ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อลิเซีย แวนเวิร์ธ กับ พันธสัญญาอาถรรพ์

    ลำดับตอนที่ #11 : ว่าที่พี่เขยและคำแนะนำจากคนในฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 54


    หลังจากมื้อเที่ยงผ่านไปอลิเซียก็ขอตัวไปชมสนามม้าที่อยู่ติดกับโรงอาหาร ปล่อยให้พวกที่เหลือกลับไปก่อน สนามม้าที่นี่กว้างมากและมีหลังคากันแดดที่ทำจากกระเบื้องสีขาวเขียนลายทุ่งหญ้าสวยงาม ที่นี่มีกฎห้ามนำม้าไปวิ่งด้านนอกเด็ดขาด

    “พวกเจ้าออกจะแข็งแรงใช่ไหม ไม่ป่วยง่ายๆหรอก”อลิเซียพูดกับม้าตัวหนึ่งพลางลูบแผงคอ

    “เป็นม้าก็ต้องวิ่งในทุ่งกว้างๆ สิถูกมั้ย ไว้ข้าดูลู่ทางดีๆ จะพาเจ้าไปวิ่งเล่นนะ”

    “เจ้าถามข้าหรือยังว่าข้าอยากออกไปหรือเปล่า”

    “เฮ๊ย ม้าพูดได้”

    เสียงหัวเราะดังมาจากคอกข้างๆ ทำให้เธอรู้ว่าไม่ใช่ม้า อลิเซียสาวเท้าไปยังคอกม้าด้านข้างทันทีและก็ต้องแปลกใจเมื่อผู้ชายที่หัวเราะท้องแข็งอยู่ข้างๆม้าสีขาวคือ

    “เจ้าชายเอริค”

    “อ้าว นึกว่าใครที่แท้ก็ควีนพายุไอน้ำนี่เอง สวัสดี”

    “ท่านไปดูข้าเมื่อเช้าด้วยเหรอ”

    “ข่าวการประลองของพวกเจ้าโด่งดังมาก หากข้าไม่ได้ไปดูสิแปลก ชอบขี่ม้าเหรอท่านหญิง”

    “ใช่ แต่ข้าไม่รู้ว่าตัวไหนบ้างที่ข้าจะขี่ได้”

    “คอกสีฟ้าเป็นม้าของพวกนักเรียน คอกม้าสีขาวเป็นม้าของโรงเรียนขี่ได้ทุกตัว ยกเว้นเจ้าตัวสีขาวริมสุดนู่นมันจอมพยศเลย อย่าไปยุ่งกับมันเชียว เฮ้”

    เมื่อได้ยินคำว่าพยศอลิเซียจึงปรี่ไปหาม้าตัวนั้นทันที เธอชื่นชอบนักเรื่องการปราบม้าพยศ

    “เอาจริงเหรอท่านหญิงพายุหมุน”

    “ก็จริงในระดับหนึ่งนะ ทำไมจะห้ามข้างั้นสิ”

    “ไม่ล่ะ ข้าเองก็อยากเห็นคนปราบไวท์ลิลลี่สักครั้งมาตลอดห้าปี เอาเป็นว่าข้าจะรอรับตอนเจ้าร่วงลงมาแล้วกัน”

    “แต่คงไม่ใช่วันนี้หรอกท่านชาย วันนี้ข้าแค่มาดูมันก่อนเฉยๆ ม้าพวกนี้จะเกลียดการพ่ายแพ้ ข้าต้องใช้เวลาสักพักที่จะทำให้มันรู้ว่าการมีคนขี่หลังไม่ได้เป็นการพ่ายแพ้ แต่เป็นการร่วมสนุกกันต่างหาก”

    “งั้นขี่ม้าแข่งกับข้ามั้ย ถ้าไม่ใช่เจ้านี่ตัวอื่นก็ขี่ได้หมด”

    “ได้สิ”

