คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : คำท้าดวลและข่าวร้าย
ณ โรงอาหารรวมที่ถูกประดับประดาไปด้วยโคมลอย ริบบิ้นและป้ายผ้าต่างๆ โต๊ะอาหารถูกจัดแบ่งเป็นโซนต่างๆ อย่างชัดเจน โดยโซนประชาชนจะเป็นโต๊ะไม้และอาหารธรรมดาแบบบุฟเฟ่ต์ โซนข้าราชการก็จะดีขึ้นมาหน่อยตรงที่มีผ้าคลุมโต๊ะและมีอาหารชั้นดีเสิร์ฟถึงโต๊ะ ถัดจากโซนนั้นจะมีริบบิ้นสีขาวขลิบทองคั่นแบ่งห้องออกจากโซนสุดท้าย
ทางด้านขวาของโรงอาหารถูกยกพื้นให้สูงขึ้นและตกแต่งอย่างหรูหรา พร้อมกับโต๊ะยาวห้าโต๊ะที่มีอาหารที่ถูกปรุงแต่งอย่างสวยงามจัดวางไว้อย่างดีราวกับเป็นงานศิลปะชั้นสูง อลิเซียและท่านชายทั้งสามถูกเชิญมานั่งหัวโต๊ะของโต๊ะอาหารที่มีธงสีแดงสด ซึ่งมีคนนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้วสองคน ทั้งสองคนนั้นลุกขึ้นยืนเมื่อพวกเขามาถึง และอีกไม่เกินอึดใจหลังจากที่พวกเขานั่งลงที่โต๊ะ
เจ้าหญิงแอนเรียสในชุดราตรีสีฟ้าน้ำทะเลประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ ส่องประกายระยิบระยับก็เดินมาถึงโต๊ะ พร้อมกับเสนาธิการอีกสามคน พวกเขาทำความเคารพให้กับคริสก่อนจะเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ประจำตำแหน่ง เมื่อพวกเขานั่งครบทุกคน ชุดมีดส้อมและช้อนกว่าสิบชิ้นที่ใช้สำหรับรับประทานอาหารก็ปรากฏขึ้นด้านข้างของจาน
“ที่นี่ดีจังเลยนะคะ ตอนแรกดิฉันก็กลัวว่าเมื่อออกมานอกวังแล้วจะไม่มีเครื่องใช้ที่คุ้นเคยแบบนี้ ใช่มั้ยคะควีน”
อลิเซียหันไปมองแอนเรียสที่เหมือนจะเจาะจงสนทนากับเธอโดยตรง ก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ท่านมาจากโอเชนเซียใช่ไหมคะ ได้ข่าวว่าที่นั่นถือเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารมาก ทำให้ข้าชักจะประหม่าแล้วสิ กลัวจะใช้ของพวกนี้ผิดประเภทต่อหน้าท่าน”
“ท่านรู้ด้วยหรือคะว่าดิฉันมาจากโอเชนเซีย ดิฉันแปลกใจมากเพราะตามปกติแล้วดิฉันไม่ค่อยออกชนบทเท่าไหร่”
อลิเซียตัดสินใจอุบเรื่องที่เธอเป็นเจ้าหญิงไว้ เพราะขืนยัยนี่รู้ต้องยำเธอเรื่องขี้เหร่แน่ๆ
“พอดีดิฉันมาจากแวนเวิร์ธน่ะค่ะ เจ้าหญิงเสด็จไปที่นั่นบ่อยนี่คะ”
“อ่อ ใช่ข้าค่อนข้างสนิทกับเจ้าหญิงฟรีเซียคู่หมั้นของท่านเอริค คิงของปีห้า โอ้พูดถึงก็มาพอดี ดูไว้ซะสิเขาอาจจะเป็นพระราชาของอาณาจักรเจ้าในอนาคตก็ได้นะ”
อลิเซียหันหน้าไปดูตามที่แอนเรียสบอก คณะของปีห้ามาถึงแล้ว พวกเขามาทีเดียวพร้อมกันไม่ได้กระจัดกระจายกันมาเหมือนกับพวกเธอ แต่คนเดียวที่เธอสนใจคือเอริค
