ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานอาณาจักรมนตรา

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 1 - ความอาดูรของนักรบ - 7 - เทศกาล

    • อัปเดตล่าสุด 1 ส.ค. 63


    เนมอสเคยคิดว่าเขาเห็นดอกไม้ในเมืองมากที่สุดในวันเดินขบวนฉลองชัยชนะ แต่เมื่อมาถึงวันเทศกาลกลางฤดูร้อนแล้ว เขาก็พบว่าปริมาณดอกไม้ดูจะเพิ่มขึ้นจากวันนั้นเป็นสามเท่า ทั้งที่ประดับตามอาคารต่างๆ เร่ขายตามท้องถนน หรือปรากฏในรูปมาลัยดอกไม้สวมบนศีรษะและข้อมือผู้สัญจรในเมืองซึ่งส่งเสียงเพลงและเสียงหัวเราะอยู่ทั่วไป

    บุปผางามข้างกายเขาสวมชุดผ้าพลิ้วสีขาวบาง ตามคอกับปลายแขนเสื้อและชายกระโปรงปักเป็นลายเถาดอกไม้อ่อนช้อย บนเรือนผมสีดำที่ปล่อยสยายมีมงกุฎซึ่งเธอทำเองจากดอกไม้ในสวนโดยมีกุหลาบขาวเป็นหลัก และมีผมบางปอยที่ถักเป็นเปีย นำดอกไม้เล็กๆ เสียบแซมให้ดูสวยงาม สร้อยนกพิราบไม้สีขาวที่เขามอบให้เธอยังคงประดับบนลำคอเช่นเดิม

    ทั้งสองชมขบวนรถบุปผชาติที่ประกวดประชันโฉมบนถนนสายหลักในเมืองในยามสาย จากนั้นก็ไปเต้นรำที่จัตุรัสกลางเมืองก่อนจะปลีกตัวไปนั่งพักที่ริมคู มองดอกไม้นานาพันธุ์ที่ล่องลอยตามกระแสน้ำไหลเอื่อย

    ท่านเนมอสเคยมางานเทศกาลอย่างนี้หรือเปล่าคะเด็กสาวถาม เธอดูจะร่าเริงเป็นพิเศษในวันนี้

    ไม่เคยหรอก เขาตอบก่อนจะยิ้มแห้งๆ อาจจะจริงก็ได้ที่ฝ่าบาทตรัสว่านอกจากเรื่องรบแล้ว ข้าก็เป็นผู้ชายที่ไม่สนเรื่องละเอียดอ่อนเอาเสียเลย

    คงเป็นเพราะท่านต้องออกรบบ่อยๆ เลยไม่มีเวลามากกว่ากระมังคะ เธอเปรย

    คงใช่ ชายหนุ่มนึกถึงบ้านของตนที่นครหลวงขึ้นมา กระทั่งบ้านก็ยังไม่ได้กลับเป็นเดือนแล้วด้วย

    ก่อนหน้านี้ การรบและตรวจตราชายแดนด้านต่างๆ ทำให้เขาได้กลับบ้านอย่างน้อยเพียงเดือนละครั้ง อยู่พักครั้งละสองสามวัน คนรับใช้สองคนที่จำเป็นต้องมีไว้เก็บกวาดทำความสะอาดและทำอาหารเมื่อเขากลับมาจึงแทบว่างงานไปโดยปริยาย

    แต่ราวปีหน้า บ้านหลังนั้นของเขาก็คงจะมีชีวิตชีวาขึ้น อย่างน้อยก็มีนายหญิงเพิ่มมา ส่วนเขาเมื่อได้เป็นแม่ทัพแล้วก็คงได้ประจำในเมืองหลวงบ่อยกว่าแต่ก่อน จะได้มีเวลาอยู่บ้านกับเธอ

    ข้าอยากเห็นบ้านของท่านเนมอสจังเลยค่ะ

    อีกไม่นานก็คงได้เห็น แต่สภาพมันไม่ค่อยจะดีเท่าไรหรอก เพราะข้าไม่ได้อยู่บ้านบ่อยนัก

