ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อลิเซีย แวนเวิร์ธ กับ พันธสัญญาอาถรรพ์

    ลำดับตอนที่ #14 : สาส์นท้ารบในงานเลี้ยง

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 54


    ตอนนี้ห้องสมุดของปราสาทปีหนึ่งถูกแปลงโฉมเป็นห้องประชุมขนาดเล็ก โต๊ะที่มีแบบจำลองของสนามรบทั้งห้าอาณาจักรถูกวางไว้ตรงกลางซึ่งถูกล้อมรอบด้วยผู้เข้าประชุมขาดเพียงแต่อลิเซียคนเดียวเท่านั้นที่ถูกห้ามเข้าประชุม

    “การทำสงครามครั้งนี้แม้จะเป็นสงครามจำลอง แต่เมื่อต้องสู้ก็จะต้องชนะ คราวนี้เราจะต้องทำสงครามหลายด้านกับทุกเมือง ไลโอเนลจะเป็นคนอธิบายขั้นตอนทั้งหมด”เมื่อพูดจบคริสก็ถอยหลังกลับไปนั่งที่เก้าอี้ข้างอลิเซีย ปล่อยให้ไลโอเนลพูดแผนทั้งหมดต่อ

     “การจะชนะสงครามได้จะต้องชิงธงของทั้งสี่อาณาจักร โดยแต่ละอาณาจักรจะมีธงอยู่สองผืน ผืนแรกจะถูกซ่อนอยู่ที่สนามรบ หากชิงได้เราจะได้เมืองนั้นเป็นเมืองขึ้นทันที แต่หากถูกจับได้กลางสนามรบจะถูกจับเป็นเชลย และธงผืนที่สองอาจถูกซ่อนไว้ที่ไหนก็ได้โดยคิงของอาณาจักร แต่ธงนั้นไม่ค่อยหน้าสนใจเท่าไหร่ เพราะจะมีผลแค่คนที่ตกเป็นเมืองขึ้นเท่านั้น หากคนที่ตกเป็นเมืองขึ้นสามารถชิงธงนั้นได้ก็จะเป็นอิสระ ใครคือคนที่รับตำแหน่งทูต”

    “มาจากที่เดียวกับซาเรสเหรอ แต่ข้าจำได้ว่าอาทิตย์ที่แล้วทูตไม่ใช่เจ้านี่นา”

    “ข้าเพิ่งได้รับชัยชนะจากการประลองมาครับ ท่านอลิเซีย”

    “หลังจากนี้เจ้างดรับคำท้าประลองสักระยะนะ ถ้าใครมาท้าเจ้าบอกให้ไปท้าคิงเลย ตกลงนะ”ไลโอเนลพูด

    “ข้าคิดว่าข้าจัดการพวกที่มาท้าประลองข้าได้ครับ คงไม่ต้องรบกวนท่านคริส”

    “งั้นก็อย่างที่คริสบอก หากต้องต่อสู้จะต้องชนะเท่านั้น ข้าจะส่งเจ้าไปคุยกับพ่อค้าอาวุธกล่อมให้เขาส่งอาวุธที่ดีกว่ามาให้เราให้ได้ และระหว่างนั้นให้สร้างข่าวลวงโดยให้ประชาชนไปปล่อยใส่ประชาชนของอาณาจักรรุ่นพี่ว่า พวกปีห้ากำลังจะยกทัพมาตีปีหนึ่งในวันอาทิตย์หน้า ข้าอยากให้ข่าวลือถึงหูข้าภายในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า”

    “งั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน”

    เมื่อราอูลจากไปแอนเรียสก็เป็นคนตั้งคำถาม

    “เรายังไม่ได้ซื้อดาบสักเล่ม ทำไมถึงปล่อยข่าวแบบนั้น ถ้าเขายกมาตีจริงเจ้าจะมีแผนรับมือยังไง”

    “ใจเย็นสิแอนเรียส นั่นน่ะหน้าที่เจ้าเลยแต่ก่อนอื่นนะ ริชาร์ดไอ้เรื่องที่ข้าวานเจ้าเมื่อเช้าน่ะเสร็จหรือยัง”

