ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เนินเขาขับขาน ตำนานแห่งราพลังก้า

    ลำดับตอนที่ #12 : 11 – พรากจาก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 181
      0
      10 มิ.ย. 52

    11 – พรากจาก

    มาโอกุมมือของร่างบอบบางบนเตียงแนบแน่น เขาไม่เคยเห็นราพลังก้าดูอ่อนระโหยเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยแม้แต่จะนึกฝันว่านางจะมีอาการหนักเช่นนี้จากสาเหตุใดที่คิดออกด้วยซ้ำ

    อาการ...ไม่เหมือนทุกทีเลย ริมฝีปากซีดจางขยับช้าๆ พอให้เขาอ่านออก

    “ก็ไม่ใช่อย่างทุกครั้งน่ะสิ ราพลังก้า” ชายหนุ่มได้แต่พยายามปลอบ “แต่ไม่เป็นไรหรอก เจ้าจะต้องหายดีได้แน่ๆ อีกไม่นาน...อีกไม่นานเท่านั้นเอง”

    ไม่ใช่อย่างทุกที...เพราะอาการอย่างทุกทีนั้นเขาเป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้นเองเพื่อต่อชีวิตของนาง เรย์วาเทลรุ่นที่สามมีอายุแสนสั้น เนื่องจากร่างกายที่มีสายเลือดมนุษย์ไม่อาจทนทานอำนาจเวทมนตร์จากหอคอยอาร์ โทเนลิโก้ที่ไหลผ่านร่างได้นาน หากไม่ได้ยาเฉพาะสำหรับต่อชีวิต ก็ย่อมมีอายุขัยอยู่ได้ไม่เกินสิบห้าถึงยี่สิบปี ด้วยเหตุนี้เองที่มาโอไม่อาจอยู่ที่นี่กับราพลังก้าที่รักของเขาตลอดไป อย่างน้อยก็จนกว่าจะปฏิเสธหน้าที่ที่ได้รับมาจากวิหารวารีแห่งพาสตาเลียและถอนตัวจากสถานที่นั้นได้ พร้อมๆ กับนำยาติดตัวออกมาพอให้ราพลังก้าได้อยู่เคียงข้างเขาชั่วชีวิต...

    ...หลังจากที่เคยนำยาออกมาให้นางทีละเล็กทีละน้อย...เพียงพอแก่การประทังชีวิตนางไปเป็นคราวๆ ...และให้ยาที่สร้างความเจ็บปวดแต่ยืดอายุให้แก่นาง โดยผสมในอาหารไม่ให้นางรู้ตัว เพื่อไม่ให้นางต้องระแคะระคายถึงความเปราะบางและยากลำบากของชีวิตเรย์วาเทล

    แล้วนี่มันอะไรกัน เขาพยายามทำทุกสิ่ง เพียงเพื่อกลับมาพบว่านางล้มป่วยลงด้วยโรคอีกอย่างซึ่งเขาเกรงว่าจะร้ายแรงกว่านั้น

    หญิงผู้เมตตาดูแลราพลังก้าในช่วงที่มาโอไม่อยู่บอกเขาว่าหญิงสาวเริ่มมีไข้สูงมาตั้งแต่พยายามร้องเพลงกล่อมนาข้าวสาลีไม่สำเร็จแล้วฟุบล้มสิ้นสัมปชัญญะ ไข้ของนางไม่เคยลดหลังจากนั้น ซ้ำนางยังเป็นลมหมดสติไปบ่อยๆ และไม่อาจดื่มกินอะไรได้เลย

    อาการนั้นทำให้มาโอนึกออกเพียงอย่างเดียว...เพียงอย่างเดียวที่น่ากลัวยิ่งกว่า

    ...กลุ่มอาการอินเฟลฟีร่า...

