ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -END- Attack on Titan Fanfiction || Brother off The Wall ( Levi x OC )

    ลำดับตอนที่ #7 : 7 ::: ยิงกระสุนสีดำ (RW)

    • อัปเดตล่าสุด 11 ธ.ค. 67


    7

    GET - TOGETHER


     

    นี่เป็นยามรุ่งสาง ที่ประตูเมืองคลาเนธ

    หน่วยสำรวจตั้งขบวนอยู่หน้าประตูกำแพงตามเวลานัดที่เอลวินระบุเอาไว้ ตอนนี้เสียงระฆังดังกังวานไปทั่ว

    ระฆังแห่งอิสรภาพ

    ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางเงยหน้ามองวอลโรสที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า อากาศที่นี่แม้จะปลอดโปร่ง แต่เพราะเป็นสุดเขตแดนของมนุษย์มันก็ทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง

    ตื่นเต้นชะมัดเลยแฮะ…

    "ไงล่ะ เอเลน นายคงจะตื่นเต้นไม่น้อยเลยล่ะสิ" เสียงแหย่จากคุณโอรูโอ้ดังขึ้นขณะเขาทิ้งตัวลงมากอดคอเอเลน ฉันเบนสายตามอง เอเลนดูจะลำบากใจไม่น้อย "ออกนอกกำแพงครั้งแรกก็แบบนี้แหละนะ อย่าเพิ่งตกใจกลัวจนฉี่ราดซะล่ะ ยังไงพวกเราก็....อ๊ากกก!!!"

    ฉันสะดุ้งโหยงตกใจ ดูเหมือนเขาจะพลาดกัดลิ้นตัวเองเข้าอีกแล้ว เสียงร้องรอบนี้ดังมากเสียจนใครหลายๆ คนพากันหันมามองเป็นตาเดียว

    ไหวไหมพี่

    จะออกนอกกำแพงกันอยู่แล้วแท้ๆ

    "เพราะเอาแต่โม้ก็เลยเป็นแบบนี้อีกแล้ว" เสียงคุณเพตราบ่นมา "น่าหัวเราะชะมัด"  

    ฉันรู้สึกได้ว่าความประหม่าของตัวเองเจือจางลงเพราะพวกเขา แต่พอได้ยินเสียงทหารบนกำแพงตะโกนลงมาว่า พวกเขาล่อไททันที่อยู่หน้ากำแพงออกไปจากประตูได้แล้ว ฉันก็กลืนน้ำลายอึกกำสายบังเหียนแน่น

    "สามสิบวินาทีก่อนประตูจะเปิด"

    นั่นเป็นเสียงตะโกนของเอลวินที่ได้ยิน เขาอยู่ทัพหน้าปีกซ้ายซึ่งขนาบข้างด้วยหน่วยของคุณฮันซี่และคุณมิเค ออกจะน่าเหลือเชื่อ แต่เสียงของเขาสามารถส่งมาถึงพวกเราซึ่งอยู่ตรงทัพกลางของขบวนได้ด้วย

    ถึงจะไม่ใช่ทหาร แต่ก็อินกับเอลวินไม่น้อยเลย

    น้ำเสียงนั้นดูไม่กลัวและไม่กังวลอะไรเลย…

    "เธอหาวทำไม เพตรา ประตูกำลังจะเปิดแล้วนะ"

    "กัดลิ้นตัวเองให้ตายไปซะเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม"

    ฉันมองใบหน้าของสองคนที่กำลังเถียงกันเหมือนทำศึกสงครามขนาดย่อมตอนประตูกำแพงกำลังจะถูกเปิด จังหวะนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นสายตาข้างหน้าที่หันมองกลับมา

    มันคือสายตาของหัวหน้ารีไว

    "อีกสิบวินาที"

    เอเลนกำลังยิ้มให้กับเด็กน้อยสองคนที่กำลังมองพวกเราด้วยสายตาชื่นชมจากหน้าต่างในบ้าน ดวงตาสีเขียวแน่วแน่และรอยยิ้มที่นั่งอยู่บนม้าข้างๆ มันทำให้ฉันสงบลง และภาวนาให้การสำรวจครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี

    "เปิดประตู" เสียงของเอลวินบอกพวกเราอีกครั้ง ขณะมือของฉันก็กุมบังเหียนเอาไว้รอแล้ว "เคลื่อนทัพได้"

