ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Farantia เจ้าหญิงที่หายไป

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 49


          

    บทที่  1

    ฝัน

     

     

                    สายลมในฤดูร้อนพัดผ่าน  หอบหิ้วไอร้อนระคนมา  ยามลมอ่อนพลิ้วพัดยอดหญ้าก็เอนลู่เลียมโลม  แสงตะวันรำไรบ่ายคล้อยถูกบดบังโดยหมู่เมฆน้อยใหญ่  หากแต่แสงสีทองยังเล็ดรอดซอกซอนตามหมู่กลีบเมฆมองดูคล้ายขริบด้วยไหมทอง  เห็นเป็นลำแสงสีทองอ่อนโยนนับสิบ  ส่องกระทบทุ่งหญ้ากว้างใหญ่  มีเนินใหญ่น้อยลดหลั่น  ผลุบๆ  โผล่ๆ เขียวขจี     

    เหมือนมีใครมาเปิดดวงไฟขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลังก้อนเมฆ  เหมือนมีใครมาจงใจจัดฉากธรรมชาตินี้ให้ดูสวยสดงดงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  แต่ใครเล่า  ใครจะเก่งกาจสามารถสั่งฟ้า  สั่งลม  ให้เป็นไปตามบทบาทของใครคนนั้นได้   เว้นเสียแต่  ธรรมชาตินั่นแหละที่เป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นมาเอง

     

                    เฮ้อ! ชีวิตข้าทำไมหน้าเบื่ออย่างนี้น๊า  สาวน้อยนอนแผ่หลาอยู่กลางทุ่งหญ้าใหญ่กว้าง    สองแขนใช้ต่างหมอนหนุนนอน  ยามที่ใจเผลอไผ  ล่องลอยไปตามสายลมอุ่น

                    เอญ่า  สาวน้อยเรียกใครบางคน

                    มีอะไรหรือ  เฟวา  ทูตตัวน้อยเท่าฝ่ามือ  บินไปเกาะที่หัวไหล่ของผู้เรียก

                    เจ้าว่าข้าควรจะดีใจหรือไม่  เอญ่า  .......อันที่จริงข้าก็ชอบนะงานฉลองวันเกิดอะไรนั่นน่ะ  แต่ทำไมต้องมีการหาคู่ให้ข้าด้วย  ข้าไม่อย่างแต่งงานตั้งแต่อายุยังเล็กนะ  สาวน้อยบ่นพรืด

                    ใครบอกเจ้าล่ะ...ว่าเป็นการเลือกคู่  แล้วเจ้าก็ยังไม่ได้แต่งงานเสียเดี๋ยวนี้ซะเมื่อไหร่  แค่หาคู่หมั้นให้เจ้าก็เท่านั้น  ทูตน้อยเอญ่าให้เหตุผล

                    ต่างกันตรงไหน  คนไม่พอใจยังคงค้าน

           อย่างน้อยเจ้าก็ถอดหมั้นได้  ทูตน้อยค้านตอบ

                    ถ้าถอนหมั้นก็มีเรื่องน่าปวดหัวตามมาอีกน่ะสิ  สาวน้อยคิดเลยไปถึงตอนที่จะมีการถอดหมั้น  ก็ตามกฎเขาต้องให้ฝ่ายขุนนางทั้งสองเมืองมีการพิจารณาก่อน  หากผลปรากฎว่าเราผิดมิซวยแย่หรือไง  ถูกลดขั้นเป็นสามัญชน  แล้วยังถูกยึดอำนาจเวทย์อีก  อย่างนี้ก็มีแต่เสียกับเสีย

           ยังไงเจ้าก็ต้องเข้าร่วมพิธีงานฉลองนะ  ทูตน้อยออกคำสั่ง

                    เจ้าต้องช่วยข้านะ  เอญ่า  นะ นะ นะ  สาวน้อยเว้าวอน  แต่ไม่เป็นผล  ทูตน้อยยังคงเมินเฉย  ซ้ำร้ายยังบินหนีอันตรธาน ไปกับสายลม 

                    จำไว้เลย  สาวน้อยล้มตัวลงนอนอีกครั้ง  ปล่อยใจไปกับสายลมอ่อนไหว  รู้สึกว่าตัวเบาโล่ง  เย็นสบาย  หอมกลิ่นดอกไม้อ่อน  หอม  เย็น..........

