คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 จ่ายตลาด
บทที่ 6
จ่ายตลาด
“เอญ่า...นี่ เอ่อ ฉันรู้ว่าเธอต้องช่วยฉันได้” เฟวาอ้ำอึ้ง ชูกระดาษรายการสิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อให้เอญ่าดู
“ไรอ่ะ” เอญ่ากล่าวอย่างสนใจใคร่รู้
“ก็รายการสิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อน่ะสิ ฉันไม่เคยซื้อของอะไรที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ซักทีเธอก็รู้”
“ก็เลยต้องพึ่งฉันงั้นซิ” เอญ่าเยาะเย้ย
“เออ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เพราะฉันก็ไม่ได้โชกโชน และออกจะไม่ค่อยกระตือรือร้นที่จะไปอยู่โรงเรียนนั่นเท่าไร ไม่-เหมือน-เธอ” เฟวาตาพราวระยับ จ้องเขม็งไปที่เอญ่าอย่างมีเลศนัย
“อะไร” สีหน้าคนถูกจ้องมีพิรุศอย่างไม่ต้องสังเกต
“ก็...” เฟวาเหลือบสายตาไปมองเอญ่าแวบหนึ่ง “อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ฝันว่าจะไปเจอนักเรียนชายหล่อๆ อย่างที่..”
“เออๆ เอาล่ะจะไปกันรึยัง” เอญ่ารีบตัดบท หน้าแดงระเรื่ออย่างโกรธๆ เฟวาหัวเราะและเดินตามออกไปโดยดี
ความรู้สึกเศร้าหมองในใจของเฟวาใช่ว่าจะลดเลือนลงง่ายๆ แต่ว่าต่อหน้าเอญ่า เธอต้อง
ใช้ความอดทนอย่างมากในการไม่แสดงออกซึ่งความอ่อนแอทุกประการ แค่เรื่องเมื่อคืนนี้ก็แทบจะหมดสิ้นภาพของสาวแข็งแกร่งที่เฟวาเพียรสร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบากแล้ว ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้เอญ่ารู้ว่าเธอนั้นแข็งแกร่งสมกับเป็นราชวงศ์อันสูงส่ง และอนาคตเธอเองที่จะต้องปกครองแผ่นดินที่ฝ่าบาททรงหวงแหนนัก
ผู้คนวันนี้ดูจอแจมากมายกว่าวันปกติธรรมดา ไม่ต้องพูดถึงย่านพาร์กินสัน แค่แถวๆ ตลาดกลางเมืองยังเต็มไปด้วยผู้คนล้นหลาม ส่วนใหญ่มีผ้าคลุมสีสันต่างๆ บ้างก็มีลวดลายสวยงามมาคู่กับหมวกทรงแหลมสูง กับไม้อะไรแปลกๆ ซึ่งเฟวาคิดอยู่ครู่หนี่งจึงได้คำตอบว่า --สงสัยเป็นไม้คฑา-- แต่ก็นั่นแหละทุกคนดูตื่นเต้นกันส่วนใหญ่ หาซื้อของเข้าร้านโน้นออกร้านนี้จ้าละหวั่น
“เราเริ่มที่ไหนก่อนล่ะ” เฟวาตั้งคำถามขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปรอบๆ บริเวณ
“อืม” เอญ่าครางเบาๆ พลางพินิจพิจารณาดูรายการของที่ต้องซื้อในมือเฟวา “ฉันว่าเราไปวัดตัวสำหรับตัดเสื้อคลุมกันก่อนดีกว่า” เอญ่าพูดจบแล้วก็บินไปทางร้านตัดชุดที่ดูเก่าแก่และทรุดโทรม
