คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ชีวิตเก่าและการเกิดใหม่
สนามรบเต็มไปด้วยเสียงปืนและระเบิด ความรุนแรงของสงครามที่ไม่เคยหยุดหย่อนสร้างความสับสนวุ่นวายไปทั่ว ไป่หลิน ทหารหญิงผู้มีชื่อเสียงในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กำลังหลบกระสุนที่พุ่งเข้ามาใกล้ ท่ามกลางเสียงของความวุ่นวาย ความรู้สึกในใจของเธอกลับแน่นหนาด้วยความตั้งใจที่จะรอดชีวิตและทำภารกิจให้สำเร็จ
“ไป่หลิน! ระวังด้านหลัง!” เสียงเพื่อนร่วมทีมร้องเตือน แต่มันช้าเกินไป กระสุนหนึ่งพุ่งเข้ามาทะลุผ่านแขนของเธอ ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่าง แต่ไป่หลินกัดฟันสู้ เธอไม่มีเวลามาคิดถึงความเจ็บปวด เธอต้องรอดไปให้ได้
"เราต้องยึดพื้นที่นี้ไว้!" ไป่หลินตะโกนสั่งทหารในทีมพลางก้มตัวหลบหลังแท่งหิน เธอสูดหายใจลึก เตรียมตัวพุ่งออกไปต่อสู้ศัตรูตรงหน้า ความกดดันของภารกิจครั้งนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกพ้องเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายลับที่เธอได้รับคำสั่งมาโดยตรงจากผู้บัญชาการอีกด้วย
แต่ในขณะที่เธอคิดจะบุกต่อ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง... ความเงียบแปลกๆ ทำให้เธอต้องหันไปมองรอบตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เห็นกลับทำให้เธอต้องชะงัก ทหารในทีมที่เธอไว้ใจได้กำลังชี้ปืนมาทางเธอ
“นายทำบ้าอะไรน่ะ!?” ไป่หลินร้องออกมา
“ขอโทษนะ ไป่หลิน... แต่เพื่อความอยู่รอด ฉันต้องเลือกทางนี้” เพื่อนร่วมทีมของเธอพูดด้วยสายตาเย็นชา มือที่จับปืนไม่สั่นเลยแม้แต่น้อย
"แก! คนทรยศ!" เธอขบกรามแน่น ความโกรธและความสับสนผสมผสานกัน ความเจ็บปวดที่แขนแทบถูกลืมไปเมื่อความจริงเบื้องหน้านี้ตีเข้ามาในจิตใจของเธออย่างรุนแรง
“ไม่ใช่แค่ฉัน... แต่มันคือคำสั่งจากเบื้องบน” เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ก่อนจะกดไกปืน ปัง!
กระสุนพุ่งทะลุเข้าที่ท้องของไป่หลิน เลือดเริ่มไหลรินออกมาจากบาดแผล ความเจ็บปวดทำให้เธอทรุดตัวลงกับพื้น ความรู้สึกในตอนนั้นไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดทางกาย แต่มันคือความเจ็บปวดที่ลึกลงไปในจิตใจ ความทรยศจากคนที่เธอเคยไว้ใจที่สุด
“นาย… ทำแบบนี้ทำไม” เธอถามเสียงสั่น มองดูเลือดที่ไหลออกมาจากร่างของตัวเอง ความสิ้นหวังเริ่มท่วมท้นจิตใจ แต่กระนั้น เธอก็ยังพยายามมองหาเหตุผลจากการทรยศนี้
เขาหันมามองนางครั้งสุดท้ายก่อนจะตอบเสียงเบา "มันไม่มีทางเลือก ฉันต้องทำตามคำสั่ง และเพื่อความอยู่รอด ฉันต้องเลือกทางนี้"
ร่างกายของเธอเริ่มชาหนาวเย็น เลือดที่ไหลออกจากร่างทำให้เธอรู้สึกหมดแรงเรื่อยๆ แต่แม้ในวินาทีสุดท้าย เธอก็ยังพยายามยิ้มเยาะออกมา
“สักวันนาย… จะได้รับผลกรรมของการทรยศ” เธอพูดด้วยเสียงที่เบาเหลือเกิน จนแทบไม่ได้ยิน ก่อนที่สติของนางจะดับวูบลงไปพร้อมกับความมืดที่ค่อยๆ กลืนกินทุกอย่าง
---
