ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พระชายาอ้วนขององค์ชายสาม

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 14: ตัดสินใจช่วยเหลือ

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 67


    เมื่อองค์ชายใหญ่หลี่หยางเหอหันไปพูดกับเซียวหยางและกล่าวอย่างสุภาพ "ข้าจะไปส่งน้องสะใภ้สามกลับตำหนักก่อน แล้วค่อยไปหาเจ้าทีหลัง" 

    ซูเฟยหรงที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินเช่นนั้นก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่ก็เต็มไปด้วยความแน่ใจ "หากองค์ชายทรงมีธุระสำคัญ หม่อมฉันกลับเองก็ได้เพคะ หม่อมฉันไม่อยากรบกวน" แม้จะรู้ดีว่าองค์ชายใหญ่มีความเป็นห่วง แต่นางก็ไม่อยากให้เขาต้องลำบากเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย

    หลี่หยางเหอมองไปที่ซูเฟยหรง แล้วพลันยิ้มบางๆ ขณะที่ใบหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย "ไม่เป็นไรหรอก ข้าก็มีเวลาอยู่แล้ว จะไปส่งเจ้าก่อน" เขาตอบด้วยท่าทางอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองเซียวหยางแล้วกล่าว "ค่อยเจอกันทีหลัง"

    เซียวหยางพยักหน้าให้ทั้งสอง "ท่านไปเถอะ ข้าจะรอที่นี่"

    ซูเฟยหรงเห็นท่าทางจริงจังขององค์ชายใหญ่ก็ยอมรับในที่สุด "ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันก็รบกวนองค์ชายแล้วเพคะ" นางกล่าวอย่างยิ้มๆ แต่ในใจกลับรู้สึกถึงความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่มีคนคอยอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา

    หลี่หยางเหอก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเต็มไปด้วยความห่วงใย "ไปกันเถอะ" ก่อนจะเดินข้างๆ 

    หลี่หยางเหอหันไปมองซูเฟยหรงด้วยสายตาที่มีความรู้สึกหลากหลาย เขาก็ถามขึ้น "รถม้าของเจ้าล่ะ?"

    ซูเฟยหรงอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะกระแอมหรือขยายคำออกมา "ความจริง... ข้าแอบออกมากับหยางเซียงแค่สองคน..." น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง

    หลี่หยางเหอมองไปที่เครื่องแต่งกายของซูเฟยหรงที่ดูไม่เหมือนบ่าวรับใช้แล้วก็เข้าใจทันที  "อืม..." เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "ต่อไปนี้ออกมาก็พาคนมาด้วยล่ะ ถ้าเสด็จพ่อรู้เข้าจะไม่ดี"

    ซูเฟยหรงรู้สึกอึดอัดกับการโดนเตือนแบบนี้ แต่ก็รู้ดีว่าองค์ชายใหญ่แค่เป็นห่วง เพราะการแอบออกไปแบบนี้ในฐานะพระชายาขององค์ชายสามมันอาจไม่เหมาะสมเท่าไร "หม่อมฉันทราบแล้ว" นางตอบไปพร้อมกับยิ้มแหยๆ เพื่อให้ดูไม่หนักใจมากเกินไป

    หลี่หยางเหอยิ้มบางๆ เมื่อเห็นท่าทางของนาง "รู้แล้วก็ดี ข้าก็แค่ห่วง แต่ก็อย่าทำอีกจะดีกว่า" เขายิ้มแล้วเดินไปข้างๆ นาง "ถ้าจะออกจากตำหนักคราวหน้าก็พาคนคุ้มกันมาด้วย"

    ซูเฟยหรงพยักหน้าและคิดในใจว่า ถึงแม้จะโดนเตือนแบบนี้ แต่นางก็รู้สึกอบอุ่นในใจไม่น้อยกับความห่วงใยที่องค์ชายใหญ่มีให้ ท่ามกลางความเครียดที่นางต้องเผชิญในทุกๆ วัน

    หลี่หยางเหอหันมามองซูเฟยหรงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ "ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปส่งที่จวน"