    ทัพหน้าเคลื่อนตัวออกไปข้างหน้าทันที เอลวินเป็นคนแรกที่นำออกไป ส่วนม้าของฉันเองก็พุ่งทะยานตามเข้าไปยังปากประตูซึ่งเป็นที่กั้นเขตแดนของมนุษย์ด้วย สายลมฤดูร้อนพุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า แล้วความมืดของกำแพงสูงลิ่วที่ทาบทับลำตัวก็หายวับไป กลายเป็นแสงแดดอ่อนจางของยามรุ่งสาง

    ขบวนม้าออกนอกวอลโรสกันหมดแล้ว หมู่บ้านร้างเป็นสิ่งแรกที่เราเจอเมื่อผ่านพ้นกำแพงออกมา ขณะที่ม้าของเราวิ่งเร็วโดยไม่สนใจอะไรอย่างอื่นนอกจากมุ่งตรงไปข้างหน้าก็มีเสียงเตือนจากทัพหน้าว่า พวกเขาเจอไททัน 10 เมตรพุ่งมาจากด้านข้าง 

    ฉันมองตาม รู้สึกพะอืดพะอมเล็กน้อยเมื่อได้เห็นไททันตัวเป็นๆ อีกรอบ ทว่าความกลัวยังไม่ทันจะแล่นริ้ว ทีมคุ้มกันที่เอลวินเคยพูดถึงก็พุ่งตัวเข้าไปฟันฉับตรงท้ายทอยเจ้า 10 เมตรตัวนั้นได้อย่างแม่นยำ แล้วขบวนม้าของเราก็วิ่งผ่านไปได้อย่างราบรื่นจนออกไปไกล

     

    หลังจากตรงนี้ก็ยังไม่เห็นไททันตัวอื่นโผล่ออกมาให้เห็นอีก เมื่อเราผ่านพ้นเขตหมู่บ้านออกมาและเจอกับทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา สัญญาณมือที่ต้องแปรขบวนทัพก็ถูกส่งต่อๆ กันมาจากทัพหน้าเป็นทอดๆ ทันใดนั้นหน่วยที่วิ่งขนาบข้างพวกเราก็กระจายตัวออกไป ตรงนี้จึงเหลือแค่พวกเรา 7 คนที่ต้องบังคับม้าให้ตรงไปข้างหน้าตามแผนของเอลวิน

    ปัง!

    ฉันหันไปตามเสียงที่ได้ยิน เห็นควันสีแดงพุ่งขึ้นมาจากทัพหน้าปีกขวาที่อยู่ไกลออกไป 

    มันคือกระสุนที่ถูกบรรจุกับพลุสีแดงสด สีที่เอกสารแจ้งให้เรารู้กันทุกคนว่า พวกเขาเจอไททันที่เส้นทางนั้น หัวหน้ารีไวจึงสั่งให้พวกเราบังคับม้าไปยังเส้นทางที่มีสัญญาณสีเขียวพุ่งขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะตรงนั้นทันที

    "โอรูโอ้ ยิงกระสุนสีเขียว" เป็นคำสั่งจากหัวหน้ารีไว สัญญาณสีเขียวจากหน่วยของเราจึงพุ่งขึ้นไปเหนือเมฆในทันที

    แดดเริ่มจะร้อนขึ้นนิดหน่อยเมื่อเรามาไกลกันได้สักระยะ เส้นทางของเรามีแต่สัญญาณควันสีเขียวพุ่งขึ้นรอบๆ การเดินหน้าของเราในดินแดนที่ล่มสลายไปแล้วนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น รูปแบบกระบวนทัพที่เอลวินบอกในวันนั้นทำให้ฉันรู้ว่าตำแหน่งของพวกเราคือจุดที่ปลอดภัยมากที่สุด 

    แต่ถึงอย่างนั้น การอยู่ในอาณาเขตของไททันก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่ามันจะเป็นเช่นนั้นไปได้ตลอดหรือเปล่า

    ปัง!

    ในที่สุดสัญญาณควันสีดำก็พุ่งขึ้นมาจนได้ มันมาจากทัพทางปีกขวาที่เพิ่งจะยิงกระสุนสีแดงออกมาได้ไม่นาน บ่งบอกว่าพวกเขากำลังเจอไททันวิปริต 

    ปัง! ปัง!

