คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11: ทดลองทำกาแฟ
ขณะที่ซูเฟยหรงกำลังเดินออกจากห้องโถง รู้สึกโล่งใจที่สามารถผ่านการเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้สำเร็จ เสียงเรียกแผ่วเบาและสุภาพก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง นางหยุดเดินแล้วหันกลับไป พบว่าเป็นฝูกงกง ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ที่กำลังเดินเข้ามาหาด้วยท่าทีเรียบร้อย
“พระชายา ข้าน้อยต้องขออภัยที่รบกวนขอรับ” ฝูกงกงเอ่ยเสียงนุ่มนวลพร้อมค้อมกายคำนับ “ฝ่าบาทมีรับสั่งให้นำสิ่งนี้มามอบแก่พระชายาก่อนออกจากวังพะย่ะค่ะ”
ซูเฟยหรงมองถุงผ้าที่ฝูกงกงยื่นให้ด้วยความสงสัย นางรับมาอย่างนอบน้อมพร้อมกล่าวขอบคุณ ฝูกงกงยิ้มอ่อนโยนและกล่าวเสริมว่า “ฝ่าบาทตรัสว่าหากพระชายาต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม สามารถเรียกหาข้าน้อยได้เสมอ”
ซูเฟยหรงรู้สึกถึงความเมตตาจากฝ่าบาท จึงยิ้มเล็กน้อยตอบกลับ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ฝากขอบพระทัยฝ่าบาทด้วย ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
ฝูกงกงพยักหน้ารับด้วยความเคารพ ก่อนจะโค้งตัวเพื่อส่งนางออกจากวัง ซูเฟยหรงเดินออกมาพร้อมกับถุงผ้าลึกลับในมือ พลางคิดในใจว่าภายใต้ความสงบในราชสำนัก ยังมีอะไรอีกมากมายที่นางยังไม่เข้าใจ
เมื่อกลับถึงจวน ซูเฟยหรงจึงเปิดถุงผ้าออกด้วยความอยากรู้ ข้างในนั้นเป็นชุดเครื่องประดับงดงามที่ทำด้วยทองคำและประดับด้วยอัญมณีสีเขียวหยกละเอียดละออ เมื่อเห็นเช่นนั้น นางก็ตกใจเล็กน้อย เพราะเครื่องประดับเหล่านี้ดูมีค่าสูงและงดงามเกินกว่าจะเป็นของธรรมดา นางรู้สึกได้ถึงเจตนาของฝ่าบาทที่อาจจะต้องการช่วยเหลือนางท่ามกลางความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับองค์ชายสาม
หยางเซียงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ มองเห็นเครื่องประดับในถุงผ้าแล้วก็ยิ้มออกมา “ฝ่าบาททรงเมตตาพระชายาจริงๆ เพคะ”
ซูเฟยหรงพยักหน้า แต่ในใจก็ยังรู้สึกเคลือบแคลง นางไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรฝ่าบาทถึงมอบสิ่งนี้ให้ หรือว่า…เป็นเพียงการแสดงความเอ็นดูต่อนางที่แต่งงานกับองค์ชายสามผู้มีใจห่างเหิน นางเก็บความสงสัยไว้ในใจ ก่อนจะหันมามองหยางเซียงแล้วกล่าวว่า “เจ้าไปพักได้แล้ว ข้าจะพักผ่อนเช่นกัน”
หยางเซียงพยักหน้ารับ แล้วถอยออกไปเงียบๆ ทิ้งให้ซูเฟยหรงอยู่ในห้องเพียงลำพัง
แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นถุงเมล็ดกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะ นางอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงความตั้งใจที่ซื้อมันมา แม้แต่ละวันที่ผ่านมาจะเต็มไปด้วยเรื่องไม่คาดฝัน แต่การได้พบเจอกาแฟทำให้นางรู้สึกเหมือนมีสิ่งหนึ่งจากชีวิตเก่าของนางอยู่เคียงข้าง
นางยกถุงเมล็ดกาแฟขึ้นมาดูอย่างถี่ถ้วน มือสัมผัสมันด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่เริ่มกลับมาเล็กน้อย ซูเฟยหรงคิดในใจว่าอีกไม่นานนี้ นางจะได้ลิ้มรสกาแฟอันขมเข้มอีกครั้ง พลางวางแผนจะลองคั่วและชงด้วยตนเองในวันรุ่งขึ้น นี่อาจเป็นโอกาสดีที่นางจะได้สร้างธุรกิจเล็ก ๆ จากสิ่งที่คุ้นเคยและถนัด
ซูเฟยหรงตัดสินใจแน่วแน่ มุ่งหน้าไปยังห้องครัวทันทีที่อรุณรุ่ง เมื่อมาถึง นางพบกับนางกำนัลห้องเครื่องที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ ทุกคนหันมามองนางพร้อมท่าทีที่ไม่ใส่ใจนัก บางคนถึงกับยิ้มเยาะเล็กน้อย แต่ซูเฟยหรงไม่ได้สนใจแววตาเย็นชานั้น นางเอ่ยเรียบ ๆ ว่า "ข้าต้องการใช้ครัวที่นี่สักพัก พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด"