    กว่าชั่วโมงที่ทั้งสองขี่ม้าไปรอบสนาม ทำให้อลิเซียรู้จักนิสัยของว่าที่พี่เขยคนนี้มากขึ้น เจ้าชายเอริคเป็นคนอัธยาศัยดี มองโลกในแง่ดี ให้เกียรติสุภาพสตรีมาก ทำให้เธอรู้สึกวางใจที่พี่สาวได้ผู้ชายที่ดีเป็นคู่หมั้น

    “แล้วท่านคิดยังไงกับเรื่องอาณาจักรแวนเวิร์ธ”

    รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของเอริคทันที

    “ข้าขอบอกว่าข้าเป็นห่วงอาณาจักรแวนเวิร์ธไม่น้อยกว่าใคร แต่ข้ามีพันธสัญญาอื่นที่จะต้องทำเช่นกัน ข้าไม่เคยมุ่งมั่นในการทำสงครามเพื่อชิงธงจากอาณาจักรอื่นมากเท่านี้มาก่อน หลังจากนี้เราอาจจะไม่ได้คุยดีๆ กันแบบนี้อีกแล้วนะ”

    “ข้าดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น หากแต่ข้าเองก็มีจุดประสงค์เดียวกับท่าน มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะได้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ และข้าเองก็อยากจะเป็นคนนั้นเช่นกัน ยินดีที่ได้รู้จักว่าที่พี่เขย ข้าเจ้าหญิงอลิเซีย แวนเวิร์ธ”

    “เจ้าเป็นน้องสาวของฟรีเซียเหรอ”เอริคทำหน้าแปลกใจ

    “แต่พี่ข้าไม่ได้ขี้เหร่เหมือนข้าหรอกนะ”อลิเซียรีบเสริม

    “เจ้าคิดว่าข้าไม่เคยเห็นหน้าคู่หมั้นตัวเองหรือไง”

    “แต่ท่านพี่ไม่เคยเห็นหน้าท่าน”

    “นางเคยเจอข้า และข้าหวังว่านางจะรักข้าเช่นเดียวกับที่ข้ารักนาง เจ้าเคยเห็นนางใส่กำไลของมือหยกขาวหรือเปล่าล่ะอลิเซีย”

    “กำไลที่ท่านพี่ได้มาจากพ่อค้าอาวุธในตลาด กำไลนั้น ถ้าอย่างนั้นพ่อค้านั่นคือท่านอย่างนั้นเหรอ อย่างนี้ท่านพี่ก็ไม่ต้องปวดใจอีกต่อไปแล้ว อย่างน้อยท่านพี่ก็จะได้แต่งงานกับคนที่ท่านรัก”

    “เจ้าหมายความว่ายังไงอลิเซีย”

    “วันนั้นข้าก็ไปตลาดกับท่านพี่ด้วยแต่คลาดกัน ท่านพี่เอาแต่มองกำไลนั้นตลอดตั้งแต่กลับมาจากตลาด ตอนแรกข้าเข้าใจว่านางแค่ชอบที่มันสวย แต่ถามว่าซื้อมาเท่าไหร่นางก็บอกว่า นางได้ใช้หัวใจที่มีอยู่เพียงดวงเดียวแลกมา”

    เอริคถึงกับยิ้มแก้มแทบฉีก

    “แต่นางต้องนอนร้องไห้เป็นเดือนตอนที่ท่านแม่รับหมั้นจากท่าน นางเสียใจที่จะไม่อาจมีรักที่สมหวัง แต่นางคิดผิด ท่านพี่ข้าสมหวังในความรัก แต่นางอาจจะไม่ได้รับรู้”

    “ไม่ต้องเศร้าไปอลิเซีย ข้าจะต้องช่วยพี่สาวเจ้าและอาณาจักรเจ้าให้ได้เชื่อข้าเถอะ”เอริคขี่ม้าเข้ามาใกล้พลางรวบมือของอลิเซียมาบีบไว้เพื่อให้กำลังใจ

    ฉับพลันรังสีอาฆาตแบบเดียวกับที่ไลโอเนลโดนเมื่อวานก็ถูกแผ่ออกมาอีกครั้ง ม้าที่เคยสงบก็เริ่มกระสับกระส่ายทำให้แรงกดดันนั้นหายไปในทันทีก่อนที่ม้าจะเริ่มพยศแบบฉิวเฉียด

