ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ll FanFiction : หัวขโมยแห่งบารามอส ll

    ลำดับตอนที่ #1 : l l ๐~ ThE ReVenGe~๐ l l --ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 48


    แฮะๆ คือแอนบอกไปแล้วรอบนึงนะค่ะที่เรื่องเก่าว่าแอนจะเลิกแต่งเรื่องนั้นแล้วมาแต่งเรื่องที่แทน



    ยังไงก็ต้องขอโทษคนที่ติดตามอ่านเรื่องเก่าอย่ด้วยนะค่ะ



    แฮะๆ ยังไงๆก็ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยละกันนะค่ะ



    อีกอย่าง ไอ้ThE ReVeNgE นี่แอนใช้ผิดป่ะค่ะ???(ความแค้นอะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ)





    * ll๐~ _____ThE ReVenGe______~๐ll *



    * ll๐~ _____ PaRt OnE _____~๐ll *







    ตอนที่ 1



    ณ ชายแดนโคมิเน่ – เอดินเบิร์ก



    โรงแรมเล็กๆโทรมๆเก่าๆ แห่งหนึ่ง





    “ธิดาแห่งความมืดเจ้าต้องรีบนำตัวมันมาโดยเร็ว... ... ก่อนที่เราจะไม่สามารถรับมือมันไหว”เสียงหนึ่งดังขึ้น เขาเป็นชายสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท นัยน์ตาสีแดงฉานราวกับไฟกัลป์ ท่ามกลางความมืด





    “ตะ แต่” ชายอีกคนที่คาดว่าเป็นลูกน้อง เขามีนัยน์ตาสีฟ้าสงบราบเรียบ สวมเสื้อคุลมสีดำสนิทเช่นกัน





    “ไม่มีแต่ ข้าต้องการตัวมันโดยเร็ว เพื่อสะสางความแค้นระหว่างข้า กับคาโนวาล”เสียงนั้นพูดด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ก่อนที่ชายผู้เป็นลูกน้อง รีบลุกลี้ลุนลนออกจากห้องไป





    “พี่ค่ะ”เสียงเรียกจากหญิงสาวนางหนึ่ง





    “มีอะไรหรอ”น้ำเสียงแปรเปลี่ยนสู่น้ำเสียงที่ดูอ่อนโยนผิดกับเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง





    “ท่านพี่แน่ใจแล้วเหรอค่ะ ว่าจะบุกชิงตัวธิดาแห่งความมืด”หญิงสาวถามอย่างหวาดวิตก





    “แน่สิ ก็มันเป็นวิธีเดียวที่เราจะแก้แค้นให้ท่านพ่อกับท่านแม่ได้”ชายหนุ่มตอบกลับด้วยความมุ่งมั่น





    “แต่ ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆหรอค่ะ”หญิงสาวพยายามค้าน





    “หากเราต้องการกำจัดคาโนวาลก็คงมีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น”สิ้นคำขาดนั้น ทำให้หญิงสาวเงียบไป......





    2 วันต่อมา





        เช้าวันหนึ่ง วันที่การป้องกันของเอดินเบิร์กหละหลวมมากที่สุด เพราะรุ่นพี่ฝีมือดีๆส่วนใหญ่ต่างถูกส่งไปทำธุระ กันเสียหมด เหตุการณ์ดำเนินไปตามปกติเช่นทุกวัน จนกระทั่งอยู่ๆฟ้าก็เริ่มมืด ก่อนที่ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีแดงฉานแสงอาทิตย์ค่อยๆหายไปจากฟากฟ้า หยาดฝนต่างไหลเทลงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง สายฟ้าฟาดผ่าลงมาสู่พื้นดิน พร้อมๆกับการบุกโดยไม่คาดฝันของกลุ่มชายชุดดำซึ่งไม่มีใครรู้จัก





    “เกิดอะไรขึ้นข้างนอกล่ะเนี่ย”เฟรินถามด้วยสีหน้า สงสัย เมื่อมองผ่านหน้าต่างไปเห็นสภาพแวดล้อมด้านนอก ที่เริ่มจะผิดปกติ





