ตอนที่ 2 : ผีเน่ากับโลงผุ
ผีเน่ากับโลงผุ
ภายในห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หนังราคาแพง ร่างบางที่ถูกบิดาดึงเข้ามาในบ้าน ก็สะบัดมือของตัวเองออกจากฝ่ามือหนาของผู้ที่เป็นพ่อ หญิงสาวเชิดหน้าหนีอย่างเอาแต่ใจ
“นั่งลง” ประมุขของบ้านสั่งลูกสาวเสียงเข้ม ถึงจะรู้ดีว่าลูกสาวจะไม่ยอมทำตามก็ตาม และก็เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิดเมื่อลูกสาวยืนกอดอกและหันหลังให้เขา ร่างสูงของผู้ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาด้วยความกลุ้มใจ
“แพท” เรียกชื่อของลูกสาวเสียงเข้มขึ้น และก็ได้ผลเมื่อลูกสาวยอมหันหน้ามา
“คุณพ่อจะต้องไล่สองแม่ลูกนั่นให้ออกไปจากบ้านของเรานะคะ” ใบหน้าสวยใสหันมาสั่งบิดาอย่างที่คนที่เป็นลูกไม่สมควรทำ
“มีเหตุผลหน่อยสิลูก แล้วก็ฟังพ่อก่อน”
“ไม่ค่ะ เรื่องนี้คุณพ่อเป็นคนผิดนะคะ ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับแพทแล้วก็คุณแม่” เอามารดาที่เสียชีวิตไปแล้วขึ้นมาอ้าง
“พ่อก็แค่ต้องการเพื่อนคุย พ่อแก่แล้วนะแพท” ผ่อนลมหายใจออกมา ในบั้นปลายของชีวิตเขาก็แค่อยากมีใครสักคน ไว้คอยอยู่เป็นเพื่อนและพูดคุยได้บ้างก็เท่านั้น
“คุณพ่อผิดสัญญา แพทไปเรียนต่อแค่ไม่กี่เดือนเองนะคะ” พูดเสียงสั่น ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสๆ ริมฝีปากบางเม้มหากันจนเป็นเส้นตรง
“แพทใจเย็นๆก่อนนะ” คนที่เห็นว่าท่าจะไม่ดีรีบเดินไปกอดเพื่อนรัก ผู้ชายวัยกลางคนมองหญิงสาวที่เป็นเพื่อนของลูกสาวและขมวดคิ้วเข้าหากัน (เด็กคนนี้มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาก็ไม่ทันสังเกต) ผ่านไปไม่กี่นาที หญิงสาวก็ทำให้เพื่อนรักนิ่งได้ หญิงสาวหันหน้ามา และก็พบเข้ากับสายตาคู่คมที่มองเธออยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ” คนที่ถูกมองรีบยกมือขึ้นมาไหว้ ร่างบางรู้สึกร้อนวูบวาบตามตัวแปลกๆ เมื่อสบสายตากับดวงตาคู่คม
“เธอเป็นใคร” มองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า เด็กสาวที่มีรูปร่างหุ่นนางแบบ ใบหน้าหวานจิ้มลิ้มชวนมอง ริมฝีปากเรียวรับกับจมูกเชิดรั้นได้อย่างลงตัว แต่การแต่งตัวของเธอดูว่าจะขัดสายตายังไงก็ไม่รู้
“หนูเป็นเพื่อนกับแพทค่ะ” ตอบอย่างไม่ค่อยจะเต็มเสียงมากนัก
“คุณพ่อไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยค่ะ นี่ยัยอ้อนเป็นเพื่อนของแพทเองค่ะ และก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดและก็รักแพทมากที่สุดด้วยค่ะ” คนที่ยังโกรธอยู่พูดเสียงห้วน ใบหน้างามแดงก่ำ
“มีเหตุผลหน่อยสิลูก แพทยังไม่รู้จักคุณพรเขาเลยนะ” พยายามที่จะโน้มน้าวลูกสาวให้คล้อยตามตัวเอง เขาเชื่อว่าถ้าลูกสาวรู้จักกับภรรยาใหม่ของเขาดีพอทั้งคู่ก็จะรักกันได้
“แพทไม่อยากรู้จักค่ะ และแพทจะไม่ยอมให้ใครมาแทนที่ของคุณแม่ทั้งนั้น และแพทก็จะทำทุกทางให้นังปลิงสองแม่ลูกนั่น มันกระเด็นออกไปจากบ้านของเราด้วย” หยดน้ำตารินไหลลงมาอาบแก้มด้วยความน้อยใจในตัวของผู้ที่เป็นพ่อ (ไม่ทันไรก็เข้าข้างผู้หญิงคนนั้นแล้ว และต่อไปเธอจะไม่ต้องโดนสองแม่ลูกนั่นข่มเอาเหรอ) แค่คิดฝ่ามือนุ่มก็กำหมัดแน่นจนตัวสั่นเทิ้ม
