คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : -Part 3-
“นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย!?”
วานที่จู่ๆความซวยก็หล่นใส่ถึงกับร้องออกมาแทบไม่เป็นภาษา ซึ่งก็เป็นปฏิกิริยาที่คนคาดเอาไว้แล้ว
ก็อยู่ๆต้องมานั่งแท่นผู้บัญชาการการ์เดี้ยนที่เป็นเหมือนหัวใจของกองกำลัง แถมนี่ยังเป็นงานที่ต้องอาศัยความฉลาดปราดเปรื่องและความสุขุมรอบคอบอย่างมาก เพราะขืนสั่งการพลาดมีหวังได้เกิดโศกนาตกรรมขึ้นแน่...
...แล้วจะไม่ตกใจได้ยังไง...
“แพรีเขาขอลาหยุดน่ะสิ”
คุณโอเปอเรเตอร์ผู้แสนดีก็ตอบผิดประเด็นแบบจงใจแกล้งกันซะงั้น
แน่นอนว่าเจ้าคนดวงซวยก็โวยขึ้นทันที
“ไม่ใช่เรื่องนั้น! แต่เป็นเรื่องที่ทำไมผมต้องมาเป็นหัวหน้าต่างหาก!?”
“ก็เพราะเธอเหมาะสมที่สุดน่ะสิ”
“...เห็นด้วย...”
เสียงสนับสนุนจากด้านหลังทำเอาวานที่กำลังจะอ้าปากเถียงหันขวับไปมองเรปลิรอยด์สาวผมเขียวที่สวมชุดของเขา...
เธอคือแพนโดร่า อดีตศัตรูที่เคยฆ่าซิลเว...รุ่นพี่ของเขากับเอล แต่หลังจากที่เขาช่วยเธอเอาไว้ แม่มดสาวก็หันมาทำงานร่วมกับกลุ่มการ์เดี้ยน แถมยังเกาะติดเขายิ่งกว่าตุ๊กแก...
“แพนโดร่า...เธอจะไม่พูดก็ได้นะ...”
“แต่ยังไงก็ต้องเป็นอยู่ดีนี่ ไม่เห็นต่างกันเลย...”
เธอพูดขวานผ่าซากทำเอาวานสำลักอากาศ พวกโอเปอเรเตอร์ยกนิ้วโป้งให้ ส่วนแม่สาวห้าวหัวเราะก๊ากเพราะคุณเธอพูดได้ถูกใจเหลือเกิน
แต่แน่นอนว่าแพนโดร่าไม่เข้าใจความหมายของมัน
หลังจากทำใจอยู่พักใหญ่ๆ วานก็เริ่มรับสภาพได้ และลงมือปฏิบัติหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ทันที
“ว่าแต่แพรีเขาไปที่ไหนเหรอ?”
พวกโอเปอเรเตอร์มองหน้ากันแล้วหัวเราะคิก ก่อนจะแกล้งฮัมเพลงขึ้นพร้อมกัน
“วีรบุรุษในใจฉัน~ ในใจฉัน~ จากวันนั้น~ จนวันนี้~ จนวันนี้~ทั้งจากนี้~ ตลอดไป~”
“???”
***********************************************************************
“ฮัดชิ้ว...”
เด็กสาวร่างเล็กจามออกมาขณะย่ำเท้าไปบนผืนทรายอันร้อนระอุ โดยมีเพียงผ้าคลุมบังแดดกับถังพลังงาน น้ำหนึ่งกระติก และปืนอีกกระบอกเท่านั้น
“สงสัยพวกพี่ๆกำลังนินทาให้วานฟังอยู่แน่ๆ...”
ต้องชมว่าเธอคาดการณ์ได้แม่นยำมากจนน่ากลัว
เปลวแดดแผดเผาผืนทรายทำให้อุณหภูมิพุ่งสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส ซึ่งค่อนข้างเป็นปัญหาพอๆกับพื้นทรายที่คอยจะดูดให้เท้าจมลงไป ขนาดคนตัวสูงๆยังลำบาก พวกตัวเล็กๆอย่างเธอยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
“...ก้าวไม่ออก...”
แหงแซะ ก็จมไปตั้งครึ่งตัวแล้วจะเอาขาที่ไหนไปก้าวล่ะนั่น
“...ขยับไม่ได้...”
...ก้าวไม่ออกแล้วจะขยับได้ไงเล่า...
“...จะทำไงดี...”
...คงต้องรอให้คนมาช่วยแหละ...
“...รอให้มีคนผ่านมาละกัน...”
แต่...ชีวิตจริงมันไม่ได้สุขสมหวังง่ายๆแบบนางเอกในนิยายหรอกนะ
“...ร้อนจัง...”
