทรงตัวได้ด้วย
ในที่สุด เสี่ยวต้าเสียการทรงตัวและล้มลงบนพื้นอย่างหมดหนทาง ดาบของซูเหม่ยอี้ยังคงห่างจากคอเขาเพียงไม่กี่นิ้ว แต่ท่าทางของนางที่ยืนมั่นยังคงแสดงออกถึงความเยือกเย็นและเชี่ยวชาญ
“ข้าชนะ” ซูเหม่ยอี้เอ่ยเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจ ร่างบาง ๆ ยืนนิ่งเฝ้ามองเสี่ยวต้าที่ล้มลงก่อนจะค่อยๆ ถอนหายใจออกมา
เสี่ยวต้าหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่จะยกมือขึ้น “ดีมาก! ข้าแพ้แล้ว!” เขาเงยหน้ามองซูเหม่ยอี้ด้วยความชื่นชมและยิ้มให้ “เจ้าเก่งกว่าที่ข้าคิดเสียอีก”
ทุกคนที่ยืนมองการประลองต่างพากันเงียบ และในที่สุด นายกองเฝิงก็ยิ้มอย่างพอใจ “ดีมาก! ซูเหม่ยอี้ เจ้าเป็นนักรบที่ไม่ธรรมดา ความสามารถของเจ้าเกินกว่าที่ข้าคาดหวังไว้มาก”
พวกทหารหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างสนามต่างพากันพูดถึงการประลองนี้ในเสียงกระซิบ บางคนพูดว่า "ทักษะของเขาไม่ธรรมดาเลย" และ "ไม่เคยเห็นใครเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้" สถานการณ์ทั้งหมดนั้นชัดเจนแล้วว่า ซูเหม่ยอี้คือคนที่โดดเด่นกว่าผู้อื่นในสนามนี้
เมื่อการประลองจบลง หลี่เจิ้งเดินเข้ามาหาซูเหม่ยอี้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขามองนางด้วยความชื่นชมอย่างเต็มที่ ก่อนจะพูดขึ้น
“ข้าไม่อายแล้วที่แพ้เจ้า!” หลี่เจิ้งยิ้มกว้าง
ซุนฟางที่ยืนข้างๆ ได้ยินคำชมจากหลี่เจิ้งก็หัวเราะเบาๆ และยกมือขึ้นป้องปาก “ฮ่าฮ่า เจ้ากล้าพูดจริงหรือหลี่เจิ้ง? เมื่อกี้ยังบ่นว่าดวงไม่ดีอยู่เลย”
หลี่เจิ้งทำท่าจะโวยวาย แต่เมื่อมองเห็นสายตาที่ซูเหม่ยอี้มองมาที่เขา เขาก็หัวเราะขบขันไปอีกครั้ง “เอาเถอะ ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ไปในวันนี้ แล้วมาแข่งใหม่ในวันหน้า ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะไม่ทำให้ข้าอับอายไปมากกว่านี้”
ซูเหม่ยอี้ยิ้มให้ทั้งสามคน “ได้!”
พวกเขาหัวเราะและเดินไปนั่งพักกันใต้ร่มไม้ข้างลานฝึก แม้ว่าผลการประลองจะจบลงแล้ว แต่บรรยากาศก็ยังคงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เสียงหัวเราะและการแลกเปลี่ยนคำพูดที่เป็นกันเอง
ท่ามกลางความเงียบของลานฝึกที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองและเสียงหอบหายใจของทหารหนุ่มที่คอยสังเกตการประลอง ท่ามกลางนักรบเหล่านั้น ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ซูเหม่ยอี้และเสี่ยวต้า การประลองนี้ไม่ได้เป็นแค่การทดสอบทักษะพื้นฐาน แต่เป็นการประเมินศักยภาพของทหารใหม่ที่จะเข้ามาร่วมสงคราม
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนั้นไม่ใช่แค่การประลองระหว่างทหารที่มีฝีมือกับทหารใหม่อย่างที่ใครๆ คิด
"ท่านแม่ทัพใหญ่ ดูเหมือนเราจะได้เห็นทหารที่น่าจับตามองแล้ว" รองแม่ทัพมู่กล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจ เขามองไปที่การต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่และไม่สามารถหยุดยิ้มได้
แม่ทัพหลี่หยางเจี้ยนยังคงยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ สายตาของเขาไม่เคยละไปจากการประลองแม้แต่น้อย ดวงตาที่คมกริบและเต็มไปด้วยประสบการณ์ในสงครามไม่ยอมให้สิ่งใดเบี่ยงเบนความสนใจจากการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้น
“ไม่เคยเห็นการเคลื่อนไหวแบบนี้มาก่อน...” แม่ทัพหลี่หยางเจี้ยนพูดเสียงเบา แต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความคิดลึกซึ้ง “พลังของเขาไม่ธรรมดาเลย...แต่ท่าทางการต่อสู้...มันช่างแปลกตานัก"
“ไม่ใช่แค่ทักษะการใช้ดาบทั่วไป...เขาใช้อะไร? ศิลปะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและคำนวณทุกการเคลื่อนไหวได้แม่นยำ...ถ้าเป็นแบบนี้ พวกทหารเก่าก็ยังสู้ไม่ได้เลย” รองแม่ทัพมู่เริ่มสงสัยในตัวของซูเหม่ยอี้ เขาไม่เคยเห็นใครใช้ท่าทางการต่อสู้ที่มีความสมบูรณ์แบบเช่นนี้ในสนามรบมาก่อน
แม่ทัพหลี่หยางเจี้ยนเพ่งมองไปยังซูเหม่ยอี้ที่กำลังยืนสงบนิ่งหลังจากที่เสี่ยวต้าล้มลง
“... ซูเหม่ยอี้อย่างนั่นรึ?” แม่ทัพหลี่หยางเจี้ยนมองซูเหม่ยอี้อย่างลึกซึ้ง ราวกับกำลังพยายามหาคำตอบที่ซ่อนอยู่ “ท่าทางน่าสนใจจริงๆ”
“ไม่ใช่แค่ทักษะการใช้ดาบอย่างเดียว... ยังมีสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวของเขาอีกมาก... น่าสนใจจริงๆ” แม่ทัพหลี่หยางเจี้ยนเอ่ยขึ้นอย่างคิดหนัก
ในขณะเดียวกัน ซูเหม่ยอี้ที่ยืนสงบนิ่งหลังจากที่สามารถเอาชนะเสี่ยวต้าได้ยิ้มบางๆ และหายใจเข้าออกอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะค้อมศีรษะให้กับนายกองเฝิงที่ยืนอยู่ข้างสนาม
รองแม่ทัพมู่หันไปมองแม่ทัพหลี่หยางเจี้ยนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“ท่านแม่ทัพใหญ่... ท่านคิดว่า... เขาจะเป็นคนที่พวกเรากำลังมองหาหรือไม่?”
คำถามนี้ทำให้แม่ทัพหลี่หยางเจี้ยนต้องคิดหนัก ในแววตาของเขาสะท้อนความสนใจและความพยายามที่จะคาดเดาเกี่ยวกับซูเหม่ยอี้
“ถ้าเป็นทหารที่มีศักยภาพมากขนาดนี้... ต้องให้ความสนใจมากกว่านี้... เขาอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญในสนามรบครั้งต่อไป” แม่ทัพหลี่หยางเจี้ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เงียบขรึม
รองแม่ทัพมู่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
-----------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^
ความคิดเห็น