ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : l l ๐~ ThE ReVenGe~๐ l l --ตอนที่ 3 แก้ตัวครั้งสุดท้าย. . .
l l ~ ThE ReVenGe  PaRt ThReE ~ l l
ตอนที่ 3
           
              “เฟริน ตื่นได้แล้ววว”คิลเอ่ยเรียก ขณะที่มือกำลังเขย่าร่างของเจ้าตัวยุ่งที่หลับปุ๋ยอยู่ ทั้งๆที่รู้อยุ่แก่ใจว่า ถ้าคนปลุกไม่ใช่เจ้าชายน้ำแข้งรูปงามจากคาโนวลา มันก็คงไม่ยอมตื่นง่ายๆ
   
              “ว่าแล้ววว ถ้าชั้นเป็นคนปลุกมันต้องไม่ตื่นชัวร์ แล้วไอ้คาโลมันยังมีหน้ามาสั่งให้ เราปลุกอีก”คิลเอ่ยพลางส่ายหน้า ขณะที่สมองกำลังคิดถึงคำกำชับของคาโลก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำ
            ‘รีบๆปลุกมันด้วยละ. . . . .’
   
    “เฟริน ถ้าแกไม่ตื่น ชั้นจะเรียกคาโลมาปลุกนะ”คิลขู่ พลางทำท่าจะเดินไปที่เตียงของคาโล
                “คิลแกไม่ต้องมาหลอกชั้น ชั้นรู้ว่าไอ้คาโลมันอาบน้ำอยู่ . . . . .”เฟรินเอ่ยด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ขณะที่ตาก็ยังหลับอยู่ พลางยกมือขึ้นโบกไปมาเป็นเชิงว่า =นายไม่ต้องมาหลอกชั้น=
            ‘ยังเจือกรู้ทันตูอีก ไอ้เว น นี่’ คิลด่าในใจขณะที่ปากเอ่ยไปอีกอย่าง
              “อ้อ เหรอ นายก็อย่าลืมว่าชั้นก็เคยปลุกนายตื่นมาแล้วครั้งนึง หรือนายจะเอาวิธีแบบนั้นอีก”คิลเอ่ยพร้อมกับฉีกรอยยิ้มเฮิ้ยมส่งให้
              “เฮ้ย!!! ไอ้คิล แกคงไม่ได้หมายความว่าจะจับชั้นโยนออกนอกห้อง ตามด้วยน้ำเย็นอีกกะละมังนะเว้ยย”เฟรินซะดุ้งโหยง แล้วรีบลุกขึ้นมานั่งจ้องคิลตาเขม็ง
          “ก็ถ้าแกไม่ตื่นตอนแรกคิดว่า จะจับโยนออกนอกหน้าต่างแล้วด้วยซ้ำ”คิลเอ่ยทีเล่นทีจริง ขณะที่เดินเข้ามาหาเฟริน
            “นายไม่ต้องมาขู่ฉันเลย ฉันรู้ว่านายไม่ทำจริงหรอก”เฟรินเอ่ย
                “จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ถ้านายไม่ตื่น . . . . ฉันจับนายโยนลงหน้าต่างแน่”คิลตอบ ฉีกรอยยิ้มกว้างส่งให้ พร้อมกับที่ ประตูห้องน้ำเปิดออก และร่างของเจ้าชายน้ำแข็งก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำ
             
                “’งั้น. . .ชั้นไปอาบน้ำก่อนนะ”สิ้นเสียงของเจ้าหัวขโมยร่างทั้งร่างก็วิ่งฉิวไปทางตู้เสื้อผ้า คว้าชุดนักเรียน แล้ววิ่งต่อเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
              “มันเป็นอะไร ของมันลุกลี้ลุกลนผิดปกติ”ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้ากระจกถาม อย่างไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไรนัก
                  “กลัวชั้นจับโยนลงหน้าต่างจริงๆละมั้ง”คิลเอ่ยกลั้วหัวเราะ ขณะที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง อย่างสบายใจ
                  “นายคิดยังไงกับพวกชายชุดดำ”อยู่ๆคาโลก็ถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขึ้นมากกว่าเมื่อกี้
                  “ก็ไม่ว่าไง ถ้าเกิดพวกนั้นจับตัวเฟรินได้ นั่นเรื่องใหญ่แน่ ยังไงชั้นคิดว่า มันน่าจะระวังตัวสักหน่อย แล้วนายล่ะ”คิลลุกขึ้นนั่ง แล้วเอ่ยตอบก่อนส่งคำถามกลับ
                  “ชั้นว่า เดี๋ยวมันต้องส่งคนมาบุกอีกแน่ไม่ช้าก้เร็ว เพราะกำลังพลของมันมีไม่จำกัด ทั้งร่างอมตะ และ ร่างเทียม”คาโลตอบ พร้อมกับหันมาประชันหน้ากับคิล ก่อนที่จะนั่งลงด้านตรงกันข้าม
                  “ร่างเทียมงั้นเหรอ??  ชั้นก็เห็นผิดสังเกตอยู่แต่ไม่นึกว่ามันจะส่งร่างเทียมมา ถึงว่าโดนนายอัดเข้าไปยังแค่กระอักเลือด ที่แท้ก็ร่างเทียมนี่เอง “คิลเอ่ยพร้อมกับพยักหน้ารับรู้
                  “ยังไงชั้นว่าพวกเราก็คงต้องระวังตัวไว้หน่อยเพราะว่า ซัดพวกครี้ดจอดได้ขนาดนั้น ฝีมือคงไม่ใช่ย่อย”คาโลเอ่ย ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้น
                  แอด.......
              เสียงเปิดประตูดังขึ้นทั้งๆที่ผู้เข้าใช้บริการ เพิ่งก้าวเข้าไปได้ไม่ถึง 3 นาที
                  “คิล  คาโล  ไม่กินข้าวกัน ชั้นหิวจะแย่อยู่แล้ววววว”สิ้นเสียงของเธอ ร่างของเจ้าของเสียงก็วิ่งเข้ามาลากเพื่อนรักทั้งสองออกนอกห้องไป
            “อ้าว สวัสดีเฟริน วันนี้ตื่นเช้าผิดปกตินี่”น้ำเสียงร่างเริงแจ่มใสของโรเอ่ยทัก
              “อืม หวัดดี โร ซีบิล ครี้ด”เฟรินตอบ ก่อนที่จะตั้งท่าวิ่งไปเอาอาหารก็มีคำถามมาขัดเสียก่อน
                  “นั่นสิครับ ทำไมวันนี้คุณเฟรินถึงติ่นเช้าผิดปกติ”ซีบิลเอ่ยสำทับ
                  “ช่ายย ปกตินายต้องมาปิดโรงอาหาร”ครี้ดเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงกวนเกือกเป็นอย่างยิ่ง
              “ก็ไอ้คิลน่ะสิ มันดันขู่ว่าถ้าฉันไม่รีบตื่นมันจะเอาชั้นโยนออกนอกหน้าต่าง หรือไม่ก็โยนทิ้งไว้หน้าห้องตามด้วยน้ำเย็น หนึ่ง กะละมัง”เฟรินบ่น พลางส่งเสียงจึ๊กจั๊กไม่พอใจในลำคอ แล้วถลาไปเอาถาดอาหารมานั่งกินอย่างสำราญบานใจตามปกติ พร้อมกับที่ คิล และคาโลเดินเข้ามาในโรงอาหาร
                    “ไง คิล คาโล ได้ข่าวว่า เมื่อวานพี่โรเวนเรียกพบ มีเรื่องอะไรกันรึปล่าว”โรเอ่ยถามขณะที่พวกคิลกำลังเดินผ่านโต๊ะของตนไป
                    “ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เรื่องพวกชายชุดดำ แต่เรื่องอย่างงี้นายน่าจะรู้อยุ่แล้วหนิ ท่านสารานุกรมเคลื่อนที่ประจำป้อมอัศวิน”คิลเอ่ยย้อน ก่อนเดินไปสมทบกับเฟริน
                   