    เจ้าของแรงกดดันก็ควบแบล็คเพกาซัสมาทางเธอและเอริค

    “อีกสองชั่วโมงจะได้เวลาประชุม แต่เราต้องไปตรวจดินบริเวณพื้นที่การเกษตรของเราก่อน ข้าจะรอที่ประตู”

    “คิงของเจ้านี่โหดเอาเรื่องเหมือนกันนะ”พี่เอริคพูด

    “ข้าว่าถ้าเมื่อกี้เราไม่ได้อยู่บนหลังม้า อาจจะโหดกว่านี้อีก”

    ******************************************************

    คริสและอลิเซียเดินตรวจสอบดินบริเวณที่พวกเขาได้รับ ดินแห้งแข็งและแทบไม่มีวัชพืชใดๆขึ้นเลย ไม่มีบ่อน้ำไม่มีแมลง เป็นที่ดินรกร้างขนานแท้ผิดกับที่ดินแปลงข้างๆ ของปีสองที่ถูกปรับเรียบร้อยรอพันธุ์พืชมาลง

    “เราต้องขุดบ่อน้ำและปรับหน้าดินไม่อย่างนั้นแม้แต่หญ้าก็ไม่งอกหรอก”

    “ถอยออกไปก่อนสิ”

    คริสวาดมือไปในอากาศก่อนจะพลิกมือเล็กน้อยแผ่นดินที่เคยจับเป็นก้อนแข็งๆ ก็แตกเป็นเศษและลอยขึ้นมาในอากาศ คริสวาดมืออีกครั้งดินที่ลึกกว่าสองเมตรก็ลอยขึ้นมาก่อนจะผสมปนเปกันในอากาศก่อนจะตกลงที่พื้น

    หน้าดินกำลังเคลื่อนตัวเพื่อยกตัวเป็นคันดินเล็กๆ เพื่อรอเมล็ดพันธุ์ คริสพลิกมืออีกทีดินทางมุมขวาสุดก็ลอยขึ้นมาเป็นจำนวนมาก

    “เดี๋ยวให้แอนเรียสจัดการเรื่องน้ำก็คงใช้ได้ เราไปเข้าประชุมกันเถอะ”

    ที่ห้องประชุมหน้าที่ในการดำเนินงานตกเป็นของไลโอเนลซึ่งดำรงตำแหน่งรัชทายาทอันดับที่ 1 พวกเขาวางแผนที่จะเร่งสร้างผลผลิตเพื่อขายในวันอาทิตย์ที่จะถึงอีกสามวันข้างหน้า

    “งานพัฒนาพืชผลราฟาเอลจะรับเป็นหัวหน้าเพราะเขามาจากโอเรนเบิร์ก น่าจะเก่งเรื่องผลผลิตทางการเกษตรและปศุสัตว์ที่สุด มีใครคัดค้านไหม”เมื่อไม่มีใครคัดค้านไลโอเนลจึงพูดต่อไป

    “ข้าขอให้เจ้าหญิงแอนเรียสมาช่วยดูเรื่องน้ำด้วยเพราะการเร่งผลผลิตต้องใช้น้ำจำนวนมาก”

    “ไม่มีปัญหา”แอนเรียสพูด

    “และฝ่ายดูแลเก็บรักษาผลผลิต เราจำเป็นต้องมีสถานที่เก็บผลผลิตก่อนจะถึงวันอาทิตย์”

    “ข้าเสนอให้ใช้ท้องพระโรงของปราสาท ที่นั่นใหญ่มากพอ”อลิเซียเสนอ

    “ที่นั่นการเข้าออกลำบาก พวกพ่อค้าประชาชนเข้าไปไม่ได้”

    “แต่ถ้าข้าอนุญาตก็ไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม นายไลโอเนลดูแลเรื่องการควบคุมอุณหภูมิด้วย”คริสเอ่ย