    คราวนี้เป็นกระสุนควันสีดำแบบเดิมที่ถูกยิงติดต่อกันขึ้นถึงสองนัด เพียงพริบตาเดียวทิศทางก็กระชั้นเข้ามาใกล้เข้าไปอีก ฉันเผลอกลืนน้ำลายอึก ความกังวลใจลอยคลุ้ง มันเป็นการบอกให้รู้ว่าปีกขวาที่ยิงออกมาเมื่อครู่ทำพลาด และปล่อยให้ไททันวิปริตหลุดเข้ามาได้

    "หัวหน้ารีไว" จู่ๆ ก็มีทหารจากหน่วยอื่นควบม้าเข้ามาขนาบข้าง "แนวหน้าทางปีกขวาถูกฆ่าตายเกือบหมดแล้วครับ"

    เราทุกคนต่างตกใจและทำหน้าเครียดทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น สำหรับคนที่ไม่เคยออกนอกกำแพงมาก่อนอย่างฉัน พอได้ยินเรื่องแบบนี้ก็เริ่มประหม่า เพราะหากมีไททันบุกเข้ามากลางทัพได้จริงๆ แผนการทุกอย่างเป็นอันล้มเหลว 

    และเลวร้ายที่สุดก็คือถูกฆ่าทั้งกอง

    แต่… 

    จะกังวลไปก่อนก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาแฮะ 

    เพราะฉันเองก็ตระหนักไว้อยู่แต่แรกแล้วว่า ไม่มีอะไรคุ้มครองเราได้ตั้งแต่วินาทีที่ก้าวเท้าออกนอกกำแพง

    และเอเลนเองก็ยังอยู่ใกล้ฉันที่สุดอีกด้วย

    ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด

    ได้แต่ปลอบใจตัวเองอยู่สักพัก ในตอนนั้นเอง กระสุนควันสีดำก็ถูกยิงขึ้นอีกรอบ ดูเหมือนระยะทางจะถูกย่นใกล้เข้ามาแล้ว ฉันแน่ใจเลยว่า ไททันตัวนั้นหลุดเข้ามาในขบวนทัพกลางที่พวกเราอยู่แล้วเรียบร้อย

    "เอเลน ยิงกระสุนสีดำ" 

    ลมหายใจฉันเกือบสะดุดเมื่อได้ยินเสียงของหัวหน้ารีไวดังขึ้น น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบ 

    ตำแหน่งของเราไม่ปลอดภัยอีกต่อไป หลังจากที่กระสุนจากเอเลนถูกยิงออกไปแล้ว ทางปีกซ้ายของเราก็มีควันสีเขียวพุ่งขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง มันทำให้ฉันวอกแวกไปกับสัญญาณเอามากๆ เพราะนั่นคือป่าใหญ่ที่มีแต่ต้นไม้สูงลิ่วหลายสิบเมตร มิหนำซ้ำพวกปีกซ้ายก็พากันหายลับเข้าไปข้างใน

    พอเห็นหัวหน้ารีไวสั่งให้พวกเราควบม้าตามสัญญาณควันสีเขียวเข้าไปในป่า ฉันก็ได้แต่ตาโต อ้าปากเหวอ ในตอนนั้นก็เห็นเขาเหล่หางตากลับมามองเข้าพอดี ดวงตาคู่คมฉายแววประหลาดใจอยู่เล็กน้อยกับปฏิกิริยาของฉัน เราเพียงสบตากันเพียงเสี้ยววิ ก่อนเขาจะหันกลับไปมองข้างหน้าต่อ

    อะไรเหรอ?

    นึกสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่สมควรจะเปิดปากถามอีกฝ่ายออกไปเลยแม้แต่นิด ไม่มีใครพูดอะไรเลยแม้แต่คนเดียว ไม่กี่อึดใจทุ่งกว้างสว่างจ้ารอบด้านก็กลายเป็นป่าเย็นชื้น มืดทึ้มเล็กน้อย 

    แสงอาทิตย์ในป่าส่องลงมาถึงไม่มาก ในสถานที่ที่มีต้นไม้บดบังวิสัยทัศน์จนมองไม่เห็นอะไรแบบนี้ ความทรงจำตอนฉันเจอไททันที่ทรอสก็หวนคืนสู่อีกครั้ง 