              “เฟริน นายรีบๆกินได้แล้ว ชั้นไม่อยากซวย . . . . .” คิลเอ่ยเร่งนับเป็นสิบครั้งได้ เพราะเจ้าตัวแสบเล่นเติมอาหาร เสียป้าที่ขายอาหารต้องเบิกตาโพลง
                    “ก็ขอฉันกินหน่อยน่า. . ยิ่งหิวๆอยู่”เฟรินเงยหน้าขึ้นมาตอบก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินต่อ
                    “พอไม่มีปัญหาอดอยากของประชาชน โรงอาหารเลยเพิ่มปริมาณอาหารในแต่ละมื้อให้ที กินซะอย่างกับคนไม่เคยกินข้าวมาก่อน”คาโลเอ่ยลอยๆ  โดยไม่สนใจกับสายตา ประสงค์ร้ายของเจ้าตัวดีที่กำลังส่งมาให้
                    “เฟริน. . .  ถ้านายไม่รีบๆกินจะไปไม่ทันวิชาของท่านตานายเอานะ ชาวบ้านชาวช่องเค้าก็เข้าห้องเรียนกันหมดแล้ว”คิลเอ่ยอย่างระอา ขณะที่ดวงตาของเฟรินเบิกโผลง
                 
                    “อะไรนะ วิชาท่านตาจอมเฮิ้ยบหรอ ตายๆๆๆ ขืนไปไม่ทันมีหวังโดนรุมสะกรัมแน่”พูดจบก็รีบยัดอาหารที่เหลือเข้าปาก เคี้ยวอย่างรีบร้อนแล้วรีบเอาจานอาหารไปเก็บ แล้ววิ่งออกจากห้องอาหารดรากอนไป
                    บรรยากาศในห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์(เอใช่รึปล่าว?? บอกด้วยนะค่ะ เดี๋ยวแอนจะได้แก้) ของอ. ชามัลก็เป็นไปตามปกติ เสียงของอาจารย์ถูกขับกล่อมพร้อมกับเสียงกรนของชาวป้อมอัศวิน ที่มีสองตัวต้นแบบ นาม คิลมัส  ฟีลมัส ผู้หลับได้ทุกคาบ ทุกสถานการณ์ และ นายเฟริน เดอเบอโรว์ อีกหนึ่งคนที่ขี่เซาเป็นที่สุด สองหนุ่มผู้คู่ควรกับฉายาโฮลี่ สลีบเปอร์(พี่โปโป ยืมโฮลี่หน่อย อิอิ) หรือ นักหลับศักดิ์สิทธ์(~ ~ ติ๊งต๊องแระเรา) ทั้งชั่วโมงเห็นคงจะมีแต่ เจ้าชายคาโล เรนอน มาทิลด้า แองเจลีน่า นายขอทานกิตติมศักดิ์ และ ซีบิล ผู้สุดแสนสุภาพเท่านั้นกระมั้งที่ยังตั้งหน้าตั้งตาจดเล็คเชอร์อยู่ตลอดทั้งชั่วโมง ขณะที่ชาวปราสาทขุนนางเห็นจะตั้งใจเรียนกันเป็นพิเศษ เพราะไม่มีใครหลับในชั่วโมงเลยแม้แต่คนเดียว หากหันไปมองก็คงเห็นนักเรียนที่นั่งหน้าดำคล่ำเครียดกับสมุดจดและหนังสือเล่มหนากระมัง ส่วนท่านอาจารย์เจ้าชายก็ยังคงสอนไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจพวกลิงทโมนประจำป้อมอัศวินต่อไปตามปกติ จนกระทั่งเสียงกริ่งดังขึ้น ปลุกให้ เดอะ สลีบเปอร์ทั้งหลายตื่นจากห้วงนิทรา
                    “หาวววว หมดชั่วโมงแล้วหรอ กำลังหลับสบายๆ”คิลเงยหน้าขึ้นมาพลางบิดขี้เกียจ
                    “คาโล เดี๋ยวยืม เลคเชอร์นายไปลอกด้วยนะ . . .” คิลเอ่ยขณะที่คาโลกำลังปลุกเจ้าตัวยุ่งอยู่
                    “เฟรินตื่นได้แล้ว ได้เวลากินข้าวแล้วว”เป็นการโกหกที่น่าเชื่อถือมากที่สุด ถ้าเกิดคำโกเจ็ด เอ๊ย โกหก นี้ไม่ได้หลุดจากปากเจ้าชายแห่งคาโนวาล คนขี้เซาตรงหน้าก็คงไม่ยอมตื่น
                    “ข้าว!!!” เฟริสะดุ้งตื่น พร้อมกับลุกขึ้นมาจากโต๊ะ
                    “เฟลิโอน่า เป็นอะไรไป กินข้าวไม่พอรึไง”อาจารย์เจ้าชายชามัลเอ่ยถาม ทำเอาคนถูกถามสะดุ้งอีกระรอก
                    “หม่อมชั้นสบายดีพะยะค่ะ”
                    “ถ้าสบายดีก็ดีแล้ว”พูดจบก็เดินจากไป
                “คาโล แกหลอกฉันว่าถึงเวลากินข้าว”เฟรินหันมาทำตาวาวใส่ แต่คาโลกับลุกขึ้นยืน แล้วลากเธอไปเรียนวิชาต่อไป
                    “งึมๆ ง่ำๆ หย่อยๆ”เสียงกินอย่างมุมมามของเฟรินดังขึ้นตามปกติ เสียงกินที่ทำเพื่อนๆระอาจนหายระอาไปนานแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่เพียงบางคนที่ยังรับไม่ได้อยุ่ดี
                    “เฟริน นายจะกินดีๆหน่อยได้มั้ย หึ”คาโลเอ่ยอย่างหมดความอดทนเมื่อพฤติกรรมการกินของมันแย่ลงมากกว่าปีที่แล้ว ทั้งๆที่น่าจะถูกอบรมมาจากเดมอสแล้ว
                      “คาโล.... นายน่าจะทำใจได้แล้วนะ”เสียงของคิลเอ่ยอย่างปลงๆ
                      “เรนอนก็นึกว่า กลับมาคราวนี้คุณเฟรินจะกินเรียบร้อยกว่าปีที่แล้ว แต่กลับมุมมามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก”เรนอนเอ่ยเสริม
                      “โธ่ เรนอน ผมอยู่ที่เดมอส โดนจับอบรมมารยาทกุลสตรี โดนจับใส่ชุดกระโปรงน่ารำคาญจนเอียนแล้ว เวลาอยู่เอดินเบิรืกก็ขอสบายๆหน่อยเถอะ”เฟรินเอ่ยทำเอา คนฟังอึ้ง
                        ‘ใครจะไปนึกว่าจับมันฝึกแล้วมันจะมาปลดปล่อยเสียแย่กว่าเดิม’
                  นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของคนฟัง แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกสายตาหันไปจับจ้องอย่างตื่นตระหนก
                        กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
                      เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูด้วยความตกใจของรุ่นน้องปี 1 กลุ่มหนึ่ง ทำให้ทุกสายตาให้ห้องอาหารดรากอนหันไปมอง และภาพที่พวกเขาเห็นคือ ร่างของเด็กหญิงคนถึงถูกเสียบคาดาบเล่มโต ที่ชายชุดดำร่างยักษ์คนหนึงยื่นออกมาจากประตู สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนได้เป็นอย่างดี ก่อนที่ร่างนั้นจะก้าวเข้ามาในโรงอาหารพร้อมกับพรรกพวกที่พากันวิ่งเข้ามาฟันนักเรียนที่กำลังกินอาหารอยุ่ที่โต๊ะ
                      ทันใดนั้น มีดพกเล่มพอประมาณ สีเงินวาววับก็ถูกส่งลอยข้ามหัวนักเรียนหลายสิบคนพุ่งตรงเข้าที่กลางหน้าผากของชายชุดดำคนหนึ่ง หงายหลังสิ้นลมทันที
                      “ฝีมือปามีดนายนี่ไม่เคยตกสักทีนะลอรี่...”เสียงของซาตานอารมณ์ดีประจำป้อมเอ่ยขึ้น พร้อมกับมีดบินอีกเล่มที่ส่งผ่านหน้าเขาไป
                      “ว่าแต่ไม่ทราบเจ้าพวกนี้มาทำอะไรกัน ฮึ ทำเอาป้อมเราวุ่นวายน่าดู”ลูคัสเอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับขยับแว่นตาให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆ
                      “พวกเราจะมาทำอะไร ไม่ใช่เรื่องของแก”พวกชายชุดดำตอบกลับ ก่อนหันไปฟันนักเรีนยคนอื่นๆต่อ
                     
                          “งั้นหรอ”ลูคัสย้อนเสียงเย็น พร้อมกับค่อยๆถอดแว่นตาออก กลิ่นอายของความตาย ความผิดหวัง ความสิ้นหวัง เศร้าสร้อย รังสีของการเข่นฆ่า คละคลุ้งไปทั่ว เสียงกรีดร้องของเหยี่ยวเวท ~ ~
                “นักบวชกับ ซาตานแห่งป้อมอัศวิน . . . ข้ารู้พวกเจ้าฆ่าพวกเราไม่ได้ เพราะถ้าพวกเจ้าพรากชีวิตของพวกข้าออกไป ฝ่ายเจ้านั่นแหละที่จะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้”เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหนังของพวกชายชุดดดำ ก่อนจะก้าวออกมาด้านหน้า เผยให้เห็นชายในชุดเสื้อคลุมสีตำปกปิดใบหน้าเหลือเพียงนัยน์ตาสีฟ้าเรียบสงบ
                  “ฮ่าๆๆๆ ท่าทางข่าวเจ้าจะ ช้าน่าดู กฎใหม่ของป้อมอัศวิน หากมีใครเข้ามาบุกรุก ด้วยจุดประสงค์ที่ว่าต้องการชีวิต ของชาวเอดินเบิร์กไม่ว่าจะ ผู้ใด สามารถ ปลิดชีพผู้นั้นได้ทันที”ลูคัสเอ่ยพร้อมกับเสียงหัวเราะเย็น
                        “ฮ่าๆๆๆ”ฝ่ายชายชุดดำกลับเพียงหัวเราะออกมา หัวเราะด้วยความพอใจกับคู่ต่อสู้อย่าง ลูคัส ซาโดเรีย หรือ หัวเราะเพื่อปกปิดความกลัวที่อยู่ในจิตใจ
                “โอ๊ะ นายผิดเองนะที่ปลุกซาตานของป้อมอัศวินขึ้นมา”เสียงของโรเวนดังขึ้น ด้านข้างของลูคัส พร้อมกับชายชุดดำอีกกลุ่มที่วิ่งเข้ามาในโรงอาหาร
                “สู้กันในนี้ท่าทางจะไม่สะดวก เราไปสุ้กันข้างนอกไม่ดีกว่าหรือ”โรเวนเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มที่สื่อถึงความสนุก ก่อนที่พวกชายชุดดำ ตัวเขาเอง และคนที่กำลังสุ้อยุ่หายไปจากโรงอาหารและ ไปปรากฏอีกทีที่ด้านหน้าป้อมอัศวิน
                  “ผ่าปฐพี”สิ้นเสียงเรียก ดาบใหญ่ก็ถูกเรียกเข้ามาในมือ พร้อมกับร่างเจ้าของดาบที่เคลื่อนตัวเข้าไปร่วมรบ เช่นเดียวกับเพื่อนรักทั้งสอง
                    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”เสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ด้วยฝีมือของซาตานประจำป้อม ที่กำลังส่งงูพิษขนาดยักษ์ไปยังหัวหน้าของกลุ่มชายชุดดำที่กำลังดิ้น พลาดๆ อยู่ที่ด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ลูคัสหันไปอีกทางพร้อมกับตะขาบจำนวนมากในมือ ก่อนที่มันจะหายไปประกฎบนคอของกลุ่มชายชุดดำด้านข้าง ฝูงตะขาบค่อยๆกัดกินเนื้อของกลุ่มชายชุดดำ โดยไม่สามารถเอาออกได้ เพราะขาทับร้อยของมันยึดเกาะอยู่กับเนื้อเสียแล้ว
                    เหยี่ยวเวทโฉบลงมาจิกลูกตาของศัตรูเหลือเพียง ใบหน้าไร้ซึ่งลูกตา สร้างความเจ็บปวดทรมานอย่างยิ่งยวด ก่อนที่จะโฉบลงมาอีกที่ เพื่อปลิดชีพศัตรูด้วยจากจิกเข้าที่หลอดลม ให้ศัตรูค่อยๆ ตายช้าๆ
                  ขณะที่บริเวณลานหน้าป้อมอัศวิน แปรเปลี่ยนสู่สนามรบของเหล่านักเรียนและกลุ่มชายชุดดำโดยสิ้นเชิง เสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่น กลิ่นอายของการฆ่าลอยคละคลุ้งเต็มไปหมด ร่างของชายชุดดำจำนวนมากกลายเป็นศพนอนตายตามพื้น เห็นทีศึกครั้งนี้คงง่ายเหมือนเมื่อวานเป็นแน่ เพราะ ฝ่ายนั้นกลับส่งมนุษย์ธรรมดา มิใช่เพียงร่างเทียมหรือ กองทัพอมตะมา
                “งานนี้ท่าทางจะสบายกว่าคราวที่แล้ว”เฟรินเอ่ยขึ้นลอยๆ ขณะเหลือบไปเห็นการต่อสู้ของลุคัส ที่คร่าชีวิตชายชุดดำไปจำนวนมาก
               
                    “ก็มีพวกรุ่นพี่อยู่กันตั้งหลายคน สบายอยู่แล้ว”สิ้นเสียงของคิล สายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงที่กลางป้อมอัศวินอีกครั้ง พร้อมกับที่อินทรีสายฟ้าหลายสอบตัวร่อนถลาอยู่บนฟากฟ้า
                    “คงไม่สบายเท่าไหร่แล้วมั้ง”คิลเอ่ยขึ้นลอยๆ ขณะที่ควักหัวใจของพวกชายชุดดำออกมา
              “คำภีร์มนตร์สวรรค์”เสียงของลอเรนซ์ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏของคัมภีร์มนตร์ ทันใดนั้นคำภัร์มนตร์ก็คลี่สะบัดพุ่งตรงเข้าสู่กลุ่มชายชุดดำจำนวนมาก ตามด้วยคมมีด ของมีดบินที่ไม่เคยพลาดเป้า ลอยไปปักกลางใบหน้าของกลุ่มชายชุดดำด้านหลังที่กำลังเข้ามาจู่โจม
                    “ผ่ามิติ”โรเวนเรียกดาบผ่ามิติออกมา ก่อนที่จะฟาดดาบขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำสนิท อินทรีสายฟ้าหลายตัวถูกฟันหายไปเหลือเพียงละอองสีเหลือง ลอยอยู่ แล้วหันมาฟันศัตรูด้านล่างแทน
                    “มังกรเพลิง!!!! ท่าทางจะไม่ดีซะแล้วสิ”โรเวนอุทาน ขณะที่ละอองสีเหลืองจากตัวอินทรีสายฟ้ารวมตัวกันกลายเป้นมังกรเพลิงในตำนาน( อิอิ )
                  เปรี้ยงงงง!!
                  เสียงฟ้าผ่าอีกครั้งมาพร้อมกับกลุ่มหมอกควัน หนาทึบทำให้ไม่สามารถมองเห็นสภาพรอบๆตัวได้
                  เฟียวววว
                “เสียงเหมือนลมพัด แต่กลับรุ้สึกเหมือนกับมีสิ่งขนาดใหญ่บินผ่านตัวไป ใช่ ใหญ่มากๆด้วย”คิลกับคาโลนึกในใจ
                  หมอกควันค่อยๆจางลง จนพอมองเห็นสภาพรอบๆได้ลางๆ
                  “เฟรินหายไปไหน”เสียงคิลดังขึ้น ขณะที่มองสำรวจรอบๆ แล้วมองขึ้นไปด้านบน สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำให้พวกเขาต้องตะลึงค้าง
                  ร่างของเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ ปริ้นซ์เซส ออฟ บารามอส แอนด์เดมอส หมดสติอยุ่ภายใต้กรงเล็บของมันกรเพลิงขนาดมโหฬาร ที่กำลังบินโฉบไปโฉบมาบนอากาศ
                  “ปล่อยเฟรินเดี๋ยวนี้นะ ไอ้มังกรบ้ า!!!!!!!!!!!!!”เสียงคิลตะโกนลั่นขณะที่พ่อมดข้างตัวกำลังจะแผลงฤทธิ์
                  “คาโล !!! เดี๋ยวก่อน” เสียงโรเวนดังขึ้น เมื่อร่างของเฟรินค่อยสว่างขึ้นเรื่อยๆ
                    “อาคมแห่งแสง”คาโลเปรยเบาๆ แต่คิลที่ยืนอยู่ข้างๆกลับได้ยิน
                    “อาคมแห่งแสง..... มันคืออะไร”คิลถาม สีหน้าฉงน
                    “เป็นอาคมขั้นสูงที่ร่ายไว้เพื่อป้องกันตัว จากมังกรโดยเฉพาะ  แล้วใครกันที่สามารถร่ายเวทขั้นสูงขนาดนี้ได้. . . . . .”คาโลพึมพำตอบ ขณะที่กรงเล็บของมังกรเพลิงค่อยๆปริแตก
                      “ฮึๆ เจ้าหญิงอลิเซีย กระมัง”คิลเอ่ยมั่วๆ พร้อมกับที่ร่างของเฟรินที่ล่วงลงสู่พื้น(งานนี้คาโลอยุ่คนละทิศ ซอรี่ด้วยนู่แฟรี่)
                  “โอ๊ยยยยยยย เจ็บบบบบบบบ”เสียงร้องดังลั่นของเฟรินดังขึ้น เมื่อก้นกบกระแทกลงพื้นอย่างจัง
                      “ไอ้บ้า ไม่ใช่เวลามานั่งกุมตูด เดี๋ยวได้หัวขาดกันพอดี”คิลเขกหัวเฟรินไปที ด้วยขอหาเจ็บไม่ดูชีวิต เพราะว่าชายชุดดำมันกำลังจะฟันคอตัวเองอยุ่แล้ว ยังจะมานั่งกุมตูดอยู่เอง
                      “ก็มันเจ็บนี่หว่า .”เฟรินโต้
                 
                            เปรี้ยง!!!!!!!!!!!!!!!!!/ จ๊ากกกกกกกกกกกกกกก
                   
                        “ทำไมต้องมาผ่าข้างๆตูด้วย”เฟรินบ่นอุบขณะที่กำลังพยายามลุกขึ้นยืน
                          เปรี้ยง!!!!!!!!!!!!!!!!!
                          ฟ้าผ่าอีกแล้วครับ แต่ไม่ทำให้ใครเกรียม หรือบ่น
                      มีแค่(แค่??)เมฆสีดำทะมึน แปรเปลี่ยนสุ่สีแดงฉาน ร่างชายชุดดำที่นอนตายเกลื่อนกลาดต่างพากันลุกขึ้นยืนอีกครั้ง พร้อมกับกระหน่ำเข้าฟันร่างของนักเรียนต่างๆ พร้อมกับฝูงสัตว์เวทอีกฝุง ทั้งเหยี่ยว หมาป่า เสือ ฯลฯ
                “เวร มันจะยกสวนสัตว์มารึไงวะ.......”โรเวนพึมพำ
               
                    การต่อสุ้ดำเนินไปเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเพราะ อีกฝ่ายเป็นกองทัพอมตะ(เพิ่งมาอมตะ สมเหตุสมผลเอิ๊กส์) ที่ไม่มีวันตาย แถมกองทัพสัตว์ป่าที่ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหน ในขณะที่ฝ่ายศัตรูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ฝ่ายเรากลับลดน้อยลง
                      “สถานการณ์ไม่ค่อยดี คาโล นายรีบพาเฟรินหนีไป ไปตามนายโร เซวาเรสด้วย เดี๋ยว ทางนี้พวกพี่จัดการเอง รีบๆหนีไปเลยนะ”โรเวนเอ่ย ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
                        “ทำไมต้องหนีด้วยละครับ ทั้งๆที่พวกเราก็น่าจะชนะอยุ่แล้ว”คาโลถามด้วความสงสัย
                          “คิดหรอว่ามันจะไม่บุกมาอีก แล้วคิดหรอว่าคราวหน้ามันจะง่ายกว่านี้ ถึงคราวที่แล้วมันส่งกองทัพอมตะมาก็จริง แต่คราวนี้มันส่งถึงมังกรเพลิงในตำนานมาด้วย ถ้าคราวนี้เฟรินไม่มีเวทแห่งแสงก็ไม่มีใครสามารถเอาตัวเธอกลับมาด้วยได้เข้าใจไม๊ ชั้นไม่คิดว่าคราวหน้ามันจะมาแค่มังกรเพลิงตัวเดียวแน่”โรเวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังเคร่งเครียดทำให้คาโลต้องเออ ออ ตามด้วย
                    “ตะ แต่.. . . .”เฟรินพยายามค้าน
                          “เฟริน เอดินเบิร์กไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัย หากเธอยังอยู่ที่นี่อีก ก็ไม่มีใครรับประกันในความปลอดภัยของเธอได้อีกแล้วฉันก็บอกไปแล้ว นี่คือความปลอดภัยของทั้งเอเดน เพราะถ้าท่าน ท่านพ่อของเธอรุ้ว่าเราปล่อยให้เธอถูกจับตัวไป. . . คงไม่ใช่ข่าวดีแน่”
                         
                      “แล้วทำไมต้องเป็นหมอนั่นด้วยวะ”คิลพึมพำ
                      “สามดีกว่าสอง พวกเธอก็เคยเห็นฝีมือมาแล้ว”โรเวนพึมพำตอบ ก่อนที่พวกคาโลจะวิ่งออกไปด้านหลัง
              ------------------------------------------------------------------------------------------------
                        “มันหนีไปได้อีกแล้ววว!!!!!!!!”เสียงตวาดลั่นดังขึ้น พร้อมกับที่เจ้าของร่างลุกขึ้นยืนด้วยความไม่พอใจ
                        “พะ พะ พะยะค่ะ”เสียงสั่นเทาของหัวหน้ากลุ่มชายชุดดำ เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าที่หนีซมซานออกมาได้
                        “ปัง!!!แล้วมังกรเพลิง อินทรีสายฟ้า ที่ข้าให้เจ้าไปเจ้าเอาไปทำอะไร ห๊ะ”เสียงนั้นตวาดลั่นพร้อมกับทุบโต๊ะด้านข้างหักลงเป็นสองท่อน ด้วยโทสะ
                        “หม่อมชั้นไม่ทราบว่าเจ้าหญิงเฟลิโอน่าจะมีเวทแห่งแสง”ชายชุดดำเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ด้วยความกลัวสุดชีวิต
                          “ข้ออ้างฟังไม่ขึ้น เจ้าไม่ต้องมาแก้ตัว โอกาสของเจ้าหมดลงแล้ว บอกลาชีวิตของเจ้าซะ”สิ้นน้ำคำดาบใหญ่ก็ตวัดลงที่คอของชายชุดดำอย่างไม่ทันตั้งตัว ศีรษะหลุดกระเด็นลงสู้พื้น กองเลือดเจิ่งนอง พร้อมกับร่างในชุดคลุมสีที่ล้มลง
                          “เห็นทีข้าต้องจัดการเองซะแล้ว.....ซูซานน่า ไปกับพี่”สิ้นเสียงร่างของหัวหน้าใหญ่ก็เดินออกจากห้อง พร้อมกับร่างเด็กสาวที่เดินตามไป ก่อนหันกลับมามองร่างของชายชุดดำ ด้วยความเศร้าสลดกับการกระทำของพี่ชาย
                          ‘อีกกี่ชีวิตที่ต้องสังเวยให้กับความแค้นของพี่ . . . . . . . . . ..’
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*
อ๊ากกกก ในที่สุดก็อัพซะที
ขอโทษที่ช้านะค่ะ พอดีสมองตื้อ บวกกับความยาว บวกกับ มัน 100% อ่า
เอ่อ..... แก้ให้แล้วนะค่ะ ฮึๆ (ไอ้นี่มันเป็นไรเนี่ย แก้ซะไม่ต่างจากเดิมเรย- -\"\"\"\"\"\"\"\"\")
เม้น+ติ+โหวต(กรักๆ ความชั่วเริ่มเข้าสิง)
ช่วยๆเม้นต์ๆ กันหน่อยนะค่ะ แหล่งกำลังใจไม่โผล่ไม่มีกำลังใจอัพนะค้าาา
อิอิ เจอกานตอนหน้าคร่า เจอผิดพลาดตรงไหนบอกนะค่ะ จะได้แก้~~
ll_Anni Wanebli_ll
ตอนที่ 3
           
              “เฟริน ตื่นได้แล้ววว”คิลเอ่ยเรียก ขณะที่มือกำลังเขย่าร่างของเจ้าตัวยุ่งที่หลับปุ๋ยอยู่ ทั้งๆที่รู้อยุ่แก่ใจว่า ถ้าคนปลุกไม่ใช่เจ้าชายน้ำแข้งรูปงามจากคาโนวลา มันก็คงไม่ยอมตื่นง่ายๆ
   
              “ว่าแล้ววว ถ้าชั้นเป็นคนปลุกมันต้องไม่ตื่นชัวร์ แล้วไอ้คาโลมันยังมีหน้ามาสั่งให้ เราปลุกอีก”คิลเอ่ยพลางส่ายหน้า ขณะที่สมองกำลังคิดถึงคำกำชับของคาโลก่อนที่จะเข้าไปอาบน้ำ
            ‘รีบๆปลุกมันด้วยละ. . . . .’
   