    ข้าจะช่วยดูแลนะคะ สิมาริเมสพูดเขินๆ ก่อนจะถาม ว่าแต่มีสวนไหมคะ

    ก็มีสวนเล็กๆ ไม่ใหญ่เท่าสวนของจวนหรอก แต่ตอนนี้คงรกเป็นป่าตามชื่อข้าไปแล้วกระมัง

    เด็กสาวหัวเราะรับน้อยๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงเคลิ้มฝัน ข้าอยากมีสวนเป็นของตัวเองสักแห่งน่ะค่ะ ไม่ต้องกว้างขวางมากก็ได้ ขอแค่ไว้ปลูกดอกไม้ที่ข้าชอบบ้างก็พอ ข้าอยากปลูกกุหลาบ มะลิ กับไอริสให้หอมทั่วสวน ทำซุ้มต้นสายน้ำผึ้งกับวิสทีเรียเหนือม้านั่งหิน มีร่มต้นลินเด็นสักต้น...แล้วก็ต้นไลแลคด้วย

    แม่ทัพหนุ่มยิ้มรับ เขาอดนึกไม่ได้ว่าดอกไม้ที่เธอชอบนั้นเห็นจะมีมากมายเหลือเกิน

    ไม่รู้ว่าสวนที่บ้านข้าจะกว้างพอไหม แต่ข้าอยากเห็นสวนที่เจ้าจัดจริงๆ นะ

    ขอบคุณค่ะ คู่หมั้นของเขาตอบ

    เสียงร้องของคนขายดอกไม้ที่ดังมาแว่วๆ เรียกความสนใจของเนมอส ชายหนุ่มส่งยิ้มให้เด็กสาวก่อนจะลุกขึ้นยืน

    รอก่อนนะ เดี๋ยวข้ามา

    เขาตรงไปถามเรื่องบุปผาพจีสักเล็กน้อยกับชายคนขายที่หอบตะกร้าใบใหญ่ ก่อนจะได้ดอกกุหลาบสีแดงดอกโตที่ลิดหนามเรียบร้อยแล้วกลับมาให้เด็กสาว

    สิมาริเมสคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเขายื่นกุหลาบแรกแย้มดอกนั้นให้กับมือ

    ถือเสียว่าแทนคำที่ข้าไม่เคยบอก...นะ

    ขอบคุณมากค่ะ เด็กสาวรับก้านดอกไม้ไปกำแน่น ก่อนจะจรดจมูกกับริมฝีปากลงบนปลายกลีบอย่างแผ่วเบา แล้วส่งคืนให้แก่คนมอบ

    เนมอสมองดอกกุหลาบที่กลับมาอยู่ในมือของตนอย่างไม่เข้าใจ เขายิ่งงุนงงขึ้นไปอีกเมื่อสิมาริเมสยกมือขึ้นแตะริมฝีปากบางของเธอเบาๆ

    ดอกไม้มีอะไรหรือเปล่า

    ก็...มี...สิ่งแทนคำขอบคุณจากข้าอย่างไรล่ะคะ

    หือ... แม่ทัพหนุ่มก้มลงเพ่งกลีบดอกสีแดงเข้มให้ชัดๆ แต่ข้าไม่เห็นอะไรเลยนี่

    ถึงไม่เห็น...แต่สัมผัสได้นี่คะ

    เขาเลยลองใช้นิ้วจับๆ ที่ปลายกลีบดู ก็ยังไม่เห็นจะมีอะไรอยู่ดี

    เด็กสาวถอนหายใจก่อนจะตอบแผ่วเบา ก็...สัมผัสด้วยที่ที่ข้าใช้สัมผัสดอกไม้สิคะ

    เนมอสก้มหน้าลง ใช้ปลายจมูกกับริมฝีปากสัมผัสปลายกลีบตามที่เห็นจากเธอ เขารู้สึกถึงกลิ่นหอมจางๆ ของดอกกุหลาบแรกแย้ม อย่างนี้น่ะหรือ

    คู่หมั้นของเขาพยักหน้าขวยเขิน

    แล้วมีอะไรหรือ

    สิมาริเมสโคลงศีรษะก่อนจะยื่นมือมา เขาเลยส่งดอกไม้กลับไปให้ เห็นเธอจรดริมฝีปากกับดอกกุหลาบอย่างชัดเจนกว่าครั้งก่อน จนใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นเมื่อตระหนักความหมายได้

