ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อลิเซีย แวนเวิร์ธ กับ พันธสัญญาอาถรรพ์

    ลำดับตอนที่ #4 : บุรุษลึกลับจากบาร์โธรี่

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 54


    “ใครไม่ลงชื่อก็ถอยไป อย่ามายืนเกะกะ”เสียงที่ดังก้องและดูเอาเรื่องของเจ้ากล้ามใหญ่ทำให้พวกที่มุงดูอยู่ถึงกับหน้าถอดสีและยอมถอยออกจากโต๊ะลงชื่อ แต่พอเจ้ากล้ามใหญ่ก้มลงมองสมุดตรงหน้าถึงกับหน้าถอดสี คราวนี้เป็นไลโอเนลที่เอามือดันเจ้านั่นออกไปจากสมุดลงชื่อ แล้วสีหน้าของไลโอเนลก็ตึงขึ้นเล็กน้อยทำให้อลิเซียซึ่งชะโงกหน้าไปดูบ้างก็ถึงบางอ้อ

    “คริส บาร์โธรี่”ไลโอเนลอ่านชื่อนั้นด้วยน้ำเสียงที่เบาแต่ก็ทำให้บางคนที่ยืนสงสัยอยู่ด้านหลังของทั้งสี่ถึงกับถอยกรูดออกไปจากแถว

    “คนใหญ่คนโตขนาดนี้เข้ามาเมื่อไหร่ทำไมพวกเราไม่เห็น”คราวนี้กลับเป็นอเล็กที่ตั้งคำถาม

    ส่วนคนที่รู้ดีว่าเข้ามาเมื่อไหร่ถึงกับปิดปากเงียบเพราะตกใจที่รู้ความจริงว่ารถที่ตัวเองอาศัยมาเป็นของใคร

    ตระกูลบาร์โธรี่ปกครองดินแดนบาร์โธรี่มาช้านาน ว่ากันว่าตระกูลนี้ไม่ใช่มนุษย์แต่มีรูปร่างภายนอกคล้ายกับมนุษย์มาก และต้องมีพลังและความโหดเหี้ยมมากๆ ถึงสามารถปกครองอาณาจักรที่ได้ชื่อว่าดินแดนหมื่นปิศาจนั้นมาได้อย่างยาวนาน การเข้ามาเรียนที่นี่ของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบุตรคนโตของตระกูลที่แสนโหดนี้ย่อมสร้างความหวั่นเกรงให้กับผู้สมัครไก่กาพวกนั้นได้ไม่ยาก

    “ถ้าลงชื่อก็จะได้ที่นั่งสอบต่อจากเขาใช่ไหม”

    อลิเซียคว้าปากกาขนนกที่อยู่ด้านข้างสมุดและเขียนชื่ออลิเซียน พาลิโอลงไป ฉับพลันตัวอักษรที่เขียนไปก็ละลายและรวมตัวกันใหม่เป็นคำว่าอลิเซีย แวนเวิร์ธ

    “จริงอย่างที่เขาบอกสินะว่าสมุดนี่ปลอมแปลงไม่ได้แต่ก็เป็นโชคดีของเธอที่ชื่อของเจ้านั่นมันเด่น ไม่มีใครสนใจเธอหรอก”ไลโอเนลพูดพร้อมเขียนชื่อตัวเองลงไปบ้าง

    “ไลโอเนล แลนด์นาร์ด”

    ส่วนคนต่อไปที่เงียบมาตลอดกลับทำท่าลังเลที่จะเขียนชื่อลงไป

    “เจ้าจะรู้ว่าจริงๆแล้วนามสกุลเจ้าคืออะไรเดวิด เจ้าหนังสือเล่มนี้จะบอกเจ้าเอง”

    เดวิดเดินเข้ามาแล้วเขียนชื่อของเขา ไม่เกินอึดใจนามสกุลของเขาก็ปรากฏขึ้น

    “เดวิด ฟอร์น”

