คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ถึงที่หมายเริ่มต้นการฝึก
ห้าวันผ่านไปในที่สุด กลุ่มทหารเริ่มเห็นค่ายทหารจากระยะไกล แต่บรรยากาศรอบๆ กลับเต็มไปด้วยความเงียบและหม่นหมอง ท้องฟ้าครึ้มเมฆและอากาศที่ดูไม่เป็นมิตร ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความตึงเครียดที่เริ่มปกคลุม
หลังจากการเดินทางที่ยาวนานและเหน็ดเหนื่อย ในที่สุดพวกซูเหม่ยหลินและเพื่อนร่วมทางก็เห็นค่ายทหารปรากฏอยู่ไกลๆ ราวกับเงาหมอกควันที่ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้นตามกาลเวลา เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังขึ้นเบาๆ จากเหล่าทหารใหม่ที่อ่อนล้าจากการเดินทาง พวกเขารู้ดีว่าความยากลำบากเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น และอีกไม่นานจะต้องเผชิญกับการฝึกอย่างเข้มข้น
ท่ามกลางความเงียบของทหารที่เดินมา รองแม่ทัพจงซานผู้ควบคุมการเดินทางนี้มองไปยังเหล่าทหารใหม่อย่างพินิจพิเคราะห์ เขาสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ตั้งแถวให้เรียบร้อย! อีกไม่นานเราจะถึงค่าย และพวกเจ้าจะได้พักผ่อนก่อนการฝึกเริ่มขึ้นในพรุ่งนี้ เตรียมตัวให้พร้อม พวกเจ้าทุกคน!"
ซูเหม่ยหลินเดินอย่างมั่นคงตามคำสั่ง สายตาจับจ้องไปยังค่ายทหารที่ใกล้เข้ามาทุกที ใจของนางเต็มไปด้วยความหวังและความกังวล บรรยากาศรอบค่ายทหารดูเงียบสงบแต่กลับแฝงไว้ด้วยความเคร่งขรึม เหล่าทหารที่เฝ้ายืนอยู่บริเวณทางเข้าก็แสดงท่าทีเข้มแข็งและสง่างาม บ่งบอกถึงความเด็ดเดี่ยวของผู้คนที่ทำงานเพื่อปกป้องแผ่นดินนี้
เมื่อกองทหารของพวกเขามาถึงบริเวณหน้าค่าย รองแม่ทัพจงซานก็สั่งให้หยุด “นี่คือจุดที่พวกเจ้าจะอยู่จากนี้ไปจนกว่าการฝึกจะเสร็จสิ้น พวกเจ้าเตรียมตัวไว้ให้พร้อม—ข้าอยากเห็นทหารที่พร้อมเข้าสนามรบ ไม่ใช่พวกที่มาเพียงเพื่อหลบหนีความยากลำบาก”
เหล่าทหารใหม่มองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกหลากหลาย บางคนแสดงสีหน้าภาคภูมิใจ บางคนกลับเต็มไปด้วยความกังวล ทันทีที่คำสั่งแยกแถวและจัดเตรียมที่พักถูกประกาศ ทุกคนก็เริ่มทำตามคำสั่งและมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่กำหนดไว้
นางถูกจัดให้อยู่ในกระโจมเดียวกับพวกหลี่เจิ้งและคนอื่นๆ นางมองไปรอบๆ กระโจมด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แม้จะเป็นเพียงกระโจมเรียบง่ายแต่นี่คือก้าวแรกของนางในฐานะทหาร
ในเวลานั้นเอง ก็มีนายทหารเดินเข้ามาตรวจตราและกล่าวกับทุกคนว่า “พวกเจ้าได้เวลาพักผ่อนคืนนี้ เตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้เราจะเริ่มการฝึกตั้งแต่เช้า และข้าหวังว่าจะไม่มีใครหนีออกจากค่าย ข้าต้องการให้พวกเจ้าอดทนให้ถึงที่สุด”
