ตอนที่ 29 : บทที่ 10.2 หัวใจทำงานหนัก
เขารีบยกหลังมือแตะหน้าผากนวล คำตอบที่ได้รับทำให้ชายหนุ่มหนักใจ มีสีหน้านิ่งขรึมทันที ร่างกายหญิงสาวร้อนราวน้ำเดือดภรพัฒน์ผุดลุกขึ้นยืนคว้าผ้าห่มผืนใหญ่มาห่มให้คนตัวน้อย
โถสีขาวรองน้ำอุ่นวางอยู่ข้างเตียงนอน เขาบิดผ้าขนหนูผืนเล็กแรงๆ ก่อนจะพับทบและนำมาเช็ดตัวให้เธอ ไม่ว่าจะเช็ดจะลูบไปจุดไหน เขาก็มีอารมณ์อยากไม่สิ้นไม่สุด แต่ความเป็นห่วงเธอนั้นมีมากกว่า เขาจึงทำได้...แค่มอง
ชุดนอนของรินธาราถูกสวมให้เอื้อมทรายอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาไม่รู้ว่าจะหาชุดไหนมาให้เธอเปลี่ยน ในตู้ก็มีแต่ชุดของเขาแลรินธาราเท่านั้น ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ ร่างน้อยก่อนจะประคองกอดให้เธอลุก ยาสองเม็ดอยู่ในมือของเขาแต่สาวเจ้าไม่ยอมเปิดปาก เพราะฉะนั้นยาสองเม็ดจึงถูกกรอกเข้าปากของเขาก่อนจะดื่มน้ำตาม มือหนาข้างหนึ่งบีบอุ้งปากน้อยให้อ้าออก ประกบปากลงบนปากน้อย ใช้ลิ้นหนากดลิ้นเล็กแน่น ก่อนจะป้อนยาพร้อมน้ำอย่างนุ่มนวล ปากจิ้มลิ้มเผยอเม้มเล็กน้อย คุณหมอจำเป็นยิ้มนิดๆ ก่อนจะจูบปากคนตัวเล็ก
เขาคอยดูแลเธอทั้งคืน คอยเช็ดตัว วัดไข้ไม่ได้ห่างหาย ยามเธอหนาวเขาก็โผเข้ากอด ให้ความอบอุ่นจนร่างน้อยหยุดเพ้อ เรืองรองโทรหาลูกชายเป็นสิบยี่สิบสาย แต่ลูกเทวดาของเขาก็ไม่สนใจจะรับ มิหนำซ้ำยังปิดเครื่องหนีอีกต่างหาก คนเป็นแม่ร้อนอกร้อนใจ ลูกตัวไม่เท่าไหร่ แต่หนูทรายคนสวยล่ะสิ ป่านนี้จะเป็นอย่างไรหนอ
เสียงคนคุยโทรศัพท์ข้างๆ หูทำให้คนนอนอยู่รู้สึกตื่น เปลือกตานวลพยายามปรือลืมอย่างยากลำบาก อาการปวดศีรษะก็ยังคั่งค้างอยู่ ซ้ำยังเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวจนไม่อยากขยับไปไหน เมื่อปรับสมดุลร่างกายได้ตาทั้งสองข้างก็ลืมขึ้นช้าๆ ภาพแรกที่เห็นตรงหน้าทำให้คนป่วยไม่อยากลืมตาขึ้นมาเสียอย่างนั้น น้ำตาเอ่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว กรอบรูปขนาดกลางที่ตั้งอยู่ข้างหัวเตียงทำให้ร่างน้อยร้าวระทม ในภาพนั้นคนทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างสดใส ทั้งริมฝีปากยังแนบชิดจูบกันอย่างดูดดื่ม หากคนนอนมองอย่างเธอใจแทบจะขาดรอนๆ เพราะต้องทนมองมัน ยิ้มของเขาดูสดใสและอบอุ่นอย่างมากยามได้อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนั้น เขากอดเธอไว้แนบแน่นอย่างหวงแหน เขาคงรักเธอมากใช่ไหม มากเกินกว่าจะหันมาสนใจผู้หญิงคนอื่น