    “เจ้าอาจจะเป็นพี่น้องกันนะ”อลิเซียพูด

    “ไม่หรอก”เสียงของคนที่เงียบมาตลอดปฏิเสธ พร้อมกับเหตุผลที่ว่าทำไมก็ปรากฏขึ้นทันทีหลังจากที่เขาเขียนคำว่าอเล็กไป

    “อเล็กซานเดอร์ เฟอร์นเทจ”

    “ว้าว ปีนี้มีแต่เรื่องน่าสนุกทั้งนั้น ปีนี้ข้าคงจะไม่เบื่อแน่ๆ”ไลโอเนลดีดนิ้ว

    สอบคัดเลือก

    หลังจากที่ทั้งสี่คนลงชื่อไปบนหนังสือนั่น ก็แทบไม่มีคนมาลงชื่ออีกเลย เรียกได้ว่าชื่อบาร์โธรี่นี่สามารถไล่แขกได้ทั้งโรงแรมจริงๆ แต่นับว่าเป็นโชคดีของอลิเซีย ที่ทุกคนมองข้ามชื่อจริงของเธอ สมัยนี้ข่าวสารเดินทางไวกว่าไฟลามทุ่ง หากมีคนรู้จักเห็นนามสกุลของเธอ ไม่เกินสองชั่วโมงต้องโดนท่านพ่อมาลากกลับเมืองแน่นอน

    ระหว่างที่นั่งรอเวลาแปดโมงครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาเริ่มทำข้อสอบ ข่าวลือก็ลอยไปมาข้ามหัวพวกเขาเกี่ยวกับคนจากตระกูลบาร์โธรี่ยิ่งทำให้เธอยิ่งมั่นใจในความปลอดภัยของเธอมากขึ้นว่าจะไม่มีใครสนใจเธอ เวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อถึงเวลาเสียงประกาศก็ดังขึ้น

    “ขอให้ผู้สมัครทุกท่านเดินไปหยิบป้ายหินสีขาวที่อยู่ตรงทางเข้าประตูหินอ่อนสีขาวด้านขวาและเดินเข้าไปนั่งที่ตามเลขที่ปรากฏ การสอบจะเริ่มขึ้นนับจากนี้เป็นต้นไป”ฉับพลันประตูหินแกรนิตสีดำซึ่งเป็นทางที่พวกเขาเข้ามาก็ปิดลงและประตูสีขาวก็เปิดขึ้น เกิดความโกลาหลเล็กน้อยในตอนแรก เพราะทุกคนพยายามแย่งกันเข้าไปเพื่อรีบทำข้อสอบในขณะที่ทั้งสี่คนและคนบางกลุ่มที่ยังนั่งเฉย รอให้ความชุลมุนเริ่มคลี่คลายพวกเขาจึงค่อยลุกขึ้น

    อลิเซียหยิบแผ่นหินขึ้นมาแผ่นหนึ่ง ตัวเลขสีทองจางๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้น 479

    “เกือบห้าร้อยแน่ะ เจ้าได้เลขอะไรกันบ้าง”

    ไลโอเนลได้เลขต่อจากเธอและตามด้วยเดวิดกับอเล็ก

    “แสดงว่าป้ายนี่คงตามลำดับการลงชื่อสินะ ขอให้โชคดีทุกคนนะ”อลิเซียอวยพรเพื่อนๆทุกคนก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสอบที่ตอนนี้ทุกคนเริ่มทำข้อสอบกันหมดแล้ว

    บรรยากาศของการสอบดูกดดันมากเมื่อมีคนที่อลิเซียเข้าใจว่าเป็นรุ่นพี่ยืนกระจายอยู่ทุกจุดของสนามสอบที่กว้างมาก โต๊ะแต่ละตัวของผู้สอบตั้งห่างกันหนึ่งเมตร ทำให้ลืมเรื่องการลอกไปได้เลย