“เธอ...ฉันไม่คิดว่าเธอจะไว้ใจตัดชุดกับ เอ่อ เธอก็รู้ ร้านแบบนี้หรอกนะ” เฟวาถามอย่างไม่แน่ใจ
“ถูกต้องที่สุด ถ้าเธอเห็นผลงานของคุณป้า จิมเมนทาร์ เอ่อ... เจ้าของร้านอ่ะนะ เธอต้องอยากตัดไว้สักโหลเชียวล่ะ” เอญ่าบอกอย่างภูมิใจ
“อืม” เฟวาได้แต่ยักไหล่แล้วเดินตาม
ภายในร้านดูอึมคลึมและอับชื้น เสียงจักรเย็บผ้าเก่าๆ ดังมาจากมุมร้านที่อับแสง เศษผ้าและข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจายบนพื้นจนเฟวาไม่คิดอยากจะก้าวท้าวไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว
“สวัสดีค่ะ คุณป้าจิมเมนทาร์” เอญ่าร้องทักอย่างรื่นเริง
“เอ้า..ไม่ยักกะเห็นว่ามีคนมา หนู..อืม มาตัดชุดอะไรล่ะจ้ะ” ป้าจิมเมนทาร์ขานรับเสียงแหบพร่าอย่างคนชราแล้วเงยหน้าขึ้นจากจักรเย็บผ้าเก่าๆนั่น ทำให้เฟวาเพิ่งรู้ว่ากองผ้าที่ม้วนกองอยู่นั้นที่แท้ก็คือป้าจิมเมนทาร์นั่นเอง
“หนูมาตัดชุดนักเรียนค่ะ” เอญ่าดูท่าทีไม่ตกใจกับการปรากฏตัวของป้าจิมเมนทาร์มากนัก
“จ้ะ...วันนี้มีคนมาตัดชุดนักเรียนเหมือนกันเพิ่งออกไปเมื่อตะกี้นี้เองจ้ะ” ป้าจิมเมนทาร์เดินต้วมเตี้ยมมาทางพวกเธอ ทำให้เฟวาสังเกตเห็นมือเหี่ยวย่นและสั่นเทานั้น ที่จริงเธอสั่นเทาไปทั้งตัว “คงไม่ว่าอะไรนะจ้ะถ้าจะได้ช้าหน่อย เพราะเมื่อกี้มีคนมาสั่งให้ฉันเย็บชุดให้น่ะจ้ะ เขาบอกว่าถ้าเสร็จไม่ทัน เขาจะฆ่าฉัน” ป้าจิมเมนทาร์จับแขนเฟวาเขย่าเท่าที่เธอมีแรงจะทำ “โอ..ไม่นะ มันน่ากลัวมากเลยหนูน้อย” ร่างป้าจิมเมนทาร์สั่นเกือบเป็นสองเท่าจากที่เคยเป็น พลางเธอก็ปล่อยโฮออกมาอย่างน่าสงสาร แต่ดูเหมือนเธอกำลังคุยกับเฟวาเพียงคนเดียวโดยไม่สนใจเอญ่าเอาซะเลย
“ค่ะ..คุณป้า เราจะมาเอาช้าหน่อยคงไม่เป็นไร” เอญ่าบินเข้ามาแทรกระหว่างป้าจิมเมนทาร์กับเฟวา นั่นคงทำให้ป้าจิมเมนทาร์เข้าใจแล้วว่าตลอดเวลาเธอกำลังคุยกับใคร
“โอ..โทษทีจ้ะ ป้านึกว่าแม่หนูคนนี้” เธอชี้นิ้วไปที่เฟวา “..มาคนเดียวซะอีก”
“ค่ะ” เอญ่ายิ้มอย่างให้กำลังใจ
เฟวาใช้เวลาวัดตัวประมาณครึ่งชั่วโมงทั้งๆ ที่ไม่ควรจะนานเกินห้านาทีเลย เพราะเอญ่าให้เหตผลว่าป้าจิม ต้องใช้ความละเมียดละไมในทุกขั้นตอน และแก้ตัวให้ป้าจิมอีกครั้งเมื่อเธอวัดรอบเอวเฟวาถึง 3 รอบ
“เออ..ว่าแต่ว่าใครกันล่ะค่ะที่มาขู่เอาชีวิตป้าเพียงแค่ตัดชุดให้ไม่ทัน” เอญ่าพูดขึ้นเพื่อชวนคุย
ร่างของป้าจิมเมนทาร์สั่นเทาอีกครั้งและตอบเสียงสั่นว่า “คนของตระกูล เวลครักส์ น่ะจ้า แต่ป้าไม่รู้ว่าชื่ออะไร”
“อ๋อ” เอญ่าอุทานเบาๆ
“ใครกัน” เฟวา อ้าปากพูดเป็นครั้งแรก
“ไม่มีอะไรหรอก ภาวนาก็แต่อย่างให้เธอได้เจอกับเขาเลย..ครอบครัวนี้นี่นะ ไม่อยากพูด ช่างมันเถอะ” เอญ่าพูดอย่างอารมณ์บูด หรืออาจจะโกรธแค้นแทนป้าจิมเมนทาร์ก็ไม่อาจรู้ “เราไปกันต่อเถอะ เดี๋ยวของหมดกันพอดีเราไปนะคะป้าจิม” เอญ่า โบกมือลาแล้วบินผ่านประตูที่เปิดอ้าไว้อย่างสบายใจ แล้วเฟวาก็ละล้ำละลักตามออกจากร้านไปติดๆ
“จริงๆ เลยนะเธอ” เฟวาตัดพ้อเอญ่าอย่างเดือดดาล
“เรื่องอะไรล่ะย่ะ” เอย่าถามกลับอย่างบูดๆ
“ก็ร้านอื่นมีตั้งเยอะ ทำไมเจาะจงไปตัดกับร้านป้าจิมนั่นด้วย” เฟวาถาม
“ก็ร้านคุ้นเคยของฉันนะสิ และแกก็ดี ดีกว่าช่างตัดเย็บอื่นๆ เสียอีก” เฟวาไม่พูดเพียงแต่เดินตามพร้อมกับความคิดที่ผุดขึ้นมาว่าไม่น่าไว้ใจยัยเอญ่าเลย
หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้เดินเลือกซื้อของเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ จนตะวันเริ่มเคลื่อนมาตรงตำแหน่งกลางศีรษะ
แสงแดดเจิดจ้าแผดเผาผู้คนที่เดินย้ำไปมาอย่างไม่เกรงใจ ยิ่งผู้คนมากมายเต็มถนนเท่าไรแสงแดดก็เหมือนขยายกำลังเพิ่มเป็นหลายเท่า เฟวามองเห็นม้านั่งริมทางตัวหนึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจึงรีบเดินไปเพื่อหวังเป็นที่พึ่งคลายร้อนและพักเหนื่อยได้บ้าง
“เอญ่า ฉันว่าเราพักกันก่อนดีกว่า” เฟวาตะโกนแข่งเสียงผู้คนทั้งที่เอญ่าก็อยู่ไม่ไกล
เอญ่าเหมือนจะได้ยินช้ากว่าเดิมแต่ก็หันมาตามเสียงแล้วพูด “อืม...พักหน่อยก็ดี” เอญ่าตะโกนสุดเสียง
“ผู้คนอะไรจะเยอขนานนี้เนี่ย” เฟวาบ่นอย่างเบื่อหน่าย
“แหม ทำเป็นไม่รู้ ก็เมืองเราเนี่ยขึ้นชื่อเรื่องเวทมนตร์จะตาย สินค้าที่ดีๆส่วนใหญ่ก็มีมากที่นี่” เอญ่าค่อนขอด
“เออ..มันก็จริงอ่ะนะ” เฟวายิ้มหวานแบบที่ฝืนเต็มทน
หลังจากนั่งพักแล้วสองคนก็เดินซื้อกันต่อเอญ่าชี้ชวนเฟวาเข้าร้านนั้นร้านนี้ ซึ่งก็ทำให้เฟวาไม่แน่ใจทุกครั้งที่จะตัดสินใจเข้าร้านนั้นๆไปตามที่เอญ่าบอก แต่จนแล้วจนรอดเอญ่าก็ถือคำขาดว่าถ้าขืนเฟวาไม่ยอมทำตามที่เอญ่าบอกเธอก็จะหนีกลับวังไปเสีย ซึ่งแน่นอนเฟวาต้องยอม
“เหลือสัตว์เลี้ยงและก็คทาเวทที่เธอต้องซื้อ” เอญ่าไล่สายตามขึ้นลงตามใบรายการที่ต้องซื้อ “อืม ฉันรู้จักร้านนึง เธอน่าจะลองไปดูหน่อยนะ”
“ก็ดี” เฟวาตอบสั้นๆ เพราะจนปัญญาจะคัดค้าน