เมื่อสติกลับคืนมาอีกครั้ง ไป่หลินรู้สึกถึงลมหายใจของตนที่ยังคงดำเนินอยู่ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้ากลับไม่ใช่สนามรบหรือเพื่อนร่วมทีมของนาง แต่เป็นเพดานไม้ที่ดูเก่าและโทรม กลิ่นดินและไม้แห้งคละคลุ้งไปทั่ว นางพยายามลุกขึ้นด้วยความงุนงง แต่กลับพบว่าร่างกายของเธออ่อนแรงจนไม่สามารถขยับตัวได้อย่างใจคิด
“เกิดอะไรขึ้น... ฉันยังไม่ตายหรือ?” เธอพึมพำกับตัวเอง เสียงของเธอฟังดูแปลกไป เสียงที่เบาและอ่อนแอ เธอมองไปรอบๆ พยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ในตอนนั้นเองที่มีเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้น และบานประตูไม้ที่อยู่ข้างเตียงของเธอถูกเปิดออก หญิงวัยกลางคนรูปร่างผอมบางในชุดเสื้อผ้าเก่าปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของเธอซีดเซียวเหมือนคนที่ทำงานหนักเกินกำลัง
“เหม่ยหลิน! ตื่นแล้วหรือ” หญิงคนนั้นร้องขึ้นมาด้วยความดีใจ นางรีบเดินเข้ามาหาไป่หลินแล้วนั่งลงข้างเตียง มือของนางประคองใบหน้าของไป่หลินอย่างอ่อนโยน น้ำตาคลอเบ้าไปด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าเป็นลมไปหลายชั่วยามแล้ว ลุกขึ้นไหวไหมลูก” หญิงคนนั้นถามเสียงสั่น
ไป่หลินมองใบหน้าของหญิงคนนี้ด้วยความสับสน จิตใจของนางพยายามประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ในตอนแรกนางจะไม่เข้าใจว่าหญิงคนนี้เป็นใคร แต่ความทรงจำบางอย่างกลับหลั่งไหลเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว
‘ซูหรง… มารดาของข้า’ นางเริ่มตระหนักได้ว่าตอนนี้ตนอยู่ในร่างของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ซูเหม่ยหลิน ลูกสาวคนโตของครอบครัวซู ซึ่งอาศัยอยู่ในชนบทห่างไกล ความรู้สึกตกใจแวบเข้ามาในใจของนางเมื่อนางเริ่มตระหนักว่า ชีวิตเก่าของตนสิ้นสุดลงแล้ว และชีวิตใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น
“นี่...ข้า... เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” นางถามออกไปเบาๆ ด้วยเสียงที่อ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางพยายามลุกขึ้นจากเตียง แต่ร่างกายของนางยังคงไม่แข็งแรงเพียงพอ
“เจ้าพึ่งหายป่วย ไม่ต้องฝืนตัวเอง” ซูหรงพูดพลางลูบหลังของไป่หลินเบาๆ “เจ้าอาจจะยังรู้สึกมึนๆ เพราะลุกขึ้นเร็วเกินไป พักก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปเรียกน้องชายของเจ้าให้มาดูเจ้า”
และชื่อ "ซูเหม่ยอี้" ทำให้ความทรงจำในร่างใหม่ของไป่หลินกลับมาเต็มที่ ซูเหม่ยอี้คือบุตรชายคนเล็กของบ้าน ผู้มีร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก นางจำได้ว่าน้องชายคนนี้เป็นที่รักของครอบครัวอย่างมาก แต่เพราะสุขภาพที่ไม่แข็งแรง เขาจึงมักถูกปกป้องมากเกินไป
ไป่หลินนอนนิ่ง ปล่อยให้ซูหรงเดินออกไปจากห้อง ในใจของนางเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ นางได้กลับมาเกิดใหม่ในร่างของคนอื่น และในร่างนี้ นางมีครอบครัวที่คอยดูแลและปกป้องอยู่ ซึ่งในชีวิตก่อนนางไม่มีคนครอบครัวเลยเป็นเด็กกำพร้าที่ต้องพึ่งพาตนเอง
‘ข้าต้องใช้ชีวิตใหม่ให้ดี ข้าต้องปกป้องคนเหล่านี้ให้ได้’ นางคิดในใจอย่างมุ่งมั่นในเมื่อพวกเขาเป็นครอบครัวของนางในชีวิตนี้!