ทว่านางกำนัลทั้งหลายกลับไม่ขยับตัว ดูเหมือนจะยืนกรานอยู่กับที่อย่างท้าทาย หญิงสาวหนึ่งในกลุ่มถึงกับหัวเราะน้อย ๆ แล้วเอ่ยเสียงเบาแต่หยามเหยียด "พระชายา อยากให้พวกบ่าวออกไปจากที่นี่หรือเพคะ แต่ในครัวนี้มีงานต้องทำอยู่ตลอดเวลา หากพระชายาต้องการอะไรบอกพวกบ่าวดีกว่าเพคะ จะได้ไม่ลำบากพระองค์เอง"
ซูเฟยหรงยิ้มเย็น ก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงสาวผู้นั้นแล้วเอ่ยเสียงนุ่มแต่เฉียบขาด "ในฐานะพระชายา ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงไม่ต้องการให้มีปัญหาใช่ไหม หรือจะต้องให้ข้าไปรายงานแก่ท่านพ่อบ้านและองค์ชายสามก่อน พวกเจ้าถึงจะเข้าใจ?"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางกำนัลทั้งหลายเริ่มมองหน้ากันอย่างลังเล สุดท้ายพวกนางก็ไม่มีทางเลือก ต้องยอมก้มหน้าก้มตาออกไปจากห้องครัวอย่างเสียไม่ได้
เมื่อนางกำนัลทั้งหมดออกไปแล้ว ซูเฟยหรงก็ปิดประตูครัวทันที พลางมองถุงกาแฟที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างตื่นเต้น นางค่อย ๆ เปิดถุงออกแล้วสูดกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟที่คุ้นเคยจากชีวิตก่อน ความรู้สึกของนางตื่นเต้นและอบอุ่นขึ้นมาทันที
ซูเฟยหรงหยิบหม้อดินเล็ก ๆ มาวางบนเตาแล้วเริ่มจุดไฟ นางรู้ดีว่าไม่มีอุปกรณ์สำหรับชงกาแฟเหมือนยุคเดิม แต่ก็ตั้งใจจะลองทำให้ดีที่สุด นางบดเมล็ดกาแฟด้วยหินโม่จนละเอียดพอ
เมื่อน้ำเริ่มเดือดจนได้ที่ จากนั้นก็นำผงกาแฟใส่ลงในน้ำร้อน หมั่นคนเบา ๆ กลิ่นหอมอบอวลเริ่มกระจายทั่วห้องครัว นางรู้สึกเหมือนได้หลุดออกจากชีวิตอันเคร่งเครียดในจวนองค์ชายสามชั่วครู่
ก่อนจะยกถ้วยขึ้นมาจิบรสชาติที่คุ้นเคย แม้จะขมฝาด แต่มันทำให้นางนึกถึงชีวิตก่อนหน้านี้ รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า พลางคิดในใจว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของนางเท่านั้น
ขณะที่ซูเฟยหรงกำลังหลงใหลไปกับรสขมของกาแฟ กลิ่นหอมเข้มก็อบอวลไปทั่วห้องครัว ทำให้ความรู้สึกตื่นเต้นและหวนคิดถึงวันวานท่วมท้นจิตใจ นางพยายามควบคุมไม่ให้หัวใจเต้นแรงเพราะกลัวจะมีใครได้กลิ่นและสงสัย ขณะที่ดื่มนางคิดถึงโลกเก่าและสิ่งที่เคยทำมาก่อนความจำจะค่อยๆ เลือนรางไปเพราะถูกกลืนเข้ากับชีวิตใหม่ในยุคโบราณนี้
จิบแรกจากถ้วยดินเผานั้นเรียบง่ายและไม่สมบูรณ์แบบ แต่สำหรับนางมันเหมือนเป็นเครื่องปลอบใจ เป็นการรำลึกถึงเสรีภาพและตัวตนที่ไม่ต้องถูกบีบคั้นจากการเป็นพระชายาในจวนองค์ชายสาม บรรยากาศรอบตัวอาจจะเงียบสงัด แต่ภายในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เฟยหรงจิบกาแฟพลางคิดถึงความฝันของตนเองที่อยากจะสร้างชีวิตที่นางเลือกได้
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทำให้เฟยหรงสะดุ้ง หันไปมองด้วยสายตาหวาดระแวง นางรีบตั้งสติแล้วถามออกไปเสียงเบา ๆ “ใครกัน?”
“บ่าวเองเพคะ...หยางเซียง” เสียงนุ่มนวลของสาวใช้ดังขึ้น นางถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางเช็ดถ้วยและเตรียมตัวทำให้ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิม หยางเซียงก้าวเข้ามาเห็นเจ้านายของตนดูสงบลงมากกว่าเดิมและแอบสงสัย นางเหลือบเห็นถุงเมล็ดกาแฟวางอยู่ จึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจว่า
“พระชายาทำอะไรอยู่หรือเพคะ?”
