ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานอาณาจักรมนตรา

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 1 - ความอาดูรของนักรบ - 5 - เข้าเฝ้า

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 63


    เจ้านี่ร้ายนัก คนพูดมองคนฟังที่ขยับตัวหมากสีดำไปแทนที่หมากกลมแบนสีขาว

    แค่เบี้ยเองนะพ่ะย่ะค่ะ

    เราหมายถึงเรื่องหมั้นสายฟ้าแลบนั่นต่างหาก ฝ่าบาทเดินหมากสีขาวของตน ว่าจะส่งขันหมากพระราชทานไปให้แม่นางไม้คนสวยของเจ้าแท้ๆ

    เนมอสยิ้มแห้งๆ เขาเก็บเงียบไว้ว่านั่นละคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตนต้องรีบสู่ขอและจัดพิธีหมั้นเป็นการภายในเสียก่อนเมื่อทบทวนจนแน่ใจดีแล้วว่าตนรู้สึกอย่างไรกับเด็กสาว หลังจากเจอคำกระเซ้าชวนใจหายขององค์เหนือหัวไปในวันนั้น

    หากจะขอเธอแต่งงานจริงๆ เขาก็อยากจัดการทุกสิ่งให้ถูกต้องตามธรรมเนียมด้วยตนเอง ไม่อยากให้มีผู้ใดคิดว่ากระทั่งเรื่องแต่งงานยังต้องพึ่งบารมีนาย หรือให้เธอคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้มีขึ้นเพียงเพราะฝ่าบาททรงพิจารณาจะมอบเธอให้เป็นรางวัลของเขาเท่านั้น

    ท่านข้าหลวงไม่อยากให้จัดงานเอิกเกริกพ่ะย่ะค่ะเขาออกตัวให้ฟังดูดีที่สุด

    ไม่ได้ๆ เจ้าเป็นเพื่อนของเรา จะให้เราทำเฉยได้อย่างไร จำไว้เสียว่างานสมรสต้องเป็นงานพระราชทาน ห้ามลักลอบจัดก่อนเด็ดขาด เพราะเราจองตำแหน่งเพื่อนเจ้าบ่าวไว้แล้ว

    ขุนพลหนุ่มลอบถอนใจ แต่ก็เอาแต่นิ่งเงียบรอดูสถานการณ์บนกระดาน

    ว่าแต่กำหนดวันแต่งหรือยัง

    ยังพ่ะย่ะค่ะ ท่านข้าหลวงขอให้รออีกสักปี แล้วอย่างน้อยพวกเราก็ต้องทำศึกกับอาร์คบัตเสียก่อน

    อีกสักปี? นี่แม่หญิงสิมาริเมสของเจ้าเป็นเด็กอายุสิบสี่รึ ดอร์มินพูดกลั้วหัวเราะ

    สิบหกพ่ะย่ะค่ะ เขารีบค้าน

    สิบหก อันที่จริงแต่งก่อนรบก็ได้ด้วยซ้ำ ตอนอภิเษกสนมคนหนึ่งของเรา นางยังอายุสิบห้าเลย ฝ่าบาทตรัสเรียบๆ จำได้ว่าเมื่อปีก่อนมีเจ้าแคว้นคนไหนไม่รู้เสนอจะยกลูกสาวอายุสิบสองให้เราด้วยซ้ำ แต่นั่นมันก็เด็กไป...รออีกสองสามปีดีกว่า ดอกไม้ที่ยังตูมอยู่ ไปเด็ดเสียก่อนเวลาอันควรก็ไม่น่าเชยชมเท่าดอกไม้แรกแย้ม จริงไหม

    เนมอสไม่ปริปากวิจารณ์คำเปรียบเปรย แต่กลับเดินหมากอย่างเงียบๆ

    ว่าแต่เราเริ่มอยากเห็นคู่หมั้นของเจ้าเสียแล้วสิ

    ถ้าเป็นงานสมรสพระราชทาน ฝ่าบาทก็ได้ทอดพระเนตรนางอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ

    นานไป เราหมายถึงก่อนรบกับอาร์คบัตต่างหาก เจ้าพานางมาเที่ยวชมป้อมสักครั้งสิ ถือเสียว่าให้เรากับพวกทหารได้เห็นดอกไม้งามเป็นบุญตาก่อนไปศึกสักหน่อย