    “ที่ให้ข้าวางยาปศุสัตว์ของเรา และทำให้แพร่กระจายไปยังปศุสัตว์ของชั้นปีอื่นๆ ท่านไม่สงสารแกะกับวัวพวกนั้นบ้างเหรอ”

    “แล้วเรียบร้อยมั้ยล่ะ”ไลโอเนลถามไปยิ้มไปราวกับการวางยาสัตว์ตาดำๆ เป็นเรื่องสนุก แต่ริชาร์ดกลับก้มหน้าก่อนจะบอกว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว

    “ดีมาก ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น มันป่วยสักวันสองวันไม่เป็นไรหรอก ข้ามีวัคซีนน่า แล้วก็พ่นให้พวกสัตว์เลี้ยงของปีห้าไปแล้วด้วย พรุ่งนี้เช้าเราคงจะได้เห็นอะไรสนุกๆ”ไลโอเนลพูดพร้อมกับหยิบพัดผ้าสีเขียวสดออกมาโบกเล่น พัดสีเขียวที่ดูโดดเด่นตัดกับเสื้อคลุมยาวสีฟ้าสดใสของเขา

    “เซเรส เจ้าเตรียมแผนการชิงธงในสนามรบของทั้งสี่ชั้นปีให้พร้อม โดยเงื่อนไขคือเจ้าจะไม่ได้ใช้พวกพ่อค้าประชาชนเป็นทหารแต่คนที่ข้าจะส่งไปรบคืออลิเซีย แอนเรียส ตัวข้า แล้วก็พวกขุนนาง ส่วนอเล็กจะถือธงอีกผืนที่ไม่ใช่ธงในสมรภูมิกำหนดการส่งแผนพิชัยสงครามคือวันเสาร์ตอนเย็น ทุกคนต้องเข้ามาฟังแผนทุกคนตั้งแต่ประชาชนจนถึงคิงเลยนะ”

    “อลิเซียกับแอนเรียสแล้วก็เรนเนล ช่วงนี้พวกเจ้าต้องยุ่งหน่อยนะ เพราะข้าจะจัดงานเลี้ยงในปราสาทของพวกเราเย็นวันพรุ่งนี้ แล้วข้าก็ส่งบัตรเชิญไปแล้วด้วย ขาดแต่แม่งานเท่านั้น”

    “ได้ เอารายชื่อแขกมาให้ข้าด้วยแล้วกันนะ”แอนเรียสรับคำ

    “ราฟาเอล วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้เจ้ากับข้าคงต้องไปเดินช็อปปิ้งกันเสียหน่อย ข้าได้ส่งจดหมายเชิญไปยังเพื่อนๆของข้าที่เป็นพ่อค้า ให้มาจองโต๊ะขายของดีๆ ถ้าทุกอย่างราบรื่นเราจะได้ไปเยือนอาณาจักรแวนเวิร์ธก่อนฤดูหนาวแน่นอน”

    “เดี๋ยวสิ แล้วคริสทำอะไร”แอนเรียสตั้งคำถามเมื่อไรโอเนลให้สัญญาณว่าการประชุมยุติและทุกคนแยกย้ายกันไป

    “ก็วางแผนทั้งหมดไง แต่มันโยนมาให้ข้าทำแทน เจ้าคิดว่าคนจิตใจดีอย่างข้าจะปรุงยาพิษเพื่อวางยาสัตว์ที่น่าสงสารเหรอ”

