ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Farantia เจ้าหญิงที่หายไป

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 จ่ายตลาด

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ค. 49


    บทที่ 6

    จ่ายตลาด

     

                    เอญ่า...นี่  เอ่อ  ฉันรู้ว่าเธอต้องช่วยฉันได้  เฟวาอ้ำอึ้ง ชูกระดาษรายการสิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อให้เอญ่าดู 

                    ไรอ่ะ  เอญ่ากล่าวอย่างสนใจใคร่รู้

                    ก็รายการสิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อน่ะสิ  ฉันไม่เคยซื้อของอะไรที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ซักทีเธอก็รู้ 

                    ก็เลยต้องพึ่งฉันงั้นซิ  เอญ่าเยาะเย้ย

                    เออ  จะว่าอย่างนั้นก็ได้  เพราะฉันก็ไม่ได้โชกโชน  และออกจะไม่ค่อยกระตือรือร้นที่จะไปอยู่โรงเรียนนั่นเท่าไร  ไม่-เหมือน-เธอ  เฟวาตาพราวระยับ  จ้องเขม็งไปที่เอญ่าอย่างมีเลศนัย

                    อะไร  สีหน้าคนถูกจ้องมีพิรุศอย่างไม่ต้องสังเกต

                    ก็...  เฟวาเหลือบสายตาไปมองเอญ่าแวบหนึ่ง อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ฝันว่าจะไปเจอนักเรียนชายหล่อๆ  อย่างที่..”

                    เออๆ  เอาล่ะจะไปกันรึยัง  เอญ่ารีบตัดบท  หน้าแดงระเรื่ออย่างโกรธๆ  เฟวาหัวเราะและเดินตามออกไปโดยดี 

     

                    ความรู้สึกเศร้าหมองในใจของเฟวาใช่ว่าจะลดเลือนลงง่ายๆ  แต่ว่าต่อหน้าเอญ่า  เธอต้อง

    ใช้ความอดทนอย่างมากในการไม่แสดงออกซึ่งความอ่อนแอทุกประการ  แค่เรื่องเมื่อคืนนี้ก็แทบจะหมดสิ้นภาพของสาวแข็งแกร่งที่เฟวาเพียรสร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบากแล้ว  ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้เอญ่ารู้ว่าเธอนั้นแข็งแกร่งสมกับเป็นราชวงศ์อันสูงส่ง  และอนาคตเธอเองที่จะต้องปกครองแผ่นดินที่ฝ่าบาททรงหวงแหนนัก

                    ผู้คนวันนี้ดูจอแจมากมายกว่าวันปกติธรรมดา  ไม่ต้องพูดถึงย่านพาร์กินสัน  แค่แถวๆ ตลาดกลางเมืองยังเต็มไปด้วยผู้คนล้นหลาม  ส่วนใหญ่มีผ้าคลุมสีสันต่างๆ  บ้างก็มีลวดลายสวยงามมาคู่กับหมวกทรงแหลมสูง  กับไม้อะไรแปลกๆ  ซึ่งเฟวาคิดอยู่ครู่หนี่งจึงได้คำตอบว่า --สงสัยเป็นไม้คฑา--  แต่ก็นั่นแหละทุกคนดูตื่นเต้นกันส่วนใหญ่  หาซื้อของเข้าร้านโน้นออกร้านนี้จ้าละหวั่น 

                    เราเริ่มที่ไหนก่อนล่ะ  เฟวาตั้งคำถามขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปรอบๆ บริเวณ

                    อืม  เอญ่าครางเบาๆ พลางพินิจพิจารณาดูรายการของที่ต้องซื้อในมือเฟวา  ฉันว่าเราไปวัดตัวสำหรับตัดเสื้อคลุมกันก่อนดีกว่า  เอญ่าพูดจบแล้วก็บินไปทางร้านตัดชุดที่ดูเก่าแก่และทรุดโทรม 

                    เธอ...ฉันไม่คิดว่าเธอจะไว้ใจตัดชุดกับ  เอ่อ  เธอก็รู้ ร้านแบบนี้หรอกนะ  เฟวาถามอย่างไม่แน่ใจ

                    ถูกต้องที่สุด  ถ้าเธอเห็นผลงานของคุณป้า  จิมเมนทาร์  เอ่อ... เจ้าของร้านอ่ะนะ  เธอต้องอยากตัดไว้สักโหลเชียวล่ะ  เอญ่าบอกอย่างภูมิใจ