    ซูเฟยหรงเห็นท่าทางจริงจังของเขาก็พยักหน้ารับและเดินตามองค์ชายใหญ่ไปยังรถม้าของเขา รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แฝงอยู่ในคำพูดและการกระทำของเขา ที่แม้จะไม่พูดออกมาแต่ความห่วงใยก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน

    องค์ชายใหญ่เปิดผ้าม่านรถม้าให้ซูเฟยหรงเข้าไปก่อน จากนั้นก็ขึ้นตามหลังแล้วสั่งให้ขับรถม้าไปยังจวนของเจ้าสาม 

    ในรถม้าเงียบลงชั่วขณะ ขณะที่รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวไปตามถนนสายหลัก ซูเฟยหรงก็นั่งเงียบๆ

    ระหว่างนั่งรถม้ากลับจวน องค์ชายใหญ่ หลี่หยางเหอ เหลือบมองซูเฟยหรงที่นั่งเงียบข้างๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวลว่า "น้องสามได้เขียนจดหมายมาหาเจ้าบ้างรึไม่?"

    ซูเฟยหรงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนั้น นางหันไปสบตาองค์ชายใหญ่ก่อนจะส่ายศีรษะและตอบเบาๆ "ไม่มีเพคะ ตั้งแต่ออกจากเมืองหลวง ข้าก็ไม่ได้รับข่าวจากเขาเลย"

    องค์ชายใหญ่พยักหน้าอย่างเข้าใจ แววตาเคร่งขรึมแฝงความเป็นห่วง "น้องสามมักจะใจเย็นและไม่ค่อยแสดงออก หากเจ้ามีเรื่องใดที่ลำบากใจก็ไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว บอกข้าได้เสมอ"

    ซูเฟยหรงคลี่ยิ้มเล็กน้อย นางพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่างรถม้า สายตาจับจ้องทิวทัศน์ที่ค่อยๆ เลื่อนผ่านไปอย่างเงียบๆ 

    'ตอนนี้จดหมายก็น่าจะถึงแล้วเหตุใดยังไม่ได้ข่าวอะไรเลยล่ะ?' นางทำได้เพียงแอบคิดแลัถอนหายใจเบาๆ และกอดความคิดเหล่านั้นไว้ในใจ

    เมื่อใกล้ถึงจวนซูเฟยหรงก็เอ่ยเสียงเบาแต่มั่นใจ "ขอบคุณมากเพคะ หม่อมฉันจะลงตรงนี้เพคะ"

    หลี่หยางเหอหันมามองนาง พร้อมกับการพยักหน้าเล็กน้อย 

    เขาสั่งให้คนขับรถม้าจอด จากนั้นเขาก็เปิดผ้าม่านให้ซูเฟยหรงลงไป ซูเฟยหรงและหยางเซียงทั้งสองลงจากรถม้า นางหันมายิ้มให้กับองค์ชายใหญ่ "ขอบคุณอีกครั้งเพคะ องค์ชายใหญ่"

    หลี่หยางเหอเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว "ระวังตัวดีๆ อย่าให้ใครรู้ว่าออกมาแบบนี้อีก" เขาพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความห่วงใย แต่ก็ไม่มีการบังคับอะไรเพิ่มเติม

    ซูเฟยหรงพยักหน้าแล้วเดินออกไป หยางเซียงตามหลังหลังจากนั้นทั้งสองก็ปีนกำแพงที่เดิมกลับเข้าไปในจวนขององค์ชายสามอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ

    หลี่หยางเหอที่ยังคงนั่งในรถม้า มองดูทั้งสองสาวที่ปีนกำแพงเข้าไปด้วยสายตาอมยิ้ม เขาหัวเราะในใจเมื่อเห็นความกล้าหาญและฉลาดของซูเฟยหรงที่สามารถหลบหนีจากสายตาผู้คนได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้จะเป็นการกระทำที่เสี่ยง แต่ก็ทำให้เขารู้สึกสนุกสนานกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

    "น่าสนุกดีแฮะ" หลี่หยางเหอพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่เขาจะให้คนขับรถม้าเดินทางไปตามทางของเขา

