ตอนที่ 8 : เจ้าบ่าวกำมะลอ
ตอนที่ 8
บรรยากาศภายในห้องน่าอึดอัดยิ่งกว่านรกขุมไหน อิชยามองร่างสูงใหญ่ราวกับเคียดแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน เธอสาวเท้าเข้าไปใกล้ก่อนจะย้ำถามอีกหน
“พี่บิวอยู่ที่ไหน” เธอเสียงแข็งอย่างไร้มารยาท แต่อีกฝ่ายยังนิ่งงัน
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันถามว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้ว่าแฟนของเธออยู่ที่ไหน”
“โกหก! แล้วไอ้ที่คุยเมื่อกี้มันใครล่ะ คุณคุยกับหมางั้นเหรอ”
ศราวินมองคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ เขารู้ว่าเธอโกรธแค่ไหน แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอควรจะให้เกียรติเขาบ้างในฐานะพี่ของคนรัก แต่นี่อะไร...
“ฉันคุยกับบิวจริง”
“นั่นไง แล้วเขาว่ายังไงล่ะ คุณจะเงียบหาอะไร มีอะไรก็บอกฉันมาสิ...บอกฉันมานะ”
เพราะนิสัยใจร้อนของฝ่ายหญิงทำให้เธอเผลอทุบรัวที่แผงอกกว้างอย่างรุนแรง กำปั้นน้อยทุบเขาไปน้ำตาไหลไป อีกไม่กี่นาทีก็จะเริ่มงานแล้วแต่เจ้าบ่าวของเธอก็ยังไม่มา
“ยกเลิกงานแต่งงานวันนี้ซะ”
ศราวินบอกเจ้าสาวคนสวย เขาพูดในสิ่งที่เธออยากรู้มากที่สุดออกไปแล้ว คนฟังตะลึงงัน...เธอได้ยินผิดหรือเปล่า หากคำพูดที่แล่นเข้าโสตประสาทไปเมื่อกี้มันทำหน้าที่ต่อร่างกายไวเหลือเกิน อิชยายืนตัวแข็งขยับไปไหนไม่ได้
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ” เสียงสั่นเครือย้ำถามอีกครั้ง
“บิวฝากให้ผมมาบอกคุณว่าให้ยกเลิกงานแต่งงานในวันนี้ซะ เขาฝากขอโทษคุณ และขอให้เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย”
“ฮึ! ครอบครัวคุณกำลังเล่นตลกอะไรกับฉัน วันนี้เป็นวันสำคัญของฉันนะ แล้วนี่อะไร? ทุกคนกำลังทำบ้าอะไรกันอยู่ ขอให้เข้าใจในสิ่งที่ทำงั้นเหรอ แล้วไหนล่ะสิ่งที่ฉันต้องเข้าใจน่ะ แค่พี่บิวหายตัวไปฉันต้องเข้าใจเขางั้นเหรอ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันห๊า”
อิชยาตะโกนใส่หน้าศราวินเสียงดัง เจ้าสาวเหมือนโดนซาตานเขาสิงก็ว่าได้ ตอนนี้คำว่าสติได้หลุดลอยไปไกลแสนไกลเมื่อจู่ๆ มาได้ยินเรื่องช็อกเข้าที่ใจอย่างนี้ ศราวินไปไม่เป็นเขาเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงคนนี้ดี เธอไม่ผิดเลยสักนิด
“เอามา! เอาโทรศัพท์มาฉันจะโทรไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”
เมื่อคนตรงหน้าเอาแต่นิ่ง คนถามเริ่มหมดความอดทน อิชยาผวาแย่งโทรศัพท์ในมือของเขา ศราวินเบี่ยงกายหนีพัลวัน
“เธอไม่มีสิทธิ์ อย่าทำแบบนี้”
“เอามันมาให้ฉัน ฉันจะโทรไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”
“ที่ผมบอกไปคุณยังไม่รู้เรื่องอีกรึไง”
เหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ อิชยาน้ำตาร่วงเผาะก่อนจะหมดแรงฟุบลงไปกับพื้นพรมของห้อง ศราวินชะงักกึก ร่างสูงค่อยๆ ย่อกายลงมาหมายจะปลอบร่างเล็ก
“ผมรู้ว่าคุณคงช็อก แต่น้องชายของผมก็มีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่สามารถให้ใครรับรู้ได้”
“แต่ฉันเป็นคนที่เขารักนะ และก็กำลังจะเป็นคู่ชีวิตของเขา ทำไมมีอะไรเขาไม่มาบอกฉันตรงๆ”
เธอตอบทั้งๆ ที่ก้มหน้า สายตาของอิชยาเหลือบมองโทรศัพท์ในมือของศราวิน เธอหมายจะช่วงชิงยามเขาเผลอ และเธอก็ทำได้สำเร็จ
“ไทม์อย่า!”