    แต่ถ้าเลขเรียงกันนั่นก็หมายความว่าข้างหน้าเธอก็เป็นคนจากบาร์โธรี่น่ะสิ อาการเสียวสันหลังวาบแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว เธอมองไปที่ที่นั่งของเธอแล้วพบว่าที่ด้านหน้าเธอยังว่างเปล่าแสดงว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ยังไม่เข้ามาน่ะสิ

    อลิเซียรีบเดินไปนั่งที่ของตัวเองทันทีและทิ้งความคิดเกี่ยวกับคนจากตระกูลบาร์โธรี่ และเริ่มทำข้อสอบ

    เวลาในการทำข้อสอบคือสามชั่วโมงครึ่ง โดยดูจากนาฬิกาทรายเรือนยักษ์ด้านหน้า ทรายที่ไหลลงมาอย่างรวดเร็วทำให้อลิเซียไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่นนอกจากข้อสอบตรงหน้าและเดิมพันเพื่อการรับรองเข้าเรียนของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังเธอ เสียงลากปากกาขนนกที่ดังตลอดเวลาเป็นการตอกย้ำว่าไลโอเนลทำข้อสอบได้อย่างไม่ยากเย็น ในขณะที่เธอทำได้บ้างบางข้อ ส่วนข้อที่ทำไม่ได้ก็เว้นไว้ เมื่อเธอทำจนถึงข้อสุดท้ายคือข้อที่หนึ่งพัน และเปิดย้อนกลับไปดูกระดาษคำตอบปรากฏว่ายังว่างอยู่เกินครึ่งที่เธอไม่ได้ตอบ

    ปัญหาส่วนใหญ่ที่เธอตอบได้มักจะเกี่ยวกับอาวุธ ยาพิษ มารยาททางสังคม เวทย์มนต์เบื้องต้นและประวัติศาสตร์อาณาจักรแวนเวิร์ธ ส่วนอีกสิบห้าอาณาจักรเธอตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนพวกปัญหาตรรกะเชิงลึก การคำนวณสิ่งก่อสร้างและปัญหาการสงครามกลศึกการทหารเป็นสิ่งที่เธอตอบไม่ได้เลย เพราะคำถามพวกนี้ต้องมีความรู้ที่ลึกซึ้งจนถึงขั้นวิเคราะห์ปัญหาและสังเคราะห์ออกมาเป็นคำตอบได้ เวลาในนาฬิกาทรายก็เหลือน้อยลงทุกที แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

    ในข้อที่ดูจะต้องยอมแพ้และส่งกระดาษเปล่า หมึกจากปลายปากกาขนนกของเธอก็ค่อยๆ ไหลทะลักออกมาจากปากการ และลอยอยู่เหนือข้อสอบเล็กน้อย ก่อนจะก่อตัวเป็นตัวอักษรมากมายเหนือกระดาษคำตอบ โดยสิ่งที่เธอเดาว่าเป็นเฉลยนี้ลอยล่องอยู่เหนือข้อสอบทั้งข้อที่เธอทำแล้วและยังไม่ทำ เพื่อให้แน่ใจเธอจึงจัดการตรวจสอบเฉลยนี้กับคำตอบที่เธอคิดว่ามั่นใจที่สุดหลายๆข้อ

    “ตรงหมดเลย” อลิเซียกัดฟันแน่นพลางมองซ้ายมองขวาเหมือนจะหาต้นตอของคนที่สร้างเรื่องตลกนี้ แต่ทุกสิ่งก็ยังคงดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น รุ่นพี่ที่คอยคุมสอบที่ยืนอยู่ข้างเธอหันมาสบตาเธอก่อนจะทำหน้าดุ แต่เป็นการยืนยันว่าเขาไม่เห็นเฉลยที่ลอยอยู่นี่แน่นอน หรือนี่จะเป็นการทดสอบคุณธรรมของโรงเรียนนี้ แต่คนรอบตัวไม่มีใครมีอาการงุนงงเหมือนเธอเลย แล้วสายตาของเธอก็ดันค้นพบแผ่นหลังของชายชุดดำที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ

    คนของบาร์โธรี่ เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่ทำข้อสอบกลับนอนฟุบอยู่กับโต๊ะแทน แต่ความสนใจของเธอก็กลับมาที่เจ้าเฉลยที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือข้อสอบอีกครั้ง ก่อนที่จะแปะตัวเองเข้ากับกระดาษคำตอบในข้อที่ยังไม่มีคำตอบ

    อลิเซียใช้ช่วงเวลาที่เหลือน้อยนิด พยายามลบคำตอบที่เธอไม่ได้เติมจากกระดาษ โดยการใช้ปากกาขีดฆ่าคำตอบนั้น แต่เหมือนหมึกทั้งหมดได้ลอยออกมาจากปากกาหมดแล้ว เมื่อทรายเม็ดสุดท้ายร่วงหล่นปากกาขนนกในมือกับข้อสอบก็อันตรธานหายไป

    “ขอให้ทุกท่านนั่งอยู่กับที่ จะมีอาหารเสิร์ฟให้กับท่านที่โต๊ะ ระหว่างที่รอผลการทดสอบ ขอความกรุณาอีกครั้งว่าให้นั่งอยู่กับที่และงดสนทนา”เมื่อสิ้นเสียงประกาศความเงียบก็เข้ามาแทนที่

    เมื่อถูกสั่งให้เงียบคนไม่มีอะไรทำอย่างอลิเซียก็เริ่มสำรวจพื้นที่นี้ด้วยสายตา ความโอ่โถงและหรูหราที่เธอไม่ได้สังเกตในตอนแรกเพราะมัวแต่รีบเข้ามาสอบ บนเพดานมีรูปวาดที่งดงามของเด็กหญิงและเด็กชายที่ชี้ชวนกันเล่นท่ามกลางหมู่เมฆสีทอง ตามผนังก็มีรูปของบุคคลที่มีชื่อเสียงในอดีตซึ่งอลิเซียคิดเอาเองว่าน่าจะเคยศึกษาที่นี่ก่อนที่จะออกไปสร้างชื่อเสียง อลิเซียกวาดสายตาไปยังประตูสีขาวด้านขวาที่เธอเคยเดินผ่านเข้ามา

    ทันใดนั้นประตูสีขาวบานนั้นก็เปิดออก ถาดใส่อาหารนับร้อยถาดลอยเรียงแถวเข้ามาอย่างเป็นระเบียบและแยกเป็นแถวย่อยเพื่อเข้าถึงนักเรียนทุกคน ถาดสีเงินถาดหนึ่งลอยมาตรงหน้าของอลิเซียและลงจอดอย่างสงบนิ่งบนโต๊ะอลิเซียซึ่งนั่งอยู่แถวขวาสุดมองไปทางด้านซ้ายด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าอาหารของคนอื่นหน้าตาเป็นอย่างไร

    คนที่นั่งทางซ้ายของเธอเปิดฝาออกเผยให้เห็นข้าวราดด้วยแกงกะหรี่ธรรมดา แต่ดูท่าทางเขาจะตื่นตาตื่นใจกับของตรงหน้ามาก อาจเป็นเพราะเค้าน่าจะมาจากครอบครัวที่ยากจนอลิเซียคิดเมื่อพิจารณาเสื้อที่ซีดเก่าและมีรอยปะแทบทั้งตัว แต่คนด้านหลังของชายคนนั้นกลับเป็นไก่งวงอบตัวอ้วนใหญ่พร้อมไวน์หนึ่งแก้ว ความไม่เท่าเทียมกันนี้ทำให้อลิเซียย่นคิ้ว ส่วนคนที่อยู่ด้านหลังเธอไลโอเนล ในจานของเขาเป็นบุยยาอาหารประจำอาณาจักร