    “ชั้นรู้สึกสังหรณ์ไม่ได้ยังไงก็ไม่รู้ ไอสังหารลอยเต็มไปหมด เหมือนจะมีแขกไม่ได้รับเชิญ. .”คิลเอ่ยขึ้นมาสายตาสอดส่องมองไปรอบๆข้าง





    “อะไรก็ได้ แต่ชั้นขอให้ไม่ใช่ผีก็พอแล้ว”เฟรินพึมพำ พลางคว้าผลแอปเปิ้ลที่วางอยู่ข้างๆมาเคี้ยวกรวมๆ ทำเอาเพื่อนทั้งสองส่ายหน้าอย่างระอา





    “ไอ้นี่มันไม่เคยรู้สึกรู้สาอะไรเลยใช่ไม๊เนี่ย นอกจากเรื่องผี TTxTT”







    เปรี้ยงง !!!!!!! เสียงของสายฟ้าที่ผ่าลงใกล้ๆกับป้อมอัศวิน พร้อมกับกลุ่มคนที่วิ่งออกมาจากพุ่มไม้ต่างๆ ราวกับนัดหมายกันไว้แล้ว



    “คาโล เฟริน ท่าทางจะไม่ค่อยดีแล้วสิท่า ไอสังหารมากกว่าเมื่อกี้อีก”คิลเอ่ย สายตาเพ่งมองลงไปด้านล่าง  ขณะที่กลุ่มชายแปลกหน้าปะทะกับนักเรียนป้อมอัศวินกลุ่มใหญ่





    ปังงงงง!!!!!! ประตูถูกเปิดผางอย่างรีบร้อน เผยให้เห็นสภาพของขอทานหนุ่มจากทริสทอร์นามโร เซวาเรส





    “คาโล คิล เฟริน ไปช่วยๆกันหน่อยสิ มีแขกไม่ได้รับเชิญมากันเป็นรังมดเลย”โรพูดจบก็ล้มตัวลงที่พื้นด้วยความเหนื่อยล้า







    ความงงงวยแล่นพล่านเข้าสู่สมองของทุกคน ทำไมมันถึงมาในสภาพแบบนี้ พวกนั้นเพิ่งบุกเข้ามาเมื่อกี๊นะ  อีกอย่างฝีมือมันก็ใช่ย่อย



    คาโลเห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามาดู คว้าหมับเข้าที่แขนขวาของนายขอทานหนุ่ม



    “อ๊ากกกกกก!!!!!!”โรร้องออกมาลั่นด้วยความเจ็บปวด คาโลจึงรีบถกแขนเสื้อขึ้นมาดูบาดแผล



    รอยแผลเป็นทางยาว เริ่มตั้งแต่ต้นแขน ไปจนถึงข้อมือ เลือดซึ่งกำลังไหลพราก ออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ขณะที่ขากางเกงเริ่มมีเลือดสีแดงฉานซึมออกมา





    “ทำไมนายไม่รีบรักษา”คาโลเอ่ยถามอย่างฉงน





    “ก็มัน. . .   ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แต่นายไม่ต้องช่วยชั้นหรอก”





    แต่คาโลก็ไม่สนรีบรักษาให้โดยไม่ฟังคำห้ามของผู้ที่จะถูกรักษา แต่ก็ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้เช่นกัน คาโลจึงเรียกกล่องยาพระราชาออกมา และรักษาแผลให้โรแทนใช้เวทมนตร์



    ต้องเป็นหนี้ชีวิตหมอนี่อีกแล้วรึเนี่ย โรเปรยในใจ



    “รับไปช่วยพวกมาทิลด้าเถอะ พวกนั้นจะแย่อยู่แล้ว”โรรีบออกปาก พร้อมกับตั้งท่าลุกขึ้นแต่ก็เซลงไปเล็กน้อย





