ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อลิเซีย แวนเวิร์ธ กับ พันธสัญญาอาถรรพ์

    ลำดับตอนที่ #8 : ฝึกฝนในฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 54


    “แล้วท่านว่าทางไหนที่สั้นที่สุดล่ะ ท่านอิลิซาเบธ”

    “เอนกายสิสาวน้อยแล้วข้าจะสอนเจ้าทุกอย่าง”

    เมื่ออลิเซียเข้าสู่ห้วงนิทราภาพของสวนดอกไม้ก็กลับมาอีกครั้ง

    “ดูท่านจะชอบดอกไม้นะ”

    “มันเป็นสวนหลังบ้านหลังเก่าของข้าเอง แต่เราจะไม่ฝึกกันที่นี่หรอกนะ”

    อิลิซาเบธที่ยังคงใส่เสื้อผ้าแบบเดิมเดินนำเธอไปยังสถานที่อีกแห่งที่มีลักษณะเป็นลานกว้าง

    “เจ้ารู้จักพลังเวทมากน้อยแค่ไหนอลิเซีย”

    “ข้าเคยอ่านมาบ้างจากหนังสือว่าเป็นสายวิชาชั้นสูงที่ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนัก”

    “แล้วเจ้าก็ไม่เคยฝึกฝนสักครั้งใช่ไหม เจ้าก็เลยเริ่มหนักใจ”

    “ตอนแรกข้าไม่หนักใจสักนิดเพราะข้าเองไม่ได้อยากเป็นควีน แต่ตอนนี้”

    “เจ้าจะต้องเป็นควีนใช่ไหม ข้าผิดหวังเล็กน้อยนะที่คริสไม่สอนเจ้าใช้พลังเวท แต่ก็โทษเค้าไม่ได้หรอก ข้าคิดว่าคริสคงจะเข้าใจว่าทุกคนใช้พลังเวทเป็นหมด”

    “ท่านรู้ได้ยังไง”

    “ความลับจ๊ะ เรามาเริ่มส่วนของเราดีกว่า จับมือฉันไว้นะแล้วตั้งสมาธิก่อนสิอลิเซีย”

    เมื่ออลิเซียตั้งสมาธิได้ก็รู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ถูกถ่ายทอดมายังเธอ ทั้งความร้อนความเย็นความกดดัน สลับกันไปมา เป็นระยะเวลาหนึ่งที่การถ่ายทอดหมุนเวียนไปมาจากตอนแรกรู้สึกถึงการต่อต้านเล็กๆ จากร่างกาย แต่ทุกสิ่งก็เริ่มนิ่งและเข้าสู่สมดุล

    “เอาล่ะ ขั้นตอนต่อไปก็ใช้มันนะ พลังเวทถูกแบ่งออกเป็นห้าสายคือ สายเพลิง สายวาโย สายวารี สายธรณี สายอัสนี ซึ่งพลังจะถูกสังเคราะห์จากแต่ละที่แตกต่างกัน ง่ายที่สุดคือสายเพลิงจากอารมณ์ต่อมาคือสายวาโยจากลมหายใจ สายวารีจากเลือด สายธรณีจากเนื้อ และสุดท้ายสายอัสนีจากความคิด”

    “สายเพลิงถูกปล่อยออกมาง่ายสุดเพราะการสร้างอารมณ์ง่ายที่สุด แต่ก็ควบคุมยากที่สุดด้วย ส่วนสายวาโยก็สร้างง่ายเช่นกันแต่ไม่รุนแรงเท่าไหร่หากพลังไม่มากพอก็เหมือนกับสร้างลมเย็นๆ ส่วนสายวารีจะต้องหลั่งเลือดนิดหน่อยแต่ถือว่าคุ้มเสีย เพราะอานุภาพรุนแรงควบคุมง่าย ส่วนสายธรณีก็วิธีการคล้ายกันคือต้องเจ็บตัวเหมือนกันมีพลังและความหนักแน่นมาก ความสามารถในการควบคุมค่อนข้างกว้าง ส่วนสายอัสนีนี่ค่อนข้างจะยาก แม้แต่ข้ายังทำไม่ค่อยได้ไว้ค่อยสอนเจ้าทีหลัง วันนี้เอาแค่สายเพลิงกับสายวาโยก่อนก็น่าจะพอสั่งสอนท่านหญิงนั่นได้แล้วล่ะ”