หลังจากนั้น นายทหารจากไป ทิ้งให้เหล่าทหารใหม่ที่เพิ่งมาถึงได้พักผ่อนในที่สุด
รุ่งเช้าวันใหม่ เสียงแตรดังขึ้นก้องไปทั่วค่าย ปลุกให้เหล่าทหารใหม่ทุกคนตื่นจากการหลับใหล ซูเหม่ยอี้ลุกขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว แม้จะยังง่วงงุนอยู่บ้าง แต่นางรู้ดีว่าต้องเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกอันหนักหน่วงที่กำลังจะมาถึง
ไม่นาน ทหารใหม่ทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่ลานกว้าง นายกองเฝิงยืนอยู่ด้านหน้า สีหน้าเคร่งขรึมและเข้มงวด เขามองไปรอบๆ อย่างเงียบๆ ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดังและชัดเจน
“ฟังให้ดี! พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อฝึกฝน ไม่ใช่มาเล่นสนุก!” เขากวาดสายตามองไปทั่ว พลางก้าวช้าๆ ท่ามกลางเหล่าทหารใหม่ที่ยืนเรียงแถวกันอยู่ “หน้าที่ของข้าคือทำให้พวกเจ้าเป็นทหารที่แท้จริง เป็นผู้ที่พร้อมจะปกป้องแผ่นดินและต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนพ้อง”
นายกองเฝิงไม่รีรอ เขาเริ่มอธิบายขั้นตอนการฝึกและการเตรียมตัวในแต่ละวันอย่างละเอียด ทั้งการออกกำลังกาย การฝึกใช้อาวุธ และการฝึกกลยุทธ์ ทุกอย่างถูกวางแผนมาอย่างเข้มงวด โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้พวกเขาแข็งแกร่งและพร้อมสู้ในสนามรบ
"วันนี้เราจะเริ่มจากการฝึกกำลังและความอึด!" นายกองเฝิงประกาศด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “วิ่งรอบค่ายสิบรอบ ข้าจะคอยดูว่าใครอ่อนแอ ใครอึดอดทน!”
เสียงถอนหายใจและเสียงครางเบาๆ ดังขึ้นจากเหล่าทหารใหม่ แต่ทุกคนก็ไม่มีใครกล้าทักท้วง ซูเหม่ยอี้กัดฟันแน่นและวิ่งออกไปตามคำสั่ง นางรู้ว่าการฝึกครั้งนี้จะเป็นบททดสอบที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองเช่นกัน
ระหว่างวิ่ง หลี่เจิ้งและเพื่อนๆ พยายามให้กำลังใจกัน ขณะที่บางคนเริ่มรู้สึกท้อถอย หลี่เจิ้งเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเล็กๆ เพื่อช่วยให้เพื่อนๆ มีกำลังใจ “พวกเราเป็นแค่ทหารใหม่ ไม่มีใครคาดหวังให้เราทำได้ดีตั้งแต่วันแรกหรอก จริงไหม?”
"รีบวิ่งเถอะ!" เซียวหยาง
หลังจากการวิ่งรอบค่ายที่ทรหดเสร็จสิ้น เหล่าทหารใหม่ก็หอบเหนื่อยและบางคนแทบจะยืนไม่ไหว นายกองเฝิงเดินเข้ามาดูผลงานด้วยสีหน้าพอใจ เขายิ้มเล็กๆ แต่ยังคงแสดงท่าทีเข้มงวด
"ดี ข้าชอบความมุ่งมั่นของพวกเจ้า” นายกองเฝิงกล่าว “แต่จำไว้ นี่แค่การเริ่มต้นเท่านั้น ข้าต้องการเห็นพวกเจ้าพัฒนามากกว่านี้ทุกวัน!”