     

                    ดวงอาทิตย์เสี้ยวสุดท้ายกำลังจะบอกลาท้องฟ้า  อากาศกำลังเย็นสบาย  ท้องฟ้าอ่อนแสงครึ้มร่ม  เมืองนี้ก็น่าอยู่ไม่เบาเลยนะ   พลันความคิดก็ชะงัก  เด็กหนุ่มวัยครึ่งเด็กครึ้งผู้ใหญ่  เพ่งพินิจพิจารณาดูสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  สิ่งที่อยู่ห่างเขาไปไม่ไกล  เมื่อเพ่งูให้แน่ใจก็รู้ว่านั่นคือคน ใครกัน?  หรือว่า...เขาอาจได้รับบาดเจ็บ 

                    ชายหนุ่มสาวท้าวก้าวยาวๆกระชั้นถี่  เพื่อไปให้ถึงร่างที่นอนอยู่ให้เร็วที่สุด  เมื่อใกล้ถึงตัวก็เริ่มผ่อนฝีท้าวช้าลง  ช้าลง  แสงอาทิตย์อ่อนแรงลงทุกที  ทำให้เห็นใบหน้าได้ไม่ถนัด  แต่ก็รู้ว่าเจ้าของร่างนั้นเป็นสตรี  ด้วยความที่รู้ว่าเป็นสตรีจึงไม่กล้าที่จะแตะต้อง  ได้เพียงแค่มองสำรวจความผิดปกติอันที่เกิดจากบาดแผล 

     

                    --นางเป็นใครกัน  ทำไมถึงได้มานอนอยู่ตรงนี้--  ชายหนุ่มตั้งคำถามที่ไม่อาจจะได้คำตอบ

                    --ปลุกดีหรือเปล่าน้า--

                    --แต่...ถ้าตื่นขึ้นมาคิดว่าเราเป็นผู้ร้าย  ถึงตอนนั้นพูดความจริงไปก็คงไม่เชื่อ--

                    .

                    .

                    .

                    --ขอดูหน้าชัดๆ หน่อยแล้วกัน--  ชายหนุ่มก็ค่อยๆ เยี่ยมหน้าลงไปมองใบหน้าที่ยังหลับพริ้ม  เพ่งสายตาผ่านแสงที่เหลือน้อยเต็มทน  เป็นธรรมดาที่เวลาเช่นนี้สายตามักทำงานหนัก  ชายหนุ่มจึงต้องลดระยะห่างเพื่อให้เห็นใบหน้าชัดเจนขึ้น  ยิ่งใกล้ลมหายใจก็ยิ่งติดขัด  ต้องควบคุมไว้เดี๋ยวเธอตื่นขึ้นมาจะแย่

     

     

     

           หมอกจางลอยละเลี่ยพื้น  หมู่เมฆขริบด้วยสีทอง  แสงสีนวลกระจ่างตา  ลมอ่อนโชยมาเป็นระรอก  เบาโล่ง  เหมือนในเทพนิยาย  ใช่ที่นี่ต้องเป็นสวรรค์แน่ๆ  พลางก้มลงมองเครื่องทรงตนเอง  กลับกลายเป็นผ้าแพรสีขาวบริสุทธิ์อ่อนบาง  สาวน้อยเดินไปตามทางเดินทอดยาว  ผ่านสะพานเล็กๆ  และสวนดอกไม้แปลกตา  จนมาพบบันไดทอดยาวสูงตระหง่าน 

    --ทางเชื่อมโลกสวรรค์กับโลกมนุษย์--  มีอะไรบางอย่างกระซิบบอกในใจ

                   

                    สาวน้อยก้าวขึ้นบันไดเพียงก้าวเดียว  ปีกสีขาวละมุนก็งอกออกมาจากกลางหลัง  ปีกสีขาวกางสยายดูสวยงาม

                    --นี่เรากลายเป็นนางฟ้าแล้วหรือนี่

                    ปีกกว้างกระพือ ผับๆ  พาร่างบินขึ้นไปตามแนวบันได  ไม่นานร่างมาก็มาหยุดอยู่เบื้องหน้าวิหารใหญ่  เต็มไปด้วยดอกไม้สีสดบานสะพรั่ง    