    คืนนั้นทั้งคืนอลิเซียต้องเข้ารับการฝึกมหาโหดจากอิลิซาเบธทั้งคืน เธอต้องหลบพลังเวทสารพัดสายและพยายามต่อกรด้วยเปลวไฟบางๆและลมอ่อนๆของเธอ กว่าจะเช้าเธอก็สามารถทำให้ลมอ่อนๆกลายเป็นพายุหมุนย่อมๆ ได้แล้ว ส่วนไฟไม่ต้องพูดถึงเผาปราสาทได้สบายๆ

    “เจ้าพัฒนาเร็วมากเลยนะเด็กน้อยของข้า ไหนลองเอาพลังทั้งสองประสานกันซิ”

    “ประสานยังไงคะ”

    “ตอนนี้เจ้าปล่อยพลังออกมาทีละชนิดใช่ไหม ทีนี้เจ้าลองปล่อยอารมณ์ของเจ้าจากมือขวาและลมหายใจของเจ้าจากมือซ้าย อย่างนั้น ค่อยๆนะ ตั้งสมาธิดีๆ นำมือทั้งสองของเจ้าค่อยๆเคลื่อนเข้ามาหากัน กำหนดให้พลังลมเป็นพลังหลักนะ ให้ไฟค่อยๆแทรกตัวเข้าไปในพายุหมุนนั้น ดีมาก คงสภาพไว้อย่างนั้นสักพักให้ชินมือจนเจ้าตื่นนั่นแหละ”

    “ท่านจะไปไหนอิลิซาเบธ”

    “ข้าก็ไปดื่มชาของข้า เจ้าก็ฝึกของเจ้าต่อไปแล้วกันนะ”พูดจบอิลิซาเบธก็เดินกลับไปยังสวนดอกไม้ ทิ้งให้อลิเซียพยายามควบคุมพลังทั้งสองต่อไปเรื่อยๆ จากความยากในตอนแรกที่มือเธอแทบจะฉีกขาดกลายเป็นความนุ่มนวลและสงบ

    เสียงระฆังจากที่ไกลแสนไกลดังขึ้นอีกแล้ว อัสเทลคงจะตีระฆังบอกเวลาอาหารเช้า

    อลิเซียลืมตาขึ้นก่อนจะรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะลงไปกินอาหารเช้าที่ห้องสมุดของปราสาทพลางนึกทบทวนเกี่ยวกับเรื่องของวิธีการใช้พลังเวท และเมื่อเธอมาถึงห้องสมุดเธอก็ต้องแปลกใจกับถังน้ำใบใหญ่ ถังใส่ดิน และคบเพลิงตั้งอยู่กลางห้องสมุดพร้อมกับชายสองคนที่นอนหมดสภาพอยู่ท่ามกลางกองหนังสือกองใหญ่

    “อเล็ก ไลโอเนลพวกเจ้ามานอนทำไมกันตรงนี้”

    อลิเซียเดินไปสะกิดเรียกเพื่อนที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องขณะที่อัสเทลยกอาหารเช้าเข้ามาตั้ง

    “เจ้ามาแล้วเหรออลิเซีย”ไลโอเนลหาวอย่างไม่เหลือท่าทีของเจ้าชายแดนหิมะสักนิด

    “หกโมงแล้วนะ”อลิเซียบอก

    “หกโมง แย่แล้วเจ้าเหลืออีกชั่วโมงเดียวเท่านั้น มาเข้าหลักสูตรเร่งรัดเลยนะ”ไลโอเนลรีบลุกขึ้นและเดินไปที่ถังน้ำทันที

    “หลักสูตรเร่งรัดอะไร มากินข้าวกันก่อนมา”

    “เจ้ายังจะมีอารมณ์มากินข้าวในขณะที่การประลองพลังเวทจะเริ่มเนี่ยนะ เจ้าตั้งใจจะยอมแพ้อย่างนั้นเหรอ”

    “ข้าไม่ได้จะยอมแพ้ แล้วเจ้ามีอะไรถึงจะไม่ให้ข้ากินข้าว”

    “ก็เท่าที่ข้ารู้อาณาจักรแวนเวิร์ธเป็นอาณาจักรใหม่และไม่มีพลังเวทไม่ใช่เหรอ”

    อลิเซียก็พยักหน้าเข้าใจในท่าทีของไลโอเนลทันที

    “ข้ากับอเล็กเลยพยายามหาวิธีที่เจ้าจะใช้ในการประลอง เจ้าควรรู้ไว้นะว่าแอนเรียสน่ะมาจากตระกูลโอเชน ซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีพลังเวทสายวารี”

