คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ถูกจับได้
“ขอโทษนะ แต่นายเข้ามาผิดห้องแล้ว”อลิเซียออกตัวไปเพราะไม่แน่ใจว่าเธออาจจะลืมล็อคห้องก่อนลงไปกินอาหาร
“ถึงแม้ว่าวันที่พระจันทร์เต็มดวงจะเป็นวันมะรืนนี้ แต่แสงจันทร์ของที่นี่ก็ยังถือว่าสวยทีเดียว แต่คงสู้สโนวแลนด์ไม่ได้”
สโนวแลนด์ อลิเซียทวนคำนี้ในห้วงความคิด และเธอเองก็เลือกที่จะเงียบเพื่อรอดูท่าทีดีกว่า เพราะอย่างน้อยตอนนี้รูปกายภายนอกของเธอก็ยังเป็นชายเพราะอำนาจจากแหวน ไม่มีทางที่เขาจะรู้ว่าเป็นผู้หญิง เธอกุมมือข้างที่ใส่แหวนไว้เหมือนจะหาความมั่นใจจากมัน
“แม่ข้าพยายามอย่างมากเพื่อที่จะให้ข้ามาส่งท่านเพื่อเยี่ยมราชินีแห่งแวนเวิร์ธ ก่อนที่ข้าจะไปมิเอลทินาร์ ข้าเองก็คิดอยู่แล้วว่าจะต้องมีอะไร”
ไลโอเนลขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ละสายตาจากดวงจันทร์
“การหมั้นหมายนั้นจึงไม่ใช่ความคิดของข้าแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นท่านจงคลายความกังวลนั่นและกลับไปที่ปราสาทดีกว่าเจ้าหญิงน้อย”
“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง”อลิเซียตั้งคำถาม
“ม้าของท่านเป็นหนึ่งในของขวัญจากสโนวแลนด์เผื่อท่านจะลืมไป เพราะฉะนั้นการแกะรอยมันจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า”
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นใคร”
“โลกของท่านช่างแคบนัก แหวนอเลนอร์นั่นสำหรับข้ามันคือของเล่นเด็กเท่านั้น สิ่งที่แหวนนั้นสร้างขึ้นไม่มีผลใดๆต่อสายตาของข้า ซึ่งไม่ใช่ความผิดของท่านที่จะไม่รู้ หญิงสาวไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในด้านนี้มากนัก”
“อย่าดูถูกข้า”
“ถึงเวลากลับบ้านแล้ว ข้าเองก็ต้องเดินทางต่อเช่นเดียวกับเจ้าสองคนนั่น เมืองมิเอลทาเนียแม้จะอยู่ติดกับอาณาจักรแห่งนี้ แต่การเดินทางก็ต้องใช้เวลา เพราะข้าต้องกลับไปส่งเจ้าที่ปราสาทและเดินทางย้อนกลับมาที่นี่ รีบเก็บของของเจ้า ข้าจะได้รีบเดินทางต่อ”
อลิเซียจ้องมองไปยังคนตรงหน้าที่คุยกับเธอโดยที่ไม่ละสายตาจากดวงจันทร์ เธอถอดแหวนอเลนอร์ออกจากนิ้ว ร่างกายของเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลงกลับเป็นเหมือนเดิม คนตรงหน้าจึงหันมามองเธอ
“เก็บของได้แล้วเจ้าหญิง”ไลโอเนลย้ำอีกที
“ให้ข้าไปที่นั่นกับท่านด้วยได้ไหม”
“หลงรักข้าจนอยากติดตามข้าไปอย่างนั้นเหรอเจ้าหญิง”อลิเซียย่นจมูกขึ้นพลางนึกว่าในใจว่าคนอะไรหลงตัวเอง
“ไม่ใช่ ข้าแค่ไม่อยากกลับไปเป็นเจ้าหญิง ข้ารู้มาว่าหากสามารถสอบติดที่มิเอลทินาร์ได้แล้ว ถือว่าจะมีพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์และจะต้องเข้าศึกษาที่นั่น”
“ใช่ แต่เจ้าลืมกฎอยู่ข้อหนึ่ง ที่นั่นไม่ต้อนรับคนที่ไม่มีที่มาที่ไป ข้าเชื่อว่าพ่อเจ้าคงไม่ยอมรับรองให้แน่ๆ”
“งั้นท่านก็รับรองให้ข้าได้ไหม”