“ครับ เดี๋ยวผมจะพาเขากลับไป บ่ายๆ ได้ไหมครับ ผมยังไม่ได้นอนเลย” ลูกชายโอดครวญต่อรอง
“ห้ามทำอะไรน้องนะเก้า ถ้าน้องบุบสลายตรงไหน แม่เอาเราตายจริงๆ นะ”
เรืองรองขู่ลูกชายตัวดีผ่านโทรศัพท์
“เขาไม่สบายนะครับแม่ ผมจะทำอะไรเขาล่ะครับ อีกอย่าง...ผู้หญิงอย่างยายนี่ให้ฟรีผมยังไม่อยากจะเอานิ้วไปเฉียดเลย”
เขาโกหกคำโต มารดาได้ยินถึงกับควันออกหู
“ไม่มีใครให้แกฟรีๆ หรอกตาเก้า แม่เสียค่าสินสอดให้หนูทรายไปเยอะ เด็กคนนี้ไม่ใช่ของข้างถนน แกจะทำเหมือนน้องเป็นของเล่นไม่ได้ ก่อนห้าโมงเย็นแม่ต้องเห็นเก้าพาน้องกลับบ้าน”
คุณแม่กระแทกหูโทรศัพท์ดังโครม ผู้เป็นลูกชายจี๊ดขึ้นมาในหูอย่างตกใจ
หญิงสาวสะอื้นไห้จนไม่สามารถกลั้นเสียงที่พยายามอัดอั้นได้ ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของร่างน้อยที่นอนหันหลังให้ เขาเดินเข่าขึ้นมาบนเตียงนุ่มด้วยความไว
“เอื้อมทราย เป็นยังไงบ้าง”
เขายกมือแตะไหล่สั่นสะท้าน ทว่าร่างน้อยกลับสะบัดมือเขาออกอย่างรังเกียจ ก่อนจะผุดลุกด้วยความไว หญิงสาวซวนเซเพราะเกิดอาการหน้ามืดกะทันหัน เขาโผเข้ารับร่างน้อยด้วยความเป็นห่วง
“ปล่อย!”
เธอสั่งเสียงแข็ง หากมือของเขากลับรัดร่างนุ่มนิ่มไว้แน่น ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าขาวซีดเปื้อนน้ำตาในอ้อมกอด เธอคงได้ยินที่เขาพูดกับมารดาสินะ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้น” เขาพูดโอนอ่อนเสียงนุ่ม แต่คนฟังกลับยิ้มหยันไม่สนใจ
“จะตั้งใจหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไม่สนใจ ปล่อย!”
เธอตอบเสียงสะบัดก่อนจะดิ้นหนีเขาอีกหน ทว่าเขากลับโอบกอดร่างเธอเต็มแรง เขากอดแน่นจนคนถูกกอดหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง มันปั่นป่วนไปหมดยามเขากอดเขารัด แต่ความน้อยใจและเสียใจกลับมีมากกว่าอารมณ์วาบหวาม เธอพยายามดิ้นและสะบัดตัวอีกครั้ง
“อย่าดิ้นไปมากกว่านี้ หน้าอกของเธอกำลังเสียดสีกับร่างเปลือยของฉันอยู่ ถ้าไม่อยากโดนตอนนี้ก็หยุดเสีย”
คำพูดประกาศิตทำเธอหยุดกึกในทันที แต่กระนั้นมือน้อยทั้งสองข้างก็ยังตีหลังบึกบึนรัวๆ
“ตีเลย ถ้าตีฉันแล้วมันจะทำให้เธอดีขึ้น ทำให้เธอหายโกรธ...”
หญิงสาวน้ำตาไหลพราก เธอเจ็บปวดทุกทีที่นึกถึงเรื่องที่เขาทำกับเธออย่างหมาข้างถนน ยิ่งคิดยิ่งแค้น ยิ่งคิดยิ่งโกรธ เล็บขาวสะอาดข่วนเขาแรงๆ คนโดนข่วนกระอักด้วยความเจ็บแสบ เขาอยากจะจับยายลูกเสือกด...