    “ก็ได้ตามนั้น แต่ปัญหาของเราคือตอนนี้เรายังไม่มีเมล็ดพันธุ์พืชสักเม็ดเดียว”ไลโอเนลกล่าวเสียงอ่อย

    “ราฟาเอล ท่านเพิ่มจำนวนเมล็ดพืชได้ใช่ไหม”อลิเซียถามราฟาเอลเสียงใส

    “ถ้าเจ้ามีสักเมล็ด ข้าก็จะเพาะพันธุ์จากเมล็ดนั้นได้”

    อลิเซียหยิบถุงเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนจะส่งไปให้ราฟาเอล

    “นี่มันเมล็ดพันธุ์พืชราคาแพงทั้งนั้นเลยนี่ เจ้าไปเอามาจากไหน”

    “คนรู้จักน่ะ เริ่มงานกันเลยไหม”

    “หลังจากนี้ขอให้ทุกคนทำงานอย่างหนักเพราะเราต้องเร่งสร้างหลายๆอย่างซึ่งต้องใช้เงิน หากเราเป็นสุดยอดอาณาจักรเร็วเท่าไหร่ กำหนดการกลับบ้านก็จะยิ่งใกล้เข้ามาขอบคุณที่มาเข้าประชุม”ไลโอเนลกล่าวปิดการประชุม

    ที่แปลงผักราฟาเอลกำลังแยกเมล็ดพันธุ์เพื่อหาพืชที่ขายได้ราคาแพงที่สุดมาเพาะก่อน

    “ที่ดินของเรามีจำกัด หากอยากได้เพิ่มก็จะต้องซื้อเพิ่ม แต่ถ้าผักที่ปลูกขายไม่ได้เราก็จะไม่เหลืออะไรเลย”ราฟาเอลที่เริ่มบ่นด้วยอาการประสาทเล็กทำให้อลิเซียส่ายหัว

    “ก็ปลูกไปหลายๆอย่างสิ อะไรที่ขายไม่ได้ราคาก็เก็บไว้ทำพันธุ์ อะไรที่ขายได้ก็ขาย ปลูกไปหลายๆอย่างอย่าปลูกแค่อย่างเดียว”อลิเซียเสนอความเห็นที่ทุกคนพยักหน้าทันทีเมื่อได้ยิน ไม่นานเมล็ดที่เข้ารอบก็ลงดิน

    “ดูฝีมือข้าบ้างนะ”ราฟาเอลผายมือไปรอบๆ ต้นไม้ต้นน้อยก็ค่อยๆผุดขึ้นมาจากดิน แอนเรียสจุ่มมือลงไปที่บ่อน้ำที่คริสขุดไว้เมื่อกลางวัน น้ำก็ค่อยๆลอยออกมาและแปรสภาพเป็นละอองน้ำเล็กๆ ฟุ้งกระจายลงบนผืนดินที่ต้นไม้น้อยกำลังจะเติบโต

    “ข้าว่ามันซีดๆนะ”อลิเซียตั้งข้อสังเกตก่อนจะตั้งสมาธิและสร้างลูกบอลไฟเล็กๆตรงเหนือแปลงผักของพวกเขา

    “ดวงอาทิตย์จำลองเหรอ ความคิดดีนี่ ดูสิเริ่มดูแข็งแรงขึ้นแล้ว”ราฟาเอลพูดเมื่อเห็นดวงอาทิตย์ที่ทำให้บรรยากาศยามเย็นกลายเป็นเที่ยงๆ สำหรับต้นไม้น้อย

    ไม่นานเกินรอพวกต้นไม้น้อยๆ ก็ผลิดอกออกผล คราวนี้ไลโอเนลก็แสดงศักยภาพของคนจากสโนวแลนด์สร้างรถเข็นน้ำแข็งเพื่อให้เหล่าประชาชนและข้าราชการช่วยกันขนไปไว้ที่ท้องพระโรงที่ตอนนี้กลายเป็นถ้ำน้ำแข็งขนาดใหญ่ ที่ซึ่งมีผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่ยืนหนาวตัวสั่นคอยตรวจนับผลผลิตอยู่ พวกเขาแทบจะทำงานกันทั้งวันทั้งคืนเลยทีเดียว จะหยุดพักก็แค่ช่วงเช้าที่คนส่วนใหญ่ไปเรียน แต่คนส่วนน้อยที่สอบเสร็จหมดแล้วก็นอนหลับอย่างเป็นสุขบนเตียง

