ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานอาณาจักรมนตรา

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 1 - ความอาดูรของนักรบ - 4 - สู่ขอ

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 63


    ปลายมีดสั้นเซาะเนื้อไม้สีขาว ก่อนที่มือใหญ่จะยกชิ้นไม้ขึ้นส่องกับแสงตะวัน แล้วลดมือลงเพื่อแกะต่อไป

    ทำอะไรอยู่รึ ร่างสูงถามพร้อมกับตรงมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ

    แกะสลักไม้พ่ะย่ะค่ะ

    นั่นน่ะเห็นอยู่แล้ว แต่จะทำเป็นอะไร องค์เหนือหัวเปรยขำๆ อย่าบอกนะว่าจะทำหัวลูกศรติดเงี่ยงไปยิงใส่ฝ่ายนั้นล้างแค้นบ้าง

    เนมอสอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ ถ้าทำได้ก็ดีสิพ่ะย่ะค่ะ

    ไหนดูซิ ฝ่าบาทดอร์มินกลับพูดขึ้นพร้อมกับฉวยชิ้นไม้ไปจากมือไม่ทันให้ตั้งตัว พินิจพิศดูอย่างสนใจยิ่ง อ้า...ลูกศรจริงๆ เสียด้วย

    เหมือนหัวลูกศรหรือพ่ะย่ะค่ะคนทำชะงักกึก

    เราไม่เห็นว่ามันจะเป็นอะไรไปได้นอกจากหัวลูกศร

    เจ้าของ หัวลูกศร อดโคลงศีรษะไม่ได้กับความคิดว่าฝีมือของตนคงยังไม่เข้าขั้นเอาเสียเลย แต่แล้วอีกฝ่ายก็เฉลย

    ศรจริงๆ นั่นละ ศรรักของกามเทพแฝงกายในรูปลักษณ์ของนกพิราบขาว ผู้นำสารของเทพกัญญาแห่งความรัก หมายยิงทะลุกลางหทัยนารี ฝากข่าวคราวและความในใจอันรุ่มร้อนไปให้นางในดวงใจ

    กระหม่อมตั้งใจจะแกะนกจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ขุนพลหนุ่มรับ แต่...เนื้อไม้มันบังเอิญเป็นสีขาว

    แล้วทำไมไม่หยิบไม้สีดำมาอีกชิ้นเล่า จะได้กลายเป็นกาดำต่ำศักดิ์หมายรักยูงหงส์ด้วย กษัตริย์หนุ่มกระเซ้า ทว่าพอเขาเงียบอยู่ก็เปลี่ยนเรื่องพูด ว่าแต่ให้พักทำไมไม่ยอมพัก

    กระหม่อมนอนพักจนพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ ถ้าไม่ติดพระบัญชาก็คงออกไปดูทหารแล้วด้วยซ้ำ

    เรื่องงานน่ะขยันจริง ดอร์มินเปรย แต่เรื่องหญิงเห็นทีจะไม่ขยันตามผลเอาเสียเลย

    เนมอสอดนิ่วหน้าไม่ได้ ตั้งแต่วันที่เขาฟื้นขึ้นมา ฝ่าบาทดูเหมือนจะกระเซ้าเขาเรื่องผู้หญิง...โดยเฉพาะธิดาท่านข้าหลวง...หนักข้อกว่าเดิมเสียอีก

    กระหม่อมส่งข่าวไปแล้วว่าตัวเองปลอดภัยดี เท่านี้ก็พอแล้วนี่พ่ะย่ะค่ะ

    นั่นละเราถึงว่าไม่ตามผล ทำไมไม่ส่งไปอีกว่าคิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว...สิมาริเมสที่รัก

    ชื่อนั้นทำเอาขุนพลหนุ่มชะงักกึก

    ฝ่าบาททรงทราบชื่อของนางได้อย่างไร

    อีกฝ่ายยักไหล่พร้อมกับหัวเราะในลำคอ

    ก็มีใครไม่รู้ละเมอเรียกชื่อนี้เสียดังตอนเพ้อไข้ เราเห็นว่าเพราะแปลกหูเลยจำได้ ความหมายเข้ากับชื่อเจ้าดีเสียด้วย

    ความหมาย...ชื่อของนางแปลว่าอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ เนมอสรีบถามเมื่อนึกได้ว่าตนยังไม่ทราบความหมายชื่อของเด็กสาวเลยด้วยซ้ำ