ชายหนุ่มตรงหน้าถึงกับขมวดคิ้ว
“แล้วข้าจะรับรองเจ้าในฐานะอะไรล่ะ”
“น้องสาวบุญธรรม”
“เจ้าไม่คิดว่าพูดจาเอาแต่ได้ไปหน่อยหรือไงท่านหญิงน้อย เจ้ามีอะไรมาตอบแทนข้าล่ะ”
“เมื่อกี้ท่านบอกว่าเบื่อใช่ไหม ข้าจะแก้เบื่อให้ท่านเอง”
“แล้วเจ้ารู้เหรอว่าจะต้องทำยังไง”
“ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ยังไงล่ะ อย่างเช่น หนีท่านพ่อไปสอบได้และรู้ว่าที่ท่านมองเห็นร่างจริงข้าเพราะท่านครอบครองดาบทลายมายา ดาบที่ท่านชักออกมาด้านล่างนั่น”
ไลโอเนลขมวดคิ้วเล็กน้อย จริงอยู่ว่าดาบที่มีพลังอำนาจจะมีลักษณะที่แตกต่างจากดาบทั่วไป แต่การบอกชื่อดาบจากลักษณะภายนอกเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ส่วนใหญ่คนจะรู้ก็ต่อเมื่อมันแสดงอำนาจให้เห็นเท่านั้น
“งั้นท่านคงรู้สินะว่าข้อสอบเข้าของมิเอลทินาร์ไม่ธรรมดา”
“ก็พอรู้มาบ้าง”
“คะแนนสอบจะออกหลังจากหมดเวลาทำข้อสอบหนึ่งชั่วโมง ถ้าคะแนนเจ้าออกมาเยอะกว่าข้า ข้าจะรับรองการสมัครให้เจ้า”
อลิเซียยิ้มกว้างทันที แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อได้ยินเงื่อนไขต่อมา
“แต่การจะแก้เบื่อให้ข้ามันต้องยากกว่านั้นนิดหน่อย เจ้าจะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ข้าจะไปส่งเจ้าให้กับพระราชาที่ปราสาทของเจ้า ท่านคงจะยินดีที่เจ้าหญิงน้อยกลับวังและน่าจะเพิ่มการดูแลเป็นพิเศษ หวังว่าท่านคงจะไปทันเวลาสอบนะ”ไลโอเนลยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องไป
อลิเซียรีบเก็บข้าวของของตัวเองทันทีโดยถือว่ายิ่งกลับไปเร็วก็จะยิ่งมีเวลาหนีได้มากขึ้น ท่านพ่อกับท่านแม่ต้องแทบจะจับขังกรงแน่นอน
และเป็นจริงตามคาด เมื่อเจ้าชายไลโอเนลพาเธอไปส่งที่หน้าปราสาทซึ่งมีเจ้าหญิงฟรีเซียซึ่งเป็นพระธิดาองค์โตออกมารอรับพร้อมกับพระราชา
“ขอบคุณมากไลโอเนล ที่นอกจากไม่ถือโทษการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบของลูกสาวเราแล้ว ยังจะสละเวลาไปตามหาให้อีก ทั้งๆที่เจ้ากำลังยุ่งกับการเตรียมตัวสอบเข้ามิเอลทินาร์”
“ไม่ถือเป็นการรบกวนแต่อย่างใด เพราะการมาของข้าทำให้เจ้าหญิงตกใจ ที่ข้าไปต้องออกไปตามหาก็เป็นสิ่งที่ข้าต้องรับผิดชอบเช่นกัน อย่างไรข้าก็ขอทูลลาไว้ตรงนี้เพราะวันพรุ่งนี้ตอนหกโมงเช้าจะเริ่มการรับสมัครของมิเอลทินาร์ หากไปสายกว่าแปดโมงเช้าจะสมัครไม่ทัน”
“กล่าวลาท่านไลโอเนลซะสิลูก”
“ข้าต้องขอบคุณสำหรับทุกอย่างจากท่านในวันนี้ ถ้ามีโอกาสข้าจะตอบแทนทุกอย่างคืนท่านอย่างแน่นอน”อลิเซียพูดด้วยเสียงนิ่งเรียบ
“ขอให้โชคดีนะไลโอเนล”พระราชาแห่งอาณาจักรอวยพรให้กับเจ้าชายจากสโนวแลนด์อีกครั้ง ก่อนที่เจ้าชายจะโค้งคำนับและขึ้นม้าจากไป
เมื่อเจ้าชายจากไปแล้ว พระราชาจึงหันกลับมาหาอลิเซียที่ยืนก้มหน้ารอรับโทษ
“เจ้าคิดว่าจะทำอย่างไรกับความผิดของตัวเองล่ะอลิเซีย”พระราชาถามด้วยน้ำเสียงเรียบแต่มีความนัยแฝงมาอย่างลึกซึ้ง
