ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : l l ๐~ ThE ReVenGe~๐ l l --ตอนที่ 2 จุดประสงค์??
l l ~ ThE ReVenGe  PaRt Two ~ l l
ตอนที่ 2  จุดประสงค์??
    “คาโล.... ที่นี่ที่ไหน”เฟรินสะกิดเรียก สภาพรอบตัวเต็มไปด้วยหมอกควันสีขาว
    “ปราสาทเอดินเบิร์ก”คาโลตอบกลับเสียงเรียบ
    “ห๊ะ ปราสาทเอดินเบิร์ก”เฟรินอุทานออกมา แต่ไม่ได้อุทานด้วยความตกใจแต่เพราะว่า
   
    “จะพาหนีทั้งที ทำไมมาอยู่แค่ตรงนี้”
   
    เป็นเหตุผลที่คาโลแทบจะยกมือขึ้นกุมขมับ ก่อนแสร้งถาม
   
    “หรือนายจะให้ไปส่งแถบชายป่าหลงลืม หุบเขาหัวกะโหลก หรือหน้าตลาดเอดินเบิร์กที่มันใกล้กว่านี้นิด ก็ได้”
   
    เฟรินถลึงตาจ้องเจ้าคนพูดแล้วแยกเขี้ยววาววับใส่ แต่คาโลกลับไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว... ขณะที่เฟรินกำลังจะชะเง้อคอหาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
    “นายหาใครอยู่”เสียงของนักฆ่านามคิลมัส ฟีลมัส ดังขึ้นก่อนเขยิบตัวเข้ามาหา
    “เปล๊า”เจ้าตัวปฏิเสธเหย็ง
    “ถ้านายหาคาโลอยู่ หมอนั้นกำลังช่วยรักษาคนเจ็บอยู่”คิลดักคออย่างรู้ทัน แต่เจ้าคนเอาตัวรอดเก่งกลับเปลี่ยนเรื่องคุยเสียดื้อๆ
    “ว่าแต่นายไม่ไปดูเจ้าหญิงเรนอนคนงาม หน่อยหรือ ท่าทางอาการหนักไม่เบาเลยนี่นา ”คำกระเซ้าล้อเลียนกลั้วเสียงหัวเราะของเฟรินดังขึ้น ทำให้นัยน์ตาสีม่วงของเจ้านักฆ่าหันมามองด้วยสายตาอมหิต และก่อนที่เจ้านักฆ่าจะปราดเข้ามาวางมวย  นับเป็นโชคดีของเจ้าหัวขโมยตัวแสบที่เหล่าคณะอาจารย์แห่กันมาก่อน เป็นอันว่ามวยของนักฆ่าและหัวขโมยจบลงก่อนที่จะได้เริ่มเสียอีก
    “คิลมัส ฟีลมัส , เฟริน  เดอเบอโรว์  นี่มันเกิดอะไรขึ้น”เสียงแหลมๆของอาจารย์แม่มดวิงกี้ อาจารย์ประจำป้อมอัศวิน เรียกให้สายตาของเจ้าของชื่อทั้งสองหันไปสบด้วย
    “ก็ คือ.....ว่า”เฟรินทำท่าจะตอบแต่คิลกลับแทรกขึ้นมาแทน
   
    “คือพวกชายชุดดำที่ไหนไม่รู้ครับ อยู่ๆมันก็บุกเข้ามาในป้อมอัศวิน แล้วก็เข้ามาไล่ แทงไล่ฟันพวกผมเฉยเลยล่ะครับ แถมยังมีบอกว่า ให้ส่งตัวธิดาแห่งความมืดมาซะดีๆ ถ้ายังไม่อยากให้พรรพวก ของแกตายไปมากกว่านี้”คิลเล่าจบก็หันไปแสยะยิ้มให้กับเฟรินที่กำลังแยกเขี้ยวงุด
   
    “แล้วพวกเธอมาที่นี่ได้อย่างไรกัน มากันทั้งป้อม”น้ำเสียงของอาจารย์เจ้าชายชามัลจอมเฮี้ยบดังขึ้น ทำเอาเฟรินสั่นเป็นเจ้าเข้า
   
    “ผม เป็นคนพามาที่นี่เองครับ”น้ำเสียงเย็นชาของเจ้าชายคาโล แห่งคาโนวาลที่กำลังเดินมาตอบแทน
   
    “ฮึ เจ้าเป็นคนพามางั้นรึ”น้ำเสียงของอาจารย์เจ้าชายถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
   
    “ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอไปรักษาคนเจ็บก่อนนะครับ”สิ้นคำกล่าวร่างของเจ้าของเสียงก็หายไปอย่างรวดเร็ว โดยทิ้งภาระเล่าเรื่องราวทั้งหมดไว้ให้ เฟรินและคิล
   
    “เรื่อง เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นชั้นขอไปปรึกษาเรื่องนี้กับท่านมหาปราชญ์ก่อนแล้วกัน”ทันทีที่คิลและเฟรินเล่าจบ ร่างของอาจารย์เจ้าชายชามัลก็หายเข้าไปในปราสาทเอดินเบิร์ก
   
    “อืม.... อาจารย์ว่าเอาพวกเพื่อนๆเธอไปรักษาที่ป้อมอัศวินจะดีกว่านะ อยู่แถวๆนี้มัน เอ่อ ไงดี.....เกะกะ”สิ้นเสียงของอาจารย์ ร่างนักเรียนป้อมอัศวินทั้งที่บาดเจ็บและปกติดีก็หายกลับมาอยู่ตรงหน้าป้อมอัศวินอีกกครั้ง
   
    “อาจารย์ครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพอพวกผมมาถึง ถึงไม่มีใครยู่เลย แล้วตอนนี้กลับมาพร้อมกับอาจารย์”น้ำเสียงของเจ้าชายโรเวน ฮาเวิร์ด เอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อมาถึงป้อมอัศวินแล้วไม่พบใครเลย พบแต่เพียง เศษซากของต้นไม้ที่หักโคน และ ลมหนาวที่โชยมา
   
    “เอาเป็นว่าเดี๋ยวพวกเธอไปถามกันเองละกัน ตอนนี้มาช่วยกันรักษาพวกคนที่บาดเจ็บกันก่อนละกัน”อาจารย์แม่มดตอบอย่างรีบร้อน ก่อนที่จะสาวเท้าตรงไปยังร่างคนบาดเจ็บที่นอนเกลื่อน
   
    “เดี๋ยวก่อนเลย เราจะไปไหน มาเล่าเรื่องให้ฟังหน่อยสิว่ามันเป็นไงมาไง”เสียงของโรเวนดังขึ้นเมื่อคิลและเฟรินกำลังจะก้าวเท้าเดินตามอาจารย์แม่มดไป ทำให้ทั้งสองชะงัก แล้วหันหลังกลับมาประจันหน้ากับรุ่นพี่ทั้ง  5 คน
   
    “ผมหรอครับ”เฟรินเอ่ยถาม ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
   
    “ทั้งคู่นั้นแหละ มานี่เลย อย่าเพิ่งไปไหน เออ โซมาเนีย ไปช่วยอาจารย์ท่านรักษาคนเจ็บเถอะ”โรเวนเอ่ยแล้วกวักมือเรียกทั้งคู่ให้มานั่งลงด้านหน้า
   
    “เกิดอะไรขึ้นเล่าให้หมดเลย”โรเวนเอ่ยเสียงเรียบ เอาเอา 1 นักฆ่า และ 1 หัวขโมยหันมาสตากันเป็นเชิงว่าใครจะเล่า ในที่สุดข้อสรุปก็เป็นอันว่า สลับกันเล่า .  . . . . .
   
    “มันน่าจะรอพวกพี่สักแป็บ พวกพี่จะได้ระบายๆหน่อย เสียดายจริงๆ”ลูคัสเปรย พร้อมกับขยับแว่นนิดๆ ให้ชวนเสียวไส้
   
    “เอ่อ อารมณ์ไม่ค่อยดีกันหรอครับ......”เฟรินลองหยั่งเชิงถามดู
   
    “อือ...”ลอเรนซ์ตอบด้วยน้ำเสียงบูดสนิท ทั้งๆที่ปกติก็บูดเข้าขั้นแล้ว...
   
    “เรื่องอะไรหรอครับ”เฟรินลองถามอีกที
   
    “มันไม่ใช่เรื่องของเด็ก อีกอย่างพวกเธอไม่จำเป็นต้องรู้”น้ำเสียงตัดบทของโรเวนทำเอาหัวใจคนถามหล่นตุบไปกองกับตาตุ่ม กลัวจะโดนลูกหลงอารมณ์รุ่นพี่เค้าซะ
   
    “แล้วเราน่ะ ไม่ไปช่วยคนอื่นเค้าทำแผลเพื่อนกันหรอ”โรเวนหันมาถาม พร้อมกับขยับรอยยิ้ม
   
    “ไม่ล่ะพี่ ขืนผมเข้าไปช่วยมีหวังไอ้ที่หนักๆ สาหัสๆ อยู่แล้วมีหวังได้ทรุดลงไปนอนโลงกันพอดี”เฟรินตอบส่ายหน้าหวืดๆเป็นเชิงไม่เอาเด็ดขาด ก่อนจะส่งลูกแหย่ให้เพื่อนคนข้างๆตัวอีกครั้ง
   
    “ถ้าพี่จะถามใครน่าจะถามหมอนี่มากกว่า เจ้าหญิงเรนอนคนงามโดนฟ้าผ่า เปรี้ยงใส่แต่กลับไม่ไปดูแล ระวังถูกใครที่ไหนแย่งไปไม่รู้นา”เฟรินเอ่ยพลาง ชี้นิ้วไปที่คิล ที่ขณะนี้ใบหน้ากำลังขึ้นสีเรื่อๆ อย่างเก็บอารมณ์ให้ไม่กระโจนไปต่อยหน้ามันและในที่สุด ปากมันก็พาลไปส่งลูกแหย่คืนเสียแทน
   
    “ว่าแต่นายเหอะ เฟริน ระวังตัวไว้หน่อยละกัน ขืนถูกจับตัวไป สุดที่รักของแกเขาจะเป็นห่วงแย่ ”คำย้อนกลั้วเสียงหัวเราะของคิลดังขึ้น ขณะที่อีกฝ่ายกำลังถลาเข้ามาวางมวย
   
    “พวกพี่ไปก่อนละกันนะ เชิญทะเลาะกันตามสบาย”ลูคัสเอ่ยแล้วเดินออกไปพร้อมกับโรเวน ลอเรนซ์ และชิวาส
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*
    “เฮ้อ พวกนายนี่หาเรื่องไม่เข้าท่า”เสียงเกริ่นก่อนถอนใจของเจ้าชายคนสำคัญแห่งคาโนวาลที่เพิ่งรักษาคนเจ็บหนักเสร็จมาหมาดๆก็ต้องมานั่งรักษาคนที่หาเรื่องเจ็บตัว 2 คน
   
    เฟริน เดอเบอโรว์ หรืออีก นามหนึ่ง เฟลิโอน่า เกรเดเวล ในร่างเด็กชาย นั่งอยู่บนเตียงด้วยสภาพน่าเอน็จอนาถสุดๆ ใต้ตาซ้าย ซึ่งเคยมีแผลเป็นจางๆอยู่แล้วกลับมีเลือดซิบๆ ด้วยคมเล็บของเจ้านักฆ่าเพื่อนรัก เพิ่มขึ้นมาอีก ขอบตาข้างขวาบวมเบ่งเป้นลูกมะนาว มุมปากซ้ายก็เจ่ออีกเช่นกัน ผมเผ้าหยุ่งเหยิง ยังกะรังนก.. เสื้อผ้าสกปรกมอมแมม
   
    ส่วนคิลมัส ฟิลมัส นักฆ่าจอมกวน นั่งอยู่ บนเตียงของตัวเองด้วยสภาพที่พอดูได้ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าอีกคน ~ ~ ขอบตาข้างขวามีรอบเขียวคล้ำ คาดว่าคงเกิดจากการแลกหมัดกัน(อย่างเมามัน อิๆ) ส่วนจมูกมีเลือดไหลซิบๆออกมา เช่นเดียวกับปากที่แตก เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ด้วยเหตุที่น่าจะเกิดจากคมเล็บของเจ้าหัวขโมย แขนซ้ายขวามีรอบแดงๆ ที่น่าจะเกิดจากเล็บเจ้าหัวขโมยอีกเช่นกัน
    “ก็ไอ้คิลมันหาเรื่องชั้นก่อน”เฟรินโมเม เอาตัวรอด ขณะที่คาโลกำลังรักษาแผลให้
   
    “ใครๆ??  ไอ้เฟรินพูดให้มันดีๆ ใครหาเรื่องก่อนกันแน่ มันนายไม่ใช่หรอที่เข้ามาต่อยชั้นก่อน”คิลเถียงขณะที่สงสัยตาอาฆาตแค้นมาให้ เพราะยังไม่ทันอัดมันให้สะใจ คาโลมันก็เข้ามาห้ามซะก่อน
   
    “นายนั่นแหละหาเรื่องชั้นก่อน. . . .”เฟรินยังคงไม่ยอมลดละ
   
    “นายจะสงบปากสงบคำสักประเดี๋ยวได้ไหม  ถ้านายไม่เงียบชั้นจะได้ให้ไอ้คิลต่อยปากนายให้มันเจ่อกว่านี้อีกครั้ง”คาโลส่งนัยน์ตาสีฟ้าเย็นเยียบไปให้ชนิดที่ทำให้ปากของเจ้าหัวขโมยปากมากหุบสนิทได้ในทันที
   
    “หึหึ ระวังคาโลมันจะไม่รักษา ปล่อยให้ปากเจ่อแบบนี้ไม่รู้ด้วย”คิลเอ่ย พร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียน
   
    “เออ คาโล ว่าแต่เรนอนอ่ะ  เป็นยังไงบ้าง”เฟรินรีบเอ่ยถามทันทีที่คาโลรักษาเสร็จ ทำเอาคิลส่งนัยน์ตาวาวๆมาให้อีกรอบ ขณะที่หูผึ่ง ตั้งใจฟังเต็มที่
   
    “อาการหนักน่าดูเหมือนกัน โดนสายฟ้าผ่าลงมาใส่เต็มๆอย่างนั้น ชั้นว่าอีกสัก 2-3 วันก็คงหายดีแล้วหละ”คาโลตอบอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะกำลังง่วนอยู่กับการรักษาแผลให้คิล
   
    “อืมๆ แล้วตอนนี้เรนอน อยู่ที่ไหน”เฟรินถามขณะที่ยิ้มยิงฟันให้คิล
       
    “ก็อยู่ที่ห้องเธอสิ จะให้เธอไปอยู่ไหนล่ะ”คาโลตอบขณะเก็บยาใส่ลงกล่องยาพระราชา
    “งั้นเราไปเยี่ยมเจ้าหญิงเรนอน คนงามกัน”เฟรินเอ่ยลอย พร้อมกับส่งรอยยิ้มกวนส้นตีนไปให้คิล อย่างมีความหมาย
    “นายจะไปนายก็ไปสิ แต่ชั้นไม่ไปด้วยหรอก.....”คิลเอ่ยตัดบท ทำท่าเป็นไม่สนใจ แต่ในใจอยากไปเยี่ยมใจจะขาด แต่ยังต้องรักษาฟอร์มเอาไว้
   
    “งั้นคาโล นายไปด้วยกัน...”เฟรินชวน
   
    “ไม่ละ ชั้นขออยู่ที่ห้องดีกว่า อีกอย่างตอนนี้เรนอนก็ยังไม่หายสนิท น่าจะให้เธอนอนพักมากกว่าที่จะไปรบกวนเวลาพักของเธอ”เป็นคำปฏิเสธที่เรียบง่าย แต่ทำเอาคนชวน แยกเขี้ยวงุด ส่วนคิลก็นั่งเอามือกุมท้องหัวเราะก๊ากๆ ไปเรียบร้อย
   
    ‘เออๆ แกจำไว้เลยคาโล แค่นี้ช่วยกันหน่อยก็ไม่ได้’ เฟรินคาดโทษคาโลไว้ในใจ
   
    “เออ..... พวกแกไม่ไปชั้นไปคนเดียวก็ได้”เฟรินบ่นอุบ
   
    “นายก็ได้ยินที่คาโลพูดแล้ว ยังจะไปหาอีก”คิลเอ่ย ทำเอาเฟรินสะบัดหน้าเดินกลับมานั่งที่เตียงอย่างเดิม  ก่อนคว้าแอปเปิ้ลมาเค้ากรวมๆ อย่างอารมณ์เสียสุดๆ
   
    ก็อกๆๆๆ!!!!
   
    เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นทำให้สายตาเจ้าของห้องทั้ง 3 เลื่อนไปดู
   
    “นี่ชั้นเอง”เสียงมาทิลด้าดังขึ้นด้านหลังของบานประตู คาโลจึงเดินไปเปิดประตูให้
   
    “มีธุระอะไรเหรอ”
   
    “ก็แค่จะมาบอกว่า พี่โรเวนเรียกพบพวกเธอ 3 คน”มาทิลด้าบอก
   
    “เรื่องอะไร”คาโลเอ่ยถาม
   
   
    “ไม่รู้เหมือนกัน หมดธุระแล้วชั้นไปก่อนละกันนะ”มาทิลด้าเอ่ยธุระจบก็หันหลังเดินจากไป ทิ้งความงุนงงไว้ให้กับผู้ถูกเรียกพบทั้ง 3 และความสงสัย 3 แบบ ก่อนจะลุกออกจากเตียง มุ่งหน้าไปห้องนั่งเล่นรวม
   
    ‘ตูไปทำอะไรผิดรึปล่าวฟ่ะ หรือว่าข้อหาต่อยหน้าไอ้คิล’
    ‘พี่เค้าจะเรียกไปหาเรื่องไรหว่า หวังว่าคงไม่เกี่ยวกับเรื่องตะลุมบอนนา ข้อหาสร้างความไม่สงบในป้อม แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะ ตอนนั้นพี่เค้าบอกเป็นการแลกฝีมือ~ ~’
    ‘อะไร หวังว่าคงไม่ได้เรียกให้ไปชดใช้ค่าเสียหายให้ป้อมอัศวิน ที่เราทำนะ- -“”’(ใครแต่งฟ่ะ ให้คาโลคิดแบบนี้-- --“”)
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*
    ก๊อก ๆ ๆ ๆ
   
    “เข้ามาได้เลย”เสียงโรเวนดังขึ้นจากภายในห้อง
   
    “ที่พี่ให้มาทิลด้าไปเรียกพวกผมมามีอะไรรึปล่าวครับ”คาโลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ
   
    “ก็แค่ มีสารจากอ.แม่มดวิงกี้ + จากปราชญ์เลโมธีมาบอกเธอ”โรเวนตอบน้ำเสียงเคร่งขรึม
   
    “เรื่องไรหรอครับ!!??”ทั้งสามร้องถามพร้อมกัน โดยมิได้นัดหมาย เพราะความอยากรู้มันมีสูง
   
    “เฟริน ทำใจก่อนฟังสักนิดส์นะ เดี๋ยวเราจะช็อค เอาได้”โรเวนเอ่ยทีเล่นทีจริง
    “โห พี่คนอย่างเฟริน เดอเบอโรว์รับได้อยู่แล้วพี่ ไม่ต้องห่วงเล่ามาได้เลย”เฟรินตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ พลางยกมือขึ้นตบที่อกของตัวเอง
    “แน่ใจนะ มันไม่ใช่ข่าวดีสักเท่าไหร่สำหรับเธอเลย”โรเวนถามอีกครั้ง
   
    “โถ พี่ รับประกันด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลย พี่”เฟรินตอบพลางยิ้มยิงฟัน
   
    ‘มันไม่เจียมตัวเลยใช่ไม๊เนี่ย ว่ามันเป้นลูกผู้หญิง ไม่ใช่ลูกผู้ชาย’
   
    โรเวน คิล และคาโลคิดในใจ แล้วส่ายหน้าอย่างระอา
   
    “เรื่องอะไรล่ะพี่รีบๆเล่ามาเถอะ”
    “เอ้า เล่าก็เล่า ปราชญ์เลโมธีบอกว่า ถ้าเกิดพวกนั้นบุกมาอีก แล้วก็ถ้าเห็นท่าไม่ดี ให้พวกเธอรีบหนีออกจากเอดินเบิร์กไปไกลๆเลย เดินทางไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องมีจุดมุ่งหมายก้ได้ ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้”โรเวนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังผิดจากปกติ
    “ทำไมล่ะครับ???”เฟรินถามด้วยความฉงนในคำสั่งของท่านอาจารย์
   
    “เพราะมันเคยมีคนทำนายไว้แล้วน่ะสิเหตุการณ์นี้ ชะตากรรมของคาโนวาล กับธิดาแห่งความมืด ศัตรูตามชะตากรรม จำได้มั๊ย”โรเวนตอบ  ทำเอาทายาทคาโนวาลกับธิดาแห่งความมืดหันไปจ้องตากันอย่างฉงน
   
    “ก็อย่างที่พวกเธอเล่ามา ว่ามันต้องการตัวธิดาแห่งความมืดใช่มั้ยหละ จุดประสงค์ของมันคือนำตัวเธอไปที่เดมอสแล้วก็อัญเชิญวิญญาณธิดาแห่งความมืดที่ดับสูญไปเมื่อหลายหมื่นปีก่อนขึ้นมาจากขุมนรก โดยใช้ร่างของเธอเป็นที่สิงสู่ไงล่ะ เฟริน พอสำเร็จตามแผน มันก็จะใช้พลังธิดาแห่งความมืด ที่เคยถล่มเอเดน เดมอส ยับมาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อมากำจัดคาโนวาลที่เดียว ส่วนเหตุผลที่ทำไมมันถึงทำอย่างงี้ .. ..... ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน”เมื่อโรเวนอธิบายจบก็หันไปมองเฟรินอย่างเป้นห่วง ซึ่งในตอนนี้เฟรินก็เหงื่อไหลพรั่กๆออกมาซะแล้ว
   
    ‘อะไรอีกเนี่ย ใจคอพระเจ้าจะไม่ให้ชั้นอยู่อย่างสงบสุขหรือไง ปีที่แล้วก็ต้องระหกระเหิรหนีไปเดมอส แต่ปีนี้ดันต้องหลีกห่างจากเดมอส แถมจะถูกใช้เป็นชนวนสงครามอีก ตกลงชั้น ผิดมากใช่มั้ยที่เกิดเป็นธิดาแห่งความมืด!!!!’
   
    “แต่ที่เรากังวลไม่ใช่คาโนวาลที่เดียว หรือชีวิตของเธอคนเดียว แต่มันรวมถึงเอเดน และประชาชนของเอเดนทั้งหมดด้วยเช่นกัน”โรเวนเอ่ย ก่อนจะเหลียบไปเห็นสีหน้าของเฟริน
   
    “เฟรินไม่ต้องตกใจไป นี่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานของชั้น และปราชญ์เลโมธี”โรเวนปลอบใจเมื่อเห็นสีหน้าหวาดวิตกของเฟริน
   
    ‘ก็ถ้าเป็นคนอื่นสันนิษฐานสิจะไม่ค่อยกังวล แต่นี่ข้อสันนิษฐานของ  มหาปราชญ์แห่งเอดินเบิร์ก กับเมจิคปริ้นซ์ โรเวน ฮาเวิร์ด’
    “เอาเถอะถ้ามันมาจริงๆแล้วเราค่อยว่ากัน ชั้นว่าวันนี้พวกเธอคงเหนื่อยกันมากแล้ว กลับไปนอนกันเถอะ”โรเวนเอ่ย แล้วลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามากระซิบอะไรซักอย่างกับคาโลแล้วเดินจากไป
    “อะไรอีกวะเนี่ย ชีวิตชั้น จะอยู่อย่างสงบสุขไม่ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย”เฟรินบ่นอย่างหัวเสีย เป็นรอบที่ 10 ขณะเดินกลับห้องพัก
    “เฟริน นายไม่ต้องบ่นมากก็ได้ บ่นไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้น”เสียงของคิลดังขึ้นมาจากด้านหลัง
    “ก็ไม่ใช่นายนี่ ลองเป็นนายเองแล้วนายจะรู้”เฟรินย้อนอย่างคนอารมณ์ไม่ดีสุดๆ
   
    “ไม่เกี่ยวได้ไง เอเดนทั้งเอเดน ชีวิตคนทั้งเดเอนเชียวนะเฟ้ย. .”คิลเอ่ยอย่างหัวเสียพอๆกัน
   
    “ชั้นขอโทษ . . ”เสียงขอโทษดังมาจากเฟริน ทำเอาเพื่อนรักทั้งสองหันไปมองอย่างตื่นตระหนก
   
    “ชั้นขอโทษที่ทำให้พวกนายต้องลำบาก ปีที่แล้วก็เกือบทำพวกนายเอาชีวิตไม่รอด ถ้าเกิดไม่มีชั้นสักคน. . .”เฟรินเอ่ยด้วยน้ำเสียงปวดร้าว พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลรินลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง
   
    “เฮ้ยๆ นายอย่าพูดหรือคิด อะไรงี่เง่า  นายก็รู้ยังไงเราก็เพื่อนกัน ลำบากนิดลำบากหน่อยไม่เป็นไรหรอก ส่วนไอ้เรื่องปีที่แล้ว ลืมมันซะเถอะ แล้วอีกอย่าง อย่าร้องไห้ได้มะ”คิลเอ่ยปลอบใจ ขณะที่เฟรินเริ่มเอามือปาดน้ำตาออก
   
    “ใครบอกพวกนายว่าชั้นร้องไห้ ก็แค่ฝุ่นเข้าตาเท่านั้นเอง”สิ้นเสียงของเฟริน ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับร่างทั้งร่างหายเข้าไป
    +*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*
    “คือว่า.  . . . พวกมันหนีไปได้พะยะค่ะ”ชายเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าในชุดเสื้อคลุมสีดำสนิทเอ่ยรายงานเหตุการณ์ นัยน์ตาสีฟ้าซึ่งเคยสงบราบเรียบไร้ความรู้สึกใดๆ กลับส่อแววหวากเกรง เช่นเดียวกับเนื้อตัวที่สั่นระริกไปด้วยความกลัว
    ปัง!!!!
   
    เสียงตบโต๊ะดังสนั่นด้วยความไม่พอใจ ทำเอาผู้ที่เป้นลูกน้องทั้งหลายต่างพากันสั่นเป็นเจ้าเข้า
   
    “พวกนั้นหนีไปได้ !!!! ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้มันหนีไปได้ทั้งๆที่ข้าก็ส่งกองทัพอมตะ รวมทั้งร่างเทียมของเจ้า ที่จะมีพลังสูงกว่าปกติถึง 3 เท่าตัวไปด้วย”นัยน์ตาสีแดงตวาดลั่นด้วยความไม่พอใจ
   
    “เจ้าชายคาโล วาเนบลี. .. .” ขณะที่ชายผู้เป็นลูกน้องกำลังอธิบาย ยังไม่ทันจะจบ เสียงของผู้เป็นนายก็เอ่ยขัดขึ้น
   
    “พ่อมดปีศาจแห่งคาโนวาลงั้นรึ ว่ามา”
   
    “หม่อมชั้นไม่นึกว่าเจ้าชายคาโลจะใช้วิธีขี้ขลาด”
   
    “หือ”
    “ขณะที่เรากำลังจะสู้กัน เจ้าชายคาโลก็ได้สร้างหมาป่าเวทกับหิมะมากมายขึ้น เหมือนว่าตั้งใจจะสู้เต็มที่ แต่กลับใช่เวทอื่นช่วยพวกพ้องรวมทั้งตัวเองหายไปหมด เหลือแต่ความว่างเปล่า”
   
    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าว่ามันคงรู้มากกว่าว่าเจ้าเป็นร่างเทียม ถึงพาพวกพ้องหนีไป เพราะสุ้ไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เจ้าก็จะแพ้เจ้าชายคาโลอยุ่ดี”พูดจบ ดวงตาสีแดงก็พลันส่งรังสีอมหิตออกมา
   
    “ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าแก้ตัวเป็นครั้งสุดท้าย ไปเอาตัวธิดาแห่งความมืดมาให้ข้าให้จงได้”
   
    “รับบัญชาพะยะค่ะ เจ้าชายเออร์ริส  คิลลาเน่”
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+
เย้!! ในที่สุดก็แต่งจบตอนซะทีแล้วว
ยังไงก็เม้นต์ๆ+ติๆ กันมาด้วยนะค่ะ
แล้วก็ Thax อีกครั้งสำหรับ 10 คะแนน ซาบซึ้ง เอิ๊กส์
ปล.ใครได้แก้วบารามอส ลายเล่ม 3-4 บ้างอ่า น่ารักไม๊อ่า แอนได้ของเล่ม 1-2(เลือกผิดอ่า ฮืออ)
ll_Anni Wanebli_ll
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น