ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อลิเซีย แวนเวิร์ธ กับ พันธสัญญาอาถรรพ์

    ลำดับตอนที่ #5 : สู่สถานที่ใหม่และเสียงเร้นลับ

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.พ. 54


    “สวัสดีนักเรียนใหม่ทุกคน ฉันเป็นรองอาจารย์ใหญ่มีชื่อว่าศาสตราจารย์ไดอาน่า เบอร์ลิช เรียกชั้นว่าศาสตราจารย์ไดอาน่าก็ได้ ฉันจะแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ที่โรงเรียนแห่งนี้มีทั้งหมดห้าชั้นปี ชั้นปีละห้าสิบคน”

    ศาสตราจารย์ไดอาน่าสะบัดมือเล็กน้อย ก็มีกระดาษจำนวนหนึ่งปลิวออกมาจากเตาผิง มาที่มือของเด็กนักเรียน กระดาษนั้นบอกโครงสร้างของสังคมแบบชนชั้นตามที่อาจารย์บรรยาย

    “ดูจากกระดาษในมือเธอจะเห็นพีระมิดของการปกครอง ในแต่ละชั้นปีจะมีการจัดโครงสร้างการปกครองแบบจำลอง สำหรับปีหนึ่งอย่างพวกเธอเราจะจัดให้คนที่สอบเข้ามาได้คะแนนสูงสุดเป็นคิง ที่สองเป็นควีนซึ่งเป็นระดับสูงสุด ที่สามกับที่สี่ดำรงตำแหน่งรัชทายาทเป็นระดับที่สองจากยอดพีระมิด ที่ห้าถึงที่แปดเป็นเสนาธิการฝ่ายการปกครอง ฝ่ายกิจกรรมและการสงคราม ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายเศรษฐกิจ ที่เก้าเป็นเลขาธิการ ที่สิบเป็นทูตส่วนนี้จะเป็นลำดับที่สามของพีระมิด ส่วนลำดับที่สิบเอ็ดถึงยี่สิบเป็นข้าราชการเป็นลำดับที่สี่ ส่วนลำดับที่สามสิบจนถึงห้าสิบเป็นประชาชนเป็นฐาน”

    “การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งในสังคมของพวกเธอ หากใครอยากที่จะเพิ่มตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวเองจะสามารถเลื่อนขั้นได้ทีละขั้นตามลำดับชั้นในพีระมิดห้ามข้ามขั้น โดยจะต้องยื่นท้าประลองกับผู้ที่ครองตำแหน่งปัจจุบัน หากประลองชนะก็จะสลับตำแหน่งกันได้ แต่หากผู้ท้าประลองแพ้จะถูกตัดสิทธิ์การท้าประลองสามเดือน และอยู่ในตำแหน่งเดิม ส่วนข้อยกเว้นในการท้าประลองข้ามขั้นมีเพียงกรณีเดียวคือท้าประลองกับคิงหรือโดยตรง ถ้าชนะคุณจะได้เป็นคิงและคิงจะตกไปเป็นประชาชนและถูกตัดสิทธิ์การท้าประลองทั้งเทอม แต่ถ้าหากผู้ท้าประลองแพ้คิงจะถูกลดสถานะไปเป็นทาส ทาสจะสูญเสียห้องส่วนตัวจะต้องไปอยู่ในหอพิเศษสำหรับคนที่มีสถานะทาสตลอดทั้งเดือนนั้นหลังจากนั้นจะได้กลับมาเป็นประชาชน และทาสจะต้องรับคำสั่งจากทุกคนในชั้นปีผู้เดียวที่ท้าประลองคิงแล้วเมื่อแพ้จะไม่ตกเป็นทาสมีเพียงควีนเท่านั้น ในวันนี้อาจารย์จะแจกเงินที่ใช้สำหรับพัฒนาอาณาจักรคนละห้าพันฟอล”

    ศาสตราจารย์ไดอาน่าสะบัดข้อมืออีกครั้ง ข้อความบนกระดาษก็เปลี่ยนไปเป็นกำหนดการของกิจกรรมต่างๆ แต่มีกิจกรรมที่เป็นตัวอักษรสีแดงเด่นเป็นพิเศษอยู่สี่กิจกรรม