    เป็นไปตามที่ไรโอเนลพูดไว้ หลังจากผ่านคืนนั้นไปความโกลาหลใหญ่ก็เกิดขึ้นเมื่อสัตว์เลี้ยงของทุกชั้นปีเกิดป่วยด้วยโรคประหลาด ยกเว้นเพียงสัตว์เลี้ยงของปีห้าเท่านั้นที่แม้จะดูเหมือนจะป่วยแต่ก็ยังแข็งแรงไม่ล้มตัวนอนแล้วร้องระงมเหมือนของชั้นปีอื่นๆ แน่นอนเสียงกระซิบของข่าวลือต่างๆ ที่ตอนนี้บิดเบี้ยวไปจากข่าวลือตั้งต้นไปเยอะตามระยะเวลา มีตั้งแต่ปีห้าต้องการตัดกำลังปีหนึ่งที่ดูเด่นจนน่ากลัว หรือปีห้าเล่นไม่ซื่อกับทุกชั้นปี หรือไม่ก็หัวหน้าปีห้าอยากจะไปช่วยคู่หมั้นคนสวยจากอาณาจักรที่ถูกสาป ความไว้ใจซึ่งกันและกันในอาณาจักรของปีห้าถูกทำลายลงทันทีและเอริคกลายเป็นคนที่ทำทุกทางเพื่อชัยชนะและไม่บอกกล่าวข้อมูลกับคนในอาณาจักรตน

    ส่วนอลิเซีย แอนเรียสและเรนเนลก็วุ่นวายอยู่กับการตกแต่งห้องท้องพระโรงของอาณาจักรเพื่องานเลี้ยงในคืนนี้โดยมีอัสเทลเป็นกำลังหลักในการตระเตรียมอาหารซึ่งต้องติดต่อวุ่นวายกับทางโรงครัวของโรงเรียน

    งานเลี้ยงที่ควรจะรื่นเริงตามเสียงดนตรีกลับตึงเครียดด้วยการสนทนาแบบใส่หน้ากากเข้าหากันของผู้นำชั้นปี และแน่นอนคนที่เป็นเหยื่อของการสนทนานั้นคือเอริคเพียงคนเดียว เขาถูกเมินเฉยจากแทบทุกคนแม้กระทั่งควีนของเขาเอง

    “มานั่งทำอะไรตรงนี้คะ”อลิเซียเดินมาหาคนที่จะมาเป็นพี่เขยตัวเองที่หนีมานั่งในมุมเงียบๆ ของงานเลี้ยง

    “พี่แค่เหนื่อยนิดหน่อย ดูเหมือนสงครามปีนี้จะโหดหินน่าดู”

    “สงครามไม่เคยสร้างรอยยิ้มให้ใครอยู่แล้วนี่คะ”

    “พี่อยากชนะเพื่อที่จะได้ไปช่วยฟรีเซีย ไม่มีข่าวเพิ่มเติมอะไรเลยนอกจากต้นไม้ปิศาจนั่นที่โตวันโตคืน จากจดหมายของท่านพ่อบอกว่าแม้แต่นกสักตัวก็ไม่มีบินออกมา”

    “แต่หนูเชื่อว่าทุกคนจะต้องปลอดภัย แล้วพี่ตั้งใจว่าจะทำอะไรคะถ้าได้ออกไป”

    “พี่เองก็ไม่รู้ มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เธอก็รู้ แต่พ่อพี่สันนิษฐานว่ามันน่าจะเกิดจากฝีมือของพวกบาร์โธรี่”เอริคพูดพลางส่งสายตาแข็งกร้าวไปที่คริสซึ่งตอนนี้นั่งอยู่ที่โต๊ะอีกมุมหนึ่งของห้องขนาบข้างด้วยไลโอเนลกับแอนเรียส

    “อะไรทำให้พ่อพี่คิดแบบนั้น”

    “ในประวัติศาสตร์คนจากบาร์โธรี่ไม่เคยมาเข้าเรียนที่นี่นานหลายร้อยปี และเรื่องราวเหล่านี้ก็เกิดขึ้นในปีที่หมอนั่นเรียนที่นี่”

    “ไม่มั้งคะพี่”

    “และที่สำคัญ ประชาชนที่อยู่ชานเมืองมิเอลทาร์เนียส่วนที่ติดกับอาณาจักรของเธอ เห็นรถม้าที่เทียมด้วยแบล็คเพกาซัสบินผ่านไป ก่อนที่ต้นไม้นั่นจะงอกได้ไม่นาน มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นฝีมือของมัน”

    “นี่ทำให้พี่อยากชนะในสงครามนี้มากขึ้นใช่มั้ยคะ”