    เจ้าไม่รู้หรอกหรือ

    กระหม่อมไม่ได้เรียนอักษรศาสตร์มานี่พ่ะย่ะค่ะเขาออกตัวเบาๆ

    องค์เหนือหัวยักไหล่ซ้ำสอง เราบอกให้ก็ได้ สิมาริเมสแปลว่า ผู้ถือกิ่งไม้ฟังเข้ากับชื่อเนมอสที่แปลว่า ป่าละเมาะของเจ้าดีพิลึก รู้อย่างนี้แล้วจะรีบคว้าไว้ไหม ท่านขุนพลบ้านป่า หรือจะทิ้งให้ใครอื่นชิงนางไม้ที่เจ้าละเมอเพ้อพกถึงไปครองเสียก่อน

    นักรบหนุ่มปิดปากเงียบด้วยไม่อยากต่อคำความใดๆ ทว่าสหายผู้สูงศักดิ์กว่ากลับเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม

    เนมอส เจ้ารู้ไหมว่าเห็นอย่างนี้แล้ว...เราใคร่อยากตั้งชายไร้รักอย่างเจ้าเป็นขันทีองครักษ์วังใน แล้วส่งขบวนไปสู่ขอสิมาริเมสของเจ้าเสียให้รู้แล้วรู้รอด

    เนมอสรู้สึกกระตุกวูบในใจโดยไม่ทันห้าม ฝ่าบาทดอร์มินผู้มีพระชายาทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการหลายนางอยู่แล้ว...กับเด็กสาวผู้บริสุทธิ์สดใสเหมือนดอกไม้แรกแย้มคนนั้นน่ะหรือ

    ...ไม่มีวันอย่างเด็ดขาด...

    เสียดายที่เราตัดสินใจทำได้แค่ข้อหลังเพียงอย่างเดียว

    พระอาญามิพ้นเกล้า ขุนพลหนุ่มรีบกราบทูล กระหม่อมขอคัดค้านพ่ะย่ะค่ะ

    เจ้าเป็นใครถึงได้กล้าคัดค้านเรา น้ำเสียงของนายเหนือกลับขุ่นมัวขึ้น

    กระหม่อมเกรงว่าพระองค์กับหญิงอย่างสิมาริเมสไม่มีวันเข้ากันได้แน่ๆ

    อ้อ...แล้วเจ้ารู้จักนางดีนักรึ

    อย่างน้อยก็... เขารีบยั้งคำว่า ดีกว่าพระองค์ ไว้ ...ก็พอรู้จักล่ะพ่ะย่ะค่ะ

    ถึงเราไม่ขอ เจ้ามัวแต่ พอรู้จักอยู่แบบนี้ สักวันคงมีคนขอนางตัดหน้าเจ้าแทนเราอยู่ดี แล้วถึงวันนั้นเจ้าจะทนได้หรือ ดอร์มินย้อน ให้เราสู่ขอนางเสียยังดีกว่า อย่างน้อยเจ้าก็เป็นเพื่อนของเรา เรายิ่งกว่ายินดีเสียอีกที่จะให้เจ้ากับนางได้พบปะเสวนาแสดงความคิดถึงกันบ่อยๆ

    ฝ่าบาท... เนมอสพยายามนึกหาเหตุผลมาแย้ง แต่กลับรู้สึกเหมือนสมองตื้อจนไม่ได้ความคิดใด

    องค์เหนือหัวหันมายิ้มให้เขาอย่างผู้ชนะ ก่อนจะหัวเราะร่วนพร้อมกับตบไหล่เขาอย่างไม่เบานักจนแผลแสบแปลบขึ้นมา

    เพราะเราจะสู่ขอนางให้กับเจ้าหลังเสร็จศึกอาร์คบัตเพื่อตอบแทนความดีความชอบของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะว่าอย่างไรก็ตาม

     

    พรรณไม้ในสวนแปรเปลี่ยนไปบ้างเมื่อย่างเข้าคิมหันต์ ดอกไม้บางพันธุ์อันตรธานไป ส่วนบางพันธุ์ก็เริ่มผลิบานแทนที่

    ต้นไลแลคเริ่มมีใบเขียวแซมมากกว่าดอก ทว่าบุปผาอันงดงามที่สุดสำหรับเขายังอยู่ใต้ร่มเงาไม้ กำลังเด็ดช่อดอกที่แห้งเหี่ยวจากต้น

    สิมาริเมส

    เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ไหล่ลาดหลังเส้นผมสีดำไหวน้อยๆ แล้วดวงหน้าจึงหันขวับกลับมา สีหน้าประหลาดใจกลับกลายเป็นรอยยิ้มกว้าง

    ท่านเนมอส!”