    ขณะที่รถม้าเคลื่อนออกไป เขายังคงยิ้มอยู่กับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลางนึกสนุกขึ้นแล้วกะว่าจะเขียนจดหมายไปหาน้องสามสักฉบับ

    เมื่อทั้งสองกลับมาถึงตำหนัก ซูเฟยหรงยังคงรู้สึกอึดอัดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่อยู่ข้างนอก ขณะเดินผ่านประตูใหญ่ไป หยางเซียงที่เดินตามหลังมาไม่ค่อยพอใจนักจึงเอ่ยเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง "พระชายา...ต่อไปอย่าแอบออกไปแบบนี้อีกเลยได้ไหมเพคะ? ท่านถูกจับได้ทุกครั้งแบบนี้ เสี่ยงมากเลยนะ"

    ซูเฟยหรงที่ได้ยินคำพูดของหยางเซียงก็รู้สึกเหมือนโดนตอกหน้าเล็กน้อย รู้สึกเสียหน้าและไม่พอใจเล็กน้อย "ช่วงนี้ข้าแค่ดวงไม่ดีเฉยๆเอง"

    หยางเซียงไม่กล้าพูดอะไรต่อไป นางเพียงแค่พยักหน้าแล้วช่วยซูเฟยหรงถอดเสื้อผ้าที่ใช้พรางตัวออก ก่อนจะเตรียมชุดใหม่ให้

    ในขณะที่หยางเซียงกำลังเตรียมตัวให้ซูเฟยหรงพักผ่อนอยู่ นางก็นึกถึงคำพูดขององค์ชายใหญ่ที่ถามถึงภัยแล้งทางตอนใต้ ซึ่งทำให้ใจของนางรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา 

    ท่ามกลางความเงียบงันในห้องนางก็ไม่สามารถข่มความวิตกกังวลในใจได้ "หยางเซียงเจ้ารู้เรื่งภัยแล้งทางตอนใต้รึไม่?" หยางเซียงได้ยินก็ชะงักทำให้ซูเฟยหรงหันไปมอง

    ซูเฟยหรงสังเกตเห็นสีหน้าของหยางเซียงที่เปลี่ยนไปและเอ่ยถามด้วยความสงสัย "เจ้าทำไมถึงดูเศร้าใจเช่นนั้น?"

    หยางเซียงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพระชายาและตอบด้วยเสียงเบาๆ "ข้าน้อยมาจากทางใต้เพคะ บ้านเกิดของข้าน้อยก็อยู่แถวนั้น ข้าน้อยเพิ่งได้รับจดหมายจากท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านบอกว่าภัยแล้งที่นั่นรุนแรงมาก ข้าวไม่ได้ผลผลิต ตลอดทั้งปีนี้แทบจะไม่มีอะไรเหลือ..."

    ซูเฟยหรงรู้สึกถึงความทุกข์ใจของหยางเซียง ลุกขึ้นไปข้างๆ และวางมือบนไหล่ของหยางเซียงอย่างปลอบโยน "เจ้าไม่ต้องวิตกกังวลไป เรื่องนี้ต้องมีทางออก"

    หยางเซียงพยักหน้าถึงแม้จะยังกังวลอยู่มากก็ตามที

    หลังจากที่ฟังเรื่องราวจากหยางเซียง นางก็รู้สึกถึงความไม่แน่นอนและความทุกข์ที่เกิดจากการขาดแคลนของบ้านเกิดของหยางเซียง ความรู้สึกนี้ทำให้นางตัดสินใจบางอย่างได้ นางอยากจะช่วยเหลือหยางเซียงในวิธีที่สามารถทำได้ในตอนนี้ แม้จะรู้ว่าอาจจะเป็นสิ่งที่ยากและไม่ง่ายเลย แต่ก็คงต้องเริ่มต้นที่ไหนสักแห่ง

    ซูเฟยหรงมองไปที่โต๊ะข้างๆ ที่มีอุปกรณ์การเขียนและการวาดอยู่ นางเดินไปที่โต๊ะและหยิบกระดาษออกมา ก่อนจะเอาพู่กันมาจุ่มหมึก 