    ขะ...ขอโทษนะ ข้าน่าจะรู้นานแล้ว

    ไม่เป็นไรค่ะ ท่านเนมอสไม่ใช่คนแคว้นเรา คงไม่ทราบธรรมเนียมนี้ เด็กสาวตอบแม้จะไม่สบตากับเขา

    ข้าเห็นจะทื่ออย่างที่ฝ่าบาทตรัสจริงๆ แม่ทัพหนุ่มถอนหายใจ

    เขาแปลกใจเมื่อสิมาริเมสหัวเราะเสียงนุ่มๆ ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มให้พร้อมกับดอกกุหลาบ

    แต่ตอนนี้ก็ได้ทราบแล้วนี่คะ

    ชายหนุ่มยิ้มตอบและรับดอกไม้ไว้ จากนั้นก็ก้มหน้าลง ชื่นชมสัมผัสนุ่มลื่นของปลายกลีบที่ไล้ริมฝีปาก พร้อมกับจินตนาการถึงอีกเรียวปากหนึ่งที่เคยประทับรอยจุมพิตบางเบาไว้

    สิมาริเมสทำตามเช่นกันเมื่อดอกกุหลาบกลับไปอยู่ในมือของเธออีกครั้ง แต่พอเขายื่นมือไปขอดอกไม้อีก เธอก็สั่นศีรษะก่อนจะหัวเราะเบาๆ พอเถอะค่ะ เดี๋ยวดอกไม้ช้ำหมด

    เขายิ้มแห้งๆ ทั้งที่ความร้อนบนใบหน้ายังไม่จางหายไป ชายหนุ่มมองเธอนั่งถือดอกกุหลาบ แกว่งสองเท้าเหนือคูน้ำอยู่อีกพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น อยากไปที่ไหนต่อไหม

    ทำไมหรือคะ

    ก็...เราไม่เคยออกมาข้างนอกด้วยกันแบบนี้เลย แล้ววันนี้ก็ยังมีเวลาจนถึงเย็น เนมอสให้เหตุผล จะกลับไปที่จัตุรัสไหม

    เด็กสาวสั่นศีรษะ ข้าไม่ค่อยชอบที่ที่คนพลุกพล่านน่ะค่ะ แต่ถ้าท่านเนมอสอยากกลับไปก็ได้ค่ะ

    ข้าก็ไม่ชอบคนพลุกพล่านเหมือนกัน

    ทั้งสองนิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่สิมาริเมสจะเสนอ ข้านึกถึงที่หนึ่งขึ้นมาได้น่ะค่ะ

    ที่ไหนหรือ

    ที่เชิงเขาหลังเมืองเป็นชายป่าเล็กๆ ค่ะ จำได้ว่ามีจุดหนึ่งเป็นลานที่มีดอกไม้ป่าขึ้นเต็มไปหมด สมัยเด็กๆ ท่านพ่อท่านแม่เคยพาข้าไปเที่ยวครั้งสองครั้ง แต่หลังจากนั้นท่านพ่อก็ไม่ว่างพาไปเลย ข้าอยากให้ท่านได้เห็นลานดอกไม้ที่นั่นเหมือนกัน

    ได้อยู่แล้ว เนมอสรับง่ายๆ

     

    เนมอสย้อนกลับไปที่จวนข้าหลวงเพื่อนำม้าของตนและขออนุญาตท่านข้าหลวงพาธิดาออกไปนอกเมือง โดยรับรองหนักแน่นว่าจะคุ้มครองสิมาริเมสอย่างดีที่สุด ข้าหลวงชรายินยอมโดยไม่ได้ซักถามอะไรนัก อีกทั้งยังให้จัดสำรับอาหารในปิ่นโตไม้มาเป็นมื้อกลางวันของทั้งสอง

    หลังจากขี่ม้าไปตามทางที่ท่านข้าหลวงบอกไว้โดยมีเด็กสาวคอยแนะเส้นทางให้เป็นระยะๆ เท่าที่จำได้ ไม่นานทั้งสองก็มาถึงชายป่าโปร่งที่มีพื้นหญ้าบริเวณหนึ่งลาดลงเป็นแอ่ง ดารดาษด้วยไม้ดอกเล็กๆ สีสดใสที่แข่งกันผลิบานสะพรั่ง ใต้แสงตะวันที่ส่องเป็นลำลอดผ่านม่านใบไม้