    หากเป็นโรคนี้จริง ก็ไม่มีทางจะพานางไปยังพาสตาเลียด้วยกัน ในเมื่อมหาวิหารแห่งพาสตาเลียมีบัญชาแข็งกร้าวว่าเรย์วาเทลที่มีอาการอินเฟลฟีร่าต้องถูกกักกันบริเวณ และอาจทำลายเสียหากเป็นภัยต่อผู้อื่น ทางเดียวที่จะรักษาอาการนี้ต้องใช้วิธีการบำบัดด้วยไดฟ์...การดำดิ่งเข้าไปในจิตของเรย์วาเทลเพื่อแก้ปมที่ไม่อาจคลายในใจของนาง ซึ่งถือกันว่าเป็นอันตรายและไม่เป็นที่ยอมรับจากวิหารแห่งพาสตาเลียเช่นกัน

    มาโอรู้ว่าเขาต้องพานางไปยังรัคเชค เมืองที่สาวกแห่งมหาวิหารพาสตาเลียได้ทอดทิ้งไป เพื่อรับการบำบัดโดยเร็วที่สุด ทว่าเขาก็กังขาเหลือเกินว่าราพลังก้าจะรับการเดินทางในสภาพนี้ไหวหรือ แต่ถึงอย่างไร...อาการไข้และเป็นลมหมดสติของนางก็ยังดีกว่าอาการตรงข้าม คือคลุ้มคลั่งทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ซึ่งอาจทำให้นางฆ่าตัวตายโดยไม่รู้ตัวได้

    “ข้าจะรีบพาเจ้าไปรักษาที่รัคเชค” ชายหนุ่มกระซิบ “อาจเดินทางยากลำบากสักหน่อย แต่เข้มแข็งไว้นะ ราพลังก้า”

    ดวงหน้าซีดเซียวบนหมอนเพียงพยักหน้ารับรู้น้อยๆ มาโอลูบหน้าผากของนาง หมายจะเอ่ยคำปลอบใจอื่น แต่กลับถูกขัดด้วยเสียงเคาะประตูเสียก่อน

    “เดี๋ยวข้ากลับมา” ชายหนุ่มบอกก่อนจะลุกจากเก้าอี้

    --------------------------------------------------------------------------

    “อาการของราพลังก้าเป็นอย่างไรบ้าง” ชายวัยกลางคนตรงหน้าเอ่ยถามทันทีที่ประตูเปิดออก

    “ท่านเจ้าเมืองเองหรือ” มาโอบังคับเสียงของตนให้เรียบขึ้น

    “ข้า...ได้ยินว่าท่านกลับมาดูแลนาง จึงอยากมาถามว่าท่านทราบโรคที่นางเป็นไหม”

    “...ก็ไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิต แต่นางคงจะใช้มนต์เพลงไม่ได้จนกว่าจะได้รับการบำบัด ข้าจะรีบพานางไปยังรัคเชคตั้งแต่วันรุ่ง แล้วจะรีบกลับมา”

    “...อย่างนั้นหรือ” เจ้าเมืองพยักหน้าช้าๆ “...นางไม่เป็นไรจริงๆ หรือ”

    “ทำไม” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

    “ก็...ข้าเพียงแต่ได้ยินมาว่าเรย์วาเทลมีอายุขัยสั้นเพียงไม่เกินยี่สิบปี แม้กระทั่งสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งพาสตาเลียล้วนเป็นเช่นนั้น ข้าจึง...เกรงว่าราพลังก้าจะเป็นเช่นเดียวกัน”

    ข้อมูลเก่าแท้ๆ ... ชายหนุ่มนึกในใจ เรเลนทัสคงปิดตนเองขาดจากโลกภายนอกมานานจนไม่รู้ว่าท่านหญิงอินเฟล อดีตสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้ปราดเปรื่องแห่งวิหารวารี ผู้นำกึ่งหนึ่งของมหาวิหารพาสตาเลีย ได้คิดค้นยายืดอายุขัยของเรย์วาเทลรุ่นที่สามขึ้นมานานหลายสิบปีแล้ว ปัจจุบันนี้เรย์วาเทลมากมายในพาสตาเลียและดินแดนข้างเคียงล้วนได้ใช้ยานั้น รวมทั้งท่านหญิงรัคช่า สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งอัคคีคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นธิดาแห่งท่านหญิงซูเฟล สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งอัคคีคนก่อนที่เกษียณตนเองไปในวัยยืนยาวถึงสี่สิบปี

    แต่เขาก็ไม่อยากบอกความจริงกับชาวเมืองเรเลนทัสเลย เพราะหากคนพวกนี้ทราบว่าราพลังก้าอยู่ได้ด้วยยาเฉพาะที่ต้องนำมาจากพาสตาเลีย ก็ไม่ทราบว่าจะนำเรื่องนี้ไปบอกนางหรือนำเรื่องยามาขู่นางให้ยินยอมกระทำสิ่งใดอีก