    “กิจกรรมทั่วไปพวกเธอจะเข้าร่วมหรือไม่ก็ได้ แต่ยกเว้นกิจกรรมสีแดงคืองานวันสถาปนาโรงเรียน งานเลี้ยงส่งผู้สำเร็จการศึกษา กิจกรรมสงครามห้าทัพและการสอบปลายภาค ผู้ที่จะไม่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจะต้องมีการรับรองจากอาจารย์ใหญ่เท่านั้น ใครมีคำถาม”

    อลิเซียในคราบอัลเลนยกมือขึ้นทันทีหลังจากได้ยินประโยคนั้น อาจารย์ไดอาน่าพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นเชิงอนุญาต

    “แล้วการรับรองบุคคลล่ะครับ ผมได้ยินมาว่าจะต้องผ่านการรับรองก่อนถึงจะเข้าศึกษาได้”

    “เธอได้ที่สองจากการสอบไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่รู้ว่าการรับรองว่าเธอเป็นใครเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เธอลงชื่อสมัครสอบที่สมุดแห่งสัจจะนั่น คำถามต่อไป”

    อลิเซียยกมืออีกครั้ง

    “เมื่อมาถึงขั้นนี้ พวกเรามีภาระผูกพันที่จะต้องศึกษาให้จบหลักสูตรในแต่ละปีก่อนถึงจะกลับไปเยี่ยมบ้านได้ใช่ไหมครับ”

    “ใช่ มีคำถามอีกไหม”

    คราวนี้ไม่มีการยกมือและไม่มีเสียงตอบรับกลับมา

    “ดีงั้นชั้นขอพูดอะไรเป็นครั้งสุดท้าย พวกเธอซึ่งทำคะแนนเฉลี่ยได้ 928.58 คะแนนซึ่งนับว่าสูงมากเป็นประวัติการณ์ แต่การสอบของที่นี่วัดผลโดยรวมคือถ้าผ่านก็จะผ่านทั้งชั้นปี แต่หากมีคนใดคนหนึ่งไม่ผ่านก็จะไม่ผ่านทั้งชั้นปี หวังว่าพวกเธอคงไม่ต้องเจอเหตุการณ์อัปยศแบบนั้น ขอให้โชคดี”

    ร่างของอาจารย์ไดอาน่าหายไปในกองเพลิงมรกต ไม่นานไฟที่เคยเป็นสีเขียวก็กลับมาเป็นสีธรรมดาอีกครั้งและคนสวมชุดคลุมที่ดูลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้น

    “ต่อจากนี้ข้าจะเป็นผู้นำทางพวกท่าน กรุณาตามข้ามาเพื่อไปยังที่พัก”

    ประตูอีกบานที่อยู่ในห้องนี้ก็เปิดออก พวกเขาเดินเรียงหนึ่งตามผู้นำทางไป

    เมื่อผ่านประตูออกมา อลิเซียก็ได้เห็นสวนหย่อมที่ถูกตบแต่งอย่างงดงามด้วยต้นไม้และดอกไม้สีสวยทางที่พวกเธอกำลังเดินอยู่มีหลังคาสีขาวแกะสลักอย่างงดงามทำหน้าที่กันแสงแดดยามกลางวัน

    “ทางด้านซ้ายจะเป็นอาคารเรียนภาคปฏิบัติค่ะ ส่วนทางด้านขวาจะเป็นอาคารสำหรับวิชาทฤษฏี ส่วนอาคารสีส้มนั้นเป็นสถานที่สำหรับเล่นกีฬาค่ะ ซุ้มประตูด้านหน้ามีชื่อว่าซุ้มแห่งปฐพีเป็นทางเชื่อมไปยังส่วนที่สองของโรงเรียน”