    ในช่วงเวลาและสถานที่แบบนี้ หากมีไททันโผล่มาข้างหน้าในระยะประชิดล่ะก็คงถูกกินแน่ๆ

    "หัวหน้า" เป็นเอเลนที่ทำลายความเงียบ ฉันเหลือบตามองเขาที่อยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายก็กังวลไม่ต่างกันเลย "หัวหน้ารีไว"

    "มีอะไร"

    "ทำไมพวกเราต้องเข้ามาในที่แบบนี้ด้วยล่ะครับ" ในที่สุดเอเลนก็ถามในสิ่งที่ฉันกำลังคิดอยู่ออกไป "ป่าทึบที่มองไม่เห็นอะไรเลยแบบนี้ ถ้าเกิดว่าเจ้าตัวที่กำลังมาทางปีกขวานั่นตามเข้ามาข้างในนี้ได้ล่ะก็ เราจะจัดการมันไม่ได้นะครับ และถ้าเป็นแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ แล้วรถขนเสบียงอาจจะต้องถูกทำลายไปด้วยแน่ๆ แล้วอีกอย่าง..."

    เสียงเกือกม้าและเสียงลมดังรอบๆ หัวหน้ารีไวไม่ได้ตอบกลับอะไรเอเลน เขาไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าการที่จะบอกให้เราทุกคนมุ่งไปข้างหน้า และหลับหูหลับตาทำตามแผนการต่อไป

    ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด

    และดูเหมือนว่าเอเลนยิ่งถาม ก็จะยิ่งถูกดุกลับด้วยซ้ำ

    แม้จะไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่ก็แอบคิดอยู่ในใจเงียบๆ ว่า ถ้าเกิดไททันโผล่มาจริงๆ เราคงต้องสละม้าและหนีโดยการใช้เครื่องเคลื่อนย้ายเกาะต้นไม้พวกนี้ขึ้นไปบนที่สูงๆ โดยไม่ต้องสู้หรือเปล่านะ 

    แต่ถ้าไม่มีม้า เราจะกลับเข้ากำแพงกันอย่างไร ออกนอกกำแพงมาแล้วเอาแต่วิ่งหนีไททันไปเรื่อยๆ 

    ฉันไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ นั่นแหละ

    ถอนหายใจกับตัวเองก่อนเหลือบมองบรรดาสมาชิกที่อยู่รอบๆ ตัว ก็ได้เห็นว่าทุกคนหน้าซีดเป็นไก่ต้มไม่ต่างกัน สีหน้าราวกับเก็บกลั้นความสงสัยเอาไว้ พอเห็นเช่นนั้นความกังวลใจมันก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง 

    ทำไมไม่มีใครพูดอะไรเลย

    เพราะพูดไป ก็จะถูกดุงั้นเหรอ?

    ปฏิบัติการประหลาด… 

    ในป่ายังมีหน่วยอื่นเหลือรอดกันอยู่อีกไหม เอลวินก็อยู่ในนี้ด้วยหรือเปล่า?

    ปัง!

    หลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเองก่อนหันหลังกลับไปมองต้นเสียง ฉันรู้สึกคล้ายจะหายใจไม่ออกขึ้นมาในกะทันหัน ไม่ใช่สิ… คงต้องบอกว่าเกือบลืมหายใจไปเลยมากกว่า เพราะควันสีดำที่ลอยพุ่งทะลุเหนือป่าขึ้นมานั้น อยู่ติดด้านหลังของหน่วยเรานี่เอง 

    มาแล้ว...

    "หยิบดาบขึ้นมา" หัวหน้ารีไวสั่ง แต่มือฉันยังแข็งค้างไม่กล้าปล่อยบังเหียนอยู่เลย "ฮารอนมัวทำอะไรอยู่"

    "อ๊ะ?" พอถูกเรียกชี้เฉพาะก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาในทันที ดวงตาเหลือบมองซ้ายทีขวาทีเจอสายตาของคนในหน่วยที่ถืออาวุธกันครบมือ หัวใจฉันก็เต้นถี่ระรัวผิดจังหวะ เหงื่อกาฬไหลซึม

    ไม่ไหวหรอกมั้ง… ฉันไม่ใช่ทหารสักหน่อย 

    แบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก เพราะแค่ทรงตัวด้วยเครื่องเคลื่อนย้ายก็ลำบากจะตายอยู่แล้ว 