หลังจากตากแดดมากว่าสามชั่วโมงก็ยังไม่มีใครผ่านมาเลยแม้แต่คนเดียว
...ถ้ามีคนผ่านมาสิถึงจะแปลก เพราะที่นี่เป็นเขตหวงห้ามที่ติดอันดับความอันตรายอยู่ในอันดับต้นๆ นอกจากจะมีอิเรกุล่าอยู่เยอะแล้ว ยังมีสิ่งตกค้างจากเหตุการณ์ในวันนั้น...จึงไม่มีคนสติดีคนไหนคิดจะเข้ามาที่นี่เลยแม้แต่คนเดียว
...เธอก็คงสติไม่ดีเหมือนกัน ที่ดันทุรังมาถึงนี่เพียงเพราะความฝันเก่าๆ ทั้งๆที่มีที่อื่นให้ไปตั้งเยอะตั้งแยะ...
เธอคงบ้าที่ยังเชื่อมั่นในคำสัญญานั้น...
...ทั้งๆที่เวลาผ่านมาแล้วตั้งร้อยปี...
“ฉันสัญญาว่าจะกลับมา”
“คนโกหก...”
เธอพึมพำด้วยดวงตาเศร้าหมอง ม่านน้ำบดบังทัศนียภาพ ก่อนจะไหลอาบสองแก้ม แล้วกลายเป็นหยาดน้ำตาหยดลงบนผืนทราย
ขยับไม่ได้ยังจะมาทำซึ้งอีกแน่ะ
“เสียงอะไรน่ารำคาญตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว...? ช่วยเงียบหน่อยได้ไหม?”
ก็ได้...งั้นคำถามสุดท้าย
“......”
คนที่คุยกับคุณตั้งแต่เมื่อครู่นี้เป็นใคร?
แพรีชะงักกึกพอได้ยินคำถาม สมองรีบประมวลผลอย่างรวดเร็ว พอหันซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร ใบหน้าอ่อนเยาว์ซีดจนกลายเป็นสีขาว
“ยะ...อย่าบอกนะว่า...” เธอเอ่ยเสียงสั่นๆ แล้วพูดคำที่ไม่อยากจะพูด “ผะ...ผะ...ผี...”
ถูกต้องนะคร้าบ!!!
พอได้ยินคำตอบปุ๊บ หัวหน้ากลุ่มการ์เดี้ยนก็ปล่อยกรี๊ดออกมาแล้วก็สลบไปในทันที
***********************************************************************
นี่มันหัวหน้าหรือเบ๊เนี่ย!?
วานแทบจะตะโกนออกมาหลังจากทำงานมาได้ครึ่งวัน
ตั้งแต่เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้า(ชั่วคราว) ของการ์เดี้ยน งานและรายงานมากมายจากทั่วทุกสารทิศสารพัดแผนกก็แห่เข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน ตั้งแต่หน่วยรบแนวหน้ายันคนขัดส้วม แถมยังต้องมาควบคุมดูแลการปฏิบัติภารกิจสำคัญๆ ต้องมาฟังรายงาน จับตาดูการปฏิบัติภารกิจตลอดเวลา แถมต้องคอยคิดวางแผนตอบคำถามเจ้าพวกแนวหน้าท้าตายโดยรอบคอบเพื่อให้เกินการสูญเสียน้อยที่สุด...
แล้วตัวเขาที่เคยแต่ลุยจะไปทำได้ไงฟะ!?
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครใส่ใจเลยสักคน เนื่องจากทุกคนให้เครดิตเขาไว้สูงมาก ต่างก็คิดว่าถ้าเป็นเขาซะอย่างต้องทำได้สบายอยู่แล้ว ไม่มีใครคิดเผื่อกรณีที่ผิดพลาดเลยสักคน...
...ซึ่งไอ้ความเชื่อมั่นนั่นก็หนักอึ้งจนแทบจะทับเขาตายคาเก้าอี้อยู่แล้ว...
ยิ่งเวลาผ่านไปแรงกดดันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความเครียดก็ค่อยๆพอกพูน จนชายหนุ่มที่มมักจะอารมณ์ดีอยู่เสมอกลับกลายเป็นคนขี้หงุดหงิด ผมที่ไว้ยาวถูกขยี้กระเซิงจนดูไม่ได้
ระหว่างที่กำลังเครียดอยู่นั้นแก้วน้ำที่บรรจุของเหลวสีส้มๆเย็นๆก็ยื่นมาตรงหน้าเขา โดยหญิงสาวที่มีฉายาว่าแม่มด
“...น้ำส้ม...”
“ขอบใจนะ...”
...แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่มีแพนโดร่าคอยช่วยอยู่ข้างๆ...
วานรับมาดื่มไปอึกหนึ่ง ก่อนจะกระดกรวดเดียวหมดแก้ว แล้วพ่นลมออกมา
“ฮ้า~ ค่อยสดชื่นหน่อย”
“เหนื่อยไหม?”