                    อืม  เฟวาได้แต่ยักไหล่แล้วเดินตาม

                    ภายในร้านดูอึมคลึมและอับชื้น  เสียงจักรเย็บผ้าเก่าๆ ดังมาจากมุมร้านที่อับแสง  เศษผ้าและข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจายบนพื้นจนเฟวาไม่คิดอยากจะก้าวท้าวไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว

                    สวัสดีค่ะ  คุณป้าจิมเมนทาร์  เอญ่าร้องทักอย่างรื่นเริง

                    เอ้า..ไม่ยักกะเห็นว่ามีคนมา  หนู..อืม  มาตัดชุดอะไรล่ะจ้ะ  ป้าจิมเมนทาร์ขานรับเสียงแหบพร่าอย่างคนชราแล้วเงยหน้าขึ้นจากจักรเย็บผ้าเก่าๆนั่น  ทำให้เฟวาเพิ่งรู้ว่ากองผ้าที่ม้วนกองอยู่นั้นที่แท้ก็คือป้าจิมเมนทาร์นั่นเอง

                    หนูมาตัดชุดนักเรียนค่ะ  เอญ่าดูท่าทีไม่ตกใจกับการปรากฏตัวของป้าจิมเมนทาร์มากนัก 

                    จ้ะ...วันนี้มีคนมาตัดชุดนักเรียนเหมือนกันเพิ่งออกไปเมื่อตะกี้นี้เองจ้ะ  ป้าจิมเมนทาร์เดินต้วมเตี้ยมมาทางพวกเธอ  ทำให้เฟวาสังเกตเห็นมือเหี่ยวย่นและสั่นเทานั้น  ที่จริงเธอสั่นเทาไปทั้งตัว  คงไม่ว่าอะไรนะจ้ะถ้าจะได้ช้าหน่อย  เพราะเมื่อกี้มีคนมาสั่งให้ฉันเย็บชุดให้น่ะจ้ะ  เขาบอกว่าถ้าเสร็จไม่ทัน  เขาจะฆ่าฉัน ป้าจิมเมนทาร์จับแขนเฟวาเขย่าเท่าที่เธอมีแรงจะทำ  โอ..ไม่นะ  มันน่ากลัวมากเลยหนูน้อย  ร่างป้าจิมเมนทาร์สั่นเกือบเป็นสองเท่าจากที่เคยเป็น  พลางเธอก็ปล่อยโฮออกมาอย่างน่าสงสาร  แต่ดูเหมือนเธอกำลังคุยกับเฟวาเพียงคนเดียวโดยไม่สนใจเอญ่าเอาซะเลย

                    ค่ะ..คุณป้า  เราจะมาเอาช้าหน่อยคงไม่เป็นไร  เอญ่าบินเข้ามาแทรกระหว่างป้าจิมเมนทาร์กับเฟวา  นั่นคงทำให้ป้าจิมเมนทาร์เข้าใจแล้วว่าตลอดเวลาเธอกำลังคุยกับใคร

                    โอ..โทษทีจ้ะ  ป้านึกว่าแม่หนูคนนี้  เธอชี้นิ้วไปที่เฟวา  ..มาคนเดียวซะอีก

                    ค่ะ  เอญ่ายิ้มอย่างให้กำลังใจ

                    เฟวาใช้เวลาวัดตัวประมาณครึ่งชั่วโมงทั้งๆ ที่ไม่ควรจะนานเกินห้านาทีเลย  เพราะเอญ่าให้เหตผลว่าป้าจิม  ต้องใช้ความละเมียดละไมในทุกขั้นตอน  และแก้ตัวให้ป้าจิมอีกครั้งเมื่อเธอวัดรอบเอวเฟวาถึง 3 รอบ 

                    เออ..ว่าแต่ว่าใครกันล่ะค่ะที่มาขู่เอาชีวิตป้าเพียงแค่ตัดชุดให้ไม่ทันเอญ่าพูดขึ้นเพื่อชวนคุย

                    ร่างของป้าจิมเมนทาร์สั่นเทาอีกครั้งและตอบเสียงสั่นว่า  คนของตระกูล  เวลครักส์  น่ะจ้า  แต่ป้าไม่รู้ว่าชื่ออะไร