    “ใช่ แล้วเธอได้รับหน้าที่เป็นอะไรล่ะอลิเซียในสงครามครั้งนี้ ดูเหมือนคนเล่นไม่ซื่อจะเยอะนะ ที่เธอมาตีสนิทกับพี่เนี่ยจะมาหาข้อมูลด้วยหรือเปล่า”เอริคแกล้งถาม

    “ก็มีแค่จัดงานเลี้ยงเนี่ยแหละค่ะ ฉันน่ะถูกห้ามเข้าประชุมด้วยซ้ำ เจ้าพวกนั้นให้เหตุผลว่าฉันสนิทกับพี่ กลัวฉันจะแอบเอาเรื่องมาบอกพี่น่ะสิ”

    “อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้น่ะสิว่าใครวางยาพวกสัตว์”

    “ไม่รู้หรอกค่ะ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่พี่แน่นอน หนูเชื่อว่าพี่จะทำสงครามอย่างขาวสะอาด”

    “แล้วคิดบ้างมั้ยว่าจะเป็นเพื่อนเราที่วางยา”

    “บอกตามตรงนะคะ หนูก็แอบคิดเหมือนกันว่าพวกนั้นจะเป็นคนวางยา”

    “บอกตรงๆ อย่างนี้เลยเหรออลิเซีย”

    “ก็ไม่รู้สิคะ พี่ก็เชื่อหนูไม่ได้หรอก อย่างที่บอกพวกนั้นไม่ให้หนูเข้าประชุมด้วยสักครั้ง”

    เอริคเอื้อมมือมาโยกหัวของว่าที่น้องภรรยาเล่นอย่างเอ็นดู โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าสายตาแทบทุกคู่ในงานจับจ้องมาที่พวกเขาอย่างลับๆ แล้วเสียงกระซิบข่าวลือใหม่ก็ดังขึ้น

    “ไหนว่าเป็นคู่หมั้นกับพี่สาวไง นี่กะจะเป็นพระยาเทครัวหรือไง”

    “ตอนที่อลิเซียขี้เหร่ฉันก็ไม่เห็นเอริคจะสนใจ พอสวยขึ้นมาก็ตามจีบเลย”

    คนสามคนที่สังเกตการณ์อยู่ที่โต๊ะของตัวเองก็เริ่มเอนหัวเข้าหากันเพื่อปรึกษา

    “คริส นายเล่นเอริคแรงไปหรือเปล่า”

    “คนทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองจะต้องปกป้อง หากไม่เข้มแข็งพอก็ไม่สามารถปกป้องได้”

    ส่วนชายที่ถูกพูดถึงอยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นและกระโดดขึ้นไปยืนบนโต๊ะ

    “เลิกกระซิบกระซาบกันลับหลังเหมือนพวกคนชั้นต่ำได้แล้ว ข้าขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าข้าไม่ได้เป็นคนวางยาสัตว์ที่น่าสงสารพวกนั้น และผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นน้องสาวของคนที่ข้ารักสุดหัวใจ หากข้าได้ยินใครสบประมาทความสัมพันธ์ของข้าอีก ข้าจะตัดลิ้นมันซะ ส่วนคนที่วางยาตัวจริงไม่คิดจะพูดอะไรบ้างเหรอ”

    ความเงียบที่มาเยือนปุบปับทำให้เอริคดูน่าเกรงขามขึ้น

    “ข้าเองที่สั่งให้ลูกน้องไปวางยา”คริสลุกขึ้นพูดท่ามกลางความเงียบนั้น

    “ดี กล้าทำก็กล้ารับ ลูกผู้ชายดี”

    “ข้าก็ไม่ได้ปิดบังอะไร เพียงแต่ไม่มีใครมาถามเท่านั้นเองว่าข้าทำหรือเปล่า”

    “เจ้าต้องการอะไร คนจากบาร์โธรี่”

    “ก็แค่ธงจากเจ้าเท่านั้น”คำตอบทื่อๆ ของคริสทำให้ไลโอเนลหลุดหัวเราะ

    “งั้นก็ส่งสาสน์ท้ารบมาซึ่งๆ หน้าสิ เลิกเล่นเกมส์สกปรกได้แล้ว”