หญิงสาวอาศัยช่วงที่เขาสงสารเธอจับจิตแย่งมันมาจากมือ ศราวินร้องห้ามเสียงดัง เรื่องราวมันชักจะยุ่งไปกันใหญ่แล้ว เมื่อโทรศัพท์อยู่ในมืออิชยาไม่รอช้าเธอหันหลังกดเบอร์โทรออกทันที...สายที่โทรเข้ามาเมื่อกี้ต้องเป็นเบอร์ของพี่บิวชัวร์
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...”
เสียงคอลเซ็นเตอร์ให้ฝากหมายเลขโทรกลับทำให้เจ้าสาวเจียนจะบ้าตาย เธอกดย้ำอีกครั้งพร้อมหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจ
“โทรไม่ติด ฉันติดต่อเขาไม่ได้” เธอหันมาบอกเจ้าของเครื่อง
“ฉันบอกเธอแล้วไงว่าฉันก็รู้พอๆ กับที่เธอรู้ อีกอย่างสิ่งที่ฉันรู้ฉันก็บอกเธอไปหมดแล้ว”
“ยกเลิกงานแต่งวันนี้งั้นเหรอ พวกคุณบ้าไปแล้วรึเปล่า รู้มั้ยว่าฉันเตรียมงานวันนี้มานานเท่าไหร่ เราสองคนรักกันมากี่ปีกว่าจะมีวันนี้ได้...แล้วนี่อะไรกัน ทำไมอยู่ๆ เขาถึงทำแบบนี้กับฉันทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เรายังดีๆ กันอยู่เลย ทำไม! ทำไม! ทำไม!”
อิชยาเหมือนคนบ้าเธอต่อว่าเขาก่อนจะร้องกรี๊ดแล้วปาโทรศัพท์ของศราวินออกไปสุดแรงแขน โทรศัพท์เครื่องหรูกระจายลงพื้นไปต่อหน้าต่อตาของคนทั้งคู่ ตามด้วยเสียงร้องไห้โฮของฝ่ายหญิงที่ดังลั่นไปทั่วทั้งห้องจนนางพิมพ์อรที่แอบฟังอยู่นานต้องหอบสังขารของตนเองออกมาดู
“หนูไทม์” นางเรียกว่าที่ลูกสะใภ้เสียงเครือ รายนั้นจ้องทุกคนตาเขม็ง
“แม่...แม่ขอโทษลูก”
พิมพ์อรสะอื้นไห้ ศราวินเข้าประคองมารดาที่พยายามจะเดินไปกอดหญิงสาวที่ยืนสะอื้นตัวโยน
“ขอโทษเหรอคะ วันนี้ไทม์จะได้ยินแต่คำนี้ใช่ไหม”
“อิชยาให้เกียรติแม่ผมด้วย ท่านไม่รู้เรื่อง”
“ฉันไม่รู้ ไม่สนว่าใครจะรู้อะไรรึเปล่า แต่สิ่งที่ฉันรู้ก็คือ...ครอบครัวของพวกคุณทำฉันเจ็บมาก ฉันจะต้องอับอายมากแค่ไหนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า”
คนพูดปล่อยโฮออกมาอีกหนก่อนจะหันหน้าหนีสองคนแม่ลูกไปอีกทาง มือเรียวทั้งสองปิดหน้าตัวเองร้องไห้ราวจะขาดใจ เธอล่ะเกลียดครอบครัววัชรประพันธ์เหลือเกิน ศราวินมองแผ่นหลังร่างระหงด้วยหัวใจที่รวดร้าวพอกัน อิชยากลายเป็นคนพาลไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“บิ๊กแม่จะทำยังไงดีล่ะลูก ตอบแม่ทีแม่ควรทำยังไง”
“ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้แล้วครับ เดี๋ยวผมจะลงไปจัดการทุกอย่างเอง คุณแม่รอผมอยู่บนนี้ได้ไหม”
“จัดการงั้นเหรอ คุณจะทำอะไร”
“ผมจะลงไปยุติงานในวันนี้”