เป็นคนที่ครบสูตรเจ้าชายคนหนึ่งเลยทีเดียว สูง หล่อ ดูสง่างามแต่ยังต้องดูต่อไปว่านิสัยเป็นยังไง เธอจะได้เอาไปเล่าให้ฟรีเซียฟังได้ แต่เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ๆ สีหน้าของเขาดูเศร้าผิดปกติ และเมื่อเขาหันมาทางโต๊ะของปีหนึ่งเขาหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะเดินต่อไปยังโต๊ะของตัวเอง
“แต่ข้าได้ข่าวมาว่าพระราชาแห่งแวนเวิร์ธยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้เจ้าหญิงคนไหนได้ครองบัลลังก์นี่คะ”อลิเซียแกล้งถามกลับไปยังแอนเรียส
“ว่ากันว่าท่านจะรอพิจารณาคู่หมั้นของเจ้าหญิงองค์เล็กนี่คะ ได้ข่าวมาว่าท่านถูกเชิญไปดูตัวเจ้าหญิงองค์เล็กด้วยนี่เจ้าชายไลโอเนล ได้เจอกันไหม ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้าหญิงองค์เล็กน่ะสิริโฉมงดงามมากเกินหญิงสาวทั่วไป เป็นจริงหรือไม่”
ไลโอเนลที่กำลังดื่มน้ำอยู่แทบจะสำลักน้ำเมื่อได้ยิน ส่วนอเล็กก็แอบหันไปยิ้มกับเพดาน
“ไม่ได้เจอตัวจริงหรอกแอนเรียส พอดีตอนที่ข้าไป นางออกไปทำธุระด้านนอกปราสาท แล้วข้าเองก็รีบร้อนมาสอบเลยยังไม่ได้รอเจอ”
“เหมือนกับท่านเอริคกับเจ้าหญิงฟรีเซียเลย หมั้นหมายกันมาตั้งนานแต่ไม่เคยเห็นหน้า แต่ข้าว่านางต้องสวยมากแน่นอน ข้าเคยเห็นพี่สาวทั้งหกคนของนาง แล้วเจ้าหมั้นกับนางหรือยัง”
“ยังหรอก”
อลิเซียแอบถอนหายใจกับการสนทนาที่เฉียดเธอไปมาเช่นนี้
“งั้นหรือ น่าเสียดายแทนเจ้าหญิงนะที่พลาดจากคนดีเช่นเจ้าอ่อ มีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะบอกเจ้าจะควีน”
“มีอะไร”
“ข้าขอท้าดวลท่าน พรุ่งนี้ที่ห้องประชุมในโซนของขุนนางเวลาเจ็ดโมงเช้าหวังว่าท่านคงจะตรงเวลานะ”
“ท้าดวลกับข้า ดวลอะไรกัน”
“เจ้าถนัดอะไรล่ะ ข้าถนัดทั้งหมดนั่นแหละ”
“จริงๆ เจ้าเลือกมาเลยก็ได้ ข้าไม่ค่อยสนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่”เพราะข้าก็อยากจะสละตำแหน่งอยู่แล้วเหมือนกัน อลิเซียแอบต่อในใจ
“ได้งั้นประลองพลังเวท พรุ่งนี้เจอกัน”
บทสนทนาทั้งหมดถูกหยุดเมื่อเสียงแตรดังขึ้น ตอนนั้นเองที่อลิเซียสังเกตว่านักเรียนทุกคนนั่งประจำที่หมดแล้ว
“กรุณายืนขึ้นเพื่อต้อนรับคณาจารย์แห่งมิเอลทินาร์ และชูแก้วของท่านขึ้นเพื่อต้อนรับศาสตราจารย์มาร์แชล แวนโฮเวอร์ ผู้อำนวยการใหญ่ของสถาบันมิเอลทินาร์”
“ศาสตราจารย์มาร์แชลเหรอ”อลิเซียพึมพำพลางนึกถึงหนังสือกว่าครึ่งหนึ่งที่เธอเคยอ่านซึ่งเป็นผลงานของอาจารย์ผู้นี้ ยังไม่นับตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษแห่งราชอาณาจักรอีกหลายอาณาจักร อลิเซียพยายามชะเง้อดูเพื่อให้ได้เห็นเป็นบุญตาสักครั้ง
อลิเซียยังคงมองศาสตราจารย์มาร์แชลที่ถูกประกาศถึงซึ่งน่าจะเดินตามหลังเหล่าคณาจารย์แต่ก็มองไม่เห็น และเธอก็เข้าใจว่าทำไมเมื่อพิธีกรกล่าวเชิญให้เขาออกมาพูดสุนทรพจน์