    จะเรียกว่าเป็นสุขก็ไม่ได้เพราะคนบางคนถึงหลับแต่ก็ไม่ได้หลับ

    “ท่านอิลิซาเบธ ข้ายังจะต้องฝึกอีกหรือคะ”

    “คราวที่แล้วเจ้าสร้างพายุและหยุดมันไม่ได้เพราะยังฝึกไม่พอน่ะสิ หยุดบ่นได้แล้วอลิเซียแล้วตั้งใจฟังข้า”

    กว่าจะถึงวันอาทิตย์ท้องพระโรงของพวกเขาก็อัดแน่นไปด้วยผลผลิตจนต้องแบ่งไปฝากไว้ที่ห้องนั่งเล่นของคิงและควีน

    เมื่อวันอาทิตย์มาถึงเหล่าประชาชนที่ตอนนี้ทุกคนสอบผ่านจนได้ใบประกอบการค้าก็แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าทั้งลดแลกแจกแถมแล้วก็ยังกำไร เมื่อสรุปยอดการค้าหลังจากผลิผลิตทั้งหมดถูกขายไปจนเกลี้ยง

    “ตอนนี้เงินคงคลังของชั้นปีเราคือสิบเอ็ดล้านฟอล”เสียงเฮดังลั่นเมื่อเรนเดลอ่านจบ

    “ยังมีเรื่องให้เฮเพิ่มขึ้นอีกนะคะ ตอนนี้ยอดคงคลังของเรานำเป็นที่ 1 นำหน้าพี่ปีหน้าหนึ่งล้านฟอล”

    “อย่างนี้ต้องฉลอง”เสียงของราฟาเอลตะโกนขึ้น

    “ข้าได้รบกวนอัสเทลไว้แล้วเรื่องเลี้ยงฉลองของพวกเจ้า คืนนี้ถ้าใครกลับไม่ไหวก็นอนที่นี่ไปเลยละกัน เรื่องหมอนกับผ้าห่มเดี๋ยวอัสเทลจะเป็นคนดูแลให้”เมื่อคริสพูดจบเสียงโห่ร้องก็ดังยิ่งกว่าดัง

    อลิเซียแอบหลบฉากจากความวุ่นวายของท้องพระโรงออกมาด้านนอกปราสาท จุดหมายของเธอคือปราสาทสีทองที่อยู่ห่างจากปราสาทของเธอมาก อลิเซียเคาะประตูของปราสาทสีทองของปีห้าสามสี่ที ร่างที่ใส่ชุดคลุมแบบเดียวกับอัสเทลก็ปรากฏตัวขึ้น

    “ข้ามาพบท่านเอริค”

    “รอสักครู่ครับ” ไม่นานพี่เอริคก็มายืนฉีกยิ้มที่หน้าประตูพวกเขาพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่เอริคจะรับคืนถุงเมล็ดพันธุ์ที่อลิเซียยืมไปทำทุน

    “พี่มีอีกเยอะแยะ เราเก็บไว้ไม่เป็นไรหรอก”

    “แค่นี้ก็ติดค้างพี่เยอะแยะแล้วค่ะ”

    “ป่ะ พี่เดินไปส่งที่หน้าปราสาท”

    “ได้ค่ะ”

    ทั้งคู่เดินคุยกันเรื่องของฟรีเซียมาจนถึงหน้าปราสาทสีแดงของเธอเอริคกอดคนที่จะมาเป็นน้องสาวอีกครั้งเพื่อให้กำลังใจเธอก่อนที่จะเดินจากไป