     

                    สาวน้อยตะลึงงันในปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัว  นี่มันสวรรค์ชัดๆ 

     

                    เป็นลิขิตสวรรค์  เฟวา  ที่ทำให้เจ้าได้มาที่นี่ น้ำเสียงอ่อนโยนแฝงความเอ็นดู

                    ท่านแม่!”  เฟวา ร้องทักผู้หญิงเบื้องหน้า  ผู้ที่เธอรักยิ่ง  ท่านผู้ที่จากเธอไปตั้งแต่ยังเด็ก  เธอไม่เคยลืม  และจะไม่มีวันลืมหญิงคนนี้เด็ดขาด 

                    หยาดน้ำแห่งความปิติกำลังหลั่งทะลัก  ความดีใจที่ได้พบหน้าคนที่ไม่เคยคิดว่าจะได้พบอีก 

           ท่านแม่สบายดีหรือเพคะ  น้ำเสียงยังสะอึกสะอื้น

                    ผู้เป็นมารดาอ้าแขน  เรียกร้องให้สาวน้อยประทับอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นและปลอดภัย 

                    เจ้าโตขึ้นมากเฟวา  น้ำเสียงของมารดาก็มีความปิติไม่แพ้กัน

                    ท่านแม่เป็นนางฟ้าหรือเพคะ  ไม่มีคำตอบนอกจากรอยยิ้มละไม

                    เจ้าอย่ากังวลไปเลยลูกรัก  และอย่ากลัว  เจ้าจะได้พบคู่แท้ในอีกไม่นาน  และเจ้าอย่าย่อท้อต่ออุปสรรคที่จะมากล้ำกลายเจ้า  เจ้าจงตั้งมั่นในความดี  ผู้เป็นมารดาสั่งเสียก่อนที่จผละร่างออกไป  ทันใดช่องว่างก็ปรากฏที่ปลายเท้าสาวน้อย  ร่างบางยังไม่ทันได้ทำอะไรก็หล่นฮวบลงมาอย่างรวดเร็ว

                    ท่านแม่.........

                    ไม่ตกใจ  ไม่กลัว  เฟวาเพียงแต่เสียใจที่ต้องจากท่านแม่อีกครั้ง  ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย

     

                    ท่านแม่  ร่างบางสะดุ้งตื่น  โผร่างเข้ากอดชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างตัว  และชายหนุ่มก็โอบรับร่างบางอย่างลืมตัวเช่นกัน.......

     

                    หยาดน้ำตารินไหลรดสองข้างแก้ม  --ทำไม   ทำไมท่านแม่ใจร้ายนัก  ท่านแม่ทิ้งข้าอีกแล้ว  ทำไมไม่ให้ข้าไปอยู่ด้วยเล่า...ข้าเสียใจนะรู้มั๊ย--  มีเพียงเสียงสะอื้นเท่านั้น  เพราะมันจุกและงงเหลือเกิน  นางไปที่แห่งใดมา  แล้วที่นี่ที่ไหน  นึกพลางทอดสายตาไปรอบๆ  --นี่ข้าฝันไปใช่มั๊ย--

    --แล้วนี่ข้ากอดอยู่กับใคร--  หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ  เมื่อนึกได้ว่าตนเองกำลังถูกล่วงเกิน  จึงผลักร่างชายหนุ่มอย่างแรง

                    คือ   ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ  คือ...เอ่อ  ชายหนุ่มรีบแก้ตัวแต่ไม่ทัน

     

                    !!ผั๊ว!!

           มือเรียว  ถึงจะเรียวก็เถอะแต่หนักไม่เบาเลย  ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะอธิบายร่าบางก็วิ่งหนีไปแล้ว  วิ่งหายไปในความมืด  ทิ้งคำถามนับร้อยพันไว้ให้ชายหนุ่มผู้รับเคราะห์  ได้แต่คิดแล้วก็ให้นึกสงสารสาวน้อยผู้นั้น  แต่เหนืออื่นใด  คงไม่พ้นสงสารตัวเอง  

     

                   

                   

     

     

                   

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×