“ข้าจะขังตัวเองในหอสำนึกผิดเป็นเวลาสามวันค่ะ”
พระราชาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“เดือนหนึ่ง เจ้าจะต้องอยู่ในนั้นเดือนหนึ่ง ฟรีเซียพาน้องของเจ้าไป”
องค์หญิงฟรีเซียเดินมาโอบไหล่น้องสาวและพาเดินไปยังหอคอยที่สูงที่สุดของปราสาท ที่ชั้นสูงสุดของหอคอยมีลักษณะคล้ายห้องขัง ที่หน้าต่างมีการติดเหล็กดัดลวดลายงดงาม ประตูทางเข้าไม่มีลูกบิดกุญแจ เพราะจะต้องดันเข้าจากด้านนอกเท่านั้นเพราะได้รับการลงมนตราไว้ ส่วนคนที่อยู่ในนี้จะมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องกินข้าวกินน้ำเพราะอำนาจมนตราอีกเช่นกัน เพราะฉะนั้นเมื่อถูกขังอยู่ในนี้จะไม่สามารถติดต่อใครที่อยู่ข้างนอกได้อีก
“พวกพี่จะพยายามเกลี้ยกล่อมให้ท่านพ่อกับท่านแม่ใจอ่อน รับรองว่าน้องจะไม่ต้องอยู่ที่นี่นานเกินกว่าหนึ่งอาทิตย์”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะท่านพี่ นี่เป็นสิ่งที่น้องต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง น้องฝากจดหมายนี่ไว้ที่ท่านพี่เพื่อให้ท่านพ่อกับท่านแม่เมื่อเวลาผ่านไปสองอาทิตย์ได้ไหมคะ”
“ทำไมต้องสองอาทิตย์ล่ะอลิเซีย”
“รับปากน้องนะคะท่านพี่ ได้โปรด”องค์หญิงฟรีเซียพยักหน้าและรับจดหมายมาจากมือของน้องสาวโดยดี ก่อนจะมองดูน้องสาวของตัวเองเปิดประตูมนตราและเดินเข้าไปอย่างสงบเสงี่ยมจนผิดปกติ
อลิเซียนั่งนิ่งอยู่ภายในห้อง เฝ้าคำนวณเวลาจากการเคลื่อนที่ของพระจันทร์ เมื่อเวลาผ่านไปสักสามชั่วโมงเธอจึงเริ่มขยับเขยื้อน
“อีกหนึ่งชั่วโมงพระอาทิตย์จะขึ้นแล้วต้องรีบหน่อย”
อลิเซียหยิบห่อสี่น้ำตาลที่เธอหิ้วมาด้วยจากโรงเตี๊ยม กุญแจชั้นเยี่ยมที่จะทำให้เธอออกไปจากที่นี่ ดาบทลายมายา ดาบที่สามารถทำลายมนตราขั้นแรกได้ และถ้าเธอจำไม่ผิด
ฉับ เมื่อปลายดาบสัมผัสกับประตูมนตรา ส่งผลให้ประตูนั้นเปิดออกอย่างง่ายดาย เธอวางหุ่นพยนต์ที่เธอผูกเองไว้บนเตียง จัดท่าทางให้นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ถึงแม้ฝีมือจะยังไม่ดี หากมองในระยะไกลและจากทิศทางที่ย้อนแสง มันก็ดูเหมือนตัวเธอจริงๆ นั่งอยู่บนเตียง
เมื่อจัดทุกอย่างเสร็จขั้นต่อไปคือลักลอบออกนอกปราสาท ด้วยความซุกซนขององค์หญิงที่มีมาตั้งแต่ยังเด็กทำให้รู้ช่องทางหลบหลีกทหารเวรยามในปราสาทได้อย่างดีเยี่ยมและด่านสุดท้าย คอกม้า
การจะเอาธันเดอร์ไปด้วย มันก็เหมือนกับการขึ้นป้ายประกาศไว้ว่าเธอหนีออกจากปราสาท เธอจึงตัดใจเลือกเอาม้าสีน้ำตาลที่ปกติทำหน้าที่ลากรถไปแทน ผงนิทราห่อเล็กๆ ถูกเป่าใส่คุณลุงที่เฝ้าเวรคอกม้า
แผนทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวถ้าไม่ติดที่ร่างสูงระหงของใครบางคนที่ยืนรออยู่ที่หน้าคอกม้า
“พี่ฟรีเซีย”
“พี่กะแล้วว่าเจ้าจะต้องหนีอีก จะทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่เหนื่อยใจไปถึงไหนอลิเซีย”