    น้ำเสียงยินดีนำพาสองเท้าของเขาไปจนถึงเบื้องหน้าเธอโดยเร็ว ความคิดชั่วแวบทำให้เขานึกอยากดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด แต่ก็ยั้งตนเองไว้แล้วเอ่ยแทน

    ข้าคิดถึงท่านมาก

    สิมาริเมสก้มหน้าลง ไม่ตอบคำพูดของเขาแต่เสไปถาม ได้ยินว่าท่านบาดเจ็บ ไม่เป็นไรมากใช่ไหมคะ

    ไม่เป็นไรหรอก หายดีแล้ว

    ก็ดีค่ะ เด็กสาวรับก่อนจะพูดต่อหลังเงียบไปอีกครู่ ได้ยินว่าศึกคงสงบไปพักหนึ่ง แต่ไม่นึกเลยว่าท่านจะกลับมาเร็วถึงเพียงนี้

    ข้ามีธุระ พอแผลหายเลยขอลากลับเข้าเมืองสักครู่หนึ่ง เขาละเหตุผลไว้ แต่อีกฝ่ายยังคงซักต่อ

    ธุระอะไรหรือคะ

    ก็... ชายหนุ่มรีบนึก ข้ามีของอยากมอบให้ท่าน

    ของอะไรหรือคะเธอชายตามองอย่างสงสัย

    เขาหยิบสายสร้อยที่มีไม้แกะสลักสีขาวร้อยติดอยู่ออกมา

    มันถูกหย่อนลงในอุ้งมือของเด็กสาวซึ่งหยิบจี้ไม้ขึ้นมาดูตรงหน้าอย่างสนใจ แม้สร้อยนั้นจะเป็นเพียงโลหะราคาถูก ส่วนไม้ก็แกะด้วยฝีมือที่เรียกได้ว่าค่อนข้างหยาบ

    นกหรือคะ ท่านทำเองหรือ

    ใช่ ตอนพักฟื้นหลังบาดเจ็บ...ข้าอยู่ว่างๆ เลยลองทำดู เนมอสอดออกตัวไม่ได้ สมัยเป็นทหารใหม่ๆ...เคยมีคนสอนข้าแกะสลักในเวลาว่าง แต่ข้าก็ไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก

    น่ารักมากแล้วละค่ะ ว่าแต่นี่นกอะไรหรือคะ

    ไม้สีขาว...คงเป็นนกพิราบกระมัง

    คงเป็น...แสดงว่าตอนทำไม่ได้คิดหรือคะ สิมาริเมสหัวเราะน้อยๆ

    ก็...จะว่าอย่างนั้นก็ได้

    ถึงอย่างไรก็ขอบคุณมากนะคะ ข้าจะรักษามันเป็นอย่างดีเลย เด็กสาวตอบก่อนจะสวมสร้อยนั้น ให้นกพิราบตัวน้อยได้โผบินอยู่ใต้ลำคอระหง

    ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณ เนมอสแลตะลึงแทบลืมหายใจ

    ขอบคุณทำไมหรือคะ

    ก็...ขอบคุณที่ชม...แล้วก็รับเจ้านกที่น่าจะเป็นพิราบฝีมือคนหัดแกะอย่างข้าไปประดับน่ะสิ

    ค่าของของที่ให้...สำคัญอยู่ที่ใจค่ะ คนตอบยิ้มอ่อนหวานก่อนจะเปรย ...แต่บังเอิญจริงๆ

    บังเอิญอะไรหรือ

    ก็...ชื่อของข้าแปลว่า ผู้มาจากนกพิราบน่ะสิคะ

    ไม่ใช่ ผู้ถือกิ่งไม้หรือ เขาถามอย่างสงสัยก่อนจะขยายความ มีคนบอกข้ามาอย่างนี้

    แปลได้ทั้งสองอย่างค่ะ ความหมายว่า ผู้มาจากนกพิราบ เป็นภาษาเก่าของแคว้นเรา ส่วน ผู้ถือกิ่งไม้ เป็นภาษาของทางเมืองหลวง เด็กสาวอธิบาย แต่ข้าคิดว่าท่านพ่อท่านแม่คงตั้งตามความหมายแรก เพราะข้าเป็นเด็กที่รับมาเลี้ยง เหมือนในตำนานพื้นบ้านน่ะค่ะ

