คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 1 - ความอาดูรของนักรบ - 6 - ฉลองชัย
“ไม่ใช่นางไม้แล้ว นั่นน่ะเทพธิดาชัดๆ”
“ตรัสว่าอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เนมอสหันหน้ากลับไปทางคนที่ตามหลังตนเข้ามาในคลังเก็บอาวุธ
ละสายตาจากศาสตราวุธที่ตนกำลังตรวจตราอยู่
“เราบอกว่าที่เจ้าพามานั่นไม่ใช่นางไม้แล้ว
แต่เป็นเทพธิดา...ไม่ก็เทพนารีแห่งการศึกแท้ๆ”
“นางบอกกระหม่อมว่านางไม่มีความรู้เรื่องการศึกเลยนะพ่ะย่ะค่ะ
ก็แค่ได้ยินเสียง” ขุนพลหนุ่มตอบด้วยความรู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด
“เราว่านางถ่อมตนมากกว่า”
เนมอสไม่ตอบและหันไปทำงานของตนต่อตามเดิม
“แผนการที่นางบอกมา ท่าทางเหล่าเสนาธิการจะเห็นดีด้วยจริงๆ จึงสั่งให้รีบฝึกกองทหารสำหรับปีนเขาไว้ล่วงหน้าเสียแล้ว”
“ถ้ายึดอาร์คบัตได้จริงๆ ก็ดีนี่พ่ะย่ะค่ะ” ขุนพลหนุ่มตอบลอยๆ
“ใช่...ดีมาก” ดอร์มินรับ “ดีสำหรับเจ้าด้วยที่จะมีภรรยาอย่างสิมาริเมส นางคงช่วยให้เจ้าได้ขึ้นเป็นแม่ทัพเร็วกว่าที่เราตั้งใจไว้เสียอีก”
นักรบหนุ่มปิดปากเงียบแม้จะสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างประหลาด
องค์เหนือหัวตบไหล่เขาเบาๆ แล้วทิ้งท้ายก่อนจะออกไป
“หากเราชนะศึกครั้งนี้ เราจะปูนบำเหน็จให้เจ้าอย่างงาม...แล้วก็ให้ว่าที่ภรรยาของเจ้าในฐานะต้นคิดแผนการด้วย”
ศึกครั้งนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อกำลังเสริมจากแคว้นของพระชนนีมาถึง
ทัพของอาร์คบัตที่หมายมารุกรานก็ถูกตีให้ถอยร่นกลับไป และกองทัพของอาณาจักรก็เดินทัพข้ามทะเลทราย
รุกไล่จนถึงหน้าประตูเมืองก่อนจะตีเข้าไปได้ด้วยแผนการที่นายทหารซึ่งอยู่ในที่ประชุมครั้งนั้นทราบกันดีว่ามาจากคำแนะนำของกุลสตรีธิดาท่านข้าหลวงจากนครแห่งบุปผาผู้เป็นคู่หมั้นของขุนพลคนหนึ่ง
อาร์คบัตปราชัยก่อนสิ้นสุดฤดูร้อนปีนั้นเสียอีก
เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังเซ็งแซ่ในเมืองแห่งบุปผา
ขณะที่กองนักรบขี่ม้าไปตามถนนสายหลักของเมือง
ดอกไม้ดารดาษในคิมหันต์ถูกโยนและโปรยทั่วถนนหิน บ้างก็ล่องลอยในคูน้ำใส
ที่หน้าจวนท่านข้าหลวง
ขุนพลเนมอสแลเห็นเด็กสาวในชุดสีสดใสยืนอยู่ ดวงหน้าฉายรอยยิ้มอย่างปีติกับความปลอดภัยและชัยชนะของชายผู้เป็นคู่หมั้น
ฝ่าบาทดอร์มินพระราชทานรางวัลให้เนมอสตามคำตรัสด้วยการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นแม่ทัพ
และเชิญสิมาริเมสมาในพระราชพิธีแต่งตั้งนายทหารต่างๆ ที่มีความชอบในศึกอาร์คบัต
เพื่อรับพระราชทานรางวัลจากองค์กษัตริย์และพระชนนีซึ่งเสด็จมาเป็นเกียรติในพระราชพิธีครั้งนี้เป็นพิเศษ
เด็กสาวคุกเข่าอยู่ข้างแม่ทัพหนุ่ม
วันนี้เธออยู่ในอาภรณ์งดงามที่สุดที่เขาเคยเห็น