หลังจากผ่านไปสักพัก ซูเหม่ยอี้น้องชายของซูเหม่ยหลินเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเขาดูดีใจและเป็นห่วงในเวลาเดียวกัน เขาเดินมานั่งข้างเตียง มองพี่สาวที่เพิ่งฟื้นจากการป่วย
“พี่เหม่ยหลิน! พี่เป็นอย่างไรบ้าง?” ซูเหม่ยอี้ถามขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง นัยน์ตาคู่นั้นจับจ้องพี่สาวที่เพิ่งฟื้นจากการป่วยอย่างไม่ละสายตา
ไป่หลินในร่างของซูเหม่ยหลินหันไปมองน้องชาย ใบหน้าของซูเหม่ยอี้ดูผอมบางและซีดเซียว นางรู้สึกถึงความรักและความผูกพันระหว่างพี่น้องคู่นี้ที่แม้ตนเองจะเพิ่งเข้ามาอยู่ในร่างนี้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นถูกส่งมาถึงนางอย่างเต็มเปี่ยม
“ข้า... ข้าไม่เป็นไรแล้ว” นางตอบเสียงแผ่วพยายามให้ดูเป็นปกติ แม้ในใจจะยังไม่ชินกับการที่ต้องปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ “เจ้าไม่ต้องห่วง”
“ดีแล้ว ข้าดีใจที่พี่ฟื้นขึ้นมา” ซูเหม่ยอี้พูดด้วยความโล่งใจ “ช่วงนี้พี่อย่าเพิ่งทำอะไรหนัก พักผ่อนให้หายดีก่อน ข้าจะช่วยท่านแม่เอง”
ไป่หลินมองซูเหม่ยอี้ด้วยความรู้สึกอ่อนโยน ถึงแม้ว่านางจะเป็นนักรบที่ผ่านสนามรบมานับไม่ถ้วน แต่มาในร่างนี้ นางรู้สึกถึงความเปราะบางและความต้องการที่จะปกป้องครอบครัวของซูเหม่ยหลิน นางรู้ดีว่าซูเหม่ยอี้เป็นคนอ่อนแอ และนางจะไม่ยอมให้เขาต้องรับภาระหนักเกินไป
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะแข็งแรงขึ้นในไม่ช้า” นางบอกกับเขา ขณะเดียวกันในใจก็เริ่มวางแผนการที่ต้องทำในอนาคต นางรู้ว่าตนไม่อาจใช้ชีวิตในร่างนี้อย่างเรียบง่ายได้อีกต่อไป หากนางจะอยู่รอดและปกป้องครอบครัวนี้ นางต้องฝึกฝนร่างกายของตนใหม่
---
หลังจากวันนั้น ไป่หลินในร่างซูเหม่ยหลินเริ่มปรับตัวกับชีวิตใหม่อย่างช้าๆ ช่วงแรกๆ นางยังรู้สึกไม่คุ้นเคยกับร่างกายที่อ่อนแอของตน แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งจากชาติที่แล้ว นางเริ่มฝึกฝนร่างกายเพื่อให้กลับมาแข็งแรงขึ้น
ทุกเช้านางจะตื่นขึ้นก่อนฟ้าสาง เดินออกไปที่ลานหลังบ้าน ท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ และความสงบเงียบของชนบท นางจะฝึกการหายใจลึกๆ และออกกำลังกายอย่างเบาๆ เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กลับคืนมา
ในช่วงแรก ร่างกายของนางไม่สามารถรับภาระหนักได้ นางต้องเริ่มจากการออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินและการเคลื่อนไหวง่ายๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป นางค่อยๆ เพิ่มความหนักในการฝึก เช่น การฝึกท่าเตะต่อย และการฝึกสมดุลของร่างกาย