เด็กชายร่างเล็กซึ่งดูจากความสูงแล้วน่าจะประมาณเอวของเธอ ลอยตัวขึ้นจากพื้นประมาณเกือบสองเมตรเพื่อให้ทุกคนมองเห็นเขาได้ชัด แต่น้ำเสียงที่ออกมาจากร่างของเด็กชายช่างตรงกันข้าม
“สวัสดีทุกคน ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง ณ ที่แห่งนี้ ปีแล้วปีเล่าที่เฝ้ามองพวกเธอเข้ามาเติบโตและจากไป ปีนี้ก็จะเป็นอีกเช่นกัน ฉันมีข่าวดีและข่าวร้ายจะแจ้งให้ทราบ ข่าวดีก็คือปีนี้มีคนทำลายข้อสอบที่ไม่เคยมีใครได้คะแนนเต็ม ใช่เราได้ต้อนรับเด็กปีหนึ่งที่มีศักยภาพสูงมากทีเดียวคะแนนเฉลี่ยของพวกเขาก็สูงมากเป็นประวัติการณ์คือ เก้าร้อยยี่สิบแปดคะแนนเศษอีกนิดหน่อย พวกเธอทั้งหลายซึ่งเป็นรุ่นพี่แล้วคงต้องพยายามหนักขึ้นเพื่อให้ได้เป็นสุดยอดอาณาจักร และข่าวร้ายสำหรับคนที่มาจากอาณาจักรแวนเวิร์ธ อาณาจักรของท่านโดนโจมตี แน่นอนว่าสงครามระหว่างอาณาจักรไม่เคยเกิดขึ้นนานแล้วจนสงครามครั้งสุดท้ายแทบจะกลายเป็นตำนาน การโจมตีครั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้กระทำ”
“ฉันขอเตือนพวกเธอทั้งที่มาหรือไม่ได้มาจากอาณาจักรที่โชคร้ายนี้ว่าการออกนอกโรงเรียนก่อนที่จะจบในปีนั้นๆ เป็นการละเมิดพันธสัญญาและจะทำให้เพื่อนของเธอทั้งชั้นสอบตก”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ แล้วการโจมตีนั้น”อลิเซียลุกขึ้นพูดแต่มือเล็กๆ ที่ยกขึ้นเพื่อห้ามเธอทำให้เธอหยุดและนั่งลง
“มีต้นไม้หนามชนิดหนึ่งที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมานานงอกขึ้นบริเวณชายแดนของอาณาจักร ก่อนจะเติบโตจนห่อหุ้มอาณาจักรนั้นไว้ พวกเราพยายามที่จะช่วยอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรเจ้าต้นไม้นั้นได้ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วมากในตอนเที่ยงของวันนี้”
อลิเซียเบิกตากว้างก่อนจะเอนตัวพิงพนักพิงเก้าอี้
“หลายคนอาจจะตำหนิที่ฉันเล่าเรื่องนี้ก่อนการทานอาหารทำให้อาหารรสเลิศเหล่านี้อาจจะไม่ถูกปากแต่ขอร้อง อย่าถือสาคนแก่คนนี้เลย และกินอาหารให้เต็มที่”
เสียงกระซิบมากมายเข้ามาแทนที่อาจารย์ใหญ่ อลิเซียลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีแต่ถูกมือมือหนึ่งยึดไว้
“ปล่อย”อลิเซียเข่นเขี้ยวใส่คริสเจ้าของมือที่กำข้อมือเธอไว้
“นั่งลงเถอะ”
“ปล่อย”
“ถ้าปล่อยแล้วเจ้าจะไปไหนล่ะ หนีออกไปจากที่นี่งั้นเหรอ เจ้าไม่ใช่เหรอที่ดิ้นรนอยากจะเข้ามาเอง”
“แต่ครอบครัวข้าตกอยู่ในอันตราย”
คริสเลิกคิ้วเล็กน้อย
“แค่หนีไปจากตรงนี้เจ้ายังทำไม่ได้ แล้วเจ้าจะเอาอะไรไปช่วยครอบครัวของเจ้า”อลิเซียอึ้งก่อนที่จะทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ ตอนนี้เสียงทุกเสียงรอบตัวไหลผ่านเธอแต่เธอไม่รับรู้อะไร เธอหยิบช้อนมาเขี่ยซุปในชามเล่นพลางไตร่ตรองความคิด