    ได้แต่สั่นศีรษะเบาๆ ไล่ความประหม่าของตัวเอง แต่พอเหลือบไปเจอสายตากดดันของหัวหน้ารีไวที่ยังมองกระตุ้นอยู่ ฉันก็รีบหยิบดาบขึ้นมาทันที

    ที่ทรอสวันนั้น เราหยุดการเคลื่อนไหวไททันด้วยการขว้างมีดใส่ดวงตาสินะ ถ้าอย่างนั้น…

    ฉันนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้ขึ้นมาอยู่ในใจก่อนจะคิดว่า ต่อจากนี้อาจจะลองทำแบบนั้นดู ถ้าหากจะต้องสู้กับมันขึ้นมาจริงๆ

    ในตอนนี้ เสียงฝีเท้าดังอื้ออึงก็กระชั้นเข้ามาจนอดที่จะหันกลับไปมองข้างหลังไม่ได้ พื้นดินกำลังสั่นสะเทือน บนความสูงหลาย 10 เมตรนั้นมีทหารทีมคุ้มกันคนหนึ่งโผล่ออกมา ร่างเขาลอยสูงอยู่กลางอากาศเตรียมปกป้องหน่วยของเรา ฉันถอนหายใจโล่งด้วยความเบาใจ แต่จู่ๆ ฝ่ามือใหญ่กลับโผล่มาฟาดใส่เขากลางอากาศลากร่างนั้นบดกระแทกไปกับต้นไม้จนตายคาที่

    เฮือก!

    หัวใจสั่นสะท้านทันทีที่ได้เห็นร่างยักษ์พุ่งออกมาให้เห็นเต็มสองตา มันน่ากลัวมาก ตัวสูงประมาณ 10 กว่าเมตร ปกติแล้วร่างกายไททันจะเหมือนกันหมด แต่ร่างกายของไททันตัวนี้คล้ายผู้หญิง แถมท่าวิ่งยังเหมือนกับคน ความเร็วยังไล่หลังตามพวกเรามากันติดๆ จนม้าของเราต่างวิ่งเร็วขึ้นไปอีกตามสัญชาตญาณ

    ความตกใจปนความกลัวแล่นปราดไปทั่วร่าง คล้ายเส้นประสาทกำลังถูกราดด้วยน้ำเย็น 

    นี่มันภัยพิบัติวิ่งได้ชัดๆ

    มีทีมคุ้นกันพุ่งตามมาช่วยเราติดๆ อีกสองสามคนจากทางด้านหลัง แต่พวกเขาก็ถูกฆ่าตายหมดในพริบตาเดียว ความว่องไวและวิธีการฆ่าของไททันตัวนี้ทำให้ฉันรู้สึกได้ว่ามันมีสติปัญญาอย่างที่คุณฮันซี่เคยได้บอก และดูเหมือนมันจะไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะไล่กินพวกเราเลยแม้แต่นิด

    เป็นไททันแบบเดียวกับเอเลนหรือเปล่า? 

    ความคิดนี้จู่ๆ ก็แวบเข้ามาในหัวฉันเสียเฉยๆ และพอได้หันหลังกลับไปมอง ริมฝีปากใหญ่ฉีกยิ้มกว่างพึงพอใจ และมันไปไม่ถึงดวงตา

    ถ้าใช่ แล้วข้างในเป็นใค…

    "หัวหน้า เปลี่ยนไปใช้เครื่องเคลื่อนย้ายเถอะค่ะ" คุณเพตราโวยวาย เธอดูตกใจจนสติแทบหลุดไม่ต่างกับทุกคน

    "สู้มันเถอะครับ นี่มันตัวอันตรายชัดๆ เลย" คุณโอรูโอ้ตะโกน "ไม่งั้นมันตามพวกเราทันแน่"

    ไม่มีคำตอบ หัวหน้ารีไวยังคงไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ฉันไม่เข้าใจเลยว่า จะต้องทนดูพวกทีมคุ้มกันที่ค่อยๆ โผล่มาช่วยถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาไปทีละคนแบบนี้อีกนานแค่ไหนจนกว่าจะถึงตาเรา 

    ยิ่งใกล้มากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกเหมือนความตายกำลังวิ่งเข้าใส่

    น่ากลัวชะมัดเลย…

    "หัวหน้าขอคำสั่งด้วยค่ะ" 

    ปัง!

