ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sun Seeker - ผู้ตามหาตะวัน (จบภาค)

    ลำดับตอนที่ #48 : -- ๑๑ – ย่ำเย็นครีษมายัน - “แกเป็นเหมือนหนู หนูไม่อยากให้แกตาย”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 224
      0
      15 พ.ย. 53

    ๑๑ย่ำเย็นครีษมายัน

     

    คงไม่มีคนไข้อีกแล้วกระมัง นายแพทย์โจเซฟ มอสคาตีประสานมือเหยียดแขนแก้เมื่อย หลังเดินออกมาจากห้องตรวจรักษา สู่เคาน์เตอร์จ่ายยาที่หญิงอีกคนนั่งอยู่ ปิดตอนนี้เลยน่าจะได้

    จ้า...วันนี้เหนื่อยมั้ยคุณหมอ หญิงวัยกลางคนหันมายิ้มให้เขาอย่างอารมณ์ดี

    ชายวัยกลางคนยิ้มตอบภรรยา

    ไม่เท่าไหร่ ขอแค่คืนนี้อย่ามีเรื่องยิงกันกะทันหันขึ้นมาแล้วกัน

    เขาพูดโดยไม่คาดหวังนักหรอก เพราะทุกวันนี้ร้านหมอมอสคาตีประจำเก็ตโตหมายเลขยี่สิบสองก็เหมือนเปิดบริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงกลายๆ อยู่แล้ว

    ปกติ ร้านหมอตอนกลางวันมีคนมาเยอะพอสมควร แต่มักไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงบริการที่มาฉีดยาคุมกำเนิด ขอยาแก้เจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ปรึกษาปัญหาสุขภาพ หรือไม่อย่างนั้นก็แค่มาชวนคุยกับภรรยาของหมอ ซึ่งเป็นทั้งคนจ่ายยาและนางพยาบาลไปพร้อมกัน

    ส่วนเวลาค่ำไปจนถึงเช้ามืดซึ่งป้ายหน้าร้านบอกว่าปิดนั้น จะเรียกว่าเป็นเวลาปิดโดยสมบูรณ์ก็ไม่ถูกนัก ในเมื่อเป็นเรื่องธรรมดาของเก็ตโตยามวิกาลที่มักมีเรื่องชกต่อยตีหรือยิงกัน จะด้วยความแค้นฝังลึก ไม่ถูกหน้าชั่วแวบ หรือฤทธิ์สุราก็แล้วแต่ สำคัญคือเมื่อมีเหตุเช่นนั้น ไม่ว่าคนเจ็บจะเป็นคนถูกหาเรื่องหรือคนหาเรื่อง หมอก็มีหน้าที่ช่วยชีวิตคนโดยไม่แบ่งแยก

    เขาคิดว่าตนเองควรดีใจด้วยซ้ำ ที่หลังๆ มานี้พวกลูกค้าสาวๆ ช่วยเป็นหูเป็นตาลดเหตุร้ายต่อผู้หญิงแบบที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นในละแวกนี้ เพื่อที่หมอวัยกลางคนเองจะได้ไม่ต้องหดหู่กับการเยียