ตอนที่ 2 : บทที่ 1.2 นางสาวดอกไม้
ณ สวนรื่นรมย์
“กลับมาแล้วค่า”
มัลลิกาเปิดประตูบ้านพร้อมส่งเสียงดังเพื่อให้ผู้เป็นแม่ได้ยิน แต่กลับไม่มีเสียงใดใดขานรับ จึงเดินเข้ามาในส่วนห้องครัวแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของแม่ จึงวางกล่องเค้กไว้แล้วออกมาตามหาแม่ที่สวนดอกไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก
“อ้าว! มะลิ กลับมาแล้วหรอลูก” แม่เอ่ยทักเมื่อเห็นลูกสาวเดินมาแต่ไกล
“แม่ทำอะไรอยู่คะ นี่มันเย็นมากแล้วนะเดี๋ยวงูเงี้ยวเขี้ยวขอก็มากัดเอาหรอก”
มัลลิกาบ่นพลางเดินเข้ามาใกล้ท่าน แล้วคว้าตะกร้าจากอีกฝ่ายมาถือซะเอง
บุหงาแม่หม้ายอายุ 51 ปี รูปร่างสมส่วน แข็งแรง ทะมัดทะแมง ดูเค้าโครงหน้าก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่ามัลลิกาได้ความสวยมาจากใคร...ให้หลังผู้เป็นสามีจากไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน ก็มักจะมีหนุ่มใหญ่พ่อเลี้ยง ขยันมาขายขนมจีบบุหงาอยู่เสมอ แต่เธอไม่เคยสนใจใคร ในแต่ละวันเธอใช้เวลาไปกับการทำงาน ปลูกดอกไม้ ดูแลสวนและส่งลูกสาวเรียนจนเติบโตมาถึงทุกวันนี้ บุหงามีความภาคภูมิใจที่ลูกสาวคนเดียวโตมาเป็นเด็กดี ทั้งยังขยันขันแข็ง ตั้งใจเรียนจนได้เกรดดีมาตลอด มิหนำซ้ำยังตั้งใจช่วยงานที่สวนโดยไม่เคยปริปากบ่นสักคำ
เมื่อเห็นลูกสาวแย่งตะกร้าในมือไป บุหงาจึงได้แต่อมยิ้ม ส่ายหัวให้กับความเป็นห่วงเกินเหตุของเจ้ามะลิลูกสาวตัวแสบ
“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่แค่แวะมาเก็บดอกไม้เอาไว้ใส่บาตรพระตอนเช้า”
บุหงาบอกลูกสาว ก่อนชวนกันกลับเข้าบ้านเพื่อเตรียมรับประทานอาหารในมื้อเย็น
“เหนื่อยไหมวันนี้ เป็นพี่ปีสามแล้ว ทั้งเรียนทั้งกิจกรรม ไหนจะกลับมาช่วยแม่อีกเหนื่อยแย่เลยสิเรา”
ผู้เป็นแม่พูดพลางวางมือลูบหัวทุยของลูกสาว ที่ตอนนี้ได้ตัวสูงกว่าเธอไปมากจนต้องเอื้อมมือไปจนเกือบสุดแขน เพื่อลูบผมผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจที่ไม่ว่าเมื่อไหร่เด็กคนนี้ก็ยังคงเป็นเด็กเสมอในสายตาของเธอ ไม่ว่าลูกจะโตไปมากสักเพียงไหน อย่างไรเสียก็คือลูกน้อยในดวงใจของแม่เสมอและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
มัลลิกาตอบพลางเอามืออีกข้างที่ไม่ได้ถือตะกร้าโอบกอดเอวของมารดา แล้วนำศีรษะถูเข้าที่ไหล่ของท่านเป็นการออดอ้อนราวกับว่าตัวเองเพิ่งอายุ 10 ขวบก็ไม่ปาน
“ไม่เหนื่อยเลยจ้ะแม่ สนุกดีออก ได้ทำอะไรตั้งหลายอย่างแถมยังได้เรียนรู้วิธีการต่าง ๆ เพื่อเอามาพัฒนาสวนของเราได้ตั้งเยอะ วันนี้อาจารย์สอนวิธีผสมพันธุ์เกสรแบบใหม่ที่ทำให้ได้หลายสีในดอกเดียวกันด้วยนะ วันหยุดนี้หนูว่าจะทดลองกับแปลงกุหลาบของเรา หนูว่าต้องออกมาสวยมากแน่ ๆ เลยอะ แล้วถ้ามันสำเร็จจริง ๆ เราก็จะขายดอกแบบนี้ได้ราคาอีกด้วยนะ”