    “นั่นเป็นข่าวลือทั้งเพ เรย์วาเทลก็มีอายุยืนได้เหมือนคนทั่วไป ท่านอย่ากังวลไปเลย” มาโอตอบอย่างระแวดระวัง “นางอยู่ให้พวกท่านใช้งานไปได้นานเกินวันตายของท่านเชียวล่ะ”

    อีกฝ่ายหัวเราะ

    “ท่านมาโอช่างพูดเล่นได้น่ากลัวนัก”

    ชายหนุ่มหรี่ตามองอีกฝ่ายซึ่งดูตื่นหวาดอย่างปกติ ก่อนจะเย็นสันหลังวาบเมื่อได้ยินเสียงถ้วยแตกดังมาจากภายในบ้าน

    มาโอหมุนตัวกลับวิ่งเข้าไป เพียงเพื่อพบหน้าต่างห้องของหญิงสาวเปิดกว้าง ถ้วยน้ำที่วางไว้ข้างเตียงตกแตก ชายอีกสองคนพยุงร่างอ่อนระโหยของเจ้าของห้องเอาไว้ ราพลังก้ามองมาทางเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างหวาดหวั่น ริมฝีปากเผยอโดยไร้เสียง

    ทว่าสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มใจหายเป็นที่สุดคือคมมีดที่จ่อลำคอของนาง

    “พวกเจ้า!”

    “ได้โปรดอย่าโกรธแค้นพวกเราเลย ท่านมาโอ” ชายคนหนึ่งในนั้นพยายามพูดทั้งๆ ที่เสียงสั่นน้อยๆ “พวกเรา...พวกเราแค่ได้รับคำสั่งให้ทำเช่นนี้เพื่อเรเลนทัสเท่านั้น”

    “ทำอะไร!” ชายหนุ่มถามเสียงกร้าว “พวกเจ้าจะพานางไปไหน!”

    “พ...พวกเราก็ไม่ทราบ แต่ท่านเจ้าเมือง...ท่านเจ้าเมืองบอกว่านางเป็นผู้เดียวที่จะช่วยเรเลนทัสได้”

    “ตอนนี้นางป่วยหนักจนไม่อาจใช้มนต์เพลงได้แล้ว พวกเจ้ายังคิดจะพานางไปทำอะไรอีก!”

    ไม่มีเสียงตอบจากชายทั้งสอง มาโอได้ยินเพียงเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศที่ตนเคยรู้จัก เขาหันกลับไปทันเห็นลูกดอกลูกหนึ่งพุ่งเข้ามาเสียบที่ไหล่ขวาของตนเท่านั้น

    ชายหนุ่มข่มความเจ็บปวดยามขยับแขน ชักดาบที่ข้างเข็มขัดออกก่อนจะวิ่งไปยังชายถือหน้าไม้ที่หน้าประตู แต่ไม่ทันถึง...เสียงของเจ้าเมืองก็ดังขึ้นอีกครั้ง

    “หากท่านทำร้ายชาวเมืองเพียงคนเดียว...เราจะสังหารราพลังก้าในทันที”

    มาโอกัดฟันกรอด

    “ไอ้บัดซบ! พวกแกทำอย่างนี้เพื่ออะไร!”

    “ราพลังก้า...กำลังจะตายอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ” ชายวัยกลางคนพูดอย่างเคร่งขรึม “เรเลนทัสเอง...หากไม่รีบทำอะไรสักอย่างก็คงไม่พ้นต้องถูกตีแตก พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจาก...ขอให้นางช่วยเสียสละครั้งสุดท้ายเพื่อเมืองของเราด้วย”

    “เสียสละบ้าบออะไร! นางป่วยหนักจนร้องเพลงไม่ได้อยู่แล้ว!” มาโอตวาดทั้งๆ ที่กุมไหล่ขวาซึ่งมีเลือดไหลโชก

    “แต่นางยังมีชีวิตอยู่ และชีวิตของนางก็สามารถใช้เป็นเครื่องสังเวยต่อเทพแห่งหายนะได้...เพื่อแลกกับชัยชนะของเรเลนทัส”

    “พวกเจ้า...” ชายหนุ่มสาปแช่งกลุ่มคนตรงหน้าอยู่ในใจ “พวกเจ้านี่มัน...!”