เส้นผมดำขลับที่มักปล่อยสยายคลุมแผ่นหลังรวบทบเป็นมวยอย่างประณีต
ประดับด้วยเครื่องเพชรพองามสมฐานะ
เขาสบตากับเธอแล้วก็ก้มลงซ่อนรอยยิ้มขณะรับพระราชทานรางวัลจากพระหัตถ์ขององค์เหนือหัวบนบัลลังก์ในพระราชวังประจำแคว้นบุปผา
ห่างออกไปข้างบัลลังก์สักระยะหนึ่งคือบัลลังก์ของพระชนนีซึ่งจะเป็นผู้พระราชทานรางวัลให้แก่สิมาริเมสแทนพระโอรส
กล่องกำมะหยี่สีแดงขลิบทองถูกมอบให้ทั้งสองพร้อมคำอวยพร
แล้วเขากับเธอจึงถวายบังคมลาและก้าวออกจากท้องพระโรงอย่างสำรวม
ให้นายทหารคนต่อไปเข้ามารับพระราชทานรางวัลแทน
ที่ระเบียงด้านนอก
สิมาริเมสถอนหายใจยาว
“ข้ากลัวจะตื่นเต้นจนทำอะไรผิดไปหมดเสียแล้ว”
“แต่ตอนเจ้าอยู่ในงานก็ดูใจเย็นดีนี่นา” เนมอสเปรยยิ้มๆ
ขณะมองคู่หมั้นสาวที่แต่งกายสวยงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนให้สมความคิดถึง
“ท่านเนมอสคงไม่ทราบหรอกค่ะ...ว่าเท้าข้าสั่นจนก้าวเซไปเซมาแทบพันกันหมดแล้ว
ดีที่ชายกระโปรงคลุมอยู่”
เด็กสาวออกตัวก่อนจะหันมาสนใจกล่องในมือ “ว่าแต่นี่คืออะไรหรือคะ
เปิดได้หรือเปล่า”
“น่าจะเปิดได้แล้วกระมัง”
เขาตอบก่อนจะปลดสลักกล่องแบบเดียวกันในมือของตน “ว่าแต่ทำไมกล่องของพวกเราถึงเหมือนกันนะ”
ยังไม่มีคำตอบเมื่อเขาเปิดกล่องออกมา
พบกับภาพของแหวนทองคำสุกปลั่งวงเล็กนิด
หัวแหวนประดับพลอยน้ำงามสีม่วงสลับเขียวใบไม้
เรียงรายรอบเรือนแหวนที่แกะเป็นเถาดอกไม้อ่อนช้อย
ขุนพลหนุ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เดี๋ยวก่อน
นี่มันแหวนของผู้หญิงนี่นา...”
“ท่านเนมอสคะ”
สิมาริเมสเรียกก่อนจะส่งกล่องของตนให้ดู
ในนั้นคือแหวนวงใหญ่กว่าจนมองออกว่าเป็นแหวนของผู้ชาย
หัวแหวนทำเป็นรูปใบไม้แบบเรียบๆ ฝังพลอยเม็ดใหญ่สีเขียวเข้ม
“ฝ่าบาทส่งให้เราสลับกันหรือ”
“ข้าว่าพระองค์คงจะทรงตั้งพระทัยมากกว่าค่ะ ให้เรามาแลกกันทีหลัง” เด็กสาวยิ้มน้อยๆ
“คงใช่กระมัง”
เนมอสยิ้มตอบก่อนจะหยิบแหวนรูปดอกไม้อันกระจิริดออกมา “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องสวมให้เจ้ากับมือสินะ”
เขาคว้ามือเล็กบางไว้โดยไม่รอคำตอบ
ก่อนจะสวมให้ที่นิ้วนางซึ่งดูจะพอดีที่สุด
เด็กสาวก้มหน้าอย่างขวยเขินจนเขาปล่อยมือ
แล้วเธอจึงหยิบแหวนที่ตนได้รับออกมาบ้างก่อนจะสวมให้มือที่ใหญ่กว่า
ความประหม่าทำให้สิมาริเมสเลือกนิ้วไม่ถูกอยู่เป็นนาน
ซ้ำมือน้อยยังสั่นจนแทบทำแหวนหล่น แต่เมื่อแหวนหัวใบไม้นั้นมาอยู่บนนิ้วของชายหนุ่ม
ทั้งสองก็หัวเราะให้กันเบาๆ อย่างร่าเริง
เมื่อนั้นเองที่มีเสียงเรียกจากด้านหลัง
“ท่านแม่ทัพเนมอสกับคู่หมั้นใช่ไหมเจ้าคะ” หญิงสาวที่แต่งกายเรียบๆ แต่ดูมีฐานะสูงคนหนึ่งถามอย่างสำรวม
“ใช่” นักรบหนุ่มตอบ “มีอะไรหรือ”
“พระชนนีมีรับสั่งให้ท่านทั้งสองเข้าเฝ้าหลังเสร็จพระราชพิธีเจ้าค่ะ” นางอธิบายก่อนจะกลับหลังหัน “เชิญพวกท่านรอในห้องรับรองก่อนเจ้าค่ะ”