    “โร นายนั่งพักก่อนไม่ดีกว่าหรอ สภาพอย่างงี้ไม่น่าจะไหว”เฟรินถามอย่างเป็นห่วง





    “ไม่ได้หรอกพวกข้างล่างกำลังลำบากอยู่ อีกอย่างพวกที่บาดเจ็บกว่าชั้นยังมีอยู่ตั้งเยอะแยะ”โรหันมายิ้นให้แล้ววิ่งจากไปด้วยความรีบร้อน ปล่อยให้ทั้งสามวิ่งตามลงไป





    “พวกนายรีบๆ วิ่งกันหน่อยดิ ชักช้าอยู่ได้  เฮ้ยย!!!!”เฟรินอุทานขณะที่วิ่งลงมาถึงชั้นล่างเป็นคนแรก





    ภาพที่เธอเห็นคือร่างของรุ่นน้องปี 1 – 2 รวมทั้งรุ่นพี่ หลายสิบคนนอนอยู่ที่พื้นด้วยสภาพที่ดูน่าสยดสยอง เนื้อตัวเต็มใบด้วยบาดแผลฉกรรจ์ บางคนนอนนิ่งไม่ไหวติง กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งเต็มไปหมด





    “ครี้ดนี่มันเกิดอะไรขึ้น”คิลที่เพิ่งวิ่งลงมาถึงเอ่ยถามครี้ดที่ยืนอยู่ในท่าพร้อมโจมตีด้านหน้า





    “ไม่รู้ อยู่ๆไอ้พวกนี้ก็ออกมาไล่ฟันพวกเราเฉย. . .  นั่นมาอีกแล้ว”ครี้ดตอบพร้อมกับพวกชายชุดดำที่วิ่งออกมาจากพุ่มไม้ พร้อมกับมีด ดาบ ในมือ



    “อะไรกัน ทำไมไอ้พวกนี้มันไม่ยอมตายกันหมดสักที”เฟรินบ่นขณะที่กำลังใช้ ผ่าปฐพี ฟันหัวของศัตรู ขาดกระเด็น (โหดไปป่าวเนี่ย- -“) ส่วนคิลก็ใช้กระแสไฟฟ้าช็อตคู่ต่อสู้น็อคไปทีเดียวหลายสิบคน



    ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆ  จำนวนผู้บาดเจ็บก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับจำนวนชายชุดดำที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยด้วยเช่นกัน



    “มาทิลด้า ทางนั้นเป็นไงบ้าง”โรทำท่าจะเข้าไปช่วย เพราะเห็นว่ามาทิลด้าอยู่ในวงล้อมของศัตรูประมาณ 4- 5 คน





        แต่ยังไม่ทันที่โรจะเดินไปถึง ดาบยาวของหนึ่งในจำนวนชายชุดดำก็ตวัดใบที่ขาของมาทิลด้า ก่อนที่ดาบเล่มเดิมกำลังจะปลิดลมหายใจเธอ  ดาบของเธอจ้วงแทงไปกลางลำตัวของผู้ที่ฝากบาดแผลไว้ให้ ร่างของเธอค่อยๆล้มลงกองกับพื้นพร้อมกับร่างของชายชุดดำที่สิ้นลมหายใจไปแล้ว



         เธอพยายามใช้เวทรักษาบาดแผลของตนเองที่มีเลือดที่แดงฉานไหลออกมาจำนวนมาก  แต่ระหว่างที่เธอกำลังร่ายเวทอยู่นั้น ก็มีชายชุดดำคนหนึ่งก้าวเข้ามา เงื้อดาบกำลังจะฟันเธอ



    “เคร้งงงงงง”เสียงดาบของโรปะทะกับดาบของชายชุดดำ



    “มาทิลด้ารีบหนีไปเร็ว”โรรีบบอก มาทิลด้าที่กำลังพยุงตัวลุกอยู่ด้านหลังของเขา แต่เธอก็ไม่สามารถวิ่งหนีได้เร็วเท่าไรนักเพราะแผลฉกรรจ์ที่ขาทั้งสองข้าง