ทุกครั้งที่ฝึก นางจะนึกถึงการต่อสู้ในชาติที่แล้ว ท่าทางการต่อสู้ที่เคยชำนาญ ความแข็งแกร่งที่เคยมี แม้ตอนนี้ร่างกายจะยังไม่สามารถเทียบเท่ากับสิ่งที่นางเคยมี แต่ไป่หลินรู้ว่าด้วยความมุ่งมั่น นางจะกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง
---
ในวันหนึ่งขณะที่นางกำลังฝึกอยู่ ซูหรง มารดาของซูเหม่ยหลินเดินเข้ามาหานางด้วยความกังวล “เหม่ยหลิน เจ้าไม่ต้องฝืนตัวเองมากขนาดนี้ก็ได้ ตอนนี้เจ้าเพิ่งหายป่วย ยังไม่แข็งแรงดี”
“ข้าไม่เป็นไร ท่านแม่” นางตอบด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ขณะเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก “ข้าแค่ต้องการฟื้นร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเท่านั้นเอง”
ซูหรงถอนหายใจเบาๆ “เจ้าช่างเหมือนบิดาเจ้าไม่มีผิด ทั้งดื้อดึงและไม่ยอมแพ้ แต่จงจำไว้ว่าเจ้าต้องดูแลตัวเองก่อน อย่าลืมว่าบิดาเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เจ้าต้องคอยดูแลตัวเองและน้องชายให้ดี”
ไป่หลินรู้สึกถึงความหนักใจที่แฝงอยู่ในคำพูดของซูหรง นางรู้ว่ามารดาของซูเหม่ยหลินต้องแบกรับภาระและความกังวลใจอย่างมาก หลังจากที่สามีของนาง ซูเจี้ยน ได้ออกไปรบและขาดการติดต่อไปเป็นเวลาสองปี ความไม่แน่นอนในอนาคตและความทุกข์ใจที่ไม่รู้ว่าสามีจะกลับมาเมื่อใดทำให้ซูหรงต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว
“ท่านแม่ ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องกังวล” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง แม้ว่าลึกๆ ในใจของนางจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับบิดาของซูเหม่ยหลิน แต่ในตอนนี้ นางเลือกที่จะไม่ถาม นางรู้ว่ามารดาของนางต้องการความมั่นใจและความสงบใจมากกว่าคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ
“ข้าหวังเพียงแค่ว่าเจ้าและเหม่ยอี้จะมีชีวิตที่สุขสงบ” ซูหรงพูดด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะลูบศีรษะของไป่หลินเบาๆ นางยังคงเป็นแม่ที่รักและห่วงใยลูกๆ อย่างมาก แม้ในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก
“ข้าเข้าใจ” ไป่หลินตอบพร้อมรอยยิ้ม “แต่ท่านแม่ก็ต้องดูแลตัวเองด้วยเช่นกัน อย่าทำงานหนักจนเกินไป”
ซูหรงยิ้มให้กับคำพูดของลูกสาว นางรู้สึกดีใจที่เห็นซูเหม่ยหลินเริ่มฟื้นตัวจากความเจ็บป่วย และดูมีความมุ่งมั่นมากขึ้น นางคิดในใจว่าลูกสาวคนนี้คงได้รับพลังใจจากบิดาของนางอย่างแน่นอน
สวัสดีค่ะทุกคนมาลุ้นกันว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไรบ้างมาเอาใจช่วยกันเยอะๆน้าาาาขอบคุณค่ะเจอกันตอนหน้านะ
ความคิดเห็น