ร้านขายสัตว์เลี้ยงที่เอญ่ารู้จักนั้นอยู่ค่อนข้างลึกเข้าไปในซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง ซึ่งตลอดทั้งซอยดูรกร้างอับชื้นและสกปรก ทางเข้าร้านเหมือนเป็นประตูหลังร้านเสียมากกว่า เพราะประตูที่เล็กและกองขยะที่ถ่วมท้นอยู่ข้างหน้าทำให้ดูไม่น่าสนใจนักหากแต่ป้ายที่เอียงกระเท่เร่ที่เขียนไว้ว่า ทอม เคนเดอร์ สัตว์เลี้ยงน่ารัก คงจะมีน้อยคนหรือไม่มีเลยที่คิดอยากจะเข้าไปในร้าน ยกเว้นเอญ่า
“นี่เธอแน่ใจนะเอญ่าว่าจำไม่ผิด” เฟวาถามกล้าๆกลัวๆ
“แน่นอน ชัวร์ป้าบ!” เพราะความมั่นใจ นั่นยิ่งทำให้เฟวากลัวหนักเข้าไปอีก เพราะแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาก็รู้สึกเหมือนอยากอาเจียนเพราะกลิ่นสาบและกลิ่นเหม็นชวนคลื่นเหียนลอยคละคลุ้งไปทั่ว เฟวาเหลียวมองกรงเหล็กขนานไม่เล็กไม่ใหญ่วางหลบแสงที่ลอดเข้ามาในร้านอย่างน้อยนิดอยู่ข้างประตู เธอลองก้มลงดูพร้อมเอามืออุดจมูกอย่างเสียมารยาท
“อู้ด” เสียงขู่แหลมเล็กหวีดร้องขึ้นมาจนคนที่กำลังก้มลงดูผงะออกอย่างรวดเร็วและสำนึกได้ทีหลังว่าไอ้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในกรงนั่นก็คือหมูสกปรกๆ ตัวนึงนั่นเอง เธอจึงละสายตาแล้วหันไปมองหาสัตว์ตัวใหม่
“นี่ เอญ่าฉันว่าฉันควรซื้อเจ้าตัวนี้ไว้นะ” เฟวาพูดพลางมองไปที่กรงนกหงหยกสีขาวสะอาด ขนที่ละเอียดละมุนดุจแซมด้วยไหมเงินเป็นประกาย
“ไม่” เอญ่าพูดอย่างไม่ต้องคิด “ตัวที่เธอต้องเลือกคือ....” เอญ่ามองไปที่กรงหมูสกปรกนั้นอย่างเอาจริงเอาจังจนทำให้เฟวาเกิดอาการขนหัวลุกอีกครั้งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่และจะต้องขนหัวลุกแบบนี้ไปอีกสักกี่ครั้งในเมื่อเฟวาต้องฝากชีวิตในโรงเรียนไว้กับเอญ่าอีกตั้ง 4 ปี
“เธอนี่รสนิยมต่ำจังเอญ่า” เฟวาทำหน้ามุ่ยกับการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของเอญ่า หลังจากที่ได้เจ้าหมูสกปรกเพศเมียพันธุ์อโกเลย์แคระ (ถ้าเฟวาจำไม่ผิด) เป็นสัตว์เลี้ยงคู่บารมี
“ฟังนะเฟวา....การที่เธอต้องเข้าไปเรียนที่โรงเรียนเวทมนตร์ อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรอกนะ แต่ถ้าคนระดับเธอเข้าเรียนแล้วย่อมมีคนสนใจมาก แต่เธอก็ไม่ควรลืมพวกที่จะได้ผลประโยชน์หากเกิดอะไรขึ้นกับเธอนะ ฉนั้นท่านพ่อของเธอไม่ได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเธอหรอกนะท่านให้ข้อมูลว่าเธอเป็นคนในตระกูล ‘ฟล็อง’ เมื่อเห็นสีหน้างงๆ ของเฟวา เอญ่าจึงรีบอธิบายต่อไปว่า “เป็นตระกูลของฉันเอง” เฟวาสำลักน้ำลายตัวเองทันทีทันใดจนน้ำตาไหลพรัก “แล้วต่อไปนี้เธอต้องเป็นน้องสาวฉัน ต้องเชื่อฟังฉันล่ะรู้ไว้ซะ น้องรัก”
