ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดดวงใจแม่ทัพทมิฬ

    ลำดับตอนที่ #10 : อีกสามวันสุดท้าย

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 67


    ซูเหม่ยหลินยิ้มปลอบโยนมารดาและเอื้อมมือไปจับมือที่กำเข็มเย็บผ้าของมารดาไว้เบาๆ "ท่านแม่ ท่านยังเป็นห่วงพวกเราอยู่หรือ? ข้ารู้ว่าท่านกังวลเรื่องนี้มาก…แต่ข้าอยากให้ท่านเชื่อข้า ข้าสามารถดูแลตัวเองได้"

    ซูหรงฟังคำพูดของบุตรสาวแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ นางวางมือจากเข็มเย็บผ้าและหันไปสบตากับซูเหม่ยหลิน "เหม่ยหลิน...ลูกก็รู้ว่าแม่กลัว ลูกเป็นหญิง จะออกไปลำบากยากเย็นอย่างนั้นเพื่อใครกัน? ทำไมลูกถึงต้องอยากไปแทนน้องด้วย?"

    ซูเหม่ยหลินมองสบตากับมารดา แววตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "เพราะน้องไม่แข็งแรง ข้าไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับสิ่งที่ข้าเผชิญได้ง่ายกว่า ข้าฝึกมาแล้ว ท่านแม่ ข้าจะไม่เป็นอะไร"

    ซูหรงฟังแล้วรู้สึกถึงความหนักแน่นในน้ำเสียงของลูกสาว แต่ความเป็นห่วงที่มีต่อบุตรสาวก็ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหนักๆ และเอ่ยเบาๆ "แต่แม่จะทำใจยอมรับได้อย่างไร หากเจ้าต้องเจอกับอันตราย แม่ไม่อยากสูญเสียเจ้าไปอีกคน"

    ซูเหม่ยหลินจับมือมารดาไว้แน่น นางยิ้มอย่างอบอุ่นพร้อมพูดปลอบใจ "ข้าจะกลับมาหาท่านแม่เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าสัญญา ท่านต้องเชื่อข้า ข้าเข้มแข็งพอที่จะผ่านทุกอย่างได้"

    ซูหรงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ ราวกับน้ำหนักในใจของนางได้ถูกแบ่งเบาลงเล็กน้อย แม้จะยังคงรู้สึกห่วง แต่คำพูดของลูกสาวก็ทำให้นางเกิดความหวังเล็กๆ ขึ้นมา "ถ้าเจ้าพูดเช่นนี้ แม่ก็จะพยายามเชื่อเจ้า แต่แม่ขอให้เจ้าระวังตัวให้ดี อย่าประมาทรู้ไหม?"

    ซูเหม่ยหลินพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ข้าจะระวังตัวท่านแม่ ข้าสัญญา"

    ทั้งสองแม่ลูกนั่งเงียบกันอยู่ชั่วครู่ รับรู้ถึงความอบอุ่นจากมือที่กุมกันไว้อย่างแผ่วเบา แม้จะมีความกังวลในใจ แต่ทั้งคู่ก็รู้สึกมั่นใจในกันและกันเพิ่มขึ้น

    ----

     

     

    เช้าตรู เสียงกลองดังขึ้นจากบริเวณลานหมู่บ้านซึ่งเป็นเสียงเรียกรวม ผู้ใหญ่บ้านก็ได้เรียกชาวบ้านทุกคนมารวมตัวกันกลางหมู่บ้าน ท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดและเสียงกระซิบกระซาบของผู้คนที่เริ่มมารวมตัวกัน หญิงชายในหมู่บ้านต่างจับกลุ่มกระซิบถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในวันนี้ บางคนหน้าซีดเผือด บ้างก็มีแววตากังวลใจ

    ซูเหม่ยหลินและซูหรงเดินมาถึงลานช้าๆ ในใจของซูหรงยังเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ขณะที่ซูเหม่ยหลินยืนข้างๆ อย่างเงียบๆ สังเกตผู้คนรอบตัวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจของนางเองก็รู้สึกหนักใจไม่น้อย

    เมื่อทุกคนมารวมตัวกันครบแล้ว ผู้ใหญ่บ้านที่ยืนอยู่ตรงกลางลานหมู่บ้าน ก็ก้าวขึ้นมายืนบนแท่นไม้เพื่อให้ทุกคนมองเห็นชัดเจน เขามองไปรอบๆ พลางหายใจลึกก่อนจะพูดด้วยเสียงหนักแน่น