เนมอสหันกลับไปมองสิมาริเมสที่ไม่พูดอะไร
ก่อนจะเดินตามหญิงผู้นั้นไปด้วยกันทั้งสองคน
ไม่นานทั้งสองก็ถูกพามายังห้องรับรองอันหรูหรา
หญิงที่เขาเข้าใจว่าเป็นนางกำนัลของพระชนนีนำน้ำดื่มมารับรองก่อนจะผละจากไป
ทิ้งทั้งสองไว้เพียงลำพัง
“ทำไมพระชนนีถึงทรงอยากพบพวกเราล่ะคะ” เด็กสาวถามแผ่วเบา
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” เนมอสตอบด้วยความรู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างประหลาด
อย่างไรก็ดี
ทั้งสองได้แต่นั่งเงียบจนกระทั่งนางกำนัลคนเดิมมาบอกว่าถึงเวลาเข้าเฝ้าแล้ว
และพาทั้งสองไปยังห้องที่พระชนนีประทับรออยู่
ในพระราชพิธีนั้น
เนมอสไม่ได้เห็นพระชนนีชัดนัก
เมื่อมีโอกาสสังเกตในคราวนี้ก็พบว่าพระนางเป็นสตรีที่ดูเหมือนเพิ่งเข้าวัยกลางคนไม่นาน
แม้ฉลองพระองค์สีทึมทึบตามแบบของหญิงม่ายจะทำให้ดูมีอายุยิ่งกว่าเดิม
เค้าหน้าของฝ่าบาทดอร์มินเรียกได้ว่าล้วนมาจากพระนางทั้งสิ้น
ทั้งสองมีดวงหน้าเรียว นัยน์ตาคม
สันจมูกกับรอยหยักของริมฝีปากบางเหมือนกันเป็นพิมพ์เดียว
แม่ทัพหนุ่มกับคู่หมั้นถวายบังคมอย่างนอบน้อม
ก่อนที่พระชนนีจะแย้มรอยยิ้มบางๆ
“ตามสบายเถอะ ท่านแม่ทัพเนมอสกับคุณหญิงสิมาริเมส” น้ำเสียงของพระชนนีไม่ถึงกับทุ้มต่ำ
ยังเจือความหวานเหมือนเสียงสตรีวัยสาวและกังวานมีสง่า “เมื่อเช้ามืด
ดาวประกายพรึกส่องแสงสว่างใกล้ดาวปาริชาตเป็นลางดี
เรานึกแล้วว่าต้องได้พบสิ่งที่อยากพบเจอมานาน...ซึ่งก็คือท่านนั่นเอง”
พระนางกวาดมองทั้งสอง
หยุดอยู่ที่สิมาริเมสสักครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาทางเนมอสอีกครั้ง
“ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาทเคยบอกเราว่าท่านมีความสามารถมาก
ซ้ำยังเคยช่วยพระองค์ไว้หลายครั้งทีเดียว”
“นับเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างสูงพ่ะย่ะค่ะ
ที่ฝ่าบาทตรัสเช่นนั้น” เนมอสตอบตามธรรมเนียม
“คุณหญิงสิมาริเมส”
“พะ...เพคะ”
เด็กสาวตอบอย่างประหม่า
“ท่านเองก็สมกับที่ฝ่าบาทเคยบอกเราทั้งรูปโฉมและกิริยา ชายใดที่ได้ท่านเป็นคู่ครองก็เหมือนได้เพชรน้ำงามไม่ผิดเลย”
“หม่อมฉัน...ไม่ได้ดียิ่งถึงขนาดนั้นหรอกเพคะ” เธอออกตัวเบาๆ
พระชนนียังคงยิ้มอย่างอารี
“เราอยากพบท่านทั้งสองมานานแล้ว
ครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสดีนัก” พระนางยกสองมือขึ้น
ปลดสร้อยประดับจี้ไพลินล้อมเพชรแพรวพราวที่สวมอยู่ออกมา “โปรดรับของขวัญแสดงความยินดีของเราในครั้งนี้เถิดนะ”
เนมอสนิ่งเงียบ
ด้วยรู้ว่าพระชนนีตั้งใจจะมอบสร้อยนั้นให้สิมาริเมส
“ปะ...เป็นพระกรุณาธิคุณอย่างสูงเพคะ พระชนนี
แต่หม่อมฉันเกรงว่าเกียรตินี้สูงค่าเกินหม่อมฉันจะอาจเอื้อมเพคะ”
“อาจเอื้อมอะไรกัน”