    อลิเซียนึกสนุกจึงยกมือขึ้นเพื่อเรียกคนที่ยืนคุมสอบใกล้ๆ เข้ามาพร้อมกับกระซิบว่าอยากเข้าห้องน้ำ คนคุมสอบกลับส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่เมื่ออลิเซียย้ำอีกทีว่าฉุกเฉินแล้วจริงๆ เขาจึงยอมพาเธอไปห้องน้ำซึ่งตั้งอยู่ด้านนอกห้องนี้ โดยคนที่คุมเธอมาเข้าห้องน้ำมีถึงสามคน อลิเซียใช้เวลาเล็กน้อยในห้องน้ำเพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัยก่อนจะออกมา

    จุดประสงค์ที่แท้จริงคืออยากเห็นอาหารของแต่ละคนว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไรบ้างแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน และเธอก็ไม่ผิดหวังเมื่อเห็นอาหารที่แตกต่างกันเต็มไปหมด แต่ละคนมีอาหารที่แตกต่างกัน บางจานก็เป็นอาหารชั้นเลิศที่เธอเคยกินมาบ้างแล้ว บางจานก็เป็นอาหารที่ดูธรรมดาเช่นขนมปังกับนมสดหนึ่งแก้ว และมาถึงจานที่เธออยากเห็นที่สุด จานของคนด้านหน้าเธอ แต่เธอก็ต้องผิดหวังเมื่อจานของชายคนนั้นว่างเปล่าราวกับไม่เคยมีอะไรอยู่ที่นั่น

    แต่คราวนี้อลิเซียได้เห็นหน้าชัดๆ ของคนจากบาร์โธรี่ ดวงตาสีดำที่ดูเฉยชาไร้อารมณ์ความรู้สึก แม้จะเห็นว่าเขามองตรงไปด้านหน้าแต่ก็ไม่สามารถเดาได้ว่ามองอะไรอยู่ เมื่อมองโดยรวมถือว่าหน้าคมปนน่ากลัว เป็นคนที่หล่อแต่นึกใบหน้าตอนยิ้มไม่ออกว่าถ้ายิ้มจะเป็นยังไง ดูไม่สนใจสิ่งรอบตัวแม้แต่น้อย

    แม้มองเพียงครั้งเดียวและช่วงเวลาสั้นๆ แต่ใบหน้านั้นกลับติดตราอยู่ในห้วงความคิดของอลิเซียอยู่พักหนึ่ง เธอก้มลงมองถาดเงินตรงหน้าที่ยังไม่ได้เปิดฝา หลังจากเดินดูอาหารของคนนู้นคนนี้ทำให้เธอรู้สึกอิ่มอย่างประหลาด ตอนนี้ขอน้ำสักแก้วที่กินแล้วสดชื่นไปทั้งวันก็คงจะดีกว่าอาหารจานหนัก

    และเมื่อเปิดออกมาก็เป็นไปอย่างที่คิด แก้วน้ำที่ทำมาจากน้ำแข็งและถูกแกะสลักอย่างสวยงาม ส่วนน้ำที่อยู่ในแก้วก็ดูสะอาดบริสุทธิ์มาก อลิเซียยกขึ้นมาดื่มรวดเดียวครึ่งแก้ว แล้วก็ต้องพบกับความสดชื่นที่ไม่เคยได้รับจากน้ำที่ไหนมาก่อน ส่วนน้ำในแก้วก็เติมตัวเองจนเต็มแก้วอีกครั้ง