ซูเฟยหรงเพียงยิ้มจางๆ ตอบกลับด้วยแววตาลึกล้ำ “ก็แค่ลองอะไรใหม่ ๆ สนุก ๆ เท่านั้นแหละ” แล้วนางก็เอ่ยถามหยางเซียงเบาๆ “เจ้ารู้จักที่ที่พอจะเปิดร้านได้หรือเปล่า?”
หยางเซียงยิ้มรับ พลางเอ่ยอย่างเขินอายว่า “บ่าวไม่ค่อยรู้เรื่องนี้หรอกเพคะ แต่ถ้าพระชายาต้องการ บ่าวจะช่วยสืบหาข้อมูลให้!”
เฟยหรงพยักหน้าแล้วบอกว่าต้องการคนที่ไว้ใจได้เพื่อช่วยสานต่อแนวคิดที่นางมี การลงทุนกับสินค้าที่คนอื่นยังมองว่าไร้ค่าอาจจะทำให้นางสามารถหาเงินได้โดยไม่ต้องพึ่งพาองค์ชายสาม นางคิดจะหาหนทางที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแบบที่ต้องการ ขณะที่พูด นางมองถ้วยกาแฟในมือ พลางคิดในใจว่าความฝันเล็กๆ ของนางอาจกำลังจะเริ่มขึ้น
ซูเฟยหรงยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นถ้วยกาแฟให้หยางเซียง “เจ้าลองชิมดูสิ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงท้าทายเล็กน้อย
หยางเซียงมองถ้วยอย่างลังเล กลิ่นหอมที่นางไม่คุ้นเคยทำให้นางรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่ด้วยความเชื่อใจในตัวพระชายา นางจึงยกถ้วยขึ้นจิบเบาๆ
ทันทีที่รสขมของกาแฟแตะปลายลิ้น หยางเซียงถึงกับทำหน้าหยี เอ่ยออกมาเบาๆ “ขมมากเลยเพคะพระชายา… ทำไมท่านถึงดื่มสิ่งนี้ได้”
ซูเฟยหรงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ใช่ มันขม แต่ข้าเชื่อว่าถ้าปรับรสชาติมันสักหน่อย อาจจะเป็นเครื่องดื่มที่ดีทีเดียว” นางว่าพลางวางแผนในใจว่า อีกหน่อยจะดัดแปลงรสชาติให้ถูกปากคนในจวนและคนในเมืองหลวงเพื่อเริ่มต้นการค้ากาแฟ
หยางเซียงทำหน้าแปลกใจ “พระชายาจะทำเครื่องดื่มแปลกๆ นี้ขายหรือเพคะ?”
ซูเฟยหรงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้าเชื่อว่าทุกอย่างที่แตกต่าง อาจกลายเป็นโอกาสที่ดีได้ หากคนอื่นยังมองไม่เห็นค่า ก็หมายความว่ามันเป็นโอกาสของข้า” นางมองเมล็ดกาแฟในถุงอีกครั้งอย่างตั้งใจ เหมือนจะบอกกับตัวเองว่า อุปสรรคใดๆ ก็ไม่อาจขวางกั้นความตั้งใจของนางได้
หยางเซียงยิ้มพลางพยักหน้า เห็นได้ชัดว่านางเริ่มตื่นเต้นกับแผนการของพระชายา และความมุ่งมั่นนี้ทำให้นางเองก็รู้สึกได้รับแรงบันดาลใจ
ซูเฟยหรงพิจารณาถ้วยกาแฟในมือก่อนจะยิ้มมุมปาก เอ่ยอย่างมั่นใจ “ข้าคิดว่าเครื่องดื่มนี้จะเป็นที่นิยมมากในในอนาคตแน่ๆ”
หยางเซียงยังคงลังเลเล็กน้อยเมื่อมองถ้วยกาแฟในมือ แต่เมื่อเห็นความตั้งใจของพระชายา นางก็รู้สึกว่าต้องลองให้ถึงที่สุดจึงจิบอีกครั้ง คราวนี้นางพยายามอดทนต่อรสขมพลางถาม “แต่สิ่งนี้จะขายได้จริงหรือเพคะ มันขมมากเลยนะจะมีคนซื้อจริงหรือ”
"แน่นอน สิ่งนี้มันมีสรรพคุณที่มีประโยชน์ด้วย"
"สรรพคุณอะไรหรือเพคะ?" หยางเซียงถามอย่างงุงงง มีแค่รสชาติขมๆจะมีประโยชน์อะไรกัน
“เดี๋ยวคืนนี้เจ้าก็รู้เองว่ามันมีสรรพคุณอะไร แต่ข้าว่าจะลองผสมกับน้ำตาลและนมดูก่อน ให้ได้รสชาติที่นุ่มนวลกว่านี้ ถ้าทำออกมาแล้วเข้ากันดี เราก็จะเริ่มทดลองวางขายในร้านที่มีลูกค้าเยอะๆ เพื่อดูว่าคนจะสนใจหรือไม่”
เมื่อได้ยินถึงแผนการที่ยิ่งใหญ่ หยางเซียงก็ถึงกับทำตาโต “แล้วพระชายามีร้านในใจแล้วหรือเพคะ”
-----------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^
ความคิดเห็น