“ไปกันใหญ่แล้วลูก” เริ่มเหนื่อยกับความดื้อดึงของลูกสาว และยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“คุณหนู” เสียงของผู้หญิงวัยชราดังขึ้น
“นม” คนที่ยืนร้องไห้อยู่รีบวิ่งไปสวมกอดผู้หญิงวัยชราเพื่อต้องการหาที่พึ่ง ใบหน้าหวานซบลงที่ไหล่บางแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
“โอ๋ คุณหนูของนม ไม่ร้องนะคะ ไม่ร้อง” ฝ่ามือที่เหี่ยวย่นลูบเข้าที่แผ่นหลังนุ่มเพื่อปลอบประโลม แต่ยิ่งปลอบหญิงสาวที่ถูกปลอบก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ประมุขของบ้านมองลูกสาวและคนเก่าแก่ด้วยความลำบากใจ
“นมคะ ฮือ คุณพ่อผิดสัญญา” ร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยใจ
“ใจเย็นๆก่อนนะคะคนดี คืนนี้คุณหนูขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ เพิ่งเดินทางกลับมาเหนื่อยๆใช่ไหมคะ” นิ้วเล็กเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้านวล หญิงสาวพยักหน้าและไม่ดื้อดึง
“เดี๋ยวนมจะให้เด็กจัดโต๊ะนะคะ”
“ค่ะ แพทกับเพื่อนกำลังหิวอยู่พอดีเลยค่ะ แต่คนแถวนี้ไม่ได้สนใจลูกของตัวเองเลย สนใจแต่ลูกของคนอื่น” พูดและชำเลืองไปยังบิดา ร่างสูงมองลูกสาวและเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ
“สวัสดีค่ะนม” นางแบบสาวยกมือขึ้นมาไหว้อย่างนอนน้อม
“นี่หรือคะคุณหนูอ้อนที่คุณหนูเล่าให้นมฟัง” มองหญิงสาวทั้งสองคนด้วยสายตาที่ชื่นชม
“ใช่ค่ะนม นี่ยัยอ้อนค่ะ”
“สวยจังเลยนะคะ หน้าตาก็หวานสวยเชียว” แม่นมเก่าแก่พูดออกมาจากใจจริง ประมุขของบ้านมองหญิงสาวที่ถูกชมด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง เขาไม่เห็นว่าหญิงสาวจะน่ารักตรงไหนเลย ดูจะแก่แดดเสียด้วยซ้ำ
“เราไปทานข้าวกันดีกว่านะคะ จะได้ขึ้นไปพักผ่อนกัน” หญิงสาวทั้งสองคนโผเข้าไปประคองผู้หญิงวัยชรา และเดินไปยังโต๊ะอาหารตัวยาว โดยมีสายตาคู่คมมองตามอย่างไม่คลาดสายตา ร่างสูงยืนเท้าสะเอวและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อคิดถึงเรื่องวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้น
ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ ที่มีหญิงสาวสองแม่ลูกนั่งอยู่ด้วยกัน
“ทำไมคุณอาถึงยังไม่ยอมขึ้นมาหาคุณแม่อีกคะ” หญิงสาวนั่งอยู่ที่ปลายเตียงถามผู้ที่เป็นแม่ ขณะที่ฝ่ามือนุ่มก็เช็ดผมของตัวเองด้วยโมโห
“นั่นน่ะสิ หรือว่านังแพทมันจะไม่ยอมให้คุณชัชขึ้นมา”
“ดูว่าคุณอาจะรักนังแพทมากนะคะ”
“แม่จะไม่ยอมง่ายๆหรอกนะ แม่อุตส่าห์ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว” แล้วเรื่องอะไรเธอจะยอมไปตกระกำลำบากอีก