    “ใครขัดขวางพวกเรา มันต้องตายย”ชายชุดดำคนนั้นตะโกนลั่นพร้อมกับเงื้อดาบจะฟันมาทิลด้า



    “ระวัง มาทิลด้า!!!!!”เฟรินพุ่งตรงมายังชายชุดดำพร้อมกับจ้วงแทงเข้าที่กลางหลัง ชายคนนั้นกระอักเลือดออกมาแล้วหันหน้ามาหาเฟริน พร้อมกับคำพูดประโยคหนึ่ง



    “ธะ ธิดาแห่งความมะ มืด ธะ เธอไม่มีวันรอดพ้นจาก งะ เงื้อมมือ พวกเราดะได้นะ แน่”ทันทีที่พูดจบชายคนนั้นก็ล้มลงและสิ้นลมในทันที



    “ที่มันพูดหมายความว่าไงฟ่ะ . . แล้วมันรู้จักเราได้ไงหว่า??  ”เฟรินเปรยด้วยความงงงวย แล้วรีบช่วยพยุงมาทิลด้าให้ลุกเดินอย่างยากลำบาก



    “มาทิลด้า ไหวไม๊”เฟรินถามอย่างเป็นห่วง มาทิลด้าก็พยักหน้าบอก เฟรินจึงวางเธอไว้ตรงใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ ก่อนที่จะออกวิ่งกลับไปฟันพวกชายชุดดำต่อ



    หลายชั่วโมงต่อมา พวกชายชุดดำก็ยังออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด



    “นะ นะ นะ นี่ มันอะไรกัน”แองเจลีน่าเอ่ยสีหน้าตระหนกตกใจ เมื่อชายชุดดำคนล่าสุดที่เธอฟันกลับไม่มีเลือดออกมาแม้แต่หยดเดียว แต่กลับกลายเป็นควันดำสนิทแทน และจับตัวกลับเป็นรูปร่างอีกครั้ง ไม่ได้เป็นเพียงชายชุดดำที่แองเจลีน่าสู้ด้วยเท่านั้น ชายชุดดำกลุ่มสุดท้ายที่ออกมาต่างก็ไม่มีเลือดเช่นกัน หลังจากนั้นชาวป้อมอัศวินถูกโจมตีบาดเจ็บไปตามๆกัน เพราะดูเหมือนว่าหลังจากนั้นพละกำลังของมันได้เพิ่มขึ้นราวกับไม่ใช่มนุษย์ทั่วไป





    “เวทมนตร์ดำขั้นสูง ทำไมมันใช้ได้ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีใครใช้เวทมนตร์ได้ ”คาโลเปรยเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของพวกชายชุดดำ



    “นายก็เคยทำได้มาแล้วหนิ แต่เวทที่นายว่า มันไม่ใช่เวทที่คนธรรมดาจะใช้ได้ใช่มะ”คิลซึ่งยืนอยู่ด้านข้างได้ยินเข้าจึงเอ่ยถาม ซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้า





    “พวกมันเป็นใครกัน ไม่เข้าจริงๆว่ามันมีจุดประสงค์อะไร เมื่อกี้มันก็บอกกับชั้นว่า………”ยังไม่ทันที่เฟรินจะพูดจบ เสียงร้องโยหวนของใครบางคนก็ดังขึ้น เรียกให้สายตาของพวกเขาหันไปมองตามเสียงนั้น



    “อ๊ากกกกกกกกก”



    “ครี้ดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!”เฟรินตะโกนลั่นอย่างตกตะลึง พร้อมกลับถลาออกจากคู่ต่อสู้เพื่อไปดูอาการของเพื่อน แต่เธอต้องตกตะลึงมากขึ้นเมื่อเห็นร่างของเดอะวอริเออร์ ออฟไนล์ ที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ ด้วยดาบเดียวของคู่ต่อสู้ เลือดสีแดงสดอาบไปทั้งตัวคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ริมฝีปากมีเลือดสีแดงๆไหลออกมา ก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง





    “ครี้ด. . . นายอย่าเป็นอะไรนะเว้ย ”เฟรินบอกหน้าเริ่มซีดขึ้นเรื่อยๆพอๆกับหน้าของครี้ด





    “ไอ้บ้า . .. นายทำอะไรอยู่ฟ่ะ จะให้มันฟันคอตายรึไง เฮ้ยยย ครี้ดด”คิลตะโกนบอกเฟรินเมื่อมีชายชุดดำคนหนึ่งเงื้อดาบเพื่อจะฟันเฟริน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสภาพของครี้ด





    “ครี้ด นายรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ แล้วชั้นจะไปเรียกคาโลมาให้”คิลรับบอกพร้อมกับผลุนผลันวิ่งตรงไปหาคาโล





    เวลาผ่านไปสักพักคิลก็วิ่งกลับมาพร้อมกับคาโล





    “แผลหนักไม่เบา เยอะและลึก”คาโลพึมพำขณะที่รักษาแผลให้ครี้ด



    “ทำไมนายไม่ใช้เวทมนตร์รักษา”ครี้ดเอ่ยถามอย่างสงัสยเพราะปกติคาโลจะใช้เวทมนตร์รักษามากกว่าใช้กล่องยาพระราชา



    “นายไม่สังเกตุหรอ ว่าตอนนี้ใช้เวทมนร์ไม่ได้เลย นายไปนั่งพักก่อนที่เหลือเดี๋ยวพวกชั้นจัดการเอง”คาโลตอบ แล้วพยุงครี้ดไปนั่งใกล้ๆกับมาทิลด้า(ที่นั่งคนบาดเจ็บ^o^)





    เปรี้ยงงงงงง /กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด





    เสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของ แม่มดสาว แองเจลีน่า โรมานอฟ เมื่อเธอเหลือบไปเห็นร่างของเจ้าหญิงคนงามที่ล้มลงกับพื้นไปตามแรงดึงดูดของโลก ร่างของเธอดำเมี่ยมราวกับเศษขี้เถ้า ด้วยสายฟ้าที่ผ่าลงมาตรงลำตัวของเธอพอดี



    “เรนอนนนนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!!”แองเจลีน่าตะโกนลั่นรีบวิ่งไปยังร่างของเรนอนที่ล้มลงกับพื้น แต่ยังไม่ทันถึงที่ เธอก็

    กระอักเลือดอออกมา เธอค่อยๆมองลงไปที่บริเวณหน้าท้องของเธอช้าๆ เลือดสดๆค่อยๆไหลรินลงมาราวกับสายน้ำ พร้อมๆกับ

    คมดาบที่ทิ่มแทงมายังร่างของเธออีกครั้ง คราวนี้ร่างของเธอไม่สามารถทนกับพิษบาดแผลได้อีกแล้ว ร่างของเธอค่อยล้มลง

    เหมือนเช่นเพื่อนของเธอ มือของเธอยกขึ้นมากุมบาดแผลที่มีเลือดพุ่งออกมาไม่ยอมหยุด ปากพยายามรพึวพำร่ายเวทแต่ก็ไม่ได้ผล



    “ส่งตัวธิดาแห่งความมืดมาเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากให้พวกพ้องของพวกแกต้องตายไปมากกว่านี้”เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากฟากฟ้า พร้อมกับสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาอีกครั้ง



    “ฉันสงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี๊ละ ไอ้เหตุการณ์แบบนี้แกว่าคุ้นๆ ไม๊คิล” เฟรินเห็นหน้าไปถามคิลซึ่งเพิ่งช็อตมนุษย์ควันไป 10 กว่าตัว





    “เออ เหมือนตอนไปเดมอสครั้งแรกกับแกเลย ตรงหุบเขาหัวกะโหลกใช่มะ”คิลตอบ พลันความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในสมอง





    “หรือว่าแกไปขโมยอะไรมาอีก!!??”