    ยังอยู่จริงๆ ด้วย สิมาริเมสเอ่ยอย่างดีใจ

    สวยมากเลย แม่ทัพหนุ่มพูดขึ้นหลังจากลงจากหลังม้าและช่วยประคองเด็กสาวลงมา

    คู่หมั้นของเขาหยิบปิ่นโตไม้ห่อด้วยผ้าซึ่งแขวนไว้ข้างอานม้า ก่อนจะเริ่มก้าวลัดเลาะไปตามแนวต้นไม้รอบแอ่ง โดยระมัดระวังไม่ให้เหยียบดอกไม้เข้า ไปหาร่มไม้นั่งกันเถอะค่ะ

    อือ เขารับแล้วก้าวตามเธอไป แต่แล้วไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องตกใจ และเห็นร่างบอบบางทำท่าจะถลาล้มลง

    สัญชาตญาณบอกให้ชายหนุ่มปราดเข้าไป ยื่นแขนข้างหนึ่งออกรั้งไหล่ของเด็กสาว ขณะที่อีกข้างแตะลำต้นไม้ใหญ่ไว้เป็นหลัก

    ใบหน้าของทั้งสองเลื่อนเข้ามาใกล้กันชั่วแวบหนึ่ง นัยน์ตาสบนัยน์ตา ก่อนที่เนมอสจะตั้งสติแล้วรีบถาม มะ...ไม่เป็นไรใช่ไหม

    ค่ะ เด็กสาวรับเบาๆ ขอบคุณมากนะคะ

    แต่สติของเขาแทบไม่ได้จับใจความคำพูดเหล่านั้น กลับจดจ่อ ณ ที่มาของเสียงแว่วหวาน ซึ่งดูอ่อนนุ่มและหอมหวนไม่ต่างจากกลีบดอกกุหลาบนั้นเลย

    มือที่แตะต้นไม้อยู่เลื่อนมายังไหล่อีกข้างของเธอ ก่อนใบหน้าจะโน้มลงหาดวงหน้านวล

    สิมาริเมสหลุดเสียงร้องออกมาเบาๆ ดวงตาสีอำพันเบิกกว้างขึ้นชั่วครู่ แต่แล้วก็ปิดลงอย่างผ่อนคลายเมื่อริมฝีปากของทั้งสองต้องกัน เนมอสจึงหลับตาลงเช่นกัน ปิดรับผัสสะอื่นๆ เพื่อดื่มด่ำกับสัมผัสอันนุ่มนวลลึกซึ้งนั้นให้เต็มที่

    ...ช่างหวานชื่นยิ่งกว่าดอกกุหลาบร้อยเท่าพันทวีนัก...

    ชายหนุ่มบอกไม่ถูกว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด แต่เมื่อริมฝีปากของต่างฝ่ายคลายจาก เด็กสาวก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ ดวงหน้าที่เสมองไปทางอื่นขึ้นสีแดงระเรื่อ ยังผลให้ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวขึ้นด้วย

    หมู่นกในไพรส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว ขณะที่มนุษย์ผู้มาเยือนทั้งสองยังนิ่งเงียบอยู่เป็นนาน

    ...ขอโทษนะคะ... เด็กสาวก้มหน้างุด พึมพำเสียงเบาจนเขาแทบไม่ได้ยิน

    หืม?

    ก็...ข้าวกล่อง...ข้าทำตกไป

    เขามองลงที่พื้น เห็นห่อผ้าตะแคงอยู่ระหว่างร่องในรากไม้ จึงก้มลงเก็บขึ้นมา

    มะ...ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย นักรบหนุ่มคลำเนื้อไม้ใต้ผืนผ้าให้แน่ใจ กล่องก็ยังอยู่ดี

    ครั้นเงยหน้าขึ้นมองคู่หมั้นสาว เขาก็พบว่าเธอยังคงก้มหน้าอยู่เช่นเดิม ทำให้อดรู้สึกไม่สบายใจไม่ได้

    ...ขอโทษนะชายหนุ่มตัดสินใจเอ่ย

    ขอโทษทำไมล่ะคะ

    ก็...ข้า... เขาเริ่มอึกอัก ...ที่ข้า...ทำลงไป...ถ้าเจ้าโกรธ...ข้าก็เข้าใจ...คือข้า...