    “ทุกคน ข้ามีเรื่องสำคัญจะประกาศวันนี้...” เขาเว้นระยะคำพูดเล็กน้อย สายตาของเขาเต็มไปด้วยความลำบากใจเมื่อมองไปที่ชาวบ้านที่รอฟังด้วยความหวาดหวั่น “ข้าเพิ่งได้รับหมายจากทางการ หมายนี้สั่งให้ทุกบ้านส่งบุรุษไปเข้าร่วมกับกองทัพ เรามีเวลาเพียงสามวันในการเตรียมตัว ก่อนที่จะออกเดินทางไปยังที่ชายแดน”

    เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบทิศ บางคนพึมพำด้วยความตกใจ บ้างก็หันไปมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อหู หลายครอบครัวเริ่มกระวนกระวายใจ ยิ่งได้ฟังจากปากผู้ใหญ่บ้านยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความสิ้นหวัง

    "เหตุใดจึงกระทันหันเช่นนี้!"

    "นั่นสิ! ลูกข้า....ลูกข้า!" พวกเขาต่างไม่อยากจะเชื่อว่าจะกระทันหันขนาดนี้ถึงได้เตรียมใจไว้แล้วก็เถอะ

    ซูหรงถึงกับหันไปกุมมือซูเหม่ยหลินแน่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความวิตกกังวล นางสั่นไหว แม้จะพยายามไม่แสดงออก แต่ความกลัวที่นางสะสมมาทั้งหมดนี้เริ่มปะทุขึ้นมา

    “พวกเราจะทำอย่างไร?” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มชาวบ้าน “พวกเราทำไร่ทำสวนอยู่ทุกวัน ไม่เคยผ่านการฝึกฝน จะไปรบได้อย่างไร?”

    “ทางการไม่สนใจว่าเราจะพร้อมหรือไม่ หากหมายมาแล้ว เราต้องทำตาม” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวเสียงเรียบ แต่ในน้ำเสียงนั้นมีความหนักอึ้ง “พวกเจ้าก็เตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ล่ะ”

    ซูเหม่ยหลินยืนฟังอยู่ข้างๆ แม้ใจนางจะแน่วแน่ว่าจะออกไปแทนน้องชาย แต่นางก็รู้ดีว่านางต้องเตรียมพร้อมให้มากกว่านี้เพื่อที่จะเผชิญกับภารกิจที่หนักหนานี้ให้ได้

    ซูเหม่ยหลินยืนอยู่กลางลานหมู่บ้าน ท่ามกลางความวุ่นวายและเสียงกระซิบกระซาบที่ดังสะท้อนทั่วบริเวณ สายตาของนางกวาดไปยังกลุ่มคนรอบตัว เห็นใบหน้าของผู้คนที่เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวล น้ำเสียงของผู้ใหญ่บ้านยังคงดังก้องในใจ “สามวัน… มีเวลาเตรียมตัวแค่สามวันเท่านั้น” คำพูดนั้นย้ำเตือนนางอยู่ตลอดว่าเวลามีจำกัด

    “สามวัน…” ซูเหม่ยหลินพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของนางฉายความมุ่งมั่นและความกล้าหาญที่ค่อยๆ สะท้อนขึ้นมา “ถ้าจะต้องไป ข้าก็จะต้องพร้อมที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม”

    ขณะที่ชาวบ้านเริ่มสลายตัวและพากันกลับบ้าน ซูเหม่ยหลินก็หันไปทางซูหรงที่กำลังยืนข้างๆ มารดาของนางยังคงมีแววตาหวาดกลัวและเต็มไปด้วยความห่วงใย นางมองดูลูกสาวอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะเปิดปากเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเครือ

    “ลูก… เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะทำแบบนี้?” ซูหรงถามด้วยน้ำเสียงที่แทบกลั้นน้ำตาไม่ไหว “เจ้า....หากเกิดอะไรขึ้น...”