    อลิเซียหลีกหนีงานเลี้ยงที่วุ่นวายขึ้นไปบนห้องของเธอ เธอนั่งลงที่เก้าอี้นวมตัวเดิมที่หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง เธอยังไม่อยากนอนหลับตอนนี้ ไม่ใช่ว่ากลัวการฝึกยามหลับแต่เธออยากอยู่กับความคิดของเธอสักพัก การพูดถึงพี่ฟรีเซียทำให้เธออยากจะกลับไปที่อาณาจักรให้เร็วขึ้นอีก

    “ไม่น่าเชื่อว่าเพียงอาทิตย์เดียวเจ้าจะมีแฟนแล้ว”

    “คริส พี่เอริคไม่ใช่แฟนข้า”

    “งั้นเจ้าก็ทำเรื่องไม่งามหน้าปราสาทตัวเอง”

    “นายเป็นอะไรของนาย”

    คริสเพียงยักคิ้วและเดินเข้าไปในห้องตัวเอง

    “เขาหึงหนูหรือเปล่าจ๊ะสาวน้อย”เสียงของอิลิซาเบธดังขึ้นอีก

    “บางครั้งข้าก็อยากมีเรื่องที่เป็นส่วนตัวบ้างนะคะ”อลิเซียพูดอย่างมีอารมณ์

    “ข้าก็แค่เดาสุ่ม ไม่เห็นจะต้องเขิลเลยนี่นาเด็กน้อยของข้า”น้ำเสียงของอิลิซาเบธยังคงหยอกเย้าเธอ

    “ขอโทษที่ข้ายุ่งเรื่องส่วนตัวเจ้านะ”คนที่อลิเซียคิดว่าเข้าห้องไปแล้วพูดขึ้น

    “ข้าไม่ได้พูดกับท่านคือข้า”

    คริสแค่ยักไหล่และหยิบผ้าพันคอก่อนจะเดินกลับไปยังห้องของเขาแต่ก่อนที่คริสจะปิดประตู

    “พี่เอริคเป็นว่าที่พี่เขยข้า พี่เอริคก็แค่ปลอบใจข้าหลังจากที่พูดเกี่ยวกับพี่ฟรีเซีย ข้ากับพี่เอริคก็เป็นเหมือนพี่น้อง”

    “แล้วมาบอกข้าทำไม”คริสพูดก่อนจะปิดประตูห้อง

    “ข้าว่าคริสต้องแอบยิ้มคนเดียวในห้องแน่ๆเลย”

    ท่านผิดแล้วอิลิซาเบธ คริสเป็นถึงเจ้าชายสุดเพอร์เฟกต์จากบาร์โธรี่ไม่มีทางมาสนใจคนแบบข้าหรอก

    “มันก็ไม่แน่หรอก อลิเซียของข้าออกจะน่ารักขนาดนี้”

    ท่านก็รู้ดีว่าข้าได้ชื่อว่าเจ้าหญิงขี้เหร่มาแต่ไหนแต่ไร ตัวก็ดำแถมยังสูงปรี๊ดขนาดนี้ ผมสีบรอนซ์ข้าก็ไม่มี ปากข้าก็ไม่แดง ข้าไม่ได้ดูน่ารักน่าทะนุถนอมแบบเรนเนลไม่ได้สวยสง่าแบบแอนเรียส

    “แต่ช่วงนี้เจ้าก็ขาวขึ้นเยอะแล้วนะไม่สังเกตเหรอ”

    อลิเซียตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องตัวเองและทรุดลงกับเตียง

    “ขาวขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ผ่องเหมือนกับแอนเรียสนี่นา”

    “พูดอย่างนี้แสดงว่าอยากสวยเหมือนกันนะอลิซ”

    “แค่อยากสวยไม่ทำให้สวยขึ้นได้ทันทีหรอกท่านอิลิซาเบธ”

    “ข้าว่าเพื่อนจากโอเชนเซียมีวิธีนะ ลองไปหานางดูสิ ไม่แน่นะงานวันสถาปนาโรงเรียนในอีกสามวันข้างหน้าเจ้าอาจจะได้แจ้งเกิด”

    “แอนเรียสน่ะเหรอ”

    ******************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×