    ตำนานว่าอะไรหรือ

    ในตำนาน นางไม้ตนหนึ่งมีความรักกับชายมนุษย์ แต่สุดท้ายทั้งสองก็ต้องจากกัน นางไม้จำต้องทิ้งลูกสาวที่เกิดกับเขาไว้ที่ชายป่า นกพิราบคู่หนึ่งจึงคอยดูแลทารกคนนั้นจนมีคนเลี้ยงแกะมาพบเข้าและนำไปเลี้ยงเป็นลูก ธิดาของนางไม้โตขึ้นมาเป็นหญิงงาม ได้พบรักและอภิเษกกับเจ้าชายอย่างมีความสุข แล้วทั้งสองก็กลายมาเป็นบรรพบุรุษของพวกเรา...อย่างที่ข้าเคยบอกว่าพวกเราในดินแดนนี้สืบเชื้อสายมาจากนางไม้น่ะค่ะ

    อ๋อ ชายหนุ่มพยักหน้ารับ อย่างนี้นี่เอง

    คำว่า อภิเษก ทำให้เขาเผลอคิดแวบถึงคำตรัสขององค์เหนือหัวขึ้นมา แต่ก็รีบสลัดความคิดนั้นไปโดยเร็ว

    ถึงอย่างนั้นก็ยังบังเอิญอยู่ดี ขุนพลหนุ่มเปรยยิ้มๆ

    บังเอิญอะไรหรือคะ

    ก็ชื่อของข้าหมายถึง ป่าละเมาะ...ส่วนชื่อของท่านหมายถึง ผู้ถือกิ่งไม้ ได้ อย่างนี้ชื่อของเราต่างก็เกี่ยวกับต้นไม้เหมือนกันทั้งคู่น่ะสิ

    คนฟังหัวเราะรับเบาๆ นั่นสินะคะ

    แต่แล้วความเงียบที่มีเพียงเสียงใบไม้ในสายลมก็เข้าห้อมล้อมทั้งสองอีกครา กระทั่งขุนพลหนุ่มตัดสินใจเอ่ยขึ้นอีก

    สิมาริเมส

    คะ?”

    ท่าน... เนมอสรู้สึกเหมือนตนต้องรวบรวมความกล้ายิ่งกว่ายามสังหารศัตรูในสมรภูมิ ท่าน...จะแต่งงานกับข้าไหม

    เด็กสาวเงยหน้าขึ้นทันควัน นัยน์ตาสีอำพันเบิกกว้างเหมือนเด็กเล็กๆ สีแดงที่เคยอยู่บนแก้มบัดนี้กระจายไปทั่วใบหน้า

    ด้านชายหนุ่มก็รู้สึกแก้มร้อนผ่าว ในสมองหรือก็สับสนจนไม่อาจพูดอะไรต่อ

    หรือเขาจะใจร้อนเกินไป อย่างน้อยควรจะเริ่มจากบอกรักก่อนไม่ใช่หรือ

    ขะ...ข้าขอโทษ คงกะทันหันไปหน่อย ลืมที่ข้าพูดเสียเถอะนะ

    สิมาริเมสค่อยๆ ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ดวงตากระพริบถี่ๆ ก่อนใบหน้าจะก้มลงอีก

    แล้วเสียงหวานก็ค่อยๆ เอ่ยอย่างแผ่วเบาที่สุด ...ถามท่านพ่อดูสิคะ

    หมายความว่า... เนมอสพยายามสบตากับเธอ แต่เด็กสาวก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้น ...ท่าน...ตกลง...

    ถ้าท่านพ่ออนุญาต...ข้าก็ยินดีค่ะ

    ถ้าอย่างนั้น...ข้าจะไปหาท่านข้าหลวงเดี๋ยวนี้เลย

    ขุนพลหนุ่มยิ้มกว้าง จับมือบอบบางไว้แน่นเป็นครั้งแรกให้สมกับความคิดถึงและความดีใจ เขาตื้นตันเหลือเกินเมื่อมือคู่นั้นบีบตอบเบาๆ

     

    ข้าอาจไม่มียศศักดิ์หรือฐานะใหญ่โต ทั้งยังไม่มีชาติตระกูลสูงส่ง...แต่ข้าจะดูแลสิมาริเมสให้มีความสุขที่สุดขอรับ

    ข้าหลวงชราถอนใจยาว ทว่าสีหน้ากลับฉายความปีติอย่างยิ่งยวด

    ท่านขุนพล ข้าไม่ได้ถือสาเรื่องยศศักดิ์ ฐานะหรือชาติตระกูลเลย ที่สำคัญกว่าคือกิริยาของท่านต่างหาก ข้าเห็นได้ว่าท่านเป็นคนดีและหนักแน่น ในเมื่อท่านออกปากเช่นนี้ด้วยตนเอง ข้าก็ยิ่งกว่าวางใจเสียอีกที่จะฝากลูกสาวคนเดียวของไม้ใกล้ฝั่งคนนี้ให้ท่านดูแล

    เนมอสยิ้มน้อยๆ อย่างยินดี ทว่าอีกฝ่ายยังพูดต่อ

    แต่ข้ายังมีเรื่องต้องบอกท่านเสียก่อน จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้วว่าจะยังตกลงใจหรือไม่

    เรื่องอะไรหรือขอรับ ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย

    ท่านทราบแล้วใช่ไหมว่าสิมาริเมสไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของข้า

    พอทราบมาบ้างขอรับ

    ไม่สงสัยดอกหรือว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของนางเป็นใคร

    ก็...มีบ้างขอรับ แต่ข้าไม่คิดว่าเรื่องนี้สำคัญอย่างไร

    เอาเถอะ ชายชรายักไหล่ ข้าคิดว่าควรบอกให้ท่านรู้เสียก่อน

    แล้วเขาก็เริ่มเล่า

    เมื่อสิบหกปีก่อน มีชาวเมืองพาหญิงเร่ร่อนคนหนึ่งมาให้ข้าตัดสินโทษฐานขโมยอาหารในตลาด แต่เพราะนางท่าทางตื่นกลัว ซ้ำยังมีครรภ์แก่ ข้าจึงไม่อาจตัดสินลงโทษนางได้ และพานางกลับมาที่จวนให้ภรรยาข้าช่วยดูแลแทน

    นางไม่เคยบอกพวกเราเลยว่านางเป็นใคร มาจากไหน แต่ที่ข้อมือข้อเท้าของนางมีรอยแผลเป็นจากตรวน ซ้ำตามตัวก็มีรอยแผลและผ่ายผอมเหมือนขาดอาหาร ข้ากับภรรยาเลยได้แต่คาดเดาว่านางคงเป็นทาสหรือนางคณิกาที่หลบหนีมา แล้วก็ไม่ซักถามนางอีก

    ไม่นานนางก็คลอดสิมาริเมส แล้วก็หนีออกไปจากจวนโดยทิ้งเด็กไว้ สามวันต่อมาถึงมีคนพบศพนางอยู่ในคูเมือง สันนิษฐานกันว่านางกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย

    ขุนพลหนุ่มนิ่งฟังตะลึงงัน

    สิมาริเมสยังไม่รู้เรื่องนี้เลย ข้าเองก็ไม่เคยบอกใครว่าแม่ของนางมีสภาพน่าเวทนาอย่างนั้น...เพราะข้าไม่อยากให้มีใครดูถูกเหยียดหยามนาง ท่านข้าหลวงพูดเรียบๆ แต่หากท่านจะดูแลนางไปจนชั่วชีวิต ข้าจึงเห็นสมควรที่จะบอกท่านไว้ก่อน หากว่าท่านไม่อาจยอมรับชาติกำเนิดของนางได้...ข้าก็เข้าใจ

    ทำไมข้าจะยอมรับไม่ได้เล่า เนมอสกลับตอบอย่างโล่งใจ ข้านับถือท่านยิ่งขึ้นเสียอีกที่ยินดีมอบลูกสาวที่ท่านรักมากเพียงนี้ให้แก่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างข้า

    การเจรจาเรื่องสินสอดและพิธีการดำเนินต่อไปอีกไม่นานก็ได้ข้อสรุป

    ชายหนุ่มกับเด็กสาวเข้าพิธีหมั้นในสัปดาห์ถัดมา โดยมีดอกไลแลคช่อสุดท้ายของปีประดับในงานเล็กๆ ภายในจวนข้าหลวง ก่อนที่ขุนพลหนุ่มจะกลับไปประจำที่ป้อมหน้าด่านรอรับศึกอีกครั้ง

    ทว่าชะตากรรมไม่ยินยอมให้ทั้งสองได้ครองคู่กันอย่างง่ายดายนัก...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×