    เมื่อผ่านซุ้มปฐพี สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของอลิเซียคือเนื้อที่ขนาดใหญ่ของสวนผักผลไม้อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ มีรั้วและธงเล็กๆ ปักล้อมรอบแสดงอาณาเขต และทางขวาก็มีกระท่อมธรรมดาที่พบเห็นได้ตามแนวชายแดนหรือเขตการเกษตรและปศุสัตว์ของอาณาจักร

    “ผู้ที่มีตำแหน่งประชาชน ที่นี่คือที่พักของพวกท่านบ้านที่มีธงสีแดงคือส่วนของปีหนึ่ง สีขาวปีสอง สีฟ้าปีสาม สีน้ำตาลปีสี่ ส่วนสีทองคือปีห้า สัดส่วนที่ดินที่พวกท่านได้รับคือห้าสิบไร่ ทางด้านท้ายสุดที่ท่านเห็นไกลลิบๆ นั่นแหละค่ะ ท่านจะต้องบริหารจัดการพื้นที่เอง มีคำถามไหมคะ”

    “ข้าเป็นลูกของขุนนางจากอาณาจักรวาเลนเซียนะ จะให้ข้ามาอยู่ในกระท่อมโกโรโกโสได้ยังไง”

    ผู้นำทางหรี่ตาเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยเสียงเย็นชาผิดจากน้ำเสียงรื่นเริงก่อนหน้านี้

    “ท่านก็ท้าประลองเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของท่านสิคะ”

    เมื่อพูดจบผู้นำทางก็ปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มก่อนจะแนะนำซุ้มประตูต่อไปที่พวกเขากำลังจะเดินผ่าน

    “นี่เป็นซุ้มประตูเงินตรา ค่ะ ทางด้านซ้ายที่ท่านเห็นคือตลาด ที่นี่เป็นที่ที่พวกท่านจะตั้งร้านเพื่อซื้อขายสินค้า หรือจัดกิจกรรมต่างๆได้ที่นี่ การค้าขายสินค้าระหว่างชั้นปีต้องอาศัยทั้งสติปัญญาและกลยุทธ์ทางการค้าเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินที่จะใช้จ่ายภายในอาณาจักร ที่นี่ในวันอาทิตย์จะมีพ่อค้าแม่ค้าจากนอกโรงเรียนนำสินค้ามาขาย แต่เงินที่ท่านจะซื้อขายในตลาดแห่งนี้จะต้องเป็นเงินจากคลังของชั้นปีท่านเท่านั้น ทุกท่านสามารถใช้งานพื้นที่ส่วนนี้ได้ ส่วนทางขวาเป็นที่พักของผู้ที่เป็นข้าราชการและประชาชนที่สอบผ่านอาชีพพ่อค้า บ้านที่มีธงสีแดงเช่นเดิม”

    ผู้นำทางผายมือไปทางบ้านปูนสองชั้นที่มีธงสีแดงปักอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้หรูหรามากมายนักแต่ก็ถือว่าความเป็นอยู่ดีกว่าประชาชนเยอะมาก

    “ซุ้มประตูถัดไปคือซุ้มนภา เมื่อเราผ่านซุ้มประตูมาแล้วขอให้ทุกท่านมองด้านซ้ายซึ่งเป็นที่พักของเหล่าขุนนางซึ่งผู้ที่พักที่นี่คือคนที่รับตำแหน่งทูตไปจนถึงเสนาธิการ ด้านขวาจะเป็นห้องประชุมรวมซึ่งหากต้องการใช้ต้องทำการจองล่วงหน้าก่อนอย่างน้อยสามชั่วโมงรายละเอียดการจองสามารถดูได้จากคู่มือที่อยู่ด้านหน้าของห้องประชุม ในส่วนนี้ห้ามผู้ที่เป็นพ่อค้าและประชาชนเข้ามาเด็ดขาด ยกเว้นว่าได้รับอนุญาตจากขุนนาง”

    ผู้ที่มีตำแหน่งขุนนางดูจะพอใจกับบ้านแต่ละหลังที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามและมีป้ายของตำแหน่งห้อยอยู่ด้านหน้าบ้านพร้อมธงที่บอกชั้นปี