แพนโดร่าถามด้วยความเป็นห่วง เธอนั่งลงข้างๆกุมมือซ้ายของวาน
“เหนื่อยสิ...เหนื่อยยิ่งกว่าตอนออกไปสู้อีก...” วานบ่นอุบแล้วปัดผมที่แยงตาออก “ตอนนี้ฉันเข้าใจหัวอกแพรีแล้วล่ะ...” เขาหันมายิ้มให้หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ “แต่ยังดีที่เธอคอยช่วย...ขอบใจนะ...”
“วาน...”
แพนโดร่ายิ้มบางๆ ค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้
ชายหนุ่มถึงกับผงะ กลิ่นเหล้าที่โชยมาให้หึ่งทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาแล้ว...
“เอ่อ...เดี๋ยวก่อนแพนโดร่า...”
...และเขาก็ไม่อยากให้มันเกิดซ้ำสอง เพราะครั้งก่อนเอลไม่ยอมคุยกับเขาเป็นอาทิตย์ทั้งๆที่เขาเป็นผู้เสียหาย...
“ฉันว่าเรื่องแบบนี้มัน...”
เขาเอามือจับไหล่ของเธอเอาไว้ พยายามออกแรงต้านไว้ แต่เธอก็ยังพยายามเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ครั้นจะออกแรงมากกว่านี้ก็กลัวจะได้รับบาดเจ็บ
...อีกอย่างหนึ่งเขาก็ยังไม่เคยคิดเรื่องรักๆใคร่ๆเลยสักครั้ง...
“ได้โปรด อย่า...”
แต่ดูเหมือนคำขอร้องจะถูกปัดตกไปตั้งแต่ก่อนจะเสนอ
วานหลับตาปี๋พยายามยันเอาไว้สุดความสามารถ...
พวกโอเปอเรเตอร์นั่งอมยิ้ม ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นทั้งที่เหลือบมองอยู่ตลอด
ปิ๊บ!
(รุ่นพี่เอล ติดต่อได้แล้วครับ)
ตอนนั้นเองที่เอลกับเกรย์ติดต่อมา...
(สวัสดีวาน! ได้ข่าวว่าเป็นหัวหน้าชั่วคราวนี่เป็นเรื่องจริงสินะ!)
เอลเบียดเกรย์ออกไป แล้วทักทายด้วยน้ำเสียงเริงร่า โดยไม่ทันได้มองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
...บรรลัยแล้ว...!!!
(เป็นไงบ้างล่ะ!? คงจะเหนื่อยแย่เลยสินะ ทางนี้เองก็...)
แต่พอเธอเบิ่งตามองชัดๆคำพูดก็ถูกกลืนลงคอ ตาสีมรกตเบิกกว้างมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น วินาทีต่อมาใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ ตาสีมรกตฉายแววกร้าว กัดฟันกรอด้วยความโกรธที่พุ่งสูงปรี๊ดจนแทบทะลุเพดานห้อง
ในที่สุดวานก็ใช้แรงทั้งหมดดันตัวแพนโดร่าออกไปได้เป็นผลสำเร็จ แล้วรีบหันอธิบายอย่างลนลาน
“เอลฟังก่อนนะ! คือมันเป็น...!”
แต่ก็ไม่มีประโยชน์เพราะคุณเธอสับสวิตต์ระเบิดเป็นที่เรียบร้อย
(อีตาบ้าวาน! ฉันอุตส่าห์เป็นห่วง! แต่นายกลับ...!)
“เดี๋ยวสิเอล! ฟังก่อนสิ! ฟังฉันอธิบาย...”
“อย่าไปฟังนะเอล! ฉันเห็นเต็มสองตาเลยว่าเจ้าหมอนี่มันจะจูบแพนโดร่า!”
วานทำหน้าตื่นหันไปมองอาเช่ที่ลอบยิ้มสะใจที่ได้แก้แค้น
(มีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม!? ถ้าไม่มีก็แค่นี้แหละ!)
“เอล! เดี๋ยวสิเอล!”
ปิ๊บ!!!
สัญญาณติดต่อขาดหายไปแล้ว...
[รู้สึกช่วงนี้นายจะมีเคราะห์ทางนี้นะ]
โมเดลแซดวิเคราะห์ แต่วานไม่สนใจฟัง เพราะเขากำลังหันไปจ้องแม่ตัวแสบด้วยสายตาอาฆาตราวกับเป็นคู่แค้นกันมาสิบชาติ
“อาเช่!!!”
“หวาย!”
แล้วเจ้าหนุ่มผู้แสนดีแต่ดวงซวยก็ละทิ้งหน้าที่ วิ่งกวดแม่สาวแสบที่วิ่งหนีตั้งแต่เขาเริ่มออกวิ่งแล้ว จากนั้นแพนโดร่าก็วิ่งตามวานออกไปอีกคน ทำให้มีเพียงเหล่าโอเปอเรเตอร์เท่านั้นที่อยู่ภายในห้อง
“......”
พวกเธอมองหน้ากันแล้วยิ้ม
“ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!”
ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น หลังจากกลั้นมานาน
ความคิดเห็น