หลังจากการฝึกการวิ่งเสร็จสิ้น นายกองเฝิ่งก็มอบหมายให้พวกเขาฝึกการต่อสู้และใช้อาวุธเบื้องต้น
“ตอนนี้ เราจะฝึกใช้ดาบ! เจ้าต้องรู้จักใช้อาวุธของตัวเองให้คุ้นเคย ถ้าเจ้าใช้ไม่คล่อง แค่โดนศัตรูขยับมือก็สามารถทำให้เจ้าแพ้ได้!” นายกองเฝิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขณะยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าทหาร
การฝึกประลองในช่วงบ่ายมาถึง นายกองเฝิงได้สั่งให้ทหารใหม่จับคู่กันเพื่อประลอง ซูเหม่ยอี้ถูกจับคู่กับหลี่เจิ้ง หลี่เจิ้งมองนางด้วยสายตาท้าทายเล็กน้อย
“เจ้าพร้อมหรือยัง?” หลี่เจิ้งถามยิ้มๆ พลางจับดาบไม้แน่น ซูเหม่ยอี้พยักหน้าโดยไม่ตอบคำ แต่ดวงตาของนางฉายแววจริงจัง
เมื่อสัญญาณเริ่มดังขึ้น หลี่เจิ้งก็พุ่งเข้าหาด้วยความเร็ว หวังจะจับจังหวะนางให้เสียหลักและเอาชนะได้อย่างรวดเร็ว แต่ซูเหม่ยอี้กลับหลบการโจมตีของเขาได้อย่างคล่องแคล่ว แถมยังตอบโต้กลับด้วยการฟาดดาบไม้ลงมาอย่างแม่นยำ
เพียงไม่นาน หลี่เจิ้งก็ถูกบีบให้ถอยหลังจนตั้งหลักไม่ทัน ซูเหม่ยอี้ไม่ให้โอกาส เข้าประชิดตัวแล้วฟาดดาบไม้ไปยังข้อมือของหลี่เจิ้ง ทำให้เขาปล่อยดาบลงด้วยความเจ็บ
“อ๊า!” หลี่เจิ้งร้องออกมาเบาๆ ก่อนจะมองซูเหม่ยอี้ด้วยความตกตะลึง นางยืนอยู่ตรงหน้าเขา ดาบไม้ในมือชี้มาทางเขาเป็นสัญญาณว่าเขาแพ้เรียบร้อยแล้ว
หลี่เจิ้งที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นหลังการประลอง หายใจหอบเล็กน้อยด้วยความเหนื่อยล้า ขณะที่เขามองดูซูเหม่ยอี้ยื่นมือมาให้เขาอย่างสุภาพ หลี่เจิ้งยิ้มบางๆ ก่อนจะจับมือนางไว้และใช้แรงดึงตัวลุกขึ้นยืน
"เจ้าฝีมือดีจริงๆ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะมีความสามารถขนาดนี้" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชม "เก่งกว่าที่ข้าคิดไว้มากจริงๆ ข้านับถือในฝีมือเจ้าเลย"
ซูเหม่ยอี้ยิ้มรับเล็กน้อยพลางกล่าวอย่างสุภาพ "ขอบคุณเจ้าสำหรับการประลอง เจ้าก็เก่งไม่แพ้กัน"
หลี่เจิ้งหัวเราะเบาๆ พลางตบไหล่นางอย่างเป็นมิตร "เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวขนาดนั้น" เขากล่าวอย่างจริงใจ
นายกองเฝิ่งที่ยืนมองอยู่นั้นก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและการใช้ดาบที่คล่องแคล่วของซูเหม่ยอี้ที่สามารถเอาชนะคู่ซ้อมได้อย่างรวดเร็ว ท่าทางของเขายังคงเยือกเย็นและมั่นคงแม้จะเหนื่อยล้าจากการฝึกมากมาย
“หยุด!” นายกองเฝิ่งตะโกนเสียงดังก้องลานฝึก ทหารที่กำลังฝึกกันอยู่ทั้งหมดยืนนิ่งและหันมามอง เหล่าทหารที่ล้อมรอบต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นว่าผู้ที่สามารถเอาชนะคู่ซ้อมได้ไม่ยากนั้นคือทหารใหม่คนหนึ่ง