“โอว....” เฟวาโหยหวนอย่างน่าสมเพชที่สุดเท่าที่เอญ่าเคยเห็นมา “ทำไมชีวิตฉันมันถึงเลวร้ายได้ถึงเพียงนี้ สวรรค์ หากจะลงโทษฉันทำไมไม่ให้ตายไปซะเลยล่ะ ทำไม.....ฮือ ฮือ”
“หยุดพร่ามได้แล้ว ต้องไปกันต่อเดี๋ยวจะเย็นซะก่อน” เอญ่า กระพือปีกเล็กบางไปล่วงหน้าไม่สนใจอีกคนที่กำลังทำท่าบีบคอตัวเองเหมือนจะมีเลือดทะลักออกมา
“รู้มั๊ย ไม้คฑา เนี่ยเลือกยากมาก หากไม้ไม่ได้เกิดมาเพื่อเธอและเธอก็ไม่ได้เพื่อมัน สรุปว่าใช้ตาเลือกไม่ได้” คำสรุปที่สั้นกึกทำให้เฟวาคิดตามแทบไม่ทัน
“ใช้อะไรล่ะค่ะพี่สาว” เฟวาประชดท่าทีที่เอญ่าวางไว้แบบฝืนธรรมชาติเต็มทน ซึ่งก็ได้ผลท่าทีวางภูมิถูกทำลายไปหมดสิ้นเมื่อเจ้าตัวตะเบงเสียงอยางไร้ท่า
“ก็ใช้พลังเวทน่ะสิ จะเอาไรอีกฮ่ะยัยเฟบ้า” พร้อมเปลี่ยนชื่อให้เสร็จสรรพ ซื่อกิริตอบรับคือ หัวเราะคึกคักอย่างกวนโทโส “รีบเข้าร้านเถอะ” เอญ่าบอกอย่างหมดอารมณ์ ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านที่มีป้ายใหญ่โตสวยงามติดไว้ชื่อร้านว่า “คฑา โดย มิสเตอร์คิวลัส”
นี่เป็นครั้งแรกในวันนี้ที่เฟวารู้สึกว่าเอญ่าเข้าร้านถูก เพราะร้านขายไม้คฑานี้ดูใหญ่โตและเป็นที่นิยมของลูกค้าทุกชนชั้น ข้างในเฟวาเห็นแสงสีต่างๆ พุ้งออกมาจากปลายไม้รูปทรงแปลกๆ (เฟวาเห็นไม้อันที่เด็กคนนึงถือ รู้สึกเหมือนแขนผอมแห้งหนังติดกระดูกของคนแก่ไม่ผิดเพี้ยน) เฟวาเดินลึกเข้าไปในช่องทางเดินที่ขนาบไปด้วยกล่องใส่ไม้คฑาซึ่งสูงจรดเพดาน กลิ่นหอมคล้ายกำยานลอยมาอ่อนๆ หมอกควันบางอย่างลอยวนอยู่รอบๆ เงาลางเหมือนภาพฉายปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว เธอเห็นตัวเองในวัยเด็ก มีใครบางคนที่วิ่งเล่นกับเธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเท่ากันแต่งตัวคล้ายๆ กัน คนที่เฟวารู้สึกผูกพัน ภาพต่อมาเป็นภาพพระมารดาของเธอกำลังนั่งร้องไห้เธอเห็นพระบิดาของเธอด้วยพระองค์นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างๆ ภาพต่อมาที่เห็นเด่นชัดแทรกขึ้นมาคือหงส์สีขาวสองตัวบินวนกันและกันทะยานขึ้นไปสู่ท้องฟ้าแล้วแยกออกจากกันบินไปคนะทิศทางห่างออกไปจนลับตา ทันใดหงส์ตัวใดตัวหนึ่งเหมือนกับจะบินย้อนมาแล้วพุ่งผ่านเฟวาไปแล้วอันตรธานไปตรงกล่องไม้บนชั้นวาง พลันทันใดหมอกควันและกลิ่นหอมก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ภาพทุกอย่างกระจ่างชัดและเฟวาพบว่าสายตาเธอยังจ้องเขม็งอยู่ที่กล่องใบหนึ่ง เฟวาเดินเข้าไปเงื้อมมือไปหยิบมาเปิดออก แสงสีน้ำเงินเรืองรองออกมาจากภายในกล่องและยิ่งขยายกำลังขึ้นเมื่อเฟวาเปิดฝากว้างออก แล้วทุกอย่างก็สงบลงอีกครั้ง เฟวาเห็นไม้อะไรบางอย่างวางอยู่ในกล่อง คล้ายไม้จิ้มฟันแต่ก็ไม่ใช่ ด้านปลายของไม้เป็นหัวเซอร์คอนสีแดงเหนือเซอร์คอนเป็นรูปสลักหงส์ผงาดเล็กจิ๋วซึ่งถูกทำด้วยไม้ชนิดเดียวกันกับตัวด้ามที่ยาวไม้ถึงสิบเซนติเมตร นั่นยิ่งทำให้ดูเหมือนไม้คฑาย่อส่วนโดยแท้
“เอญ่า นี่คฑาของฉันงั้นเหรอ” เฟวาหยิบไม้คฑาออกมาชูให้เอญ่าดู จากกล่องไม้ขนาดใหญ่ไม่เกินกันเท่าไรนัก
“ก็เธอเป็นคนหยิบมันออกมาเองนี่นา ถ้าเธอไม่มั่วหยิบ มันก็เป็นไม้ของเธอ” เอญ่าบอกอย่งเฉยเมย
เฟวาไม่มีอารมณ์ต่อปากด้วยเพราะภาพที่ปรากฏต่อหน้าเธอเมื่อครู่คล้ายจงใจให้เธอเห็นเพียงคนเดียว แล้วไม้นี้มันเกี่ยวอะไรกับภาพนั้นล่ะ หรือจะเป็นเพียงสัญญาณจากไม้เพื่อดึงดูดเธอให้เลือกคฑาด้ามนี้ ซึ่งทุกคนก็คงเห็นเหมือนๆ กัน หรือไม่ก็ทำนองเดียวกันนั่นแหละ แต่บางอย่างทำให้เฟวาสะดุ้ง --ไม้เท้า--
ชายชราที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากับหัวล้านไปครึ่งหนึ่งแต่ยังดีหน่อยที่มีผมขาวโพลนโปะไว้รอบท้ายทอย หลังงองุ้มค้ำไม้เท้าร่างทั้งร่างสั่นเทาเหมือนคนชราอื่นๆ แต่แววตาตลอดจนการแต่งกายที่ดูมีฐานะและดูมีความรู้ พอน่าเชื่อถือได้
“สิ่งที่คู่กันเมื่อมาอยู่ใกล้กันมันย่อมร้องเรียกกันเป็นธรรมดา ทั้งเธอละไม้คฑาต่างเรียกหากันภาพที่เห็นเป็นภาพในอดีตที่เจ้ามีความผูกพันกับไม้คฑา และคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับไม้คฑาของเธอด้วย”
“คุณลุงค่ะ..ทำไม...” ยังไม่ทันได้ถามอะไรเลยชายชราก็เดินจากไปแล้ว
“อย่าไปยุ่งกับแกเลย ประโยคเมื่อตะกี้แกก็เคยพูดกับฉัน” เอญ่า บินเข้ามาสำรวจไม้คฑาอีกครั้ง “แกก็มีหน้าที่พูดแค่ประโยคเดียวนี่แหละ ถามอะไรไปแกก็ไม่รู้เรื่องหรอก”
หลังจากจ่ายเงินเสร็จสรรพทั้งสองก็มุ่งหน้ากลับวัง ด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง เหลือเวลาอีกเท่าไรนะที่โลกของเฟวากำลังเปลี่ยนไปโลกที่ต้องพบเจอจะกว้างใหญ่สักเพียงไหน โลกที่ไม่มีพระบิดาผู้คอยปกป้องคุ้มภัย โลกที่เต็มไปด้วยภยันตราย มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอสามารถพึ่งพาอาศัยได้ก็คงจะเป็นตัวเธอเองนั่นแหละ
ความคิดเห็น