                    อ๋อ  เอญ่าอุทานเบาๆ

                    ใครกัน  เฟวา อ้าปากพูดเป็นครั้งแรก

                    ไม่มีอะไรหรอก  ภาวนาก็แต่อย่างให้เธอได้เจอกับเขาเลย..ครอบครัวนี้นี่นะ  ไม่อยากพูด  ช่างมันเถอะ  เอญ่าพูดอย่างอารมณ์บูด  หรืออาจจะโกรธแค้นแทนป้าจิมเมนทาร์ก็ไม่อาจรู้  เราไปกันต่อเถอะ  เดี๋ยวของหมดกันพอดีเราไปนะคะป้าจิม  เอญ่า โบกมือลาแล้วบินผ่านประตูที่เปิดอ้าไว้อย่างสบายใจ  แล้วเฟวาก็ละล้ำละลักตามออกจากร้านไปติดๆ

                    จริงๆ เลยนะเธอ  เฟวาตัดพ้อเอญ่าอย่างเดือดดาล

                    เรื่องอะไรล่ะย่ะ  เอย่าถามกลับอย่างบูดๆ

                    ก็ร้านอื่นมีตั้งเยอะ  ทำไมเจาะจงไปตัดกับร้านป้าจิมนั่นด้วย  เฟวาถาม

                    ก็ร้านคุ้นเคยของฉันนะสิ  และแกก็ดี  ดีกว่าช่างตัดเย็บอื่นๆ  เสียอีก  เฟวาไม่พูดเพียงแต่เดินตามพร้อมกับความคิดที่ผุดขึ้นมาว่าไม่น่าไว้ใจยัยเอญ่าเลย

                    หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้เดินเลือกซื้อของเข้าร้านโน้นออกร้านนี้  จนตะวันเริ่มเคลื่อนมาตรงตำแหน่งกลางศีรษะ

                    แสงแดดเจิดจ้าแผดเผาผู้คนที่เดินย้ำไปมาอย่างไม่เกรงใจ  ยิ่งผู้คนมากมายเต็มถนนเท่าไรแสงแดดก็เหมือนขยายกำลังเพิ่มเป็นหลายเท่า  เฟวามองเห็นม้านั่งริมทางตัวหนึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจึงรีบเดินไปเพื่อหวังเป็นที่พึ่งคลายร้อนและพักเหนื่อยได้บ้าง 

                    เอญ่า  ฉันว่าเราพักกันก่อนดีกว่า  เฟวาตะโกนแข่งเสียงผู้คนทั้งที่เอญ่าก็อยู่ไม่ไกล

                    เอญ่าเหมือนจะได้ยินช้ากว่าเดิมแต่ก็หันมาตามเสียงแล้วพูด  อืม...พักหน่อยก็ดี  เอญ่าตะโกนสุดเสียง

                    ผู้คนอะไรจะเยอขนานนี้เนี่ย เฟวาบ่นอย่างเบื่อหน่าย

                    แหม  ทำเป็นไม่รู้  ก็เมืองเราเนี่ยขึ้นชื่อเรื่องเวทมนตร์จะตาย  สินค้าที่ดีๆส่วนใหญ่ก็มีมากที่นี่  เอญ่าค่อนขอด

                    เออ..มันก็จริงอ่ะนะ  เฟวายิ้มหวานแบบที่ฝืนเต็มทน

                   

                    หลังจากนั่งพักแล้วสองคนก็เดินซื้อกันต่อเอญ่าชี้ชวนเฟวาเข้าร้านนั้นร้านนี้  ซึ่งก็ทำให้เฟวาไม่แน่ใจทุกครั้งที่จะตัดสินใจเข้าร้านนั้นๆไปตามที่เอญ่าบอก  แต่จนแล้วจนรอดเอญ่าก็ถือคำขาดว่าถ้าขืนเฟวาไม่ยอมทำตามที่เอญ่าบอกเธอก็จะหนีกลับวังไปเสีย  ซึ่งแน่นอนเฟวาต้องยอม

                    เหลือสัตว์เลี้ยงและก็คทาเวทที่เธอต้องซื้อ  เอญ่าไล่สายตามขึ้นลงตามใบรายการที่ต้องซื้อ  อืม  ฉันรู้จักร้านนึง  เธอน่าจะลองไปดูหน่อยนะ