    “ไอ้บ้า แกใช้อะไรมาคิด”เฟรินโต้ทันควัน ก่อนเสริม





    “ชั้นหมายความว่า พ่อนายรับจ้างใครมาฆ่าชั้นอีกรึปล่าว!!!!!





    “จะบ้าป่าว ชั้นบอกนายไปกี่ทีแล้วว่า บ้านฉันเลิกรับงานฆ่านายแล้ว!!!! แล้วอีกอย่าง นี่ไม่ใช่เสียงพ่อชั้น ถ้าใช่ชั้นก็รู้นายแล้วด้วย” คิลโต้ทันที





    “ก็เท่านั้น เดี๋ยวต่อไป ไอ้คาโลเรียกคทาพิพากษาออกมา นายเชื่อป่ะ”เฟรินหันไปถาม





    “ก็ถ้ามันไม่ใช้คทามันจะใช้อะไรล่ะ”คิลย้อน ยังไม่ทันขาดคำ





    คทาพิพากษา!!!!!!!





    “เฮ้ย ถ้าเหมือนคราวนั้น งั้นก็........”เฟรินผวา





    “พ่อมดปีศาจจจจ”คิลกับเฟรินร้องพร้อมกัน แต่อีกคนที่เงียบมานานกลับร้องสบถอย่างหมดมาด





    “ประสาท!!!!!” สิ้นเสียงด่าของคาโล  



    สายฝนก็หายไป ลมกรรโชกหยุดพัด ไม่นานทุกสรรพสิ่งรอบกายล้วนสงบนิ่ง รวมทั้งเพื่อนๆที่กำลังสู้อยู่ก็หันมามอง ด้วยบางคนยังไม่เคยเห็นฤทธิ์ พ่อมดปีศาจ รวมทั้ง จอมลงการบนฟากฟ้า ก็เงียบลงด้วยเช่นกัน(อ้างอิงจากเล่ม 2 นิดส์นึง)



    สิ่งเดียวที่สัมผัสได้คือความหนาวเหน็บจากหิมะที่เริ่มโปรยปรายลงมาลนพื้น ก่อนแปรเปลี่ยนสู่ก้อนน้ำแข็ง ทุกสรรพสิ่งขาวโพลน จนกระทั่งความเงียบถูกทำลายด้วย



    “เฮ้ยๆ ไอ้คาโล แกอย่าทำให้เหมือนตอนนั้นนักดิ เดี๋ยวชั้นก็ได้เอาผ่าปฐผีฟันตัวเองอีกหรอก”เฟรินทำเสียงเครียด ท่ามกลางความเงียบทำให้ทุกสายตาหันมามอง





    “มันไม่ยอมให้แกฟันตัวเองหรอกนย่า เอ! แต่ตอนนี้ไม่มีดาบลมหวนแล้วหนิ”คิลเอ่ยบ้าง  ทำเอาช่าวป้อมอัศวินคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องราว งง เป็นไก้ตาแตก





    “แกสองคนเงียบๆไปเลย”คาโลหันมาบอก





    “มันเป็นอะไรว่ะ”เฟรินหันไปถามคิล





    “นั่นดิ ชั้นว่าคงต้องการสมาธิในการต่อสู้ ฮึๆ”





    “บอกให้เงียบ”



         สิ้นเสียงขู่ สรรพสิ่งรอบกายกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง ร่างกายไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ทำให้บทสนทนาของสองคู่หูเงียบสงบลง เพราะความหนาวเหน็บกำลัง คลืบคลานเข้ามาทุกที สายลมค่อยๆพัดกรรโชก หากแต่มันไม่ได้ให้เพียงความรู้สึกของลมหนาวธรรมดา เพียงแต่มันให้ความรู้สึก เย็นยะเยือก อ้างว้าง และความน่ากลัว ราวกับดินแดนน้ำแข็ง