    ซูเหม่ยหลินหันมายิ้มให้มารดาเล็กน้อย “ท่านแม่ ข้าแข็งแรงกว่าที่ท่านคิด ข้าไม่ได้อ่อนแอเหมือน แล้วข้าก็เคยสัญญากับท่านเอาไว้แล้วนี่ว่าข้าจะกลับมาหาท่านอีกครั้ง”

    นางจับมือซูหรงแน่น พร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ แต่ซ่อนความอ่อนไหวเอาไว้ในส่วนลึกของใจ ซูเหม่ยหลินรู้ดีว่าหนทางข้างหน้าจะไม่ได้ง่ายเลย แต่เมื่อคิดถึงความปลอดภัยของครอบครัวและความหวังของมารดา นางก็ยิ่งมั่นใจในการตัดสินใจของตน

    ซูเหม่ยหลินตื่นแต่เช้าตรู่ ก่อนแสงอาทิตย์จะส่องประกาย นางจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งมีดสั้น เชือก และกระเป๋าหนังที่ใช้สำหรับใส่อาหารแห้ง หลังจากนั้นนางก็ฝึกการเคลื่อนไหวท่ามกลางความเงียบสงบของหมู่บ้าน ไร้ผู้คนที่มาเป็นพยาน นางวิ่งฝ่าป่าไม้ ลัดเลาะไปตามทางหิน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและปรับตัวให้ชินกับสภาพแวดล้อม

    ซูเหม่ยหลินที่กำลังฝึกฝนตัวเองในยามเช้าท่ามกลางป่า พลันได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ จากทางด้านหลัง นางหันไปมอง เห็นเป็นเด็กหนุ่มในวัยไม่ห่างจากน้องชายของนางนัก แต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาดวิ่น มีฝุ่นดินเกาะตามเนื้อตัว ใบหน้าซีดเซียวและดวงตาแดงก่ำราวกับเพิ่งร้องไห้มา เมื่อเห็นนาง เขารีบยกมือขึ้นปาดน้ำตา แต่ท่าทางยังคงดูหวาดกลัว

    “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ซูเหม่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกกดดัน

    เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้า… ข้าแค่หนีมาหลบ พวกเขาจะให้ข้าไปเป็นทหาร แต่ข้า… ข้าไม่อยากไป!” น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเขาอีกครั้ง “ข้าไม่เคยฝึกมาก่อน ข้ากลัว… กลัวจะไม่ได้กลับมาหาพ่อแม่”

    ซูเหม่ยหลินมองเด็กหนุ่มด้วยความเห็นใจ นางก็นึกถึงน้องชายที่อ่อนแอของตัวเองและหวาดกลัวไม่ต่างจากเด็กหนุ่มตรงหน้า นางสูดลมหายใจลึก พยายามรวบรวมความกล้าและความอ่อนโยนในน้ำเสียงเพื่อตอบกลับ

    “ข้าเข้าใจเจ้าดี… ข้ารู้ว่าเจ้าคงกังวลมาก แต่เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกนะ พวกเราทุกคนล้วนแต่รู้สึกเช่นเดียวกันกับเจ้า” ซูเหม่ยหลินกล่าวพร้อมยิ้มให้เด็กหนุ่มอย่างอบอุ่น

    เด็กหนุ่มมองซูเหม่ยหลินด้วยแววตาที่เริ่มสงบลงเล็กน้อย “ท่าน… ไม่กลัวหรือ?” เขาถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของซูเหม่ยหลิน

    นางพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ข้าเองก็กลัวเหมือนกัน แต่ข้ามีสิ่งที่ต้องทำ” คำพูดนั้นเหมือนเป็นการยืนยันตัวเองให้มั่นคงยิ่งขึ้น นางจับไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ และพูดต่อว่า “อย่าเพิ่งท้อใจ เจ้าเข้มแข็งได้ ลองตั้งใจฝึกฝนตนเองสักเล็กน้อย อาจจะช่วยให้เจ้าพร้อมกว่าที่เจ้าคิดก็ได้นะ”

    เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างลังเล แต่ดวงตาเริ่มมีแววแห่งความหวังขึ้นมาบ้าง แม้ความกลัวจะยังอยู่ในใจ เขาก็เริ่มเข้าใจว่าการฝึกฝนและการเตรียมตัวอาจเป็นทางออกที่ทำให้เขารู้สึกมั่นใจขึ้น

    ทั้งสองจึงนั่งคุยกันสักครู่ ซูเหม่ยหลินสอนวิธีการฝึกฝนพื้นฐานเพื่อให้เด็กหนุ่มได้ลองทำ และเมื่อนางเห็นเขามีท่าทางผ่อนคลายลงบ้าง นางจึงลุกขึ้นเตรียมกลับบ้าน เพื่อมุ่งมั่นทำให้ตัวเองพร้อมที่สุดสำหรับสิ่งที่จะมาถึง

     

    -----------------------------------------------------------

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้จนถึงตอนนี้นะคะ! ถ้าชอบตอนนี้และอยากเป็นกำลังใจให้นักเขียน สามารถส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกการสนับสนุนมาก ๆ เลยค่ะ ^-^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×