    นักรบหนุ่มปฏิเสธในทีแรก แต่สุดท้ายก็จำต้องยอมตกลงเมื่อองค์เหนือหัวนำผลแพ้ชนะของหมากกระดานนี้เป็นพนัน และพิฆาตขุนสีดำได้ในที่สุด

     

    ใต้แสงตะวันยามสาย นัยน์ตาสีอำพันทอดลงจากเชิงเทิน มองทิวทัศน์กว้างขวางเบื้องล่างอย่างสนใจ

    อาร์คบัตอยู่ที่ไหนหรือคะ

    อยู่ข้ามฟากทะเลทรายไปอีก เลยมองไม่เห็น

    กระทั่งค่ายพักทหารของฝ่ายนั้นก็ยังอยู่เลยเส้นขอบฟ้าเช่นกัน แต่เนมอสกลับโล่งใจมากกว่าที่พวกมันยังยกทัพมาไม่เข้าระยะของป้อมปราการแห่งนี้ ในเมื่อภาพนั้นอาจทำให้เด็กสาวผู้กลายมาเป็นคู่หมั้นของเขาได้ไม่ถึงสัปดาห์ดีกังวลใจ

    ท่านต้องออกไปไกลถึงขนาดนั้นเชียวหรือคะ สิมาริเมสพูดเสียงอ่อน ขุนพลหนุ่มเลยยิ้มน้อยๆ ก่อนตอบ

    ไม่หรอก แค่รอรับศึกอยู่แถวหน้าด่านช่วงนี้เท่านั้นเอง เขาวาดมือเหนือภาพผืนทราย

    ค่ะ อีกฝ่ายรับเบาๆ แล้วเงียบไป มีเพียงเสียงลมที่พัดแรงรอบกายทั้งสองจนเส้นผมยาวสลวยและผ้าคลุมผมของเด็กสาวพลิ้วไหว ต่างฝ่ายจดจ่อกับความคิดของตนและอนาคตภายหน้า ท่านเนมอสคะ

    หือ...

    ข้า... สิมาริเมสเอ่ยด้วยเสียงลังเล ข้าไม่ชินเรื่องการศึกเลยนะคะ

    ทำไมหรือ เขาย้อนถาม

    ก็...อย่างนี้ข้าจะเหมาะที่จะเป็น...ภรรยาของขุนพลหรือคะ เด็กสาวพูดเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ ตอนได้ยินว่าท่านบาดเจ็บคราวนั้น...ข้าก็เป็นห่วงจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี ท่านแม่บอกว่าบุรุษต้องทำการศึกเป็นธรรมดา เราเป็นสตรีก็ต้องยอมรับชะตากรรมว่าเขาอาจจะกลับมา...หรืออาจจะไม่ก็ได้

    แต่ข้าก็กลับมาแล้วนี่ สิมา เขากุมมือของเธอไว้ เริ่มรู้สึกกล้าและเคยคุ้นที่จะจับมือ รวมทั้งเรียกเธอด้วยชื่อเล่นสั้นๆ ตามที่เธอบอกขึ้นมาบ้างหลังงานหมั้น

    แล้วครั้งหน้าล่ะคะ

    ครั้งหน้าก็จะพยายามกลับมาให้ได้ ขุนพลหนุ่มชำเลืองมองคู่หมั้นซึ่งยังคงมีสายตากังวล เรื่องศึก...ข้าเองก็รับรองไม่ได้แน่ๆ ว่าจะรอด แต่ข้าก็สู้ให้เต็มที่ทุกครั้ง ยิ่งมีเจ้ารออยู่ ข้าก็จะยิ่งสู้ให้เต็มที่ขึ้นไปอีก

    ท้ายคำพูดนั้นเขาบีบมือของเธอแน่นขึ้นเหมือนจะรับรอง

    ขอบคุณค่ะสิมาริเมสเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้มน้อยๆ

    เนมอสยิ้มตอบ เงียบไปอีกครู่หนึ่งจึงตัดบท เข้าไปในป้อมเถอะ ตอนนี้ฝ่าบาทคงจะเลิกประชุมแล้ว

     