    “เอาล่ะ ส่วนสุดท้ายคือส่วนของพระราชวัง ขอให้พวกท่านทุกคนตั้งใจดูให้ดีเพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่พวกท่านจะได้เห็นพระราชวังเพราะที่นี่ห้ามผู้ที่ไม่มีตำแหน่งเข้ามายุ่งย่ามเด็ดขาดยกเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากคิงเท่านั้น”

    เมื่อผ่านซุ้มประตูทองคำที่คุณผู้นำทางไม่ได้บอกชื่อ เบื้องหน้าของปีหนึ่งทั้งห้าสิบคนคือปราสาทขนาดย่อมทั้งห้า ตั้งอยู่ที่ยอดของเนินเล็กๆ ห้าเนิน โดยมีทางห้าสายนำไปยังยอดเนินนั้น บนยอดของปราสาทติดธงแยกสีตามชั้นปี  แม้ว่าจะมีขนาดเล็กแต่ยังคงไว้ซึ่งความสูงศักดิ์และหรูหราสมฐานะของการเป็นพระราชวัง

    “ชั้นสามเป็นห้องของรัชทายาทอันดับที่สอง ชั้นสี่เป็นของรัชทายาทอันดับที่หนึ่ง ชั้นที่ห้าเป็นที่พักของราชาและราชินี กระเป๋าสัมภาระของพวกท่านทุกคนที่ลงทะเบียนฝากไว้ ได้ถูกขนไปไว้ตามที่พักของพวกท่านหมดแล้ว พวกท่านมีเวลาพักผ่อนก่อนจะไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารรวมเวลาหกโมงเย็น”

    ผู้นำทางโค้งตัวก่อนจะเดินจากไป

    “อเล็ก”เสียงหนึ่งที่คุ้นหูดังมาจากปลายแถว

    “เดวิด เจ้าสอบติดด้วยเหรอ”อลิเซียชิงตะโกนตอบก่อนอเล็ก

    “ใช่ โชคดีชะมัด แต่ก็เกือบไม่ได้แล้วล่ะ ข้าได้คะแนน 900 เข้ามาคนสุดท้ายพอดี พวกท่านอย่าลืมแวะมาหาข้าบ้างนะ”

    “ได้เสมอเดวิด”อลิเซียตอบ ก่อนที่เดวิดจะพยักหน้าแล้วเดินกลับไปยังที่ที่เขาควรอยู่

    ทั้งสี่ยืนมองจนคนที่เป็นสมาชิกของอาณาจักรเดินจากไปก่อนจะเดินขึ้นเนินไปยังปราสาทที่ประดับประดาด้วยธงสีแดง

    เมื่ออลิเซียเหลือบมองคนทั้งสามที่เดินมาพร้อมกับเธอทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่ามากยังไงก็ไม่รู้ คนจากบาร์โธรี่ดูสง่างามหน้าเกรงขาม ไลโอเนลแม้จะมีผิวพรรณสีขาวเผือดตามลักษณะสายเลือดแต่ด้วยรูปร่างที่สูงสมส่วนและหน้าตาคมคายทำให้ดูดึงดูดสายตา ส่วนเจ้าอเล็กคนพูดน้อยนั้นก็หน้าตาดีในระดับหนึ่งบวกกับท่าทีที่ดูสุขุมนุ่มลึกและดูอมภูมิความรู้ และสุดท้ายตัวเธอสิ่งเดียวที่สู้เจ้าสามคนนั่นได้คือส่วนสูงเท่านั้นส่วนผิวกายนี่คล้ำกว่าเจ้าเดวิดเสียอีกยังไม่นับผมเผ้าที่ไม่เคยดูแลให้ดี ซ้ำยังใส่เสื้อผ้าเหมือนผู้ชายอีก เธออยากไปเป็นประชาชนแล้วทำนาดีกว่ามาเป็นควีนขี้เหร่แบบนี้จริงๆ

    เมื่อทั้งสี่คนเดินเข้าไปถึงหน้าปราสาทมีใครคนหนึ่งรอพวกเขาอยู่ที่ประตู ร่างสูงที่ซ่อนตัวเองไว้ภายใต้หน้ากากและชุดคลุมมีฮู้ดชายเสื้อยาวถึงพื้นยืนก้มหัวอยู่ที่ทางเข้าในมือของเขามีถาดใส่กระดิ่งทองคำเล็กๆ สี่อัน