    เวลาแห่งการตรวจข้อสอบผ่านไปอย่างเชื่องช้า เมื่อบางคนทานอาหารเสร็จถาดเงินตรงหน้าก็อันตรธานหายไปเหมือนกับข้อสอบ แต่ของอลิเซียยังคงอยู่ เธอรื่นรมย์กับการกินน้ำที่สะอาดสดชื่นนี้เรื่อยๆ อย่างไม่มีวันเบื่อแต่แล้วเวลาแห่งความสุขก็หยุดลงเมื่อเสียงประกาศดังขึ้น

    “ข้อสอบทั้งหมดถูกตรวจจนเสร็จแล้ว ต่อไปนี้จะเป็นการเรียกตัวผู้ที่ทำข้อสอบผ่านเกณฑ์จำนวนห้าสิบคน โดยเรียกจากผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด ขอให้หมายเลขที่ถูกเรียกเดินไปยังประตูสีขาวที่อยู่ทางด้านซ้ายเพื่อไปยังห้องถัดไป”

    นั่นหมายความว่าแม้จะทำข้อสอบผ่าน แต่ถ้าไม่อยู่ในห้าสิบอันดับแรกก็แห้วรับประทาน

    “ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 1,000 คะแนน หมายเลข 478”ทุกๆ สายตาหันมามองที่คนตรงหน้าของเธอ ชายผู้ที่ทำลายสถิติข้อสอบที่ไม่เคยมีใครทำได้เต็มก็ยืนขึ้นและเดินอย่างสง่างามไปยังประตูด้านซ้ายที่เปิดรอท่าไว้ เสียงปรบมือที่ดังช้าไปเล็กน้อยก็เริ่มดังขึ้นเมื่อท่านชายจากบาร์โธรี่เดินไปได้ครึ่งทาง

    อลิเซียถอนหายใจเล็กน้อยที่ไม่มีการประกาศชื่อแต่เธอก็ต้องตกใจจนแทบตกจากเก้าอี้เมื่อได้ยินลำดับต่อไป

    “ผู้ที่ได้คะแนนอันดับที่ 2 ได้ 995 คะแนนหมายเลข 479”อลิเซียลุกขึ้นยืนอย่างเงอะงะและเผลอทำเก้าอี้ล้ม แต่ก็ไม่มีใครในที่นั้นหัวเราะ มีเพียงเสียงปรบมือที่ทำหน้าที่ของมัน และเมื่ออลิเซียเดินมาถึงประตูเสียงประกาศก็ดังขึ้นอีกครั้ง

    “ผู้ที่ได้คะแนนอันดับที่ 3 มีสองคนได้ 990 คะแนนหมายเลข 480 และหมายเลข 482

    เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งเมื่อไลโอเนลลุกขึ้นพร้อมกับอเล็ก อลิเซียแอบชำเลืองมองทั้งคู่ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องอีกห้อง

    ห้องนี้ต่างจากห้องสอบเมื่อครู่ ห้องนี้เล็กกว่า แต่ก็ดูน่าจะสบายๆ สำหรับคนแค่ห้าสิบคน เก้าอีกนวมห้าสิบตัวถูกวางเรียงไว้หน้าเตาผิงหินแกรนิตที่ถูกแกะสลักอย่างงดงามเป็นรูปเถาไม้เลื้อยเกี่ยวกระหวัดกับดาบเล่มยาว

    คนที่เข้ามาก่อนเธอนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวหน้าสุดด้านซ้าย

    “ขออภัยนะคะ ที่นั่งของท่านอยู่ด้านนี้กรุณาตามข้ามา”เสียงของหญิงสาวที่อยู่ในชุดสาวใช้ทำให้อลิเซียสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเดินตามมานั่งที่เก้าอี้นวมที่อยู่ด้านข้างของคนจากบาร์โธรี่

    “สวัสดี ฉันชื่ออลิเซียมาจากอาณาจักรแวนเวิร์ธ ต้องขอบคุณท่านมากที่ให้ข้าติดรถมาด้วย ไม่อย่างนั้นข้าคงมาสอบไม่ทัน”