    เขาคาดการณ์ผิด เพราะทันทีที่เข้าใกล้โถงประชุม ทั้งสองก็พบว่าองค์เหนือหัวดอร์มินกับบรรดาแม่ทัพและเสนาธิการต่างๆ กำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียด แต่ครั้นจะเลี่ยงออกมา ฝ่าบาทก็สังเกตเข้าและทักเสียก่อน

    อ้าว เนมอส มาพอดี

    สายตาทุกคู่ในห้องพุ่งตรงมาทางขุนพลหนุ่ม...แล้วก็เคลื่อนไปที่เด็กสาวด้านหลังเป็นตาเดียวกัน เนมอสค้อมคำนับ ยังผลให้สิมาริเมสยอบกายตามอย่างอ่อนน้อม

    ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ

    ถวายบังคมเพคะ

    ชายหนุ่มสังเกตว่าท่ามกลางสายตาประหลาดใจของเหล่าคนในห้องนั้นยังมีแววตำหนิที่เขาอาจหาญนำสตรีเข้ามาในเขตแดนแห่งการรบอันสงวนไว้ให้แต่บุรุษ และบางสิ่งในแววตาของนายทหารบางคนรวมทั้งฝ่าบาทซึ่งเนมอสไม่ค่อยเข้าใจ แต่กลับยังความไม่สบายใจขึ้นมา

    ทว่าอีกชั่วครู่ กษัตริย์หนุ่มก็คลี่ยิ้มน้อยๆ อย่างเป็นมิตร

    ยินดีที่ได้พบคุณหญิงสิมาริเมส คู่หมั้นของท่านขุนพลเนมอสด้วย

    ...นับเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับหม่อมฉันเพคะ เด็กสาวตอบแผ่วเบา

    เรายังต้องประชุมกันต่ออีกสักพัก เชิญคุณหญิงนั่งพักก่อนเถอะ ฝ่าบาทบอกก่อนจะหันกลับมาทางขุนพลหนุ่ม เนมอส เจ้ามาฟังด้วยก็ดี

    ทหารที่เฝ้ายามอยู่นำเก้าอี้มาตั้งชิดผนังห่างจากโต๊ะที่วางแผนที่กลางวงประชุมสักระยะหนึ่ง เพื่อรับรองสตรีเพียงคนเดียวในที่นั้น ขณะที่เนมอสนั่งลงบนเก้าอี้ว่างที่มุมด้านหนึ่งของโต๊ะ

    เมื่อการประชุมแผนการรับมือข้าศึกผู้รุกรานดำเนินต่อไป ขุนพลหนุ่มลอบปรายตามองคู่หมั้นที่ถูกกันให้อยู่เพียงลำพังอย่างลำบากใจ เขาอดนึกไม่ได้ว่าไม่ควรพาเธอมานั่งเบื่อหน่ายเช่นนี้เลย ทว่าสิมาริเมสยังคงส่งยิ้มเฝื่อนๆ ตอบมา

    กระหม่อมคิดว่า...เมื่อได้กำลังเสริมจากแคว้นของพระชนนีแล้ว เราควรบุกไปยึดเมืองอาร์คบัตต่อให้สิ้นเสี้ยนหนามเสียด้วยพ่ะย่ะค่ะ

    แต่รัชกาลก่อนๆ ก็ทรงพยายามทำเช่นนั้นแล้ว และไม่สำเร็จนะท่านแม่ทัพ เมืองอาร์คบัตใช่จะตีแตกได้ง่ายๆ เสียเมื่อไร

    แต่ถ้าเรายังปล่อยพวกมันอยู่ ก็ไม่รู้ว่ามันจะโจมตีพวกเราอีกเมื่อใดน่ะสิ

    เราเองก็อยากยึดอาร์คบัตให้ได้เสียที องค์ราชันเอ่ยขึ้น ยังผลให้เสียงที่ทำท่าจะทุ่มเถียงเงียบไป ติดที่ชัยภูมินั่นละ

    เนมอสพยักหน้าพลางครุ่นคิด จะว่าไปแล้วอาร์คบัตไม่ได้มีแสนยานุภาพล้ำเลิศเลยด้วยซ้ำ ทว่าปัญหาคือลักษณะภูมิประเทศที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขา ประตูหน้าด่าน ณ อีกฟากทะเลทรายหรือก็สร้างขึ้นในช่องเขา นับเป็นปราการธรรมชาติชั้นดี