    “เฟริน ถ้าแกไม่ตื่น ชั้นจะเรียกคาโลมาปลุกนะ”คิลขู่ พลางทำท่าจะเดินไปที่เตียงของคาโล
                “คิลแกไม่ต้องมาหลอกชั้น ชั้นรู้ว่าไอ้คาโลมันอาบน้ำอยู่ . . . . .”เฟรินเอ่ยด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ขณะที่ตาก็ยังหลับอยู่ พลางยกมือขึ้นโบกไปมาเป็นเชิงว่า =นายไม่ต้องมาหลอกชั้น=
            ‘ยังเจือกรู้ทันตูอีก ไอ้เว น นี่’ คิลด่าในใจขณะที่ปากเอ่ยไปอีกอย่าง
              “อ้อ เหรอ นายก็อย่าลืมว่าชั้นก็เคยปลุกนายตื่นมาแล้วครั้งนึง หรือนายจะเอาวิธีแบบนั้นอีก”คิลเอ่ยพร้อมกับฉีกรอยยิ้มเฮิ้ยมส่งให้
              “เฮ้ย!!! ไอ้คิล แกคงไม่ได้หมายความว่าจะจับชั้นโยนออกนอกห้อง ตามด้วยน้ำเย็นอีกกะละมังนะเว้ยย”เฟรินซะดุ้งโหยง แล้วรีบลุกขึ้นมานั่งจ้องคิลตาเขม็ง
          “ก็ถ้าแกไม่ตื่นตอนแรกคิดว่า จะจับโยนออกนอกหน้าต่างแล้วด้วยซ้ำ”คิลเอ่ยทีเล่นทีจริง ขณะที่เดินเข้ามาหาเฟริน
            “นายไม่ต้องมาขู่ฉันเลย ฉันรู้ว่านายไม่ทำจริงหรอก”เฟรินเอ่ย
                “จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ถ้านายไม่ตื่น . . . . ฉันจับนายโยนลงหน้าต่างแน่”คิลตอบ ฉีกรอยยิ้มกว้างส่งให้ พร้อมกับที่ ประตูห้องน้ำเปิดออก และร่างของเจ้าชายน้ำแข็งก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำ
             
                “’งั้น. . .ชั้นไปอาบน้ำก่อนนะ”สิ้นเสียงของเจ้าหัวขโมยร่างทั้งร่างก็วิ่งฉิวไปทางตู้เสื้อผ้า คว้าชุดนักเรียน แล้ววิ่งต่อเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
              “มันเป็นอะไร ของมันลุกลี้ลุกลนผิดปกติ”ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้ากระจกถาม อย่างไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไรนัก
                  “กลัวชั้นจับโยนลงหน้าต่างจริงๆละมั้ง”คิลเอ่ยกลั้วหัวเราะ ขณะที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง อย่างสบายใจ
                  “นายคิดยังไงกับพวกชายชุดดำ”อยู่ๆคาโลก็ถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขึ้นมากกว่าเมื่อกี้
                  “ก็ไม่ว่าไง ถ้าเกิดพวกนั้นจับตัวเฟรินได้ นั่นเรื่องใหญ่แน่ ยังไงชั้นคิดว่า มันน่าจะระวังตัวสักหน่อย แล้วนายล่ะ”คิลลุกขึ้นนั่ง แล้วเอ่ยตอบก่อนส่งคำถามกลับ
                  “ชั้นว่า เดี๋ยวมันต้องส่งคนมาบุกอีกแน่ไม่ช้าก้เร็ว เพราะกำลังพลของมันมีไม่จำกัด ทั้งร่างอมตะ และ ร่างเทียม”คาโลตอบ พร้อมกับหันมาประชันหน้ากับคิล ก่อนที่จะนั่งลงด้านตรงกันข้าม
                  “ร่างเทียมงั้นเหรอ??  ชั้นก็เห็นผิดสังเกตอยู่แต่ไม่นึกว่ามันจะส่งร่างเทียมมา ถึงว่าโดนนายอัดเข้าไปยังแค่กระอักเลือด ที่แท้ก็ร่างเทียมนี่เอง “คิลเอ่ยพร้อมกับพยักหน้ารับรู้
                  “ยังไงชั้นว่าพวกเราก็คงต้องระวังตัวไว้หน่อยเพราะว่า ซัดพวกครี้ดจอดได้ขนาดนั้น ฝีมือคงไม่ใช่ย่อย”คาโลเอ่ย ก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้น
                  แอด.......
              เสียงเปิดประตูดังขึ้นทั้งๆที่ผู้เข้าใช้บริการ เพิ่งก้าวเข้าไปได้ไม่ถึง 3 นาที
                  “คิล  คาโล  ไม่กินข้าวกัน ชั้นหิวจะแย่อยู่แล้ววววว”สิ้นเสียงของเธอ ร่างของเจ้าของเสียงก็วิ่งเข้ามาลากเพื่อนรักทั้งสองออกนอกห้องไป
            “อ้าว สวัสดีเฟริน วันนี้ตื่นเช้าผิดปกตินี่”น้ำเสียงร่างเริงแจ่มใสของโรเอ่ยทัก
              “อืม หวัดดี โร ซีบิล ครี้ด”เฟรินตอบ ก่อนที่จะตั้งท่าวิ่งไปเอาอาหารก็มีคำถามมาขัดเสียก่อน
                  “นั่นสิครับ ทำไมวันนี้คุณเฟรินถึงติ่นเช้าผิดปกติ”ซีบิลเอ่ยสำทับ
                  “ช่ายย ปกตินายต้องมาปิดโรงอาหาร”ครี้ดเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงกวนเกือกเป็นอย่างยิ่ง
              “ก็ไอ้คิลน่ะสิ มันดันขู่ว่าถ้าฉันไม่รีบตื่นมันจะเอาชั้นโยนออกนอกหน้าต่าง หรือไม่ก็โยนทิ้งไว้หน้าห้องตามด้วยน้ำเย็น หนึ่ง กะละมัง”เฟรินบ่น พลางส่งเสียงจึ๊กจั๊กไม่พอใจในลำคอ แล้วถลาไปเอาถาดอาหารมานั่งกินอย่างสำราญบานใจตามปกติ พร้อมกับที่ คิล และคาโลเดินเข้ามาในโรงอาหาร
                    “ไง คิล คาโล ได้ข่าวว่า เมื่อวานพี่โรเวนเรียกพบ มีเรื่องอะไรกันรึปล่าว”โรเอ่ยถามขณะที่พวกคิลกำลังเดินผ่านโต๊ะของตนไป
                    “ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เรื่องพวกชายชุดดำ แต่เรื่องอย่างงี้นายน่าจะรู้อยุ่แล้วหนิ ท่านสารานุกรมเคลื่อนที่ประจำป้อมอัศวิน”คิลเอ่ยย้อน ก่อนเดินไปสมทบกับเฟริน
                   