“เธอดีขึ้นหรือยัง”
เขาถามด้วยความนุ่มนวล หากเธอกลับเงียบไม่ตอบ ใบหน้านวลขาวจ้องมองข้างหน้าอย่างครุ่นคิด คางเรียววางเกยที่ไหล่หนาอย่างลืมตัว
วงแขนกว้างกระชับกอดร่างน้อยแน่น กดจมูกสูดผมหอมละมุน ซุกไซ้คลอเคลียแก้มแดงปลั่ง ร่างน้อยร้อนวูบไหวไปทั่วกายยามเขาซุกไซ้ ลูบไล้ตามร่างกาย
“อย่า!” เธอห้ามเขาเสียงพร่าสั่น แต่เขาหาฟังไม่ ฝ่ามือใหญ่ไล้วนตามสีข้างอย่างลุ่มหลง
“ก่อนที่คุณจะทำอะไรฉัน คุณช่วยมองดูรูปผู้หญิงคนนั้นที่ข้างหัวเตียงของคุณด้วย”
เขาหยุดการรุกรานฉับพลัน ก่อนจะหันไปมองรูปคืนวันอันชื่นมื่นของเขากับรินธารา หัวใจปวดหนึบขึ้นมาอย่างหนักหน่วง เขาปล่อยร่างน้อยให้เป็นอิสระทันที หญิงสาวน้ำตาร่วงเผาะ เธอจ้องหน้าเขาหากแต่เขายังคงมองภาพนั้นนิ่ง
“ต่อไปนี้กรุณาอย่าทำกับฉันแบบนี้อีก ฉันไม่ใช่อีตัว”
พูดเองก็เจ็บเอง พูดเองก็นึกสมเพชในตัวเอง เขาหันมาจ้องเธอตาเขม็งอีกหน
“อย่าปากดีเอื้อมทราย แล้วอย่าเอารินธารามาเป็นเครื่องต่อรองในความอยู่รอดของเธอ”
แววตาเขาลุกวาวอย่างน่ากลัว
“ฉันไม่ได้ต่อรอง คุณรักเธอแล้วคุณจะทำอย่างนี้กับฉันทำไม”
เธอเถียงเขาเสียงอ่อนระโหย เธอเหนื่อยและเพลียเหลือเกิน
“ใช่ ฉันรักรินธารา แล้วยังไง? ทำไมฉันจะมีอะไรกับเธอไม่ได้ คนเราเวลามีอะไรกัน ต้องรักกันอย่างนั้นหรือ”
น้ำเสียงของเขาเย้ยหยันจนร่างน้อยจนมุม เธอไม่ได้จนมุมในคำพูดของเขา แต่เธอกำลังจนมุมหัวใจของตัวเอง ก้อนเนื้ออกซ้ายเต้นอ่อนลงอย่างหมดแรง ทุกส่วนสัดบีบรัดหัวใจดวงน้อยๆ ไม่ไปไหน มันอึดอัดและรวดร้าวเกินกว่าจะหายใจต่อไป ร่างน้อยซวนเซล้มลงบนที่นอน แต่เขากลับยืนมองราวกับว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร เอื้อมทรายหันหน้าไปอีกทางเพื่อหนีสายตาคนใจร้าย
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ไอ้ชุดที่เธอใส่อยู่ตอนนี้มันก็เป็นชุดของริน ห้องที่เธออาศัยหลับนอนมาทั้งคืนมันก็เป็นของฉันกับเขา เตียงที่เธอนั่งง่อยอยู่ตอนนี้ มันก็เป็นที่ๆ ฉันกับรินเคยมีความสุขด้วยกัน”
เขาประกาศกร้าวเสียงดัง เอื้อมทรายเจ็บร้าวทั้งหัวใจ เขาไม่เคยแคร์และสนใจเธอเลยสักนิด
“แล้วฉันควรทำยังไง ฉันควรถอดชุดนี้คืนคุณใช่ไหม...ได้ ฉันจะถอดชุดนี้ทิ้งแล้วออกไปจากห้องที่เป็นของคุณกับเธอ”
หญิงสาวลุกขึ้นยืนถอดชุดนอนผ้าเนื้อดีออกอย่างไม่อายสายตาเขา สองเท้าจ้ำอ้าวเข้าไปในห้องน้ำปล่อยคนใจร้ายยืนอึ้งตัวแข็งอยู่เช่นนั้น
หญิงสาวล้มลงกับพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง สภาพร่างกายของเธอเปลือยเปล่าจนหนาวเหน็บ เหมือนพิษไข้จะกลับมาเล่นงานเธออีกระรอก แขนเรียวนั่งกอดเข่าตัวเองอย่างร้าวระทม สภาพของเธอในตอนนี้ยิ่งกว่าอีตัวตามข้างถนนเสียอีก อย่างน้อยคนพวกนั้นเขาก็ยังมีเสื้อผ้าสวมใส่ แต่เธอสิ! ไม่มีแม้กระทั่งอาภรณ์ชิ้นน้อยปกปิดของสำคัญ
เกลียดคุณเก้า สงสารน้องทราย ก็อย่าลืมเมนต์ให้กำลังใจกันบ้างนะคะ คนเขียนชอบอ่านนะเออ! จะได้มีกำลังใจค่ะ
ผู้ชายดีแต่ปาก แถมปากแข็งอีก ...