    “พวกเราทำได้ทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด ท่านมาโอ ตั้งแต่ตอนที่รอบๆ หมู่บ้านเป็นทะเลทรายแร้นแค้นแล้ว” หัวหน้าหมู่บ้านพูดขึ้น

    “แต่ครั้งนี้มันก็เกินไป!” มาโอยังคงแย้ง “ราพลังก้าเป็นผู้ทำให้เรเลนทัสอุดมสมบูรณ์ขึ้นมา แต่พวกเจ้าก็กลับตอบแทนด้วยการใช้งานนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า...คิดได้กระทั่งใช้นางเป็นเครื่องสังเวย ทั้งๆ ที่นางเป็นผู้มีบุญคุณต่อพวกเจ้าถึงเพียงนี้น่ะหรือ!!”

    “ชาวเรเลนทัสเลี้ยงดูนางตั้งแต่นางยังแบเบาะ” เจ้าเมืองอ้าง “นางต่างหากที่ต้องตอบแทนบุญคุณพวกเรา และที่จริง ถามความสมัครใจของนางเสียจะดีไหม ดูซิ นางอ้อนวอนให้ท่านหันไปมองนางมานานเท่าไรแล้ว”

    มาโอหันกลับไปมองราพลังก้า เห็นนัยน์ตาสีเขียวของนางจ้องตรงมาทางเขา

    ไปเถิด มาโอ... ริมฝีปากของนางขยับช้าๆ ไปจากที่นี่...หากข้าไม่ยอมทำตามที่พวกเขาบอก ข้าเกรงว่าพวกเขาจะฆ่าท่าน...

    ไม่ได้! ราพลังก้า ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้! ชายหนุ่มเพียงสั่นศีรษะ

    หญิงสาวกลับผงกศีรษะ และเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มเศร้าๆ ให้เขา

    ไปเสีย ข้า...ไม่อยากให้ท่านตาย ท่านทำให้ข้ามีความสุขมากแล้ว...ที่ได้รักท่าน...

    “วางใจเถอะ ราพลังก้า” เจ้าเมืองเอ่ยเบาๆ ข้างหลังชายหนุ่ม “หากเจ้ายินยอมเป็นเครื่องสังเวยแต่โดยดี พวกเราจะปล่อยมาโอให้รอดชีวิตไป”

    “แล้วถ้าข้าไม่ยอมล่ะ” มาโอขัดพร้อมกับหันขวับมาเผชิญหน้ากับกลุ่มคนด้านหลังอีกครั้ง ก่อนจะประหลาดใจเมื่อพบว่าชายวัยกลางคนเพียงแต่ยืนนิ่งอยู่

    ชายหนุ่มเริ่มรู้เหตุผลเมื่อมือของตนคลายจากด้ามดาบเอง ก่อนเขาจะทรุดลงด้วยอาการง่วงงุนอย่างประหลาด

    “...นี่...มัน...”

    “วางใจเถิด ลูกดอกนี่อาบเพียงยาสลบ แต่เมื่อท่านฟื้นคืนมา ทุกสิ่งก็จะจบลง และท่าน...ก็จะถูกพาออกไปนอกเมืองเรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาที่เหลือนี้ล่ำลากับราพลังก้าให้เรียบร้อยเถอะนะ”

    มาโอทำได้เพียงหันไปมองหญิงที่เขารัก...ซึ่งบัดนี้แลเห็นเป็นเพียงภาพร่างสีขาวเลือนรางดุจภูตพราย ก่อนที่ศีรษะของเขาจะฟุบลงกับพื้น

    --------------------------------------------------------------------------

    ขณะที่ความมืดสั่นสะเทือนผืนพิภพ นารีแห่งเสียงเพลงถูกพรากตัวไป
    มือที่เกาะกุมกันถูกแยกจากด้วยคมดาบ
    อัศวินถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง เพียงคำสัตย์สัญญาของทั้งสองผุดขึ้นในใจ

    ให้ยอมรับความกลัวนี่หรือ...ข้าสงสัยเหลือเกิน...ไยราพลังก้าจึงต้องถูกสังเวย
    นางเป็นผู้ที่หาใครมาแทนไม่ได้ต่อข้าแท้ๆ
    ให้ยอมรับความโกรธนี่หรือ...ข้าสงสัยเหลือเกิน...ไยข้าจึงอาศัยอยู่ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้
    ...กับบาปอันทุกข์ทรมานและสิ้นหวังของข้า...


    --------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×