    มือของนางเริ่มเขียนอย่างลังเล เพราะนางไม่ค่อยคุ้นเคยกับการใช้พู่กันอย่างนี้นัก ทุกการเคลื่อนไหวดูไม่ค่อยมั่นใจ และเส้นที่วาดออกมาก็ดูคลุมเครือและไม่สมบูรณ์ การควบคุมพู่กันยังทำให้เกิดความยากลำบาก

    หยางเซียงที่เห็นท่าทางของพระชายาอย่างนั้นก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “พระชายากำลังทำอะไรเพคะ?”

    "อ๋อ หยางเซียงเจ้าช่วยไปเอาถ่านมาให้ข้าทีสิ"

    หยางเซียงมองไปที่พระชายาแล้วถามด้วยความสงสัย "พระชายาต้องการถ่านทำไมเพคะ?"

    ซูเฟยหรงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตอบ "ไปเอามาให้ข้าก่อนเถอะ"

    หยางเซียงเข้าใจแล้ว จึงรีบไปนำถ่านมาจากที่เก็บของ ก่อนจะกลับมาพร้อมถ่านในมือ นางเอามายื่นให้ซูเฟยหรงอย่างระมัดระวัง

    "นี่เพคะ พระชายา" หยางเซียงกล่าวด้วยความเคารพ

    ซูเฟยหรงรับถ่านมาอย่างระมัดระวังใช้มีดเหลาถ่านให้มีขนาดที่จับถนัดมือแล้วใช้ผ้าผันไว้ที่ป ลายด้ามเพื่อไม่ให้มือเปลื้อน เมื่อได้แล้วก็เริ่มใช้มันขีดเขียนบนกระดาษแทนการใช้พู่กัน

    ซูเฟยหรงเงียบลงในขณะที่มือของนางยังคงขีดเขียนด้วยถ่านบนกระดาษ ความคิดของนางจดจ่ออยู่กับรูปในกระดาษ 

    นางใช้เวลาหลายชั่วยามในการวาดโดยละเอียด ค่อยๆ ลงรายละเอียดต่างๆเพิ่มขึ้น ในใจของนางคิดถึงทางออกที่อาจจะเป็นไปได้ สำหรับการช่วยเหลือภัยแล้งได้

    หยางเซียงยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเงียบงัน ไม่ได้ขัดจังหวะ มองดูสิ่งที่พระชายาวาดอย่างสงสัย

    หลังจากที่ซูเฟยหรงวาดเสร็จบางส่วน นางก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่หยางเซียงและเอ่ยเบาๆ "หยางเซียงข้าต้องการน้ำร้อน"

    หยางเซียงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะรีบไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมน้ำร้อนตามคำสั่งของพระชายา ระหว่างนั้นซูเฟยหรงยังคงนั่งนิ่งๆ อยู่กับภาพที่เพิ่งวาดเสร็จ ความคิดของนางหมุนเวียนไป

    ไม่นานหยางเซียงก็กลับมาพร้อมกับถ้วยน้ำร้อนที่กลิ่นหอมอบอวล นางตั้งถ้วยน้ำไว้ข้างๆ ซูเฟยหรงและคำนับเล็กน้อย

    "น้ำร้อนมาแล้วเพคะ พระชายา" หยางเซียงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

    "ขอบใจเจ้ามาก... ข้าต้องการความคิดที่แจ่มชัด ในช่วงเวลานี้ต้องคาเฟอีนเท่านั้นถึงจะช่วยให้ข้าคิดอะไรได้บ้าง"

    'คา..คาฟาอีน..?' หยางเซียงสงสัย

    ซูเฟยหรงรับถ้วยน้ำแล้วก็ทำการชงกาแฟแล้วยกขึ้นมาดื่มอย่างเร็วๆ เพื่อที่จะได้คาเฟอีนเข้าสู่ร่างกาย ก่อนจะเอ่ยอย่างเหนื่อยล้าแต่ยังมีความมุ่งมั่นในสายตา

     

    -----------------------------------------------------------

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×