              “เฟริน นายรีบๆกินได้แล้ว ชั้นไม่อยากซวย . . . . .” คิลเอ่ยเร่งนับเป็นสิบครั้งได้ เพราะเจ้าตัวแสบเล่นเติมอาหาร เสียป้าที่ขายอาหารต้องเบิกตาโพลง
                    “ก็ขอฉันกินหน่อยน่า. . ยิ่งหิวๆอยู่”เฟรินเงยหน้าขึ้นมาตอบก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินต่อ
                    “พอไม่มีปัญหาอดอยากของประชาชน โรงอาหารเลยเพิ่มปริมาณอาหารในแต่ละมื้อให้ที กินซะอย่างกับคนไม่เคยกินข้าวมาก่อน”คาโลเอ่ยลอยๆ  โดยไม่สนใจกับสายตา ประสงค์ร้ายของเจ้าตัวดีที่กำลังส่งมาให้
                    “เฟริน. . .  ถ้านายไม่รีบๆกินจะไปไม่ทันวิชาของท่านตานายเอานะ ชาวบ้านชาวช่องเค้าก็เข้าห้องเรียนกันหมดแล้ว”คิลเอ่ยอย่างระอา ขณะที่ดวงตาของเฟรินเบิกโผลง
                 
                    “อะไรนะ วิชาท่านตาจอมเฮิ้ยบหรอ ตายๆๆๆ ขืนไปไม่ทันมีหวังโดนรุมสะกรัมแน่”พูดจบก็รีบยัดอาหารที่เหลือเข้าปาก เคี้ยวอย่างรีบร้อนแล้วรีบเอาจานอาหารไปเก็บ แล้ววิ่งออกจากห้องอาหารดรากอนไป
                    บรรยากาศในห้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์(เอใช่รึปล่าว?? บอกด้วยนะค่ะ เดี๋ยวแอนจะได้แก้) ของอ. ชามัลก็เป็นไปตามปกติ เสียงของอาจารย์ถูกขับกล่อมพร้อมกับเสียงกรนของชาวป้อมอัศวิน ที่มีสองตัวต้นแบบ นาม คิลมัส  ฟีลมัส ผู้หลับได้ทุกคาบ ทุกสถานการณ์ และ นายเฟริน เดอเบอโรว์ อีกหนึ่งคนที่ขี่เซาเป็นที่สุด สองหนุ่มผู้คู่ควรกับฉายาโฮลี่ สลีบเปอร์(พี่โปโป ยืมโฮลี่หน่อย อิอิ) หรือ นักหลับศักดิ์สิทธ์(~ ~ ติ๊งต๊องแระเรา) ทั้งชั่วโมงเห็นคงจะมีแต่ เจ้าชายคาโล เรนอน มาทิลด้า แองเจลีน่า นายขอทานกิตติมศักดิ์ และ ซีบิล ผู้สุดแสนสุภาพเท่านั้นกระมั้งที่ยังตั้งหน้าตั้งตาจดเล็คเชอร์อยู่ตลอดทั้งชั่วโมง ขณะที่ชาวปราสาทขุนนางเห็นจะตั้งใจเรียนกันเป็นพิเศษ เพราะไม่มีใครหลับในชั่วโมงเลยแม้แต่คนเดียว หากหันไปมองก็คงเห็นนักเรียนที่นั่งหน้าดำคล่ำเครียดกับสมุดจดและหนังสือเล่มหนากระมัง ส่วนท่านอาจารย์เจ้าชายก็ยังคงสอนไปเรื่อยๆโดยไม่สนใจพวกลิงทโมนประจำป้อมอัศวินต่อไปตามปกติ จนกระทั่งเสียงกริ่งดังขึ้น ปลุกให้ เดอะ สลีบเปอร์ทั้งหลายตื่นจากห้วงนิทรา
                    “หาวววว หมดชั่วโมงแล้วหรอ กำลังหลับสบายๆ”คิลเงยหน้าขึ้นมาพลางบิดขี้เกียจ
                    “คาโล เดี๋ยวยืม เลคเชอร์นายไปลอกด้วยนะ . . .” คิลเอ่ยขณะที่คาโลกำลังปลุกเจ้าตัวยุ่งอยู่
                    “เฟรินตื่นได้แล้ว ได้เวลากินข้าวแล้วว”เป็นการโกหกที่น่าเชื่อถือมากที่สุด ถ้าเกิดคำโกเจ็ด เอ๊ย โกหก นี้ไม่ได้หลุดจากปากเจ้าชายแห่งคาโนวาล คนขี้เซาตรงหน้าก็คงไม่ยอมตื่น
                    “ข้าว!!!” เฟริสะดุ้งตื่น พร้อมกับลุกขึ้นมาจากโต๊ะ
                    “เฟลิโอน่า เป็นอะไรไป กินข้าวไม่พอรึไง”อาจารย์เจ้าชายชามัลเอ่ยถาม ทำเอาคนถูกถามสะดุ้งอีกระรอก
                    “หม่อมชั้นสบายดีพะยะค่ะ”
                    “ถ้าสบายดีก็ดีแล้ว”พูดจบก็เดินจากไป
                “คาโล แกหลอกฉันว่าถึงเวลากินข้าว”เฟรินหันมาทำตาวาวใส่ แต่คาโลกับลุกขึ้นยืน แล้วลากเธอไปเรียนวิชาต่อไป
                    “งึมๆ ง่ำๆ หย่อยๆ”เสียงกินอย่างมุมมามของเฟรินดังขึ้นตามปกติ เสียงกินที่ทำเพื่อนๆระอาจนหายระอาไปนานแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่เพียงบางคนที่ยังรับไม่ได้อยุ่ดี
                    “เฟริน นายจะกินดีๆหน่อยได้มั้ย หึ”คาโลเอ่ยอย่างหมดความอดทนเมื่อพฤติกรรมการกินของมันแย่ลงมากกว่าปีที่แล้ว ทั้งๆที่น่าจะถูกอบรมมาจากเดมอสแล้ว
                      “คาโล.... นายน่าจะทำใจได้แล้วนะ”เสียงของคิลเอ่ยอย่างปลงๆ
                      “เรนอนก็นึกว่า กลับมาคราวนี้คุณเฟรินจะกินเรียบร้อยกว่าปีที่แล้ว แต่กลับมุมมามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก”เรนอนเอ่ยเสริม
                      “โธ่ เรนอน ผมอยู่ที่เดมอส โดนจับอบรมมารยาทกุลสตรี โดนจับใส่ชุดกระโปรงน่ารำคาญจนเอียนแล้ว เวลาอยู่เอดินเบิรืกก็ขอสบายๆหน่อยเถอะ”เฟรินเอ่ยทำเอา คนฟังอึ้ง
                        ‘ใครจะไปนึกว่าจับมันฝึกแล้วมันจะมาปลดปล่อยเสียแย่กว่าเดิม’
                  นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของคนฟัง แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทุกสายตาหันไปจับจ้องอย่างตื่นตระหนก
                        กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
                      เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูด้วยความตกใจของรุ่นน้องปี 1 กลุ่มหนึ่ง ทำให้ทุกสายตาให้ห้องอาหารดรากอนหันไปมอง และภาพที่พวกเขาเห็นคือ ร่างของเด็กหญิงคนถึงถูกเสียบคาดาบเล่มโต ที่ชายชุดดำร่างยักษ์คนหนึงยื่นออกมาจากประตู สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนได้เป็นอย่างดี ก่อนที่ร่างนั้นจะก้าวเข้ามาในโรงอาหารพร้อมกับพรรกพวกที่พากันวิ่งเข้ามาฟันนักเรียนที่กำลังกินอาหารอยุ่ที่โต๊ะ
                      ทันใดนั้น มีดพกเล่มพอประมาณ สีเงินวาววับก็ถูกส่งลอยข้ามหัวนักเรียนหลายสิบคนพุ่งตรงเข้าที่กลางหน้าผากของชายชุดดำคนหนึ่ง หงายหลังสิ้นลมทันที
                      “ฝีมือปามีดนายนี่ไม่เคยตกสักทีนะลอรี่...”เสียงของซาตานอารมณ์ดีประจำป้อมเอ่ยขึ้น พร้อมกับมีดบินอีกเล่มที่ส่งผ่านหน้าเขาไป
                      “ว่าแต่ไม่ทราบเจ้าพวกนี้มาทำอะไรกัน ฮึ ทำเอาป้อมเราวุ่นวายน่าดู”ลูคัสเอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับขยับแว่นตาให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆ
                      “พวกเราจะมาทำอะไร ไม่ใช่เรื่องของแก”พวกชายชุดดำตอบกลับ ก่อนหันไปฟันนักเรีนยคนอื่นๆต่อ
                     