“ไม่! ฉันไม่มีทางปล่อยให้งานวันนี้พังหรอกนะ อย่ามาตัดสินแทนคนอื่น”
“หนูไทม์ค่อยๆ พูดกับพี่เขาเถอะลูก พี่เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ”
“หนูจะไม่ค่อยๆ พูดกับใครทั้งนั้น พวกคุณทำหนูได้ หนูก็ทำพวกคุณได้เหมือนกัน คุณศราวิน...แค่ฉันมองตาคุณ ฉันก็รู้หมดแล้วว่าคุณน่ะรู้ทุกอย่าง”
ฝ่ายชายหลบตานิ่ง จะให้คนเป็นพี่แฉน้องชายตัวเองได้อย่างไร เรื่องนี้เขาอยากให้ทุกคนได้ยินจากปากของเวทิศเองมากกว่า
“ตายแล้วยายไทม์ เกิดอะไรขึ้น”
อักษิกาซึ่งเดินเข้ามาทีหลังเห็นภาวะอันตึงเครียดภายในห้องถึงกับต้องร้องทัก เจ้าสาวแสนสวยเมื่อครู่นี้ไม่มีอีกแล้ว ลูกสาวของเธอมีแต่คราบน้ำตาเลอะดวงหน้าไปหมด
“คุณแม่คะ เดี๋ยวไทม์จะไปแต่งหน้าเพิ่มอีกหน่อยแล้วจะลงไปค่ะ”
“อ้าว! เจ้าบิวมาแล้วเหรอลูก”
“ยังค่ะ เขาไม่มาแล้วค่ะแม่ ผู้ชายคนนั้นบอกให้ไทม์ยกเลิกงานแต่งงานค่ะ เขาฝากพี่ชายมาบอก”
“ตายจริง! คุณพิมพ์อรมันเกิดอะไรขึ้นคะ”
“แม่อย่าไปคุยกับพวกเขาเลยค่ะ จะไม่มีคำตอบใดๆ หลุดออกมาจากคนทั้งสองแน่นอน อย่าถามให้เหนื่อยใจและเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้อีกเลย”
“ลูก ค่อยๆ พูดนะคะ ไม่เอานะลูก ไม่ก้าวร้าวผู้ใหญ่”
คนเป็นแม่สั่งสอนแต่ตอนนี้อิชยาเหมือนคนว่ายน้ำทวนกระแส เธอไม่สนใจใครทั้งนั้น
“ฟังให้ดีนะคะ ไทม์จะไม่ยกเลิกงานแต่งงานในวันนี้”
ทุกคนต่างมองหน้าคนพูด ถ้าไม่ยกเลิกมันจะอายไปมากกว่านี้แน่นอนเพราะไม่มีเจ้าบ่าว
“ลูก แต่...”
“ไทม์ไม่ยอมเสียหน้าคนเดียวหรอกค่ะ ไม่ยอมให้ครอบครัวของเราต้องอับอายอยู่ฝ่ายเดียว” เธอพูดพร้อมกับจ้องหน้าศราวินด้วยความเคียดแค้น
“คุณศราวิน กรุณาไปแต่งตัวด้วยค่ะ ฉันต้องการเข้าพิธีกับคุณ”
“ลูกไทม์/หนูไทม์”
มารดาทั้งสองฝ่ายเรียกชื่อหญิงสาวขึ้นมาพร้อมกัน ศราวินตกใจหน้านิ่ง เขามองเธอคิ้วผูกปม
“คุณจะทำบ้าอะไร ผมไม่เล่นด้วยหรอกนะ”
“ฉันจะต้องแต่งงานและฉันจะแต่งกับคุณ”
“ลูกจ๋า ไม่เอานะคะ แม่รู้ว่าลูกขวัญเสียที่ตาบิวหนีไป แต่หนูอย่าทำอย่างนี้เลยนะลูก มันไม่ใช่เรื่องดีนะจ๊ะ”
“ทำไมคะแม่ ไทม์ทำเรื่องไม่ดีบ้างจะเป็นไรไป ทีครอบครัวนั้นเขาทำเราล่ะคะ ไม่เห็นมีใครว่าเขาเลย เขาทำครอบครัวเราเสียหน้าและเสียความรู้สึกจนแหลกละเอียด”
“อย่าใช้คำว่าครอบครัว ผมกับแม่ไม่รู้เรื่อง ตาบิวทำทุกอย่างคนเดียว”
“ฉันไม่สน ในเมื่อปากของคุณไม่ยอมพูดทุกอย่างออกมา ฉันจะลงคำว่าครอบครัวไปจนตาย ฉันไม่มีความสุขพวกคุณก็อย่าหวังว่าจะมี”
“หนูไทม์...”