พระนางหัวเราะเบาๆ “เราอยากมอบให้เจ้าด้วยความเอ็นดู
เจ้ารับไว้เถิด”
“...ขอบพระทัยเพคะ”
เด็กสาวตอบในที่สุด
“ขอให้เราได้สวมให้เจ้ากับมือเถอะนะ” พระชนนีเอ่ย สิมาริเมสจึงเดินเข่าไปข้างหน้าสองสามก้าว ให้พระนางโน้มกายลงคล้องสายสร้อยให้
“เราไม่มีลูกสาวเลย หากมีหญิงเช่นเจ้าเป็นธิดาก็คงจะดีไม่น้อย”
หลังจากสวมสร้อยให้เสร็จ
พระชนนีก็ตัดบทว่าพระนางไม่ควรรั้งทั้งสองให้อยู่นาน
และอนุญาตให้ถวายบังคมลากลับไปหลังจากกำชับ
“ขอให้ท่านทั้งสองรับใช้ฝ่าบาทอย่างเต็มที่ ตามหน้าที่ที่ควรกระทำเถอะนะ”
ในตอนนั้น เนมอสไม่ได้เฉลียวคิดสักนิดว่าคำพูดของพระชนนีมีความหมายใดแฝงอยู่
ขณะเดินไปตามทางเดินเพื่อออกจากพระราชวัง
เด็กสาวยังคงแตะจี้ไพลินเม็ดโตอย่างประหลาดใจ และดูจะไม่ค่อยสบายใจนัก
“ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพระชนนีถึงมอบของสูงค่าอย่างนี้ให้กับข้า
ทั้งๆ ที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ”
“พระนางมีรับสั่งว่าทรงเอ็นดูเจ้านี่นา” เนมอสพยายามให้เหตุผล แม้ตนจะประหลาดใจอยู่เช่นกัน
“ค่ะ...แต่...ข้าก็ยังรู้สึกว่าไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” เด็กสาวพูดอย่างกังวล “ถอดสร้อยก่อนได้ไหมคะ...ข้ารู้สึกอายอย่างไรก็ไม่รู้”
“ข้าว่าพระชนนีคงไม่ว่าอะไรหรอก ก็ประทานให้เจ้าแล้วนี่” ชายหนุ่มตอบ ครั้นเห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นหาตะขอเกี่ยวสร้อยไม่พบจึงอาสา “ให้ข้าช่วยไหม”
“ค่ะ...ขอบคุณมากค่ะ”
เนมอสปลดตะขอสร้อยจากด้านหลังอย่างง่ายดาย
แต่แล้วก็ชะงักนิ่งไปเมื่อเห็นรอยสีดำบนต้นคอของเด็กสาว…รอยที่ดูเหมือนเส้นสายก่อตัวเป็นตราสัญลักษณ์จางๆ
ใต้แนวผม
“มีอะไรหรือคะ”
เขาเพิ่งได้สติเมื่อเธอเรียก
“มะ...ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่ข้าเพิ่งเห็นว่าที่หลังคอของเจ้ามีอะไรบางอย่าง”
“อ๋อ...รู้สึกจะเป็นปานดำน่ะค่ะ”
สิมาริเมสตอบ “ท่านแม่บอกว่ามีมาตั้งแต่เกิดแล้ว ข้าเองเคยส่องกระจกดู
แต่ก็ไม่เห็นถนัดนัก ดูแย่มากเลยหรือคะ”
“ไม่หรอก มันจางมาก” เนมอสปฏิเสธ
แม้จะอดคิดไม่ได้ว่าลักษณะของมันคล้ายกับรอยสักหรือรอยตีตราบางอย่างมากกว่า “ข้าแค่แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเท่านั้นเอง”
“คงเป็นเพราะข้าไม่เคยรวบผมให้ท่านเห็นเลยกระมังคะ”
“นั่นสินะ” เขารับลอยๆ
“ว่าแต่จากนี้ไปท่านเนมอสก็คงจะว่างไปอีกสักพักใช่ไหมคะ” เด็กสาวเปลี่ยนเรื่องถาม
“ว่างจนกว่าฝ่าบาทจะมีพระบัญชาให้ไปรบหรือประจำที่อื่นนั่นละ”
ชายหนุ่มเริ่มยิ้มออกได้อีกครั้ง “ช่วงนี้เราจะได้พบกันบ่อยๆ
เหมือนแต่ก่อน”
“แล้ว...จะว่างในวันครีษมายันไหมคะ”
“ว่างสิ ทำไมหรือ”
สิมาริเมสส่งยิ้มสดใสให้เขา
“เราสองคนจะได้ไปงานเทศกาลคิมหันต์ด้วยกันน่ะค่ะ”
ความคิดเห็น