    ดวงตาสีนิลกาฬนั้นหันมาทางเธอ แต่อ่านไม่ออกว่าเขากำลังมองเธอหรือมองลึกเข้าไปในความคิดของเธอกันแน่

    “ไม่เป็นไร มันไม่ได้ลำบากอะไร”

    “นายชื่ออะไรเหรอ”

    “คริส”

    ยังไม่ทันที่จะมีบทสนทนาอื่นๆ ชายสองคนที่ได้ที่สามก็เดินเข้ามาในห้องและนั่งตรงเก้าอี้ถัดจากเธอตามคำเชิญของคุณเมดคนเดิม

    “เธอชนะพนันนะอลิเซีย เธอทำได้ยังไง”ไลโอเนลพูด

    “คือฉัน”อลิเซียอ้ำอึ้งกับชัยชนะที่ไม่ได้มาจากเธอ

    “สวัสดี ท่านชายจากบาร์โธรี่”ไลโอเนลเอ่ยทักทายคนที่อยู่ข้างตัวฉัน คนถูกทักเพียงหันหน้ามาเล็กน้อยแล้วพยักหน้านิดๆ เหมือนจะบอกว่ารับรู้แล้ว

    “หยิ่งกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”ไลโอเนลแกล้งแซว

    อยู่ๆ อลิเซียก็ขนลุกซู่ขึ้นมา ความรู้สึกน่ากลัวราวกับว่าความตายอยู่ตรงหน้าถูกแผ่ออกมาจากท่านชายจากบาร์โธรี่ทำให้คนลำดับที่สามทั้งสี่คนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาถึงกับหยุดเดินและถอยหลังเล็กน้อย

    “อย่าโมโหน่า ก็แค่แซวเล่นเท่านั้น นายนี่น่าสนใจจริงๆ”

    ดวงตาสีดำที่อ่านความหมายไม่ออกนั้นละสายตาจากไลโอเนลไปจ้องมองเตาผิงด้านหน้าแทน ทำให้คนที่ได้ที่สามทั้งสี่คนกล้าที่จะก้าวขาเข้ามานั่งข้างๆ อเล็ก

    อลิเซียเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าคนที่เพิ่งเข้ามีผู้หญิงที่ขี่มังกรวารีรวมอยู่ด้วย เมื่อมองในระยะใกล้ ทำให้อลิเซียรู้ว่านี่คือเจ้าหญิงจากอาณาจักรโอเชนเซีย อาณาจักรแห่งทะเลแดนใต้ที่มีสินค้าส่งออกหลักเป็นผลิตภัณฑ์หลัก และรุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมและการร่ายรำที่งดงาม อาณาจักรนี้จะถูกปกครองด้วยผู้หญิงเป็นหลัก และเจ้าหญิงคนนี้ก็เป็นว่าที่ราชินีคนต่อไปเสียด้วย เจ้าหญิงแอนเรียส

    ส่วนคนที่เหลืออีกสามคนอลิเซียคุ้นหน้าแต่จำชื่อไม่ได้ ไม่นานคนทั้งหลายก็ทยอยเข้ามาในห้องจนครบห้าสิบคน เสียงกระซิบกระซาบเพื่อทำความรู้จักดังขึ้นรอบตัว เว้นแต่พวกอลิเซียที่รู้จักกันมาก่อนแล้วและไม่ได้สนใจจะคุยอะไรกันนัก ส่วนคนได้ที่หนึ่งนั้นยังคงนิ่งอย่างที่เคยนิ่ง

    เมื่อประตูสีขาวปิดลง ไฟจากเตาผิงก็ลุกโชนกว่าเดิมและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต เรียกความสนใจจากทุกคนได้ชะงัดนัก ไม่นานก็ปรากฏร่างของสุภาพสตรีใส่ชุดสีเขียวมรกตที่ดูสดกว่าสีเปลวไฟเล็กน้อย

    *****************************************************************************************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×