คุณพิมพ์อรจะเป็นลมท่านทิ้งกายลงกับอกแกร่งของลูกชาย อิชยาเมินหน้าหนีจากภาพตรงหน้าก่อนน้ำตาจะไหลพรากไม่หยุด
“อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันข้างล่าง ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบ”
ร่างบางระหงเดินไปไม่สนใจใคร อิชยาเดินหนีออกมาทั้งน้ำตา เธอเจ็บปวดและบอบช้ำจนสภาพหัวใจแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี ศราวินหน้าตึงขรึมเรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว เขาไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้
“บิ๊ก...บิ๊ก”
มารดาสะอื้นไห้เรียกลูกชาย ศราวินประคองแม่ไปนอนที่ห้องเดิม
“แม่ครับผมจะทำยังไงดี”
เขาถามมารดาที่นอนน้ำตาไหลไม่หยุด พิมพ์อรสะอื้นฮักๆ วันนี้นางควรจะยิ้มแก้มปริไม่ใช่หรือ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาโดนถอนหงอกเอาตอนนี้
“เราผิดจริงนะลูก ตาบิวทำไม่ดีกับหนูไทม์จริงๆ น้องจะโมโหหรือโกรธขนาดนี้ก็ไม่ผิดหรอกจ้ะ”
“แต่ไทม์ควรจะแยกเราออกนะครับ เขาน่าจะรู้ว่าเราสองคนไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
“คนเราเวลาโกรธก็หน้ามืดทั้งนั้นแหละลูก บิ๊ก...แต่งงานกับน้องได้ไหม ทำตามที่น้องต้องการ”
“แต่แม่ครับ มันเป็นเรื่องไร้สาระนะครับ จะให้คนสองคนที่เกลียดขี้หน้ากันมาแต่งงานกันกะทันหันอย่างนี้ได้ยังไง”
“โธ่! ลูก”
นางร้องไห้หนักกว่าเดิม ลูกชายพูดถูกทุกคำ หนูไทม์ต้องการแก้แค้นทำไมหล่อนจะไม่รู้ แต่ที่เดาไม่ออกก็คือการแก้แค้นของหนูไทม์คืออะไร
“บิ๊ก แต่งงานกับน้องนะลูก ทำทุกอย่างให้พ้นวันนี้ไปก่อน แม่ขอร้อง”
“แม่ครับ...”
พิมพ์อรจับมือลูกชายมาไล้ใบหน้าของนางก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ศราวินมองมารดาด้วยความสงสารเหลือแสน เวทิศจะรู้บ้างมั้ยว่าวันนี้ตัวเองได้ก่อกรรมหนักหนาเท่าไหร่
“ผมจะแต่งครับ เรื่องวันนี้ต้องผ่านไปให้ได้ ผมจะช่วยทุกคนเอง”
ณ โรงแรมเทรเรซ่า การ์เด้น ที่ห้องจัดเลี้ยงอนันตรา แขกทยอยมางานมงคลสมรสจนเต็มทุกโต๊ะ ในงานมีทั้งศิลปินมากมายเพราะฝ่ายหญิงเป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังให้บริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวก็เป็นคนใหญ่คนโตที่ทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ อุรัสยาทำหน้าที่ยืนไหว้แขกเหรื่อในงานแทนบ่าวสาว เธอปาดเหงื่อหลายหนเมื่อคิดได้ว่างานในวันนี้ยังไร้เจ้าบ่าวอยู่
“หนูเท็นบ่าวสาวละลูก ทำไมยังไม่มากันอีก”
ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งถามหน้าตายิ้มแย้ม อุรัสยายิ้มหน้าแหยก่อนจะตอบไปว่า
“อยู่ข้างบนค่ะคุณป้า จวนจะลงมาแล้วแหละค่ะ”
ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ต้องพูดประโยคนี้ อัยยาเห็นน้องสาวคนเล็กอยู่เพียงลำพังจึงเดินเข้ามาหา
“ทางนี้เป็นยังไงบ้างเท็น”
“มีแต่คนถามหาบ่าวสาวน่ะสิคะพี่ทิพย์ เท็นละอยากจะบ้าตาย”
“ยายไทม์กำลังลงมา”
“เจอพี่บิวแล้วเหรอคะ” อัยยาส่ายหน้า
“อ้าว! แล้ว...”