    “ยินดีต้อนรับนายท่านทั้งหลาย ยินดีต้อนรับนายหญิง ข้าชื่ออัสเทลเป็นผู้รับใช้ของพวกท่าน ข้ามีหน้าที่ดูแลความสะดวกเรียบร้อยทุกอย่างให้กับพวกท่าน กรุณาเรียกใช้ข้าได้ตลอดเวลาเพียงท่านสั่นกระดิ่งนี่”

    อัสเทลยื่นถาดกระดิ่งมาให้นายน้อยตรงหน้าทีละคนๆ

    “ตอนเช้าข้าจะสั่นระฆังหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณของอาหารเช้า เสื้อผ้าที่ใช้แล้วของพวกท่านกรุณาใส่ไว้ที่ตระกร้าปลายเตียง ข้าจะขออนุญาตเข้าไปทำความสะอาดและเก็บผ้าไปซักในเวลาสิบโมงเช้าของวันที่พวกท่านไม่อยู่ห้อง เพื่อเป็นการไม่รบกวนเวลาส่วนตัว สำหรับท่านหญิงข้ามีเรื่องที่จะแจ้งให้ท่านทราบ”

    “มีอะไรเหรอคะอัสเทล”

    “รายการสัมภาระของท่านมีเพียงห่อผ้าเล็กๆ ห่อเดียวที่ฝากไว้ก่อนเข้าห้องสอบ ส่วนสัมภาระอื่นๆของท่านไม่ได้ถูกส่งมาที่นี่เนื่องจากท่านไม่ได้ลงทะเบียนสัมภาระไว้ ท่านจะให้ข้าติดตามไปรับสัมภาระของท่านเองหรือไม่”

    “อ๋อ ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้เอาอะไรติดตัวมามีห่อผ้านั้นห่อเดียว ขอบใจมากนะอัสเทล”

    “ขออภัยหากต้องละลาบละล้วงอีกครั้ง งานวันสถาปนาที่จะถึงนี้ท่านจะต้องร่วมเปิดฟลอร์เต้นรำกับคิงในฐานะผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งสูงที่สุดในชั้นปี”

    “วันไหนล่ะอัสเทล”

    “อีกสองอาทิตย์ถัดจากนี้ขอรับ หากท่านต้องการออกไปซื้อของด้านนอกจะต้องทำเรื่องขอออกนอกพื้นที่ซึ่งยุ่งยากมาก แต่ท่านสามารถวานข้าได้”

    “ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”

    “แล้วข้าจะแจ้งวันเวลาให้ทราบภายหลัง ขอเชิญทุกท่านตามข้ามาทางนี้”

    อัสเทลหยิบลูกกุญแจสีทองจากกระเป๋าแล้วไขประตูปราสาท ก่อนจะเผยให้เห็นถึงด้านในของตัวปราสาท ที่ดูกว้างขวางกว่าภาพที่เห็นจากภายนอก

    “ชั้นล่างนี่คือห้องท้องพระโรง ใช้ในการจัดเลี้ยงและจัดกิจกรรมต่างๆ ในชั้นปีของพวกท่าน โดยจะต้องส่งบัตรเชิญให้กับผู้ที่จะเข้ามาที่นี่”

    อัสเทลพาพวกเขาขึ้นบันไดมายังชั้นที่สองซึ่งเป็นห้องที่มีลักษณะเป็นวงกลม ผนังถูกดัดแปลงให้เป็นชั้นวางหนังสือที่ค่อนข้างสูงมากจนต้องมีบันไดที่สามารถเลื่อนไปตามชั้นหนังสือ ส่วนตรงกลางเป็นมีโต๊ะเขียนหนังสือสี่ชุด และโต๊ะที่มีแบบจำลองของพื้นที่ต่างๆ อีกห้าโต๊ะ