    ควรมิควรแล้วแต่จะทรงโปรดเกล้าฯ เพคะ... น้ำเสียงของเด็กสาวกลับดังขึ้น เรียกสายตาของทุกคนไปยังร่างบอบบางที่นั่งยืดหลังตรง สองมือประสานกัน ดูเยือกเย็นและสง่างามอย่างที่เนมอสไม่เคยเห็นมาก่อน หม่อมฉันขอดูแผนที่หน่อยได้ไหมเพคะ

    ไม่มีใครพูดขึ้นเลย จนกระทั่งดอร์มินตอบเรียบๆ

    ได้สิ

    เมื่อนั้นเอง สิมาริเมสจึงได้ลุกจากเก้าอี้และเดินตรงไปอยู่ข้างกษัตริย์หนุ่ม แต่ค่อนไปด้านหลังซึ่งไม่ได้ใกล้ชิดจนเกินงาม คิ้วเรียวขมวดน้อยๆ ขณะที่นัยน์ตาทอดมองแผนที่ยุทธศาสตร์

    ทุกคนจับจ้องสตรีเพียงคนเดียวในที่ประชุมนิ่งนาน จนกระทั่งเธอค้อมศีรษะให้องค์เหนือหัว

    ดูจากภูมิประเทศของอาร์ตบัคแล้ว หม่อมฉันเห็นว่าเราจะยกทหารเข้าไปทั้งกองลำบาก เช่นที่พระองค์และท่านทั้งหลายทราบดี แต่หากส่งทหารจำนวนน้อยที่ชำนาญการปีนเขาสูงให้ลอบเข้าไปทำลายปีกทั้งสองของกองทัพรักษาเมือง ซึ่งน่าจะประจำอยู่... เธอก้าวเข้ามาโน้มกายลงเหนือโต๊ะ นิ้วขาวเรียวชี้ไปที่จุดจุดหนึ่งบนป้อมปราการของอาร์คบัตก่อนจะเคลื่อนไปยังอีกที่หนึ่ง จุดนี้...และจุดนี้ น่าจะทำให้กองทัพของอาร์คบัตอ่อนกำลังลง จนทัพใหญ่ของเราตีฝ่าประตูเมืองเข้าไปได้โดยง่ายเพคะ

    เด็กสาวค้อมคำนับอีกครั้งแล้วจึงถอยกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตน เสียงฮือฮาดังขึ้นจากหมู่เสนาธิการและนายทหาร ซึ่งหารือความเป็นไปได้ของแผนการนั้นอย่างกระตือรือร้น

    มีเพียงเนมอสที่พูดไม่ออก เขาได้แต่มองเด็กสาวที่นั่งเหยียดหลังตรงราวกับนางพญา ทอดสายตาไปยังชายผู้มีอำนาจมากที่สุดในที่นั้นโดยไม่สบตากับเขาอย่างน่าประหลาดใจ ก่อนจะสังเกตเห็นกษัตริย์หนุ่มมองตอบคู่หมั้นของเขาด้วยสายตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง

     

    วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีนัก นอกจากแผนการศึกกับอาร์คบัตจะหาทางออกได้แล้ว เรายังได้พบคู่หมั้นแสนงามและเก่งกาจของขุนพลเนมอสเสียด้วย ฝ่าบาทดอร์มินเอ่ยด้วยรอยยิ้มหลังจากเรียกให้ขุนพลหนุ่มกับคู่หมั้นมานั่งร่วมโต๊ะด้วยกันสามคนเมื่อการประชุมสิ้นสุด

    มะ...หม่อมฉันไม่ได้เก่งกาจอะไรเลยเพคะ สิมาริเมสก้มหน้าน้อยๆ อย่างประหม่า ก็แค่...ได้ยินเสียงบอก...เท่านั้นเองเพคะ

    ได้ยินเสียงหรือ องค์เหนือหัวซักอย่างสนใจ เทพีแห่งชัยชนะฝากให้คุณหนูนำสารนี้มาให้พวกเรากระนั้นหรือ

    หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ เพียงแต่ตัดสินใจว่าจะลองให้เสียงนั้นพูดดูเท่านั้นเอง เด็กสาวออกตัว ว่าแต่แผนนั้นจะใช้ได้ไหมเพคะ

    มีความเป็นไปได้สูง แต่คงต้องวานคู่หมั้นของคุณหนูพิสูจน์สักหน่อย คนพูดหันไปทางบุคคลที่สามที่ร่วมโต๊ะ จริงไหมเนมอส

    พ่ะย่ะค่ะ ขุนพลหนุ่มจำใจรับ

    ความเงียบครอบคลุมบรรยากาศอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่องค์เหนือหัวจะเอ่ยอย่างรื่นเริง เจ้าเนมอสออกจะเป็นคนทื่อๆ นอกจากรบทัพจับศึกแล้วก็ไม่ใคร่สนใจเรื่องละเอียดอ่อนอื่นๆ เอาเสียเลย ถ้ามีคุณหนูคอยดูแลอยู่ เราก็ค่อยวางใจ

    สิมาริเมสยิ้มตอบตามมารยาท ส่วนคนถูกพาดพิงถึงก็ลอบถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรของวันไม่ทันนับ เตรียมใจว่าฝ่าพระบาทคงจะพระราชทานเพลิงให้เขาต่อไปแน่แท้

    คุณหนูทราบไหม เจ้านี่เวลาอยู่ในสนามรบน่ะอย่างกับปีศาจ จะเพื่อนหรือศัตรูก็อย่าเข้าใกล้เป็นดีที่สุด แต่เราเคยตามไปเยี่ยมบ้านเขาครั้งหนึ่ง เลยได้พบว่าขุนพลพยัคฆ์ของเรา เวลาอยู่ต่อหน้าแม่กลับเชื่องเป็นลูกแมวดีๆ นี่เอง

    ฝ่าบาททรงเคยเห็นท่านแม่ของท่านเนมอสหรือเพคะ เด็กสาวซักถามอย่างสนใจขึ้นมา

    เคยครั้งหนึ่งเมื่อราวสองปีก่อน ว่าแต่เนมอสยังไม่เคยเล่าเรื่องแม่ให้คุณหนูฟังเลยหรือ

    ...ไม่เพคะ เธอรับเสียงแผ่ว

    ถ้าอย่างนั้น ไว้เจ้าตัวเล่าให้ฟังเองดีกว่าไหม เดี๋ยวจะกลายเป็นเราแย่งเรื่องพูดของคนพูดน้อยอยู่แล้วไปจนหมด ฝ่าบาทถองเจ้าของเรื่องเบาๆ หือ...เนมอส

    นักรบหนุ่มยิ้มเฝื่อนๆ เรื่องของแม่ของกระหม่อมก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนี่พ่ะย่ะค่ะ

    แม้แต่เรื่องที่คุณหนูสิมาริเมสดูคล้ายแม่ของเจ้าน่ะหรือ

    สิมาริเมสชายสายตาประหลาดใจมาทางเขาที่นิ่งเงียบ ตกใจพอกันเพราะไม่ทันคิดว่าฝ่าบาทจะเอ่ยเช่นนี้ และไม่เคยคิดเปรียบเทียบเธอกับแม่เลยด้วยซ้ำ

    เราไม่ได้หมายถึงหน้าตา...แต่เป็นกิริยาท่าทางน่ะ ดอร์มินขยายความ เรารู้สึกว่าคุณหนูมีบางอย่างที่คล้ายกับแม่ของเนมอสอยู่

    อย่างนั้นหรือเพคะ

    เคยได้ยินมาว่าบุรุษมักรักสตรีที่คล้ายแม่ของตน เห็นจะต้องนับว่าจริงเสียแล้ว ยกเว้นกรณีของเรา ในรอยยิ้มขององค์เหนือหัว เนมอสรู้สึกคล้ายจะเห็นความกดดันที่แฝงอยู่เช่นทุกครั้งที่มีเหตุให้เอ่ยถึงพระชนนี

    ฝ่าบาท...เอ่อ...ทรงไม่รักหญิงที่คล้ายพระราชมารดาหรือเพคะ เด็กสาวถามอย่างลังเลก่อนจะสะดุ้งวาบ พะ...พระอาญาไม่พ้นเกล้า หม่อมฉันไม่ควรพูดเช่นนั้นเลยเพคะ