“ไงสาวน้อย เจ้าดูเป็นกังวลนะ”อลิเซียเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงของอิลิซาเบธอีกครั้ง
“ไม่ต้องตอบข้าหรอกอลิเซียเดี๋ยวเจ้าหนุ่มหัวขาวนั่นจะหาว่าเจ้าบ้าเอานะ แต่สภาพเจ้าตอนนี้เจ้าหนุ่มนั่นคงไม่กล้าแซวเจ้าหรอกข้าแน่ใจ ดูเขาสิ ดูเป็นห่วงเจ้านะ”
อลิเซียเงยหน้าขึ้นและสบสายตาของไลโอเนลก่อนที่เธอจะก้มหน้าเหมือนเดิม
“แล้วเจ้ายังจะอยากได้ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆจากข้าอีกมั้ยสาวน้อย”
อลิเซียพยักหน้าเงียบๆ
“ว่าง่ายๆ อย่างนี้ข้ารักเจ้าตายเลย ทำตัวให้ร่าเริงเข้าไว้สาวน้อย แล้วเจอกันตอนเจ้าถึงห้องแล้ว”
อลิเซียเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและมองไปรอบๆ เธอก็พบสายตาห่วงใยจากคนสี่คนที่เธอคุ้นเคย เธอฝืนยิ้มและตักอาหารตรงหน้ากินแทนการตอบคำถามที่เธอรู้ว่าจะต้องมี แต่ในทางกลับกันไม่มีคำถามใดๆ จากพวกเขาซึ่งนั่นทำให้เธอ
โล่งอก
เวลาที่แม้จะผ่านไปช้าๆ แต่ก็ผ่านไป ในที่สุดเธอก็มาถึงห้องนอนของเธอ ก่อนที่เธอจะล้มตัวลงนอนเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คนที่อยู่ข้างห้องของเธอเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่ได้รับอนุญาตแล้ว
“มีอะไรเหรอ”อลิเซียเอ่ยถามคริส
“แค่อยากมาดูให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไร”
“จะว่าไม่เป็นเลยก็ไม่ได้หรอก ครอบครัวของฉันทุกคนอยู่ที่นั่น ทั้งท่านพ่อ ท่านแม่และพี่สาว”
“ฉันจะมาบอกเธอว่ามีวิธีที่จะทำให้เธอได้กลับออกไปเร็วขึ้น”
“มีเหรอ”
“แต่เธอมีแผนว่าจะทำยังไงเมื่อเธอได้ออกไปล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้หรอก จริงๆนะคริส ไม่รู้จริงๆ แต่ตอนนี้ขอแค่ได้ออกไปเห็นสถานการณ์ก็ยังดี ฉันรอถึงหนึ่งปีไม่ไหว”
“ฉันอ่านกฎมาว่าหากเป็นสุดยอดอาณาจักรได้ อาณาจักรนั้นก็ถือว่าสอบผ่านทั้งอาณาจักรและไม่ต้องสอบปลายภาค สามารถกลับบ้านได้เลยแต่ต้องมางานเลี้ยงตอนปลายเทอม”
“แล้วทำยังไงถึงจะได้เป็นล่ะคริส”
“ก็แค่ทำให้อีกสี่อาณาจักรล้มละลาย หรือชนะสงคราม หรือคิงของพวกเขายอมมอบธงให้”
“นายคิดว่าทางไหนสั้นที่สุดล่ะ”
“ข้าว่าเจ้าควรจะพักผ่อน ไม่ว่าทางไหนจะสั้นที่สุด หากเจ้าอยากจะทำให้มันสั้นเจ้าก็ยังต้องอยู่ในตำแหน่งควีน หวังว่าเจ้าคงจะชนะในวันพรุ่งนี้”คริสพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังออกไปจากห้อง
*****************************************************************************************************
ความคิดเห็น