“แล้วแม่จะทำยังไงต่อไปคะ ดูท่าทางแล้วคุณแพทคงจะไม่ยอมรามือจากเราง่ายๆแน่” นึกถึงหญิงสาวที่มาอาละวาดจนงานวันเกิดของเธอพังพินาศ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ถูกทำโทษอะไรเลยสักอย่าง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะเป็นคนสำคัญของบ้านหลังนี้ หญิงสาวคิดด้วยความกังวล ร่างบางที่อยู่ในชุดนอนวาบหวิวเดินไปหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่าง นิ้วเรียวเปิดผ้าม่านแยกออกเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากรูปกระจับคลี่ยิ้มออกมา เมื่อเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่สนามหญ้า
“เดือน แกหยุดความคิดของแกเอาไว้ตรงนั้นเลยนะ จำเอาไว้ว่าไอ้ฌอห์นมันเป็นแค่คนสวน” พรเพ็ญหันไปทางลูกสาวและต้องกัดฟันกรอด เมื่อเห็นว่าลูกสาวแอบมองคนสวนที่แสนจะกระจอกด้วยสายตาที่หวานเชื่อม
“แต่ว่าพี่ฌอห์นเป็นคนดีนะคะ” พูดพึมพำเสียงเบา
“แต่ว่ามันจน” ตวาดลูกสาวเสียงลั่นด้วยความโมโห ฝ่ามือนุ่มกระชากผ้าม่านสีทึบให้ปิดลงด้วยความไม่พอใจ
ทางด้านของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ก็กำลังจะหมุนตัว เพื่อที่จะเดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง แต่แล้วเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นมาทำให้ร่างสูงต้องหยุดนิ่ง
“ขึ้นไปโอ๋กันสิ นั่นไงประตู” พูดและเบะปากใส่ชายหนุ่ม
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” คนที่ถูกต่อว่าถึงจะไม่พอใจ แต่ก็พยายามที่จะระงับอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้จนสุดความสามารถ เพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นแค่คนสวน
“ทำเป็นฟังไม่ได้” ว่ากระทบชายหนุ่มที่กำลังจะเดินหนีเธอ อย่างที่ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกล้าทำมาก่อน เพราะผู้ชายแต่ละคนเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเธอทั้งนั้น และผู้ชายคนนี้เป็นใครถึงกล้าเดินหนีเธอ คนที่ไม่เคยถูกหยามเดินมาขวางหน้าของร่างสูงเพื่อประกาศชัยชนะ ร่างสูงยืนขบกรามแน่นเมื่อถูกขวางไม่ให้เดินต่อ
“ฉันว่านายกับนังเดือนก็ดูเหมาะสมกันดีนะ ผีเน่ากับโลงผุ” ส่งยิ้มเย้ยหยันใส่ชายหนุ่ม
“คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาพูดดูถูกคนอื่น” ตำหนิหญิงสาวเสียงเข้ม เมื่อหญิงสาวพูดจาพาดพิงถึงผู้หญิงที่เขารัก
“ฉันจะพูดแล้วนายจะทำไม ถ้านายไม่อยากให้ฉันพูดนายก็ลาออกไปสิ” เบะปากใส่และมองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ดูถูกอย่างเปิดเผย
“คนที่จะไล่ผมออกได้ มีแค่คุณท่านคนเดียวเท่านั้น” พูดถึงประมุขของบ้าน
“เดี๋ยวนายได้ออกแน่ เพราะฉันจะเป็นคนเขี่ยนายกับเมียของนายให้ออกไปจากที่นี่เอง” พูดจบ ร่างบางก็เดินเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี โดยมีสายตาคู่คมมองตามด้วยความไม่พอใจ มือหนากำหมัดแน่นและพยายามระงับอารมณ์โกรธเต็มที่ ถ้าเป็นผู้ชายด้วยกันเขาคงจะซัดสลบคาตีนไปแล้ว แต่นี่เป็นผู้หญิงและยังเป็นลูกของผู้ที่มีพระคุณอีกต่างหาก คนที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากสะกดคำว่าอดทน ก็เลือกที่จะเดินกลับเข้าไปที่ห้องพักของตัวเอง