    ฉันสะดุ้งโหยงตัวโยนขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณ ไม่มีสัญญาณควันบ่งบอก เพราะมันถูกยิงออกมาจากปืนของหัวหน้ารีไว และเป็นเพียงแค่สัญญาณเสียงเพียงเท่านั้น

    ทำอะไร?

    "ยิงได้!"

    ดวงตาเบิกกว้างขึ้นมาทันทียามได้ยินเสียงของเอลวินดังขึ้นมาจากด้านบนของต้นไม้ พอแหงนมองตามก็ได้แต่ตกใจเมื่อเห็นพวกปีกซ้ายที่หายเข้าป่าไปแต่แรกแอบอยู่กันตรงนี้ ดูจากอาวุธและอุปกรณ์แล้ว พวกเขากำลังรอดักซุ่มยิงอยู่

    ดูเหมือนเอลวินจะให้เราล่อไททันตัวนี้เข้ามาที่นี่เพื่อจับกุม 

    "…" 

    ในตอนนี้ฉันไม่ได้ยินอะไรอีกนอกจากเสียงกระสุนหลายร้อยนัดที่ดังลั่นหู ไม่เห็นอะไรอีกนอกจากควันลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ และที่แน่ๆ ไททันหญิงตัวนั้นไม่ได้ตามเรามาแล้ว

    "เอลด์มานำทัพแทนฉันที พาเอเลนไปซ่อนในที่ปลอดภัย พาม้าของฉันกับม้าของฮารอนไปผูกไว้ให้ด้วย"

    ฉันกะพริบตากับสิ่งที่ได้ยิน หัวหน้ารีไวพูดออกมาเป็นชุดๆ

    "ฮารอน เธอตามฉันมา เราจะไปสบทบกับพวกเอลวินในป่าต่อ" เขาสั่งแล้วก็สละม้าทันที ใช้เครื่องย้ายตัวกระโดดพุ่งกลับไปยังทิศทางข้างหลังที่พวกปีกขวาพากันอยู่

    ในหัวฉันเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ถึงจะสงสัยไม่หายกับสถานการณ์แปลกๆ ในครั้งนี้ว่าทำไมฉันต้องทำแบบนั้นทั้งๆ ที่ไม่ใช่ทหาร แต่ก็ไม่มีเวลาให้ถามแล้ว ฉันสละม้าตรงนี้และย้ายตัวตามหัวหน้ารีไวไปในทันที

    เราหยุดพักกันตรงกิ่งไม้ใหญ่สูงลิบลิ่วจากพื้นอยู่หลายสิบเมตรกิ่งหนึ่ง ตรงนี้ไม่มีไททันเลยสักตัว แต่ความรู้สึกหนักอึ้งเมื่อครู่ยังไม่เจือจางลงไปเลย

    "มือสั่นเชียว ไม่เป็นไรใช่ไหม?" 

    ฉันทำหน้างงๆ ไม่ได้ตอบ ไม่ค่อยเข้าใจด้วยว่าทำไมหัวหน้ารีไวต้องเรียกมา แต่คำถามเมื่อครู่ก็ดูตรงเกินไปที่จะให้ตอบ

    ก็เห็นๆ กันอยู่ 

    โดนไททันวิ่งไล่ตามติดแบบนี้ ไม่มีใครกลััวก็แปลกล่ะ

    "งั้นต่อจากนี้ เธอต้องไปดูให้เห็นกับตาว่า เอลวิน สมิธจะทำยังไงต่อกับเจ้านั่น"

    ดูเหมือนหัวหน้ารีไวจะรู้ว่าทำไมฉันถึงต้องมาที่นี่ด้วย แต่เราก็ดูจะมีเวลาน้อยเกินกว่าจะมาฟังความสงสัยของฉันและพุ่งบินไปอยู่ข้างๆ เอลวินซึ่งกำลังเพ่งมองไททันหญิงที่ขยับตัวไม่ได้จากเส้นสลิง และกับดักซุ่มยิงของทหารหน่วยสำรวจ

    การออกนอกกำแพงในครั้งนี้คือแบบนี้นี่เองสินะ…

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×