ยังไม่ทันที่อุรัสยาจะถามอะไรต่อ สายตาของเธอมองผ่านไปเห็นพี่สาวในชุดเจ้าสาวแสนสวยเดินลงมาจากบันไดหรูของทางโรงแรม อิชยาเดินมาพร้อมมารดาของเธอ ใบหน้าสวยสดงดงามราวกับไม่เคยผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้านี้ ดวงหน้างามโปรยยิ้มที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลให้กับผู้คนที่อยู่หน้างาน
“พี่ทิพย์นี่มัน...”
“รอดูเองดีกว่าเท็นอย่าให้พี่ต้องพูดเลย”
อัยยาเหนื่อยใจกับเรื่องวันนี้เหลือเกิน น้องสาวของเธอดื้ออย่าบอกใครเชียว ไม่รู้ว่าทันทีที่ทุกคนได้เห็นเจ้าบ่าว แขกเหรื่อในงานจะตกใจสักเพียงไหน ไม่นานอิชยาก็เดินมาถึงประตูหน้างาน ดวงตาของเธอยังฉายแววเจ็บช้ำให้เห็นอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากสักเท่าไหร่
“ไทม์เปลี่ยนใจได้นะลูก” มารดาตะล่อมอีกหน
“ไม่ค่ะแม่ งานจะต้องดำเนินต่อไป”
“พี่ไทม์เกิดอะไรขึ้นคะ” น้องสาวอดใจไม่ไหวเดินเข้ามากระซิบถามพี่สาว
“ไม่มีอะไรจ้ะ เท็นคอยดูงานวันนี้ก็แล้วกัน”
“แล้วเรื่องทะเบียนสมรส...”
“ไม่ค่ะพี่ทิพย์ ไทม์ไม่มีทางจดทะเบียนกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาด เชิญเจ้าหน้าที่เขตกลับไปด้วยค่ะ”
อิชยาพูดด้วยน้ำเสียงแห่งความเจ็บช้ำที่แสนจะแข็งกระด้าง อีกห้านาทีงานก็จะเริ่มแล้วหากยังไร้เงาเจ้าบ่าวอยู่เลย
“คุณไทม์”
วีวี่นักร้องชื่อดังที่มาพร้อมเด็กในค่ายเพลงเรียกเจ้าสาวเสียงดังก่อนจะเดินเข้ามากอดอิชยาไว้ อิชยากอดตอบขอบตาร้อนผ่าว
“ดีใจด้วยนะคะ คุณไทม์สวยที่สุดเลยล่ะค่ะ”
“ขอบคุณค่ะวี่ ขอบคุณที่มาร่วมงานนะคะ”
“เพื่อนแต่งงานทั้งทีวี่ไม่มาได้ยังไงละคะ นี่ก็เตรียมเพลงมาร้องให้บ่าวสาวด้วย”
ทุกคนที่รู้เรื่องได้ฟังวีวี่พูดถึงกับหน้าถอดสี นักร้องดังของเมืองไทยจะได้ร้องเพลงอวยพรให้คนทั้งคู่รึเปล่าหนอ หรือการแสดงของเธอวันนี้จะเป็นหมัน
“ได้เวลาแล้วค่ะ”
อัยยาบอกกับทุกคนก่อนจะเดินหายไปอีกทาง อิชยายิ้มเหี้ยมก่อนจะเดินฉับๆ เข้าไปในงานโดยไร้เงาเจ้าบ่าว อีกด้านหนึ่งศราวินในชุดสูทสีขาวราวเทพบุตรกำลังยืนละล้าละหลังลังเล เขาใจเต้นและวิตกกังวลไปหมด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อผู้หญิงอย่างอิชยานั้นบ้าดีเดือดเหลือเกิน เขาแทบจะกัดลิ้นตายเมื่อเจ้าหล่อนยืนยันจะแต่งงานด้วย