                    ก็ดี  เฟวาตอบสั้นๆ เพราะจนปัญญาจะคัดค้าน

                   

                    ร้านขายสัตว์เลี้ยงที่เอญ่ารู้จักนั้นอยู่ค่อนข้างลึกเข้าไปในซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง  ซึ่งตลอดทั้งซอยดูรกร้างอับชื้นและสกปรก  ทางเข้าร้านเหมือนเป็นประตูหลังร้านเสียมากกว่า  เพราะประตูที่เล็กและกองขยะที่ถ่วมท้นอยู่ข้างหน้าทำให้ดูไม่น่าสนใจนักหากแต่ป้ายที่เอียงกระเท่เร่ที่เขียนไว้ว่า  ทอม  เคนเดอร์  สัตว์เลี้ยงน่ารัก   คงจะมีน้อยคนหรือไม่มีเลยที่คิดอยากจะเข้าไปในร้าน  ยกเว้นเอญ่า

                    นี่เธอแน่ใจนะเอญ่าว่าจำไม่ผิด  เฟวาถามกล้าๆกลัวๆ

                    แน่นอน ชัวร์ป้าบ!”  เพราะความมั่นใจ  นั่นยิ่งทำให้เฟวากลัวหนักเข้าไปอีก  เพราะแรกที่ก้าวเท้าเข้ามาก็รู้สึกเหมือนอยากอาเจียนเพราะกลิ่นสาบและกลิ่นเหม็นชวนคลื่นเหียนลอยคละคลุ้งไปทั่ว  เฟวาเหลียวมองกรงเหล็กขนานไม่เล็กไม่ใหญ่วางหลบแสงที่ลอดเข้ามาในร้านอย่างน้อยนิดอยู่ข้างประตู  เธอลองก้มลงดูพร้อมเอามืออุดจมูกอย่างเสียมารยาท 

                    อู้ด  เสียงขู่แหลมเล็กหวีดร้องขึ้นมาจนคนที่กำลังก้มลงดูผงะออกอย่างรวดเร็วและสำนึกได้ทีหลังว่าไอ้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในกรงนั่นก็คือหมูสกปรกๆ ตัวนึงนั่นเอง  เธอจึงละสายตาแล้วหันไปมองหาสัตว์ตัวใหม่ 

                    นี่  เอญ่าฉันว่าฉันควรซื้อเจ้าตัวนี้ไว้นะ  เฟวาพูดพลางมองไปที่กรงนกหงหยกสีขาวสะอาด  ขนที่ละเอียดละมุนดุจแซมด้วยไหมเงินเป็นประกาย

                    ไม่  เอญ่าพูดอย่างไม่ต้องคิด  ตัวที่เธอต้องเลือกคือ....  เอญ่ามองไปที่กรงหมูสกปรกนั้นอย่างเอาจริงเอาจังจนทำให้เฟวาเกิดอาการขนหัวลุกอีกครั้งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่และจะต้องขนหัวลุกแบบนี้ไปอีกสักกี่ครั้งในเมื่อเฟวาต้องฝากชีวิตในโรงเรียนไว้กับเอญ่าอีกตั้ง 4  ปี 

                    เธอนี่รสนิยมต่ำจังเอญ่า  เฟวาทำหน้ามุ่ยกับการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของเอญ่า หลังจากที่ได้เจ้าหมูสกปรกเพศเมียพันธุ์อโกเลย์แคระ (ถ้าเฟวาจำไม่ผิด) เป็นสัตว์เลี้ยงคู่บารมี

                    ฟังนะเฟวา....การที่เธอต้องเข้าไปเรียนที่โรงเรียนเวทมนตร์  อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรอกนะ  แต่ถ้าคนระดับเธอเข้าเรียนแล้วย่อมมีคนสนใจมาก  แต่เธอก็ไม่ควรลืมพวกที่จะได้ผลประโยชน์หากเกิดอะไรขึ้นกับเธอนะ  ฉนั้นท่านพ่อของเธอไม่ได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเธอหรอกนะท่านให้ข้อมูลว่าเธอเป็นคนในตระกูล ฟล็องเมื่อเห็นสีหน้างงๆ ของเฟวา เอญ่าจึงรีบอธิบายต่อไปว่า เป็นตระกูลของฉันเอง  เฟวาสำลักน้ำลายตัวเองทันทีทันใดจนน้ำตาไหลพรัก แล้วต่อไปนี้เธอต้องเป็นน้องสาวฉัน  ต้องเชื่อฟังฉันล่ะรู้ไว้ซะ  น้องรัก    