“หลีกทางให้ข้าเถอะพี่”
“เจ้ากำลังจะไปสอบเข้ามิเอลทินาร์จริงๆ น่ะหรือ”
“พี่อ่านจดหมายนั่น”องค์หญิงฟรีเซียพยักหน้าเล็กน้อย
“พ่อไม่มีวันรับรองให้กับเจ้า นั่นไม่ใช่ที่สำหรับราชนิกูลหญิง มันเป็นที่ของพวกอัศวิน ของขุนนาง หรือพวกเจ้าชาย แต่ไม่ใช่ที่ของเจ้าอลิซ”องค์หญิงฟรีเซียเดินมาจับบ่าของน้องสาว
“ถ้าข้าเกิดเป็นชายซะเรื่องราวก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ ข้าไม่อยากเป็นเจ้าหญิงตัวข้าเองก็ไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างพวกท่าน ข้าไม่อยากนั่งปักผ้ารอวันให้มีคนมาชี้เลือกไปเป็นภรรยาทั้งที่เขาไม่ได้รักที่ตัวข้าแต่รักที่ข้าเป็นเจ้าหญิง เมื่อไปเป็นภรรยาก็ต้องอยู่กับบ้านไปตลอดชีวิต ข้าอยากเห็นโลกท่านพี่ ข้าอยากผจญภัย”
“หนังสือและความรู้พวกนั้นกำลังทำร้ายเจ้าอลิซ เจ้ากำลังอยากจะเป็นในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริง”
“ข้ารู้ว่าท่านพี่เองก็ไม่ได้ยินดีกับการหมั้นหมายที่ท่านแม่จัดการ พี่ไม่เคยเห็นหน้าหมอนั่นสักครั้ง แต่พี่ก็ยังไม่ปฏิเสธ ทำไมท่านพี่ต้องทน”
“มันเป็นหน้าที่ หน้าที่ที่พวกเราต้องแบกรับอลิเซีย เจ้าชายเอริคเป็นว่าที่กษัตริย์แห่งอาณาจักรคัลเลนซึ่งอยู่ติดกับเรา พี่ต้องทำเพื่ออาณาจักร”
“แต่ข้าทำไม่ได้ ได้โปรดช่วยข้าทีท่านพี่”ฟรีเซียมองน้องสาวของเธอด้วยสายตาที่ประเมินไม่ถูก
“ข้าสามารถปกปิดให้เจ้าได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น ตามกำหนดโทษของเจ้า ข้าจะเป็นคนอาสามาเฝ้าดูเจ้าเอง แต่หลังจากนั้น”
“ขอบคุณท่านพี่ ขอบคุณมากค่ะ แค่เดือนเดียวมันมากพอแล้วจริง”อลิเซียกอดพี่สาวของตัวเองแน่น
“แต่เรื่องหนังสือรับรอง พี่คงจะช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”
“ไม่เป็นไร ที่เหลือข้าจะจัดการเอง”
“รักษาตัวให้ดีน้องพี่ ส่งข่าวมาหาพี่บ้างถ้าเจ้าทำได้”
อลิเซียพยักหน้าก่อนที่จะขึ้นหลังม้าสวมแหวนอเลนอร์เพื่อแปลงเป็นชายก่อนที่จะควบม้าออกไปทางประตูหลังของปราสาท โดยมีสายตาของผู้ที่เป็นพี่สาวมองตามอย่างห่วงใยพร้อมกับคำพูดที่แผ่วเบา
“เจ้าไม่ได้ไม่สวยงามอย่างที่เจ้าคิดหรอกอลิซ เจ้าก็เป็นเหมือนเพชรที่ยังไม่ได้รับการเจียระไนเท่านั้น”
เมื่อเธอออกเดินทางมาได้ครึ่งทางเจ้าม้าแก่ที่เธอควบมาเริ่มสั่นสะท้านเพราะหมดแรง เธอจึงต้องลงเดินและปลดสัมภาระ ก่อนจะปล่อยมันให้เป็นอิสระ
“ใช้ชีวิตบั้นปลายของเจ้าที่ป่านี่เถิด ข้าขอโทษที่ใช้งานเจ้าหนักเกินไป”
เมื่อเธอปล่อยม้าไปแล้ว ทางที่เหลือข้างหน้าจึงต้องอาศัยขาของตัวเอง แต่โชคยังเข้าข้างนางเมื่อเดินไปได้สักชั่วโมง ขบวนรถม้าสีดำสนิทก็ปรากฏขึ้นด้านหลังและมุ่งมาทางเธอ
**************************************************************************************************
ความคิดเห็น