    “พะ พะ พ่อ มด ปี ศาจแห่งคาโนวาลงั้นสิ”จอมบงการเอ่ยในที่สุด





    “ได้ยินมานานแล้วเหมือนกัน ฮึๆ พ่อมดปีศาจแห่งคาโนวาล ดูซิ จะร้ายกาจสักเท่าไร ฮ่าๆ ๆ”สิ้นคำปรารภ



    ลมค่อยๆพัดกรรโชกมากยิ่งขึ้นๆ เรื่อยๆ  ผู้คนต่างพากันทรงตัวแทบไม่ไหว มีเพียงคนที่สั่ งลมเท่านั้นที่ยังยืนนิ่งอยู่ได้โดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย



    “ตามที่ท่านต้องการ แต่ท่านจะไม่ลงมาข้างล่างหน่อยหรือ จะได้สะดวกยิ่งขึ้น”คาโลเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับราวยิ้มเย็นชา  นับตาสีฟ้าค่อยๆ ฉายแววความน่ากลัว เย็นชา  ราวกับเป็นคนละคน





    “คิลชั้นว่าท่าจะไม่ดีแล้วแฮะ”เฟรินเอ่ยเสียงสั่น



        พร้อมกับที่มีร่างหนึ่งค่อยๆลอยลงมาจากฟากฟ้า ร่างนั้นสวมผ้าคลุมสีดำ ดวงตาสีฟ้าสงบราบเรียบ เส้นผมสี น้ำเง็นปลิวไสวไปกับสายลมเช่นเดียวกับผ้าคลุม ร่างนั้นค่อยๆโค้งลงต่ำ พร้อมกับคำพูดที่เล็ดลอดออกมาจากปาก



    “เป็นเกียรติยิ่งนัก ที่หม่อมชั้นจะได้มีโอกาศ ประมือกับ พ่อมดปีศาจแห่งคาโนวาลที่เขาร่ำลือกัน”



    “เช่นกัน” สิ้นเสียงของคาโล ก็มีพลังบางอย่างพวยพุ่งออกมาจากร่างของพ่อมดแห่งคาโนวาล ซัดอีกฝ่ายกระเด็นไปล้มอยู่

    ด้านหลัง ร่างนั้นค่อยลุกขึ้นพร้อมๆกับคำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมา





    “หากท่านเป็นน้ำแข็ง. . . .  ก็ยากยิ่งที่จะชนะเรา” ทันใดนั้นเปลวไฟก็พวยพุ่งออกจากร่างของเขา ตรงสู้ร่างของเจ้าชายน้ำแข็ง หากแต่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้แม้แต่น้อย ด้วยฤทธิ์ของเกราะน้ำแข็งที่เขาสร้างขึ้น



    “ยังอ่อนหัด แน่จริงก็ใช้ร่างจริงสิ !!”น้ำเสียงเย็นยะเยียบดังขึ้นอย่างดูถูก คทาพิพากษาแห่งเดมอสปักอยู่ด้านหน้า พร้อมกับ ปากที่พึมพำร่ายคาถา สุนัขป่าหิมะได้ปรากฏตัวออกมา พร้อมกับลมพายุที่พัดกรรโชกจนไม่สามารถมองเห็นทางได้  แต่จู่ๆร่างสุนัขป่าหิมะก็ค่อยๆหายไปพร้อมกับร่างชาวป้อมอัศวินทั้งป้อม เหลือไว้แต่เพียงสายลมและความหนาวเหน็บ.





    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+



    แฮะๆ ฝากผลงานเรื่องใหม่ด้วยนะค่ะ



    ไงๆก็เม้นต์+ ติ + ชม กันด้วยนะค่ะ (ยังไม่มีโหวตเพราะมันเพิ่งตอนเดียว คิๆ)



    เม้นต์ๆกันด้วย กำลังใจชิ้นโตเลยคร่า



    ย้ำๆ ติๆๆๆๆ กันด้วยแอนจะได้เอาไปปรับปรุงซะใหม่ ^___^



    รักคนอ่านจังเรย



    Anni_Wanebli (เขียนผิดไปงี้เนี่ยแหละ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×