                    โอว....  เฟวาโหยหวนอย่างน่าสมเพชที่สุดเท่าที่เอญ่าเคยเห็นมา   ทำไมชีวิตฉันมันถึงเลวร้ายได้ถึงเพียงนี้  สวรรค์  หากจะลงโทษฉันทำไมไม่ให้ตายไปซะเลยล่ะ  ทำไม.....ฮือ ฮือ

                    หยุดพร่ามได้แล้ว  ต้องไปกันต่อเดี๋ยวจะเย็นซะก่อน  เอญ่า  กระพือปีกเล็กบางไปล่วงหน้าไม่สนใจอีกคนที่กำลังทำท่าบีบคอตัวเองเหมือนจะมีเลือดทะลักออกมา

                    รู้มั๊ย  ไม้คฑา เนี่ยเลือกยากมาก  หากไม้ไม่ได้เกิดมาเพื่อเธอและเธอก็ไม่ได้เพื่อมัน  สรุปว่าใช้ตาเลือกไม่ได้  คำสรุปที่สั้นกึกทำให้เฟวาคิดตามแทบไม่ทัน 

                    ใช้อะไรล่ะค่ะพี่สาว  เฟวาประชดท่าทีที่เอญ่าวางไว้แบบฝืนธรรมชาติเต็มทน  ซึ่งก็ได้ผลท่าทีวางภูมิถูกทำลายไปหมดสิ้นเมื่อเจ้าตัวตะเบงเสียงอยางไร้ท่า

                    ก็ใช้พลังเวทน่ะสิ  จะเอาไรอีกฮ่ะยัยเฟบ้า  พร้อมเปลี่ยนชื่อให้เสร็จสรรพ  ซื่อกิริตอบรับคือ  หัวเราะคึกคักอย่างกวนโทโส  รีบเข้าร้านเถอะ  เอญ่าบอกอย่างหมดอารมณ์  ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านที่มีป้ายใหญ่โตสวยงามติดไว้ชื่อร้านว่า  คฑา โดย  มิสเตอร์คิวลัส

     

                    นี่เป็นครั้งแรกในวันนี้ที่เฟวารู้สึกว่าเอญ่าเข้าร้านถูก  เพราะร้านขายไม้คฑานี้ดูใหญ่โตและเป็นที่นิยมของลูกค้าทุกชนชั้น  ข้างในเฟวาเห็นแสงสีต่างๆ พุ้งออกมาจากปลายไม้รูปทรงแปลกๆ  (เฟวาเห็นไม้อันที่เด็กคนนึงถือ  รู้สึกเหมือนแขนผอมแห้งหนังติดกระดูกของคนแก่ไม่ผิดเพี้ยน)   เฟวาเดินลึกเข้าไปในช่องทางเดินที่ขนาบไปด้วยกล่องใส่ไม้คฑาซึ่งสูงจรดเพดาน  กลิ่นหอมคล้ายกำยานลอยมาอ่อนๆ  หมอกควันบางอย่างลอยวนอยู่รอบๆ  เงาลางเหมือนภาพฉายปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว  เธอเห็นตัวเองในวัยเด็ก  มีใครบางคนที่วิ่งเล่นกับเธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเท่ากันแต่งตัวคล้ายๆ กัน  คนที่เฟวารู้สึกผูกพัน   ภาพต่อมาเป็นภาพพระมารดาของเธอกำลังนั่งร้องไห้เธอเห็นพระบิดาของเธอด้วยพระองค์นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างๆ  ภาพต่อมาที่เห็นเด่นชัดแทรกขึ้นมาคือหงส์สีขาวสองตัวบินวนกันและกันทะยานขึ้นไปสู่ท้องฟ้าแล้วแยกออกจากกันบินไปคนะทิศทางห่างออกไปจนลับตา  ทันใดหงส์ตัวใดตัวหนึ่งเหมือนกับจะบินย้อนมาแล้วพุ่งผ่านเฟวาไปแล้วอันตรธานไปตรงกล่องไม้บนชั้นวาง  พลันทันใดหมอกควันและกลิ่นหอมก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว   ภาพทุกอย่างกระจ่างชัดและเฟวาพบว่าสายตาเธอยังจ้องเขม็งอยู่ที่กล่องใบหนึ่ง  เฟวาเดินเข้าไปเงื้อมมือไปหยิบมาเปิดออก  แสงสีน้ำเงินเรืองรองออกมาจากภายในกล่องและยิ่งขยายกำลังขึ้นเมื่อเฟวาเปิดฝากว้างออก   แล้วทุกอย่างก็สงบลงอีกครั้ง  เฟวาเห็นไม้อะไรบางอย่างวางอยู่ในกล่อง  คล้ายไม้จิ้มฟันแต่ก็ไม่ใช่  ด้านปลายของไม้เป็นหัวเซอร์คอนสีแดงเหนือเซอร์คอนเป็นรูปสลักหงส์ผงาดเล็กจิ๋วซึ่งถูกทำด้วยไม้ชนิดเดียวกันกับตัวด้ามที่ยาวไม้ถึงสิบเซนติเมตร  นั่นยิ่งทำให้ดูเหมือนไม้คฑาย่อส่วนโดยแท้