    ไม่เป็นไรหรอก อีกฝ่ายยิ้มอ่อนโยนขึ้น ก็ไม่ใช่ว่าเสด็จแม่จะไม่ดี ทรงเข้มแข็งและเด็ดขาด เป็นที่ปรึกษาที่ดีของเรา แต่เรารู้สึกเหมือนมีหญิงที่คอยดูแลเราในแบบนั้นคนเดียวก็พอแล้ว เลยชอบหญิงที่...อ่อนโยนกว่านั้นบ้าง แต่ในสถานการณ์ของเราก็ใช่ว่าจะเลือกได้หรอก

    สิมาริเมสนิ่งเงียบไป ขุนพลหนุ่มเองก็รู้สึกว่าแนวเรื่องสนทนากลับเคร่งเครียดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

    แต่แม่ของเนมอสมีสิ่งที่คล้ายคุณหนูอยู่จริงๆ เราคิดว่านางเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและเป็นห่วงเป็นใย เอาใจใส่ดูแลลูกชายมากทีเดียว

    เนมอสฟังแล้วก็คิดถึงครั้งที่เจ้าชายรัชทายาทอันดับหนึ่งปลอมตัวเป็นเพื่อนทหารมาที่บ้านของเขายามพักรบ แม่ของทหารหนุ่มในวันนั้นต้อนรับสหายของลูกชายเป็นอย่างดี พร้อมทั้งฝากให้ช่วยดูแลกันและกันโดยไม่รู้เลยจนวันสิ้นลมว่าตนมีวาสนาได้พบกับองค์กษัตริย์ในอนาคต

    องค์เหนือหัวคงเห็นว่าจะสนทนาเรื่องนี้ต่อไปได้ไม่นาน จึงเปลี่ยนเป็นซักถามเรื่องทั่วๆ ไปกับคู่หมั้นของขุนพลหนุ่มแทนจนถึงเวลาที่เขาทูลลากลับ

     

    ฝ่าบาททรงมีพระอัธยาศัยดีนะคะ สิมาริเมสเอ่ยทำลายความเงียบในรถม้าระหว่างทางกลับจากป้อม ข้ารู้สึกเหมือน...ทรงขี้เล่น...จะเรียกอย่างนี้ได้ไหมคะ

    ก็คงได้ เนมอสตอบเรียบๆ พลางนึกในใจว่าเด็กสาวยังไม่เห็นพระวีรกรรมมากพอจะเติมคำขยายความเป็น ทรงขี้เล่นอย่างร้ายกาจที่สุด

    ว่าแต่...นี่เป็นวันแรกด้วยซ้ำกระมังคะที่ข้าได้ฟังเรื่องแม่ของท่านเด็กสาวเปรยขึ้น

    อย่างนั้นหรือ

    ก็...นอกจากครั้งแรกที่พบกัน ท่านเนมอสไม่เคยพูดถึงแม่ของท่านเลย ข้าเลยไม่กล้าถามเพราะรู้สึกเหมือนท่านยังเสียใจเรื่องแม่อยู่

    ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ขุนพลหนุ่มยิ้มน้อยๆ แต่เรื่องของแม่ข้าก็ไม่ได้มีอะไรมากมายจริงๆ

    อย่างนั้นหรือคะ สิมาริเมสรับอย่างไม่มีความหมายมากนัก แต่แล้วชายหนุ่มก็อดพูดไม่ได้

    ในเมื่อเขาได้รู้ความลับเรื่องแม่แท้ๆ ของเด็กสาวอย่างที่เธอไม่เคยรู้แล้ว...จะให้เขาปิดบังเรื่องหญิงที่จะมาเป็นแม่สามีของเธอได้หรือ

    แม่เลี้ยงข้ามาตามลำพังตั้งแต่เล็กเพราะพ่อไม่เคยเหลียวแลเราสองคน ข้าเข้าใจว่าพ่อเป็นขุนนางคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ตัวตนว่าเป็นใคร ตอนเด็กๆ ข้าเกลียดมากเวลามีคนพูดกันว่าข้าเป็นลูกไม่มีพ่อ...เป็นลูกนางบำเรอ แต่สุดท้ายข้าก็ต้องยอมรับจนได้