ผู้เป็นลูกคุยโม้เจื้อยแจ้ว เล่าความฝันของเธอระหว่างทางเดินกลับบ้านให้แม่ฟังทั้งยังเล่าเรื่องต่าง ๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยตามประสาคนช่างพูด พลอยให้ผู้เป็นแม่มีความสุขไปด้วย
ทั้งสองรับประทานอาหารเย็นแล้วเสร็จในเวลาทุ่มเศษ มัลลิกายกของหวานนั่นก็คือสตรอว์เบอรี่ชีสเค้กของพี่เชย์มาให้แม่ สำทับว่าสาวรุ่นพี่ฝากมาให้บุหงาจึงฝากคำขอบคุณไปยังเจ้าของร้านคนเก่ง พร้อมตักชิมเค้กหน้าตาสะสวยทันที ด้านมัลลิกานั่งมองอีกฝ่ายชิมเค้กด้วยสีหน้าอันลุ้นระทึกราวกับว่าตัวเองเป็นคนทำยังไงยังงั้น
“เป็นไงบ้างคะแม่ อร่อยไหม” เธอถามอย่างตื่นเต้น
“อืมอร่อยดี ไม่หวานมากไป และไม่มันจนเกินไป หอมสตรอว์เบอรี่เนื้อเค้กก็เนียนนุ่มละลายในปาก บอกหนูเชย์ได้เลยว่าผ่าน”
สำหรับบุหงานั้นขึ้นชื่อว่าเชี่ยวชาญและเก่งด้านการทำขนมจนเป็นที่เลื่องลือในหมู่บ้าน เพราะงั้นการที่ท่านเอ่ยชมใครในลักษณะนี้ แสดงว่าฝีมือของคนคนนั้นต้องดีจริง ทำให้มัลลิกากระโดดดีใจ รีบหยิบโทรศัพท์เข้าแอปพลิเคชันไลน์ส่งข้อความหาพี่เชย์ทันที เธอบอกเล่าตามคำที่แม่เอ่ยชมไม่มีตกหล่น
“แล้วของเราล่ะ? ไม่ได้ซื้อมาหรอ”
บุหงาถามเมื่อเห็นผิดวิสัยที่ลูกสาวผู้โปรดปรานของหวานไม่มีขนมตรงหน้า แต่เมื่อเห็นอาการอมยิ้มไม่ยอมตอบของมัลลิกา ท่านก็รู้ทันทีว่า ‘ขนม’ ที่ว่านั้นได้หมดไปก่อนหน้านี้แล้ว
“กินหมดแล้วใช่ไหมล่ะ ถึงได้มานั่งลุ้นแม่แบบนี้น่ะ”
“แม่กินเสร็จแล้วใช่ไหม หนูไปล้างจานให้นะ แม่ไปพักผ่อนได้แล้วค่ะ”
มัลลิกาเลี่ยงคำตอบพลางกุลีกุจอเก็บจานตรงหน้ายกไปยังอ่างล้างจาน แล้วย้อนกลับมาพาแม่ไปนั่งพักที่โถงนั่งเล่น บุหงาส่ายหน้าให้กับความเป็นเด็กไม่รู้จักโตของลูกสาว คิดในใจว่า ‘แล้วแบบนี้เมื่อไหร่มะลิน้อยของแม่จะมีแฟนกับเขาสักที’
วัน ๆ เอาแต่อยู่ในสวนกับแม่ ไม่ยอมไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เรื่องนี้ก็ทำให้บุหงาแอบหนักใจไม่น้อย สายตาของท่านได้แต่เหม่อมองลูกสาวสุดที่รักล้างจานไปร้องเพลงไปอย่างอารมณ์ดี และเพียงเสี้ยววินาทีเธอก็สลัดเรื่องเหล่านั้นออกจากหัวหันกลับมาจัดดอกไม้สำหรับใส่บาตรในวันรุ่งขึ้นแทน
ฝากมะลิกับคุณใหม่ด้วยนะคะ อีบุ๊กคลอดแล้วน๊า เรื่องนี้ไม่ทำเล่มจ้า
![]() | อักษราภัค “ออกมาหน่อยฉันอยู่หน้าบ้าน” “นุ่นทำงานไซด์ไลน์ค่ะ แล้วนุ่นก็บอกมะลิว่าคุณเป็นลูกค้าของเธอ” “อือ แล้ว?” ‘...
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