“คุณบิ๊กคะ” ร่างสูงหันไปมองต้นเสียง อัยยาเดินยิ้มหวานเข้ามาหา
“คุณบิ๊กคะพร้อมหรือยังคะ” ศราวินมองอัยยา สีหน้าเขาเรียบเฉยยิ่งนัก
“คุณไม่จำเป็นต้องทำหรอกค่ะ เรื่องยายไทม์เดี๋ยวฉันกับคุณแม่จัดการเอง”
“คุณแน่ใจมากน้อยเท่าไหร่ครับกับการจัดการน้องสาวของคุณ”
“ตอนนี้ศูนย์ค่ะ แต่ถ้าคุณเข้าพิธีแต่งงานในวันนี้ฉันเกรงว่าเรื่องราวจะยุ่งเหยิงไม่จบไม่สิ้น”
“และนั่นคือสิ่งที่น้องของคุณต้องการครับคุณทิพย์ อิชยาต้องการให้ชีวิตของผมยุ่งเหยิง”
“แล้วคุณจะทำอย่างไรคะ จะเข้าไปในงานจริงๆ น่ะเหรอ”
สีหน้าของอัยยากังวลไม่น้อยไปกว่าว่าที่เจ้าบ่าวจำเป็น ศราวินมองเธอด้วยสายตาที่ตึงเครียดไม่แพ้กัน บรรยากาศในงานมงคลสมรส เจ้าสาวได้แต่โปรยยิ้มหวานๆ และยกมือไหว้แขกเหรื่อตามหน้าที่ เธอทำมันคนเดียวโดยไร้เงาเจ้าบ่าว เมื่อมีคนถามถึงฝ่ายชายมารดาก็จะตอบให้แทนว่ากำลังจะมาๆ และไม่นานเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ศราวินในชุดสูทสีขาวดูภูมิฐานเดินเข้ามาในงานพร้อมกับอัยยา ทั้งสองเดินเข้ามาท่ามกลางเสียงเปียโนที่บรรเลงบทเพลงแห่งรัก
“นี่ไม่ใช่เจ้าบ่าวหรอก ทำไมเขาต้องเล่นเพลงยังกับผู้ชายคนนี้เป็นคนแต่งงาน”
หลายเสียงต่างซุบซิบกันไปทั่วงาน เพื่อนของเวทิศก็งุนงงที่เห็นพี่ชายของเพื่อนเดินเรียบเรียงเคียงคู่อัยยาเข้ามาในงาน อิชยายิ้มร้ายก่อนจะเดินไปหาเจ้าบ่าวจำเป็นของเธอ
“ทีหลังอย่าปล่อยให้ฉันรอ ฉันไม่ชอบ” ฝ่ายชายไม่พูดอะไรนอกจากมองเมินไป
“ไทม์แน่ใจนะ” พี่สาวถามอีกหน
“ไม่มีอะไรหยุดไทม์ได้แล้วล่ะค่ะ”
เธอตอบก่อนจะมองหน้าเจ้าบ่าวอีกครั้งและควงแขนเขาเดินเข้ามาในงานช้าๆ เสียงปรบมือดังเกรียวกราวทั่วทั้งห้อง ทุกคนต่างแสดงความยินดีไปสงสัยไป ไม่มีใครไม่พูดถึงเจ้าบ่าวของงานในวันนี้
“คุณบิ๊กอาจจะมาส่งตัวเจ้าสาวหรือเปล่าเธอ แบบว่าส่งคุณไทม์ให้คุณบิว”
“จะบ้ารึไง คุณบิ๊กน่ะพี่คุณบิวนะ ไม่ใช่พ่อคุณไทม์”
หลายเสียง หลายความเห็นดังขึ้นมาเป็นหย่อมๆ ศิลปินที่มาร่วมงานวันนี้ไม่บางคนก็ไม่สงสัยอะไรเพราะไม่เคยเห็นหน้าคาดตาเจ้าบ่าวมาก่อน อาจจะมีขุ่นใจอยู่บ้างที่รูปเวดดิ้งหน้างานไม่เหมือนเจ้าบ่าวที่เห็นสักเท่าไหร่
“คุณบิ๊ก...”