                    เอญ่า  นี่คฑาของฉันงั้นเหรอ เฟวาหยิบไม้คฑาออกมาชูให้เอญ่าดู  จากกล่องไม้ขนาดใหญ่ไม่เกินกันเท่าไรนัก

                    ก็เธอเป็นคนหยิบมันออกมาเองนี่นา  ถ้าเธอไม่มั่วหยิบ  มันก็เป็นไม้ของเธอ  เอญ่าบอกอย่งเฉยเมย

                    เฟวาไม่มีอารมณ์ต่อปากด้วยเพราะภาพที่ปรากฏต่อหน้าเธอเมื่อครู่คล้ายจงใจให้เธอเห็นเพียงคนเดียว  แล้วไม้นี้มันเกี่ยวอะไรกับภาพนั้นล่ะ   หรือจะเป็นเพียงสัญญาณจากไม้เพื่อดึงดูดเธอให้เลือกคฑาด้ามนี้  ซึ่งทุกคนก็คงเห็นเหมือนๆ กัน หรือไม่ก็ทำนองเดียวกันนั่นแหละ  แต่บางอย่างทำให้เฟวาสะดุ้ง  --ไม้เท้า-- 

                    ชายชราที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากับหัวล้านไปครึ่งหนึ่งแต่ยังดีหน่อยที่มีผมขาวโพลนโปะไว้รอบท้ายทอย  หลังงองุ้มค้ำไม้เท้าร่างทั้งร่างสั่นเทาเหมือนคนชราอื่นๆ  แต่แววตาตลอดจนการแต่งกายที่ดูมีฐานะและดูมีความรู้  พอน่าเชื่อถือได้ 

                    สิ่งที่คู่กันเมื่อมาอยู่ใกล้กันมันย่อมร้องเรียกกันเป็นธรรมดา  ทั้งเธอละไม้คฑาต่างเรียกหากันภาพที่เห็นเป็นภาพในอดีตที่เจ้ามีความผูกพันกับไม้คฑา  และคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับไม้คฑาของเธอด้วย 

                    คุณลุงค่ะ..ทำไม...  ยังไม่ทันได้ถามอะไรเลยชายชราก็เดินจากไปแล้ว

                    อย่าไปยุ่งกับแกเลย  ประโยคเมื่อตะกี้แกก็เคยพูดกับฉัน เอญ่า บินเข้ามาสำรวจไม้คฑาอีกครั้ง   แกก็มีหน้าที่พูดแค่ประโยคเดียวนี่แหละ  ถามอะไรไปแกก็ไม่รู้เรื่องหรอก 

     

                    หลังจากจ่ายเงินเสร็จสรรพทั้งสองก็มุ่งหน้ากลับวัง  ด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง  เหลือเวลาอีกเท่าไรนะที่โลกของเฟวากำลังเปลี่ยนไปโลกที่ต้องพบเจอจะกว้างใหญ่สักเพียงไหน  โลกที่ไม่มีพระบิดาผู้คอยปกป้องคุ้มภัย   โลกที่เต็มไปด้วยภยันตราย  มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอสามารถพึ่งพาอาศัยได้ก็คงจะเป็นตัวเธอเองนั่นแหละ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×