    “สกปรกหรือไม่ ท่านใช้อะไรตัดสิน เจอกันวันพรุ่งนี้เช้าที่สนามรบ ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน งานเลี้ยงของเราจบลงแล้ว”

    เมื่อพูดจบ คริสก็เดินหันหลังขึ้นบันไดไปทันที ปล่อยให้หน้าที่ล่ำลาแขกเป็นของอลิเซียและไลโอเนล

    หลังจากที่แขกคนสุดท้ายจากไป อัสเทลก็เข้ามาจัดการสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายที่พวกนักเรียนทิ้งไว้ให้หายไปในพริบตา และคริสก็ลงมาจากด้านบนพร้อมม้วนกระดาษแข็ง

    “ไม่คิดจะช่วยกันเก็บของหน่อยเหรอ”อลิเซียถาม

    “ไม่ล่ะ งานอย่างอื่นสำคัญกว่า เอ้านี่ รายชื่อของคนที่จะต้องเข้าร่วมสงครามพรุ่งนี้ ช่วยตามทั้งหมดมาคุยกับฉันที่ห้องสมุด ในอีกสองชั่วโมงด้วย”

     

    สองชั่วโมงถัดมาในห้องสมุดก็เต็มไปด้วยเจ้าประจำอย่างพวกขุนนางทั้งหมดยกเว้น ราอูลที่เป็นทูตแต่ก็ถูกตามมานั่งฟัง ส่วนเรนเนลไม่ได้เข้าร่วมสงครามแต่ต้องมาจดบันทึก

    “พวกนายมีใครมีแผนที่จะเสนอสำหรับพรุ่งนี้มั้ย”คริสถามแต่ก็มีเพียงริชาร์ดที่ยกมือ

    “เรายังไม่ได้ซื้ออาวุธแล้วทำไมนายยังไปส่งคำท้ารบนั่นอีก”

    “ไม่มีกฎห้ามใช้พลังเวทนี่ อย่าลืมสิว่าประชาชนของเราน่ะ เป็นประชาชนแค่ตำแหน่ง”

    “แล้วให้พวกเราลำบากหาเงินมาทำไมมากมาย”

    “ก็แค่เล่นไปตามบท ศักยภาพของชั้นปีเราเหนือกว่าทุกชั้นปีเป็นเรื่องที่ทุกท่านทราบดี คะแนนเฉลี่ยของพวกเรามากกว่าคิงของปีสองกับปีสามอีก แล้วถ้าเราเริ่มต้นด้วยการฝึกทหารและต่อสู้เลย พวกเราจะกลายเป็นเป้าและโดนรุมทันที แต่ถ้าอาศัยแผนการและระยะเวลาทำให้พวกนั้นไม่แน่ใจ เป้าหมายจะเบี่ยงเบน อย่างที่รู้ๆ การจะส่งสารท้ารบทำได้แค่ทีละครั้งเท่านั้น ข้ารอจนพวกนั้นส่งสารท้ารบให้ปีห้าครบทุกชั้นปีก่อนจึงจะประกาศศึก”

    “แต่เจ้าประกาศพรุ่งนี้ไม่เร็วไปเหรอ”

    “ก็ ไม่เห็นประโยชน์ว่าช้ากว่านี้แล้วจะมีอะไรดี อีกอย่างชั้นปีอื่นๆ ก็นัดปีห้ารบตอนสิ้นเดือนทั้งนั้น ยังไงซะ ถ้าเราตีปีห้าได้ก่อน พวกที่เหลือก็จะมาตีเมืองขึ้นของพวกเราไม่ได้”

    “แล้วเจ้าก็จะไปไล่ตีพวกนั้นทีละเมืองอย่างนั้นหรือ”

    “เก่งนี่ เอาล่ะ แผนก็คือ”



    ************************************************************************************************

    คอมเมนท์เป็นกำลังใจบ้างนะคะ ขอบคุณ

    “ข้าราอูล กราเซียบราโวจากดินแดนแห่งปราชญ์วาเลนเซีย”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×