                          “งั้นหรอ”ลูคัสย้อนเสียงเย็น พร้อมกับค่อยๆถอดแว่นตาออก กลิ่นอายของความตาย ความผิดหวัง ความสิ้นหวัง เศร้าสร้อย รังสีของการเข่นฆ่า คละคลุ้งไปทั่ว เสียงกรีดร้องของเหยี่ยวเวท ~ ~
                “นักบวชกับ ซาตานแห่งป้อมอัศวิน . . . ข้ารู้พวกเจ้าฆ่าพวกเราไม่ได้ เพราะถ้าพวกเจ้าพรากชีวิตของพวกข้าออกไป ฝ่ายเจ้านั่นแหละที่จะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้”เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหนังของพวกชายชุดดดำ ก่อนจะก้าวออกมาด้านหน้า เผยให้เห็นชายในชุดเสื้อคลุมสีตำปกปิดใบหน้าเหลือเพียงนัยน์ตาสีฟ้าเรียบสงบ
                  “ฮ่าๆๆๆ ท่าทางข่าวเจ้าจะ ช้าน่าดู กฎใหม่ของป้อมอัศวิน หากมีใครเข้ามาบุกรุก ด้วยจุดประสงค์ที่ว่าต้องการชีวิต ของชาวเอดินเบิร์กไม่ว่าจะ ผู้ใด สามารถ ปลิดชีพผู้นั้นได้ทันที”ลูคัสเอ่ยพร้อมกับเสียงหัวเราะเย็น
                        “ฮ่าๆๆๆ”ฝ่ายชายชุดดำกลับเพียงหัวเราะออกมา หัวเราะด้วยความพอใจกับคู่ต่อสู้อย่าง ลูคัส ซาโดเรีย หรือ หัวเราะเพื่อปกปิดความกลัวที่อยู่ในจิตใจ
                “โอ๊ะ นายผิดเองนะที่ปลุกซาตานของป้อมอัศวินขึ้นมา”เสียงของโรเวนดังขึ้น ด้านข้างของลูคัส พร้อมกับชายชุดดำอีกกลุ่มที่วิ่งเข้ามาในโรงอาหาร
                “สู้กันในนี้ท่าทางจะไม่สะดวก เราไปสุ้กันข้างนอกไม่ดีกว่าหรือ”โรเวนเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มที่สื่อถึงความสนุก ก่อนที่พวกชายชุดดำ ตัวเขาเอง และคนที่กำลังสุ้อยุ่หายไปจากโรงอาหารและ ไปปรากฏอีกทีที่ด้านหน้าป้อมอัศวิน
                  “ผ่าปฐพี”สิ้นเสียงเรียก ดาบใหญ่ก็ถูกเรียกเข้ามาในมือ พร้อมกับร่างเจ้าของดาบที่เคลื่อนตัวเข้าไปร่วมรบ เช่นเดียวกับเพื่อนรักทั้งสอง
                    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”เสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ด้วยฝีมือของซาตานประจำป้อม ที่กำลังส่งงูพิษขนาดยักษ์ไปยังหัวหน้าของกลุ่มชายชุดดำที่กำลังดิ้น พลาดๆ อยู่ที่ด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ลูคัสหันไปอีกทางพร้อมกับตะขาบจำนวนมากในมือ ก่อนที่มันจะหายไปประกฎบนคอของกลุ่มชายชุดดำด้านข้าง ฝูงตะขาบค่อยๆกัดกินเนื้อของกลุ่มชายชุดดำ โดยไม่สามารถเอาออกได้ เพราะขาทับร้อยของมันยึดเกาะอยู่กับเนื้อเสียแล้ว
                    เหยี่ยวเวทโฉบลงมาจิกลูกตาของศัตรูเหลือเพียง ใบหน้าไร้ซึ่งลูกตา สร้างความเจ็บปวดทรมานอย่างยิ่งยวด ก่อนที่จะโฉบลงมาอีกที่ เพื่อปลิดชีพศัตรูด้วยจากจิกเข้าที่หลอดลม ให้ศัตรูค่อยๆ ตายช้าๆ
                  ขณะที่บริเวณลานหน้าป้อมอัศวิน แปรเปลี่ยนสู่สนามรบของเหล่านักเรียนและกลุ่มชายชุดดำโดยสิ้นเชิง เสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่น กลิ่นอายของการฆ่าลอยคละคลุ้งเต็มไปหมด ร่างของชายชุดดำจำนวนมากกลายเป็นศพนอนตายตามพื้น เห็นทีศึกครั้งนี้คงง่ายเหมือนเมื่อวานเป็นแน่ เพราะ ฝ่ายนั้นกลับส่งมนุษย์ธรรมดา มิใช่เพียงร่างเทียมหรือ กองทัพอมตะมา
                “งานนี้ท่าทางจะสบายกว่าคราวที่แล้ว”เฟรินเอ่ยขึ้นลอยๆ ขณะเหลือบไปเห็นการต่อสู้ของลุคัส ที่คร่าชีวิตชายชุดดำไปจำนวนมาก
               
                    “ก็มีพวกรุ่นพี่อยู่กันตั้งหลายคน สบายอยู่แล้ว”สิ้นเสียงของคิล สายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงที่กลางป้อมอัศวินอีกครั้ง พร้อมกับที่อินทรีสายฟ้าหลายสอบตัวร่อนถลาอยู่บนฟากฟ้า
                    “คงไม่สบายเท่าไหร่แล้วมั้ง”คิลเอ่ยขึ้นลอยๆ ขณะที่ควักหัวใจของพวกชายชุดดำออกมา
              “คำภีร์มนตร์สวรรค์”เสียงของลอเรนซ์ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏของคัมภีร์มนตร์ ทันใดนั้นคำภัร์มนตร์ก็คลี่สะบัดพุ่งตรงเข้าสู่กลุ่มชายชุดดำจำนวนมาก ตามด้วยคมมีด ของมีดบินที่ไม่เคยพลาดเป้า ลอยไปปักกลางใบหน้าของกลุ่มชายชุดดำด้านหลังที่กำลังเข้ามาจู่โจม
                    “ผ่ามิติ”โรเวนเรียกดาบผ่ามิติออกมา ก่อนที่จะฟาดดาบขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำสนิท อินทรีสายฟ้าหลายตัวถูกฟันหายไปเหลือเพียงละอองสีเหลือง ลอยอยู่ แล้วหันมาฟันศัตรูด้านล่างแทน
                    “มังกรเพลิง!!!! ท่าทางจะไม่ดีซะแล้วสิ”โรเวนอุทาน ขณะที่ละอองสีเหลืองจากตัวอินทรีสายฟ้ารวมตัวกันกลายเป้นมังกรเพลิงในตำนาน( อิอิ )
                  เปรี้ยงงงง!!
                  เสียงฟ้าผ่าอีกครั้งมาพร้อมกับกลุ่มหมอกควัน หนาทึบทำให้ไม่สามารถมองเห็นสภาพรอบๆตัวได้
                  เฟียวววว
                “เสียงเหมือนลมพัด แต่กลับรุ้สึกเหมือนกับมีสิ่งขนาดใหญ่บินผ่านตัวไป ใช่ ใหญ่มากๆด้วย”คิลกับคาโลนึกในใจ
                  หมอกควันค่อยๆจางลง จนพอมองเห็นสภาพรอบๆได้ลางๆ
                  “เฟรินหายไปไหน”เสียงคิลดังขึ้น ขณะที่มองสำรวจรอบๆ แล้วมองขึ้นไปด้านบน สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำให้พวกเขาต้องตะลึงค้าง
                  ร่างของเฟลิโอน่า เกรเดเวล เดอะ ปริ้นซ์เซส ออฟ บารามอส แอนด์เดมอส หมดสติอยุ่ภายใต้กรงเล็บของมันกรเพลิงขนาดมโหฬาร ที่กำลังบินโฉบไปโฉบมาบนอากาศ
                  “ปล่อยเฟรินเดี๋ยวนี้นะ ไอ้มังกรบ้ า!!!!!!!!!!!!!”เสียงคิลตะโกนลั่นขณะที่พ่อมดข้างตัวกำลังจะแผลงฤทธิ์
                  “คาโล !!! เดี๋ยวก่อน” เสียงโรเวนดังขึ้น เมื่อร่างของเฟรินค่อยสว่างขึ้นเรื่อยๆ
                    “อาคมแห่งแสง”คาโลเปรยเบาๆ แต่คิลที่ยืนอยู่ข้างๆกลับได้ยิน
                    “อาคมแห่งแสง..... มันคืออะไร”คิลถาม สีหน้าฉงน
                    “เป็นอาคมขั้นสูงที่ร่ายไว้เพื่อป้องกันตัว จากมังกรโดยเฉพาะ  แล้วใครกันที่สามารถร่ายเวทขั้นสูงขนาดนี้ได้. . . . . .”คาโลพึมพำตอบ ขณะที่กรงเล็บของมังกรเพลิงค่อยๆปริแตก
                      “ฮึๆ เจ้าหญิงอลิเซีย กระมัง”คิลเอ่ยมั่วๆ พร้อมกับที่ร่างของเฟรินที่ล่วงลงสู่พื้น(งานนี้คาโลอยุ่คนละทิศ ซอรี่ด้วยนู่แฟรี่)
                  “โอ๊ยยยยยยย เจ็บบบบบบบบ”เสียงร้องดังลั่นของเฟรินดังขึ้น เมื่อก้นกบกระแทกลงพื้นอย่างจัง
                      “ไอ้บ้า ไม่ใช่เวลามานั่งกุมตูด เดี๋ยวได้หัวขาดกันพอดี”คิลเขกหัวเฟรินไปที ด้วยขอหาเจ็บไม่ดูชีวิต เพราะว่าชายชุดดำมันกำลังจะฟันคอตัวเองอยุ่แล้ว ยังจะมานั่งกุมตูดอยู่เอง
                      “ก็มันเจ็บนี่หว่า .”เฟรินโต้
                 