วีวี่จำคนออกแบบสระว่ายน้ำให้เธอได้ หญิงสาวยืนขึ้นด้วยความตกใจ
“พี่วี่ยืนทำไมคะ นั่งลงเถอะค่ะคนเขามองกันใหญ่แล้ว” ศิลปินด้วยกันเตือน
“เฮ้ย! นั่นมันคุณบิ๊ก”
“พี่วี่รู้จักเจ้าบ่าวด้วยเหรอคะ”
“พี่รู้จักเขาจ้ะ และเขาก็ไม่ใช่เจ้าบ่าวด้วย”
วีวี่ตอบก่อนจะระบายสีหน้าแห่งความสงสัยออกมา ไม่นานอิชยาและศราวินก็เดินขึ้นมาบนเวที พิธีกรในงานหน้าเสีย ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เจ้าบ่าวของงาน เขาไม่ใช่เพื่อนของเธอ พิธีกรสาวได้แต่คิดในใจ
“เอ่อ...เอ่อขอเสียงปรบมือให้กับบ่าวสาวอีกสักครั้งค่ะ”
แขกในงานต่างปรบมือให้กับทั้งคู่อีกครั้ง ศราวินได้แต่มองไปที่ประตูห้องจัดเลี้ยง ฝ่ายชายไม่สบตาแขกเหรื่อในงานเลยสักคน อิชยายิ้มร้ายก่อนจะหันไปกระซิบคนข้างๆ
“อย่าเสียมารยาทยิ้มให้แขกทุกคนเดี๋ยวนี้”
เธอกัดฟันสั่งเขา แต่อีกคนไม่ทำตามเลยสักนิดซึ่งนั่นเป็นการสร้างความแค้นใจให้คนสั่งเข้าไปอีก ภาพวีดีโอคู่รักไม่ได้ถูกเปิดในงาน ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันทันทีที่งานเริ่ม ไม่มีใครไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยสักคน...ก็แน่ละอยู่ๆ เจ้าบ่าวตัวจริงหายไปไหนก็ไม่รู้ ถ้าใครไม่ตกใจละก็เห็นทีจะเป็นเรื่องแปลก พิธีกรในงานยังคงดำเนินการมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงคำถามที่บ่าวสาวต้องตอบ
“หลายคนคงอยากรู้นะคะว่าทั้งคู่เจอกันได้ยังไง แล้วรักกันที่ไหน”
คำถามนี้ทำเอาทุกคนในงานเงียบกริบ แม้กระทั่งเสียงหายใจยังไม่มีใครได้ยิน ทุกคนลุ้นและรอฟังคำตอบใจจดใจจ่อ ซึ่งเจ้าสาวก็รับไมค์มาถือไว้ก่อนจะ...
“ในทุกวันนี้มีหลายคู่ที่แต่งงานกันโดยไม่ได้รักกัน และมีหลายคู่ที่แต่งกันเพราะความจำเป็นส่วนตัว หนึ่งในนั้นก็มีคู่ของฉันอยู่ด้วยค่ะ”
คราวนี้ทุกคนต่างก็สงสัยหนักกว่าเดิมร้อยเท่าพันเท่า เจ้าสาวช่างบ้าดีเดือดจนเจ้าบ่าวที่ยืนข้างๆ จุกที่หน้าอกข้างซ้ายไปทั้งแถบ หากเขายังคงนิ่งอยู่
“ฉันไม่ได้รักผู้ชายคนนี้หรอกค่ะ ที่แต่งงานด้วยเพราะมีเหตุผลส่วนตัว โปรดอย่าถามว่าเกิดอะไรขึ้น และอย่าถามว่าเจ้าบ่าวตัวจริงของฉันไปไหน ซึ่งฉันคงตอบพวกคุณไม่ได้ ถ้างานวันนี้มีอะไรขาดตกบกพร่องไปดิฉันต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ”
อิชยากล่าวจบก็ยื่นไมค์ให้อีกฝ่าย เจ้าบ่าวรับมันมาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า
“ผมคงไม่มีอะไรต้องพูดอีก ในเมื่อเธอได้พูดทุกอย่างไปหมดแล้ว ขอบคุณและขอโทษทุกท่านอีกครั้งครับ”
ศราวินพูดจบก็ส่งไมค์คืนพิธีกรและเดินออกมาจากงานทันที อิชยาหน้าเสียก่อนจะเดินตามเขาออกมาท่ามกลางสายตาของแขกในงานนับพัน ไม่มีใครเดินตามทั้งคู่ไปเลยสักคน คุณอักษิกาจะเป็นลมเมื่อได้เห็นวีรกรรมของลูกสาวคนกลาง อุรัสยาเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วเธอคอยดูแลมารดาไม่ห่างกาย อัยยาพี่สาวคนโตทำหน้าที่ขึ้นกล่าวคำขอโทษก่อนจะชวนทุกคนทานอาหารร่วมกัน ถึงบรรยากาศในห้องจะเต็มไปด้วยเสียงนินทาว่ากล่าวของคนที่มาร่วมงานก็ตาม แต่ใครจะหยุดปากคนได้เล่า ถึงอย่างไรเราก็ห้ามให้เขาหยุดพูดไม่ได้หรอก