    “แล้วข้าก็ศึกษาหาต้นตระกูลของเจ้าว่าพอจะมีใครที่มีพลังเวทบ้างหรือไม่ก็เจอคนหนึ่งซึ่งเป็นย่าของทวดเจ้าที่เป็นพลังเวทสายธาตุไฟ แต่หลังจากนั้นไม่มีการฝึกฝนใดๆ อีกเลย”อเล็กที่ตื่นมาก็พูดขึ้นบ้าง

    “ว้าว วันนี้ฉันได้ยินเสียงนาย สงสัยวันนี้ฝนจะตก”

    “อย่าให้ตกเลย เพราะมันจะทำให้พลังเวทของแอนเรียสเพิ่มขึ้น แล้วโชคร้ายที่ธาตุไฟแพ้น้ำ”

    “อย่าทำหน้าอย่างนั้นน่า ดูนี่สิ”

    อลิเซียหลับตาและนึกถึงวิธีการที่เรียนมาเมื่อคืนฉับพลันเปลวไฟน้อยก็ปรากฏขึ้นที่มือขวา เปลวไฟที่เต้นอย่างร่าเริงตามอารมณ์ของเธอทำให้สองหนุ่มตรงหน้าต้องตะลึงตาค้าง

    “เธอสร้างไฟจากพลังในตัวได้ยังไง”

    “อ้าว แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

    อเล็กเดินมาที่เธอพร้อมกับเอื้อมมือมาจับไฟ แล้วเขาก็สะดุ้งและดึงมือกลับ

    “บ้าหรือเปล่าเอามือมาจับเนี่ย”

    “ก็แค่อยากรู้ว่าร้อนไหม”

    “มันก็ต้องร้อนสิ ไฟนะจ๊ะ”

    “เธอทำแบบนี้ได้ยังไง”คราวนี้คนที่ถามไม่ใช่สองหนุ่มแต่เป็นคริสที่เพิ่งลงบันไดมา

    “ความลับ”อลิเซียทำหน้าทะเล้นใส่ก่อนจะเดินไปกินข้าว

    “เธอบอกว่าความลับนี่รู้ความหมายของการสร้างไฟนี่หรือเปล่า”อลิเซียเอียงหัวเล็กน้อยกับคำถามของอเล็กวันนี้หมอนี่พูดเยอะเหมือนกันแฮะ

    “ไม่อ่า”

    “คนที่สร้างพลังเวทจากพลังในร่างกายน่ะ สมัยนี้ไม่มีน่ะสิ ต้องเป็นคนสมัยต้นตระกูลนู่น ที่ยังมีพลังเวทเข้มข้น แล้วเจ้าจะบอกเราได้ไหมว่าทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้ได้”

    อลิเซียเบิกตากว้างกับความรู้ใหม่จากอเล็ก

    “เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่”อเล็กถามย้ำ

    “ข้า ไม่รู้จริงๆ นะสิ”

    “เจ้าฝึกพลังเหล่านี้มาจากใคร”เสียงของคริสที่ทำให้ทุกคนในห้องหันไปมอง

    “ทำไมพวกเจ้าถึงอยากรู้กันนักหนา บอกไปก็ไม่รู้จักหรอก”

    “ก็อยากรู้จักนะถ้าทำได้ ต้องเป็นคนไม่ธรรมดามากเลย เจ้าก็รู้ว่าข้าชอบอะไรแบบนี้บอกหน่อยเถอะน่า”ไลโอเนลทำเสียงปะเหลาะ

    “นี่จะเจ็ดโมงแล้วนะ ข้ากินข้าวก่อนไม่ได้หรือไง”

    “เจ้ารู้จักใครในตระกูลบาร์โธรี่อีก”คริสถามขึ้นอีกครั้ง

    “รู้จักแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นแหละ ยังกับว่าคนในตระกูลเจ้าจะเดินเพ่นพ่านมานอกอาณาจักรอย่างนั้นแหละ”

    คริสหรี่ตาเล็กน้อยราวกับไม่เชื่อว่าอลิเซียพูดจริง แต่ก็ไม่ซักถามอะไรต่ออีก

    พอเจ็ดโมงทั้งสี่คนก็ขึ้นรถม้าประจำตำแหน่งมาที่ลานประลองในเขตของขุนนาง ณ ที่นั้นมีข้าราชการจำนวนหนึ่งมายืนรอดูเห็นได้ชัดว่ามีข้าราชการและขุนนางจากชั้นปีอื่นๆ มามุงดูเช่นกัน


    **************************************************************************************************

    คอมเมนท์ติชมให้กำลังใจกันบ้างนะคะ ^ ^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×