    “ห้องนี้เป็นห้องสมุดและห้องที่พวกท่านจะใช้ในการประชุมแผนการรบ”

    อัสเทลพาพวกเขาเดินผ่านไปยังประตูที่ตั้งอยู่อีกด้านของห้องเพื่อขึ้นบันไดไปสู่ชั้นถัดไป ซึ่งมีเพียงประตูไม้เงางามหนึ่งบาน

    “นี่คือห้องของรัชทายาทลำดับที่สอง”

    อเล็กพยักหน้าเล็กน้อยก่อนรับกุญแจจากอัสเทลมาเปิดประตู ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่ายผิดจากที่อลิเซียหวังไว้เล็กน้อย แต่ก็มีเฟอร์นิเจอร์ที่ดูหรูหราครบชุด

    “ท่านสามารถตกแต่งห้องได้ตามใจชอบ หากขาดเหลืออะไรสามารถสั่งข้าได้”

    ชั้นต่อมาเป็นของไลโอเนลลักษณะห้องค่อนข้างคล้ายกับห้องของอเล็กจนไลโอเนลแอบบ่นว่า

    “ถ้าห้องเหมือนกันขนาดนี้ข้าอยากเป็นลำดับที่สองมากกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องเหนื่อยเดินขึ้นบันไดเพิ่มขึ้น”

    ส่วนชั้นสุดท้ายอัสเทลได้มอบกุญแจสองดอกให้กับคริสและมอบกุญแจอีกหนึ่งดอกให้กับฉัน

    “ชั้นนี้จะมีห้องทั้งหมดสามห้อง ห้องแรกคือห้องนั่งเล่นรวมของท่านทั้งสองอีกสองห้องคือห้องส่วนตัว กุญแจดอกสีทองที่ข้ามอบให้นายท่านเป็นกุญแจที่สามารถไขประตูทุกบานของอาณาจักรจำลองของพวกท่านได้ และเวลาห้าโมงตรง ข้าจะลั่นระฆังเพื่อเป็นการเตือนก่อนที่จะไปรับประธานอาหารค่ำมื้อแรก”

    เมื่อพูดจบอัสเทลก็โค้งตัวและจากไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบเบื้องหลัง คริสหันมามองเธอเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินเข้าประตูของตัวเองไป ส่วนอลิเซียก็มองสำรวจรอบๆ ก่อนจะมาหยุดที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่ที่หันไปทางหน้าต่าง

    “ฉันไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลย แทบไม่ต่างอะไรกับที่จากมา เพราะเจ้าคำตอบงี่เง่านั่นแน่ๆ เฮ้อ”อลิเซียถอนหายใจพลางทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้นวมตัวนั้น

    “ขอให้พรุ่งนี้มีคนมาท้าดวลข้าที่เถอะ ข้าจะได้ไปจากที่นี่”อลิเซียทอดสายตาออกไปยังวิวด้านนอก

    “คงยากที่จะมีคนมาท้าทายเจ้าสาวน้อย”อลิเซียเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นในหัวของนาง

    “อย่าตกใจไปสาวน้อย หากเจ้าร้องโวยวาย เดี๋ยวรูมเมทของเจ้าจะไม่พอใจนะ”

    “ท่านเป็นใคร”

    “ถ้าคำตอบในตอนนี้ ข้าก็ตอบได้ว่าข้านั้นก็คือเจ้าสาวน้อย เดินเข้าไปในห้องของเจ้าสิแล้วเราจะได้พบกัน”

    เมื่ออลิเซียเดินเข้ามาในห้องของเธอ สิ่งแรกที่วางอยู่บนเตียงคือห่อใส่สมบัติเปื้อนๆ ของเธอที่ช่างดูขัดกับเครื่องตกแต่งอันหรูหราโดยรอบ เธอเลิกชายมุ้งสีขาวที่ปักลูกไม้งดงามออกไปให้พ้นทางก่อนจะนั่งลงบนเตียงนั้น

    “เอาล่ะ เราจะเจอกันได้ยังไง”อลิเซียเอ่ย

    “เอนหลังแล้วหลับตาสิ”

    ****************************************************************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×