ตอนที่ 54 : บทที่ 10.5 ลูกของเราในวันที่เศร้าจับใจ
รามฤทธิ์พูดขึ้นมาพานให้สีดากลืนต่อแทบไม่ลงคอ เธอวางช้อนลงค่อยๆ เงยหน้าสบสายตาพี่ชาย ก่อนน้ำตาจะคลอเอ่อดวงตาคู่หม่นอีกครั้ง นั่นสิ...ธเนศชอบกินเต้าทึงมาก และปกติเวลามาด้วยกันเธอก็จะนั่งมองเขากิน ส่งยิ้มให้พลางพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พักหลังมาเธอยิ้มมากขึ้นยามอยู่กับเขา
คิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็ไหลเป็นทาง สีดาก้มหน้าไม่กล้าสบตาพี่ชายอีก ด้านรามฤทธิ์จับมือให้กำลังใจน้อง ก่อนแนะแนวทางอย่างคนโตแล้ว
“ต้องบอกพี่แดนนะ เขาต้องดีใจที่รู้ว่าจามีลูก”
“แต่พี่แดนเพิ่งไปเองนะพี่เดี่ยว ถ้ากลับมาโดยที่เรียนไม่จบพี่แดนก็จะไม่ได้เป็นอาจารย์อีก เขาอาจทะเลาะกับแม่กับพ่อถึงขั้นตัดความสัมพันธ์ จาเคยได้ยินตอนพี่แดนคุยโทรศัพท์กับที่บ้าน” สีดาเป็นห่วงธเนศที่หนึ่ง ทำให้มองข้ามความรู้สึกที่แท้จริงของเขาไป
“แล้วจะยังไง เลี้ยงลูกคนเดียวเหรอ”
“พี่แดนจะไปเรียนนานไหม” สีดาเงยหน้าถาม หวังใจว่าถ้าไม่นานเธอจะรอเขากลับมา หากรามฤทธิ์ไม่แน่ใจ
“ไม่รู้ แต่ไม่คิดบ้างเหรอว่าพี่แดนอาจมีใครเข้ามาสักคน พวกเขาอาจคบกันแล้วแต่งงาน แต่ถ้าแกบอกตอนนี้ยังไงเสียพี่แดนก็ต้องรับผิดชอบ”
“แต่เราเลิกกันแล้ว” เธอว่าอย่างนั้น
“เลิกกันแล้วก็จริง แต่พี่แดนไม่ได้เลิกรักแกหรอก”
สีดาคิดตามแต่ไม่ออกความเห็นใดๆ กระทั่งขึ้นรถมาก็ยังคงนึกถึงคำพูดพวกนั้นตลอด สุดท้ายจึงตัดสินใจหันมาบอกรามฤทธิ์
“ก็ได้ จาจะบอกพี่แดน”
“เออ ให้มันได้อย่างงี้ดิ หลานลุงจะได้มีทั้งพ่อและแม่ครบ”
บรรยากาศดีขึ้นเมื่อสีดาตั้งมั่นจะบอกความจริงเรื่องเด็กให้ธเนศรู้ หากสิ่งที่คิดกับสิ่งที่ฝันมักตรงข้ามกัน เพราะเมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงบ้านพจน์ก็นั่งรอสะสางเรื่องยุ่งเหยิงอยู่แล้ว ทั้งเดือนยังเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จาสักคำ
“แกท้องกับใคร?” นั่นเป็นประโยคแรกที่สีดาได้ยินจากปากพ่อ เธอเดินเข้ามานั่งตรงข้ามท่านทั้งสอง น้ำตาไหลนองราวกับฝนโปรย
“คือหนู...” สีดาอ้าปากเตรียมจะอธิบายแต่
“บอกมา! พ่อจะตามไปฆ่ามันด้วยมือของพ่อเอง มันต้องตายมันต้องฉิบหาย”
สีดามือเกร็งไม่กล้าสบตาพ่อ หันมาขอความช่วยเหลือจากรามฤทธิ์ซึ่งชายหนุ่มก็จนใจ ด้วยรู้ดีว่าอารมณ์บิดาเปรียบเสมือนลาวาลูกใหญ่ และตอนนี้ลาวาก็กำลังปะทุเต็มที่แล้ว
“ส่วนแก! แกที่พ่อเฝ้าฟูมฟัก เฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก ส่งเสียให้เรียนให้ชีวิตที่ดีมาตลอด แต่ต่อจากนี้จะยังไงล่ะ? เรียนต่อก็ไม่ได้แถมยังเป็นภาระให้ฉันกับแม่ของแกอีก ทุกวันนี้ฉันเหนื่อยไม่พอใช่ไหม? ถ้าเอากันถึงขั้นท้องป่องได้ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองได้ ไปตามมันมาหาฉัน...แต่ถ้าไอ้หน้าตัวเมียมันไม่มาแกก็ขนข้าวของย้ายไปอยู่กับมัน” พจน์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่ตะคอก ไม่ตวาด หรือไม่เสียงดังเหมือนที่เคย ด้วยวันนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะทำอย่างนั้น...
“พ่อ แม่ว่าใจเย็นๆ ก่อนเถอะนะ ให้ลูกมันได้พูดบ้าง” เดือนสงสารทั้งสามี และลูก หากนาทีนี้ลูกมาเป็นอันดับหนึ่ง นางจับมือสีดาพูดขึ้นว่า
“บอกพ่อเขาเถอะจา ใครเป็นพ่อของเด็ก”
สีดาอึดอัดใจจนกลายเป็นความกดดัน และเมื่อถูกกดดันเข้ามากๆ หัวสมองของเธอก็ร้าวระบมยังกับโดนไม้หน้าสามฟาดมา เริ่มมีอาการปวดหัวปวดกระบอกตาจนมองเห็นบิดาแทบไม่ชัด ความกลัวก่อตัวขึ้นในใจ เธอไม่สามารถทำร้ายใครได้ และเด็กคนนี้ก็ไม่ควรเกิดมาเป็น ‘ภาระ’ ของใครทั้งนั้น
“หนูขอโทษนะพ่อ หนูคิดว่าคงทำให้ใครเสียใจไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเด็กคนนี้เกิดมาแล้วทำให้ทุกคนลำบากใจ...งั้นหนูจะเอาเขาออก”
เผียะ! ยังไม่ทันจบประโยคดีพจน์ก็เด้งตัวจากที่นั่ง ฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าสีดาจนร่างบางกระเด็นร่วงจากเก้าอี้ลงไปกองอยู่ที่พื้น เดือนกรีดร้องเหมือนคนบ้าในขณะที่รามฤทธิ์เข้าห้ามพ่อเพราะกลัวท่านจะกระหน่ำทำร้ายสีดาอีกครั้ง
“ฮือออ”
สีดาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เธอเสียใจยามเห็นแม่ร้องไห้ ปวดร้าวจนทานทนไม่ไหวด้วยรู้ดีว่าพ่อ ‘ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย’ พ่อรักเธอมากและท่านก็ไม่มีวันเกลียดเธอได้
“ฉันพูดสักคำไหมว่าให้ทำอย่างนั้น ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะมีความคิดชั่วช้าฆ่าเขาได้ลงคอ” พจน์ใจสลายน้ำตาไหลเป็นทาง ก่อนหันหลังเดินขึ้นชั้นบน
สีดาเสียใจที่ทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เดือนเข้ามากอดร่างบุตรสาวไว้แนบอก ส่วนรามฤทธิ์ตัดสินใจเดินตามพ่อขึ้นมา หากภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้เขาเข่าอ่อนแทบจะทันที
แผ่นหลังของพ่อที่ไหวสั่นด้วยความเสียใจ ทั้งน้ำตาลูกผู้ชายยังรินไหลไม่ขาดสาย จำไม่ได้เหมือนกันว่าพ่อร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่...น่าจะเป็นวันสุดท้ายที่ต้องเผาย่าเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว หากวันนั้นที่ย่าเสียพ่อยังร้องไห้ไม่หนักเท่าวันนี้...
วันที่รู้ว่าลูกสาวสุดรักสุดหวงตั้งท้องในวัย 19 ปี...
รีอัปลมหวนทวงรัก เพื่อเป็นตัวอย่างในการตัดสินใจซื้อนิยายจ้า อัปให้อ่าน 70% ของเนื้อหาทั้งหมดค่ะ สนใจกดซื้อนิยายผ่านเมบได้ที่ลิงก์ด้านล่างค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

❤️❤️❤️❤️❤️❤️