“หยุดนะศราวิน! คุณจะไปไหน”
เธอตะโกนสั่งเขา แต่อีกฝ่ายไม่ทำตาม ร่างสูงเดินดุ่มๆ ขึ้นลิฟต์หนีเธอซึ่งอิชยาก็เดินตามขึ้นลิฟต์อีกตัวไปติดๆ เขาไปที่ชั้นสิบห้าและเดินกลับมาที่ห้องเดิม ศราวินเปิดประตูห้องออกก่อนจะหายเข้าไปในห้องโดยไม่ได้ปิดประตู อิชยาซึ่งมาทีหลังเดินเข้าห้องตามไปทันที
“แม่ครับ กลับบ้านเรากันเถอะ”
ศราวินบอกมารดาที่กึ่งหลับกึ่งตื่นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คุณพิมพ์อรลืมตามองลูกชายคนโตทั้งน้ำตา
“เสร็จงานแล้วหรือลูก” ท่านถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ทุกอย่างจบแล้วครับ บิ๊กจะพาแม่ไปหาหมอ”
ท่านพยักหน้าก่อนจะปล่อยให้ลูกชายประคองกาย และเดินออกมาจากห้องนอนของทางโรงแรม และเมื่อออกมาจากห้องนอนสิ่งที่ทำให้พิมพ์อรและลูกชายรวดร้าวในใจคือเจ้าสาวของงานยืนน้ำตาไหลพรากอยู่ที่ห้องโถง
“จะไปไหน”
เธอถามเสียงแข็ง ดวงตาแดงช้ำไร้แววอ่อนโยน มันเจ็บเหลือเกินที่แม่ของเขาป่วยเช่นนี้
“งานจบแล้วผมจะกลับ”
เขาตอบด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ เธอไม่เห็นหรือไงว่าแม่เขาป่วยเจียนตาย
“ยังไม่จบ งานยังไม่จบมันเพิ่งเริ่มเท่านั้น”
“ต้องการอะไรอีก”
“ฉันจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของคุณ”
“หนูไทม์!”
คุณพิมพ์อรจับอกแน่น ก่อนจะร้องเรียกหญิงสาวเสียงแผ่วเบา นี่มันอะไรกัน เด็กผู้หญิงที่แสนดีคนเดิมในสายตาท่านหายไปไหน
“เธอไม่มีสิทธิ์ย้ายเข้ามาในบ้านของเรา ฉันยอมเธอมามากแล้ว ต่อไปจะไม่มีโอกาสให้เธอร้องเรียกอีก”
“ฮึ! สิ่งที่ฉันทำลงไปในวันนี้มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พวกคุณทำ ใครผิดใครถูกฉันไม่สนหรอกนะ แต่ใครทำฉันเจ็บคนนั้นก็ต้องเจ็บพอๆ กับฉัน ถ้าไม่รู้ว่าพี่บิวหายไปไหนละก็...ฉันไม่มีทางเลิกจองล้างจองผลาญพวกคุณหรอก จำไว้!”
พูดจบก็หันหลังเดินออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่พรั่งพรู อิชยาปวดลึกที่หัวใจเธอสงสารคุณพิมพ์อรและรู้สึกเกลียดตัวเองเหลือเกิน ท่านจะเป็นอะไรมากมั้ยหนอ แน่นอน...ท่านคงรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน หากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเธอไม่ได้ผิดอะไรเลยสักนิด ทำไมจู่ๆ เรื่องแบบนี้ต้องการกับเธอด้วย ทำไม...ทำไม
สนใจดาวน์โหลดนิยายได้ที่ https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMzYxMTg5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMTMxMjUiO30
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