ซูเหม่ยอี้ก็ยืนนิ่ง ท่าทางเรียบเฉย
“เจ้าชื่ออะไร?” นายกองเฝิ่งถามด้วยน้ำเสียงคมคาย ขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ท่าทางของซูเหม่ยอี้
“ข้าชื่อซูเหม่ยอี้ขอรับ!” นางตอบอย่างมั่นใจ แม้จะรู้ดีว่าการเผยชื่ออาจเสี่ยงต่อการถูกจับตามอง แต่นางไม่มีทางเลือก
นายกองเฝิ่งยืนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าแล้วหันไปสั่งกับทหารในสังกัดของเขา "ไปเรียกทหารที่มีประสบการณ์ในการฝึกมาสักคน มาประลองกับซูเหม่ยอี้"
ทหารคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นายกองเฝิ่งรีบยกมือขึ้นและเดินไปข้างหน้า พร้อมกับทหารอีกสองคนที่ถูกเลือกให้มาร่วมการประลอง "ข้าจะลองทดสอบดูว่าเจ้ามีฝีมือจริงหรือไม่" ทหารหนุ่มกล่าวขณะเตรียมท่าฟันดาบ
ซูเหม่ยอี้ยืนเงียบ ๆ พร้อมกับจับดาบในมืออย่างมั่นคง ใบหน้าแสดงถึงความสงบแม้ในใจจะรู้สึกถึงแรงกดดันจากการประลองกับทหารที่ดูมีประสบการณ์กว่า
“เริ่มได้!” นายกองเฝิ่งสั่ง
การประลองเริ่มต้นทันที ทหารทั้งสามคนพุ่งตัวเข้าหาซูเหม่ยอี้พร้อมกันด้วยท่าฟันดาบที่รวดเร็วและหนักแน่น ท่าทางเหล่านั้นชัดเจนว่าเป็นการโจมตีที่มีประสบการณ์และเป็นการฝึกมาอย่างดี แต่ซูเหม่ยอี้สามารถหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของนางเป็นไปอย่างนุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยความแม่นยำ
ซูเหม่ยอี้ใช้ดาบปัดท่าฟันของทหารคนแรกออกไปได้ ก่อนจะหมุนตัวหลบการโจมตีของทหารคนที่สอง และใช้โอกาสนี้แทงดาบเข้าไปในทิศทางที่คนที่สามไม่ทันระวัง
ทหารทั้งสามล้มลงไปทีละคนอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครสามารถแตะต้องตัวซูเหม่ยอี้ได้แม้แต่ครั้งเดียว
การประลองจบลงในไม่กี่อึดใจ ทหารที่ถูกล้มลงทั้งสามคนต่างก็ลุกขึ้นมาอย่างรู้สึกชื่นชมในฝีมือของซูเหม่ยอี้ ขณะที่นายกองเฝิ่งยืนมองด้วยสายตาที่มืดมนและลึกซึ้ง
“เจ้า…” นายกองเฝิ่งพูดเสียงต่ำ “เจ้ามีฝีมือไม่ใช่น้อยเลย”
ซูเหม่ยอี้ยิ้มบาง ๆ และค้อมตัวเล็กน้อย "ขอบพระคุณท่านนายกอง" นางกล่าวเสียงเรียบ
“ไม่เลวเลย” นายกองเฝิ่งกล่าวต่อ “แต่ข้าอยากเห็นว่าเจ้าอยู่ในสนามรบจะทำได้ดีแค่ไหน เพราะการต่อสู้ในสนามจริงไม่เหมือนกับที่นี่”
คำพูดของนายกองเฝิ่งแฝงไปด้วยความท้าทายและความคาดหวัง ทำให้ซูเหม่ยอี้รู้สึกถึงความรับผิดชอบที่มากขึ้นในใจ
“ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” นางตอบอย่างมั่นใจ พร้อมกับยืนตรงและตั้งใจฟังคำสั่งของนายกองเฝิ่ง
-----------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^
ความคิดเห็น