    เด็กสาวเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นแตะริมฝีปากของตนก่อนจะตอบแผ่วเบา

    ...ทำไมข้าจะโกรธล่ะคะ

    ก็... เนมอสเริ่มสงสัยเหมือนกันว่าตนต้องการจะพูดอะไรกันแน่ ก็...ข้าน่าจะขออนุญาตเจ้าก่อนจะ...จะ...

    ...จูบ...หรือคะ

    อะ...อือ เขาพยักหน้า

    สิมาริเมสหัวเราะออกมาเบาๆ ทำไมท่านถึงคิดว่าข้าโกรธล่ะคะ

    ก็...เห็นเจ้าเอาแต่ก้มหน้าเงียบอยู่ เขาพูดงึมงำ

    เด็กสาวสั่นศีรษะ

    ข้าไม่โกรธหรอกค่ะ ก็เราเป็นคู่หมั้นกันนี่นา เธอเหลือบมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะหันหลบ แต่ชายหนุ่มก็เห็นสีกุหลาบบนใบหน้าของอีกฝ่ายได้ชัดเจน แต่ตกใจ...แล้วก็เขินต่างหาก

    นั่นละ ข้าถึงได้ขอโทษ เนมอสระบายลมหายใจเบาๆ ...ที่ทำให้ตกใจ

    ...ไม่เป็นไรค่ะ เด็กสาวนิ่งเงียบไปอีกครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยอย่างลังเล ข้า...ขอถามอะไรท่านเนมอสหน่อยจะได้ไหมคะ

    ว่ามาสิ เขารับด้วยความสงสัย

    คือ...ท่านเคย...จูบ...ผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่าคะ

    ไม่เคยเลย ตอบด้วยความสัตย์จริง

    หรือคะ สิมาริเมสรับ ในน้ำเสียงดูจะมีความยินดีแฝงอยู่ ข้า...ข้ารู้สึกว่าอย่างนั้นละค่ะ แต่...แต่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม เอ่อ...ไม่ใช่ว่าข้าระแวงท่านนะคะ

    ข้าไม่ว่าอะไรหรอก เนมอสตอบอย่างผ่อนคลายขึ้น อันที่จริงถ้าเจ้าจะระแวง ข้าก็เข้าใจ ก็เรื่องกลีบดอกไม้คราวนั้นชวนให้เข้าใจผิดอยู่

    อย่างนั้นหรือคะ เด็กสาวรับเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร ข้า...ข้าคิดว่ารออีกสักพักแล้วจะขอให้ท่านเลิกไปน่ะค่ะ

    เมื่อคืนนั้น ข้าไปที่ย่านเริงรมย์มาจริงๆ แต่แค่ไปเป็นเพื่อนของเพื่อนเท่านั้นเอง แม่ทัหหนุ่มตัดสินใจพูดตรงๆ แล้วที่ติดมาในถุงเงินก็เป็นดอกไม้ที่เขาได้มา

    ...หรือคะ

    ชายหนุ่มทำใจให้กล้า เชยคางของเธอขึ้นมาสบตาด้วยก่อนจะเอ่ยหนักแน่นราวกับให้คำปฏิญาณ

    ข้าไม่เคยมีใคร แล้วพอเราแต่งงานกันก็จะมีแต่เจ้าคนเดียวเท่านั้น เชื่อใจข้าเถอะนะ

    ค่ะ เด็กสาวรับพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

    ทั้งสองมองตากันนิ่งอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนนัยน์ตาทั้งสองคู่จะปิดลง ขณะที่ริมฝีปากเคลื่อนเข้าหากันอีกครั้ง

    เนมอสอยากให้เวลาเช่นนี้คงอยู่ตลอดไปเหลือเกิน ทว่าอีกชั่วครู่หนึ่ง จุมพิตนั้นก็ต้องสิ้นสุดลง

    อีกไม่นาน วันเทศกาลคิมหันต์ก็สิ้นสุดลง

    และในที่สุด เวลาที่ทั้งสองจะได้อยู่ร่วมกันก็มีอันต้องจบสิ้นไปพร้อมการมาถึงของฤดูใบไม้ร่วง เมื่อองค์เหนือหัวมีรับสั่งให้แม่ทัพหนุ่มเข้าเฝ้าในทันทีที่กลับถึงเมืองหลวง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×