    ขะ...ขอโทษนะคะ เด็กสาวเอ่ยเสียงแผ่ว ถ้าท่านเนมอสไม่อยากพูดถึง ข้าก็เข้าใจค่ะ

    ไม่เป็นไรหรอก ข้าคิดว่าควรพูดเสียที แล้วข้าก็อยากพูดด้วย เขาหันไปมองเส้นทางนอกหน้าต่างเพื่อหลบสายตา อีกไม่นาน...เราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันนี่

    ...ค่ะ สิมาริเมสรับเบาๆ เช่นเดิม เขาเลยพูดต่อไป

    แม่เป็นช่างทอผ้า แต่ละวันๆ ท่านทำงานหน้าหูกทอผ้าไม่มีวันหยุดเพื่อส่งข้าเรียนหนังสือ แต่ข้าก็ไม่ใช่คนหัวดีมาก...ที่ทำดีนักกลับเป็นชกต่อยต่อตีกับคนอื่นๆ มากกว่า ยังดีที่มีทหารผ่านศึกคนหนึ่งเห็นว่าข้ายังใช้เรื่องพวกนี้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิตได้ เลยสอนอาวุธให้จนข้าได้เข้ากองทัพ แล้วพอได้พบฝ่าบาท พระองค์ก็ทรงช่วยสอนเรื่องกลศึกให้ แต่ก่อนจะได้เป็นขุนพล...แม่ก็ล้มป่วยแล้วเสียไปก่อน

    ข้า...เสียใจด้วยนะคะ

    ไม่เป็นไรหรอก เรื่องมันก็นานแล้ว เนมอสรับเรียบๆ

    ข้าคิดว่า...แม่ของท่านคงไปอยู่ในที่ที่ดีและมีความสุขยิ่งกว่านี้แล้วละค่ะ เด็กสาวพูดขึ้น

    และแม่ก็คงดีใจมาก...ที่ข้าได้พบกับหญิงที่ดีอย่างเจ้าเขาเสริม

    สิมาริเมสก้มหน้าลงอย่างขวยเขิน ก่อนจะเอ่ยเหมือนนึกขึ้นได้

    บางที...ที่ข้าได้ยินอาจจะเป็นเสียงท่านแม่ของท่านก็ได้นะคะ

    เสียง เสียงอะไรหรือ

    ก็...เสียงที่บอกเรื่องแผนตีเมืองอาร์คบัตอย่างไรล่ะคะ เด็กสาวขยายความก่อนจะพูดจริงจัง ข้าพูดจริงๆ นะคะ ข้าไม่มีความรู้ทางยุทธศาสตร์เลย แต่ตอนนั้นข้ากังวลว่าท่านอาจจะต้องไปรบนาน ยิ่งได้ยินเขาพูดกันว่าชัยภูมิของเมืองนั้นตียากมากด้วย แล้วจู่ๆ ข้าก็ได้ยินเสียง...เสียงของผู้หญิงนี่ละค่ะ บอกข้าว่ามีแผนการที่จะช่วยให้ท่านตีเมืองได้สำเร็จโดยเร็วและกลับมาโดยปลอดภัย ข้าเลยตัดสินใจปล่อยให้เสียงนั้นพูด

    อย่างนั้นหรือ เนมอสรับพร้อมกับขมวดคิ้ว ถึงเขารู้ว่าเด็กสาวไม่น่าจะสร้างเรื่องขึ้น ก็ยังรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องประหลาดเหลือที่จะเชื่อ

    ถ้าเป็นท่านแม่ของท่านจริงๆ ก็ดีนะคะ เท่ากับว่าท่านแม่พูดคุยกับข้า...ยอมรับข้า...แล้วก็ช่วยให้ข้าได้ช่วยงานของท่านด้วย สิมาริเมสยิ้มน้อยๆ อย่างยินดี

    ข้าก็คิดว่าดีเหมือนกัน ขุนพลหนุ่มตอบสั้นๆ แม้ความไม่สบายใจอย่างประหลาดจะเข้ารุมเร้าใจ เมื่อเขานึกถึงสายตาเรียบเฉยจนเรียกได้ว่าเป็นเย็นชาของเด็กสาวในตอนนั้น

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×