                            เปรี้ยง!!!!!!!!!!!!!!!!!/ จ๊ากกกกกกกกกกกกกกก
                   
                        “ทำไมต้องมาผ่าข้างๆตูด้วย”เฟรินบ่นอุบขณะที่กำลังพยายามลุกขึ้นยืน
                          เปรี้ยง!!!!!!!!!!!!!!!!!
                          ฟ้าผ่าอีกแล้วครับ แต่ไม่ทำให้ใครเกรียม หรือบ่น
                      มีแค่(แค่??)เมฆสีดำทะมึน แปรเปลี่ยนสุ่สีแดงฉาน ร่างชายชุดดำที่นอนตายเกลื่อนกลาดต่างพากันลุกขึ้นยืนอีกครั้ง พร้อมกับกระหน่ำเข้าฟันร่างของนักเรียนต่างๆ พร้อมกับฝูงสัตว์เวทอีกฝุง ทั้งเหยี่ยว หมาป่า เสือ ฯลฯ
                “เวร มันจะยกสวนสัตว์มารึไงวะ.......”โรเวนพึมพำ
               
                    การต่อสุ้ดำเนินไปเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเพราะ อีกฝ่ายเป็นกองทัพอมตะ(เพิ่งมาอมตะ สมเหตุสมผลเอิ๊กส์) ที่ไม่มีวันตาย แถมกองทัพสัตว์ป่าที่ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหน ในขณะที่ฝ่ายศัตรูเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ฝ่ายเรากลับลดน้อยลง
                      “สถานการณ์ไม่ค่อยดี คาโล นายรีบพาเฟรินหนีไป ไปตามนายโร เซวาเรสด้วย เดี๋ยว ทางนี้พวกพี่จัดการเอง รีบๆหนีไปเลยนะ”โรเวนเอ่ย ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
                        “ทำไมต้องหนีด้วยละครับ ทั้งๆที่พวกเราก็น่าจะชนะอยุ่แล้ว”คาโลถามด้วความสงสัย
                          “คิดหรอว่ามันจะไม่บุกมาอีก แล้วคิดหรอว่าคราวหน้ามันจะง่ายกว่านี้ ถึงคราวที่แล้วมันส่งกองทัพอมตะมาก็จริง แต่คราวนี้มันส่งถึงมังกรเพลิงในตำนานมาด้วย ถ้าคราวนี้เฟรินไม่มีเวทแห่งแสงก็ไม่มีใครสามารถเอาตัวเธอกลับมาด้วยได้เข้าใจไม๊ ชั้นไม่คิดว่าคราวหน้ามันจะมาแค่มังกรเพลิงตัวเดียวแน่”โรเวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังเคร่งเครียดทำให้คาโลต้องเออ ออ ตามด้วย
                    “ตะ แต่.. . . .”เฟรินพยายามค้าน
                          “เฟริน เอดินเบิร์กไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัย หากเธอยังอยู่ที่นี่อีก ก็ไม่มีใครรับประกันในความปลอดภัยของเธอได้อีกแล้วฉันก็บอกไปแล้ว นี่คือความปลอดภัยของทั้งเอเดน เพราะถ้าท่าน ท่านพ่อของเธอรุ้ว่าเราปล่อยให้เธอถูกจับตัวไป. . . คงไม่ใช่ข่าวดีแน่”
                         
                      “แล้วทำไมต้องเป็นหมอนั่นด้วยวะ”คิลพึมพำ
                      “สามดีกว่าสอง พวกเธอก็เคยเห็นฝีมือมาแล้ว”โรเวนพึมพำตอบ ก่อนที่พวกคาโลจะวิ่งออกไปด้านหลัง
              ------------------------------------------------------------------------------------------------
                        “มันหนีไปได้อีกแล้ววว!!!!!!!!”เสียงตวาดลั่นดังขึ้น พร้อมกับที่เจ้าของร่างลุกขึ้นยืนด้วยความไม่พอใจ
                        “พะ พะ พะยะค่ะ”เสียงสั่นเทาของหัวหน้ากลุ่มชายชุดดำ เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าที่หนีซมซานออกมาได้
                        “ปัง!!!แล้วมังกรเพลิง อินทรีสายฟ้า ที่ข้าให้เจ้าไปเจ้าเอาไปทำอะไร ห๊ะ”เสียงนั้นตวาดลั่นพร้อมกับทุบโต๊ะด้านข้างหักลงเป็นสองท่อน ด้วยโทสะ
                        “หม่อมชั้นไม่ทราบว่าเจ้าหญิงเฟลิโอน่าจะมีเวทแห่งแสง”ชายชุดดำเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ด้วยความกลัวสุดชีวิต
                          “ข้ออ้างฟังไม่ขึ้น เจ้าไม่ต้องมาแก้ตัว โอกาสของเจ้าหมดลงแล้ว บอกลาชีวิตของเจ้าซะ”สิ้นน้ำคำดาบใหญ่ก็ตวัดลงที่คอของชายชุดดำอย่างไม่ทันตั้งตัว ศีรษะหลุดกระเด็นลงสู้พื้น กองเลือดเจิ่งนอง พร้อมกับร่างในชุดคลุมสีที่ล้มลง
                          “เห็นทีข้าต้องจัดการเองซะแล้ว.....ซูซานน่า ไปกับพี่”สิ้นเสียงร่างของหัวหน้าใหญ่ก็เดินออกจากห้อง พร้อมกับร่างเด็กสาวที่เดินตามไป ก่อนหันกลับมามองร่างของชายชุดดำ ด้วยความเศร้าสลดกับการกระทำของพี่ชาย
                          ‘อีกกี่ชีวิตที่ต้องสังเวยให้กับความแค้นของพี่ . . . . . . . . . ..’
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*
อ๊ากกกก ในที่สุดก็อัพซะที
ขอโทษที่ช้านะค่ะ พอดีสมองตื้อ บวกกับความยาว บวกกับ มัน 100% อ่า
เอ่อ..... แก้ให้แล้วนะค่ะ ฮึๆ (ไอ้นี่มันเป็นไรเนี่ย แก้ซะไม่ต่างจากเดิมเรย- -\"\"\"\"\"\"\"\"\")
เม้น+ติ+โหวต(กรักๆ ความชั่วเริ่มเข้าสิง)
ช่วยๆเม้นต์ๆ กันหน่อยนะค่ะ แหล่งกำลังใจไม่โผล่ไม่มีกำลังใจอัพนะค้าาา
อิอิ เจอกานตอนหน้าคร่า เจอผิดพลาดตรงไหนบอกนะค่ะ จะได้แก้~~
ll_Anni Wanebli_ll
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น