ตอนที่ 17 : บทที่ 6.2 หวั่นไหว
“หยุดดื้อสักเดี๋ยวเถอะ พี่จะอุ้มเธอไปจากที่นี่”
“ไม่ต้อง! ไปเองได้”
ดูเหมือนจะไม่ได้ยินที่เขาขอร้องว่าให้หยุดดื้อ วีชนัฏจีบปากจีบคอพยศจนหยดสุดท้าย โซลเหนื่อยหน่ายตัดสินใจพูดอีกครั้ง
“วีชนัฏ ถ้าไม่ให้ฉันอุ้มกลับไปล่ะก็ ฉันจะปล้ำเธออวดทะเลซะเดี๋ยวนี้ ตอนนี้อารมณ์อยากของฉันกำลังกรูเข้ามาซะด้วยสิ”
“นี่! อย่ามาพูดจาสกปรกนะ หนูจะไม่ให้คุณทำเลวกับหนูเป็นครั้งที่ส...อื้อ!”
ไม่ทันจบประโยคดวงตาก็เบิกโพลงเป็นประกาย เมื่อปากร้อนจูบลงมาที่ปากของเธอ วงแขนแกร่งโอบเอวคอดหลวมๆ ยกมือลูบไล้ทั่วแผ่นหลังบาง คนไม่เคยถึงกับหายใจหายคอไม่ทันหลับตาพริ้มเหมือนคนเมา ใช่! เธอกำลังเมาในรสจูบอย่างมิอาจต้านทาน
“อื้อ!”
เสียงอู้อี้ครางประท้วงยามมือนั้นเลื่อนไปยังแผ่นหลัง ปลดตะขอเสื้อในเธอออกอย่างช่ำชอง เข่าของเขาแทรกกลางลงมายังหว่างขาเรียวด้วยความชำนิชำนาญ หัวเข่าใหญ่ถูไถแนบชิดติดความเป็นหญิงอย่างวาบหวาม
“ไม่ไหวแล้ว”
โซลถอนจูบรสเลิศ กระซิบบอกเด็กน้อยสิ้นฤทธิ์เสียงแหบแห้ง วีชนัฏหายใจแรงจนหน้าอกคู่งามภายใต้อาภรณ์กระเพื่อมขึ้นลง พร้อมกันนั้นบราตัวโปรดของเธอยังเผยอให้เห็นเล็กน้อย โซลกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังเมื่อเห็นยอดถันชูชันยันอาภรณ์อย่างท้าทาย
“ขอได้ไหม” เขาหน้าด้านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“จะบ้าหรือไง อย่านะ!”
วีชนัฏพยายามเบี่ยงหนี ใช้มือปิดของสงวนไว้อย่างหวนแหน โซลหัวเราะหึ
“รู้แล้วใช่ไหม ว่าฉันน่ะกล้าปล้ำเธอตรงนี้แน่นอน เพราะฉะนั้นไม่ควรขัดคำสั่งฉัน”
คนถูกขู่จ้องเขม็ง เธอเชื่อแล้วว่าคนอย่างเขากล้าทำอย่างที่พูดจริงๆ โซลยืนเต็มความสูงยกมือลูบหน้าเพราะต้องการสดับอารมณ์ระอุให้มอดลง เขาหันหลังให้เธอก่อนย่อตัวลงอีกครั้ง
“ขึ้นมา” พูดสั้นๆ
“...”
วีชนัฏมองแผ่นหลังนั้นทั้งที่หน้าร้อนวาบ โซลหันกลับมามองคนดื้อดึง ทำเสียงเจ๊าะแจ๊ะอย่างรำคาญ
“สงสัยอยากลองดี”
“ไม่ขึ้นได้ไหม พยุงหนูเดินเถอะ” เธอต่อรองเสียงแผ่ว
“ไม่ได้! มันช้า...ขึ้นมาบนหลังฉันเดี๋ยวนี้”
“โอ๊ยยย! หยุดสั่งสักทีได้ไหม แล้วคุณมาปลดตะขอเสื้อในทำไมเล่า เห็นไหมว่ายังไม่ได้ติดเลย แล้วจะให้ขึ้นไปเกาะหลังคุณได้ไง จะเดินไปห้องน้ำยังไงก็ไม่รู้เท้าก็ดันมาเป็นแผลอีก ฮือๆ”
โซลหันกลับมาหาเด็กน้อยเต็มตัว ปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น วีชนัฏตาขวาง... ไม่ได้ไม่ดีอะไรก็หัวเราะใส่ หรือไม่ก็สั่งเธอราวกับเป็นเจ้าชีวิต
“มา เดี๋ยวพี่ติดให้”
เขาพูดแทนตัวเองว่าพี่ ก่อนเดินอ้อมไปด้านหลังและจัดการลูบไล้หาสายเสื้อในต้นเหตุบนอาภรณ์
“ถ้าไม่ติดว่าใส่ชุดกระโปรงมาล่ะก็ พี่คงล้วงเข้าไปติดให้ง่ายกว่านี้”
กระซิบหลังใบหู คนฟังถึงกับตัวร้อนวาบ ใบหน้าขาวแดงปลั่งทันตาเห็น โซลเดินกลับมาตรงหน้า หันหลังโค้งตัวให้สัญญาณ
“ขึ้นมาได้แล้ว เย็นมากแล้ว”
วีชนัฏมองแผ่นหลังกว้างอย่างชั่งใจ คิดแล้วคิดอีกว่าจะเอาอย่างไรดี
“นี่! เดี๋ยวก็เจอชุดใหญ่หรอก เร็วๆ”
เขาตะคอกสั่ง คนถูกตะคอกหน้าง้อง้ำค่อยๆ คลานขึ้นหลังเขาแต่โดยดี เมื่อร่างแนบชิดแผ่นหลังกว้างโซลถึงกับยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขย่าหญิงสาวบนหลังหนึ่งครั้งก่อนเริ่มเดินไปตามชายหาดยาว ขาเรียวเสลาโอบเกี่ยวสะโพกสอบอย่างฝากฝัง
“กอดพี่แน่นๆ นะ”
แขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่งหลวมๆ เธอแทบไม่กล้าทิ้งน้ำหนักตัวลงบนแผ่นหลังเขาด้วยซ้ำ
“เกร็งอยู่ใช่ไหม? รู้ไหมว่าถ้ายิ่งเกร็งมันก็ยิ่งทำให้พี่หนัก และถ้ายิ่งหนักก็จะทำให้เดินช้าลง”
เธอค่อยๆ ผ่อนตัวช้าๆ ไม่ใช่ว่ากลัวเขาหรอกนะ แต่เพราะอยากให้ถึงบ้านไวๆ ต่างหากเล่า ด้วยเหตุนี้จึงยอมอ่อนข้อให้เขาแต่โดยดี...
“เจ็บมากหรือเปล่า” เหลือบมองแผลที่เท้าซ้าย
“ค่ะ เจ็บ” คนข้างหลังตอบเสียงแผ่ว
“ทีหลังอย่าเดินหนีพี่อีกนะ”
“ก็เพราะคุณนั่นแหละที่ทำให้ต้องหนี” เธอเถียง
“พี่ขอโทษ พี่อารมณ์เสียจากที่อื่นมากไปหน่อยเลยพาลเหมือนหมาบ้า หายโกรธพี่นะ”
ขอโทษ! นี่โซลพูดขอโทษกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้วหรือ วีชนัฏจะรู้บ้างไหมว่าเจ้าตัวทำให้ชายผู้หยิ่งผยองหลุดอะไรต่อมิอะไรเสียมากมาย ความบ้าบอและเจ้าอารมณ์ที่เขาแสดงให้เห็นในวันนี้ ถ้ามองดีๆ ก็จะเห็นความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีให้ใครปรากฏออกมาด้วย ใบหน้านวลแดงระเรื่อยิ้มรับคำขอโทษ ค่อยๆ ซบหน้าลงบนไหล่กว้าง โซลไม่รู้สึกหนักเลยสักนิดที่มีหญิงสาวอยู่บนแผ่นหลัง ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกสุขสมจนไม่อยากให้ทางเดินบนชายหาดสิ้นสุด
“วีต้า...”
“คะ?”
วีชนัฏชะโงกหน้ารอฟัง เป็นจังหวะเดียวกับที่โซลหันมาทำให้จมูกทั้งคู่ชนกัน เธอใจเต้นโครมครามไม่กล้าสบตาเขา
“ไม่เคยใกล้ใครแบบนี้ใช่ไหม”
“...”
ความเงียบตอบทุกอย่างได้ดี ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์เป็นฝ่ายหันหน้ามองทางดังเดิม
“ไว้ผมยาวตลอดเลยเหรอ” เขาถาม
“ค่ะ ตั้งแต่เด็ก”
“พี่เห็นรูปเธอตอนเด็กๆ ... น่ารักมาก”
เพียงเขาพูดอะไรเล็กๆ น้อยๆ วีชนัฏก็ฉีกยิ้มกว้าง ตลอดทางเดินนอกจากเสียงคลื่น เสียงเขา เธอยังได้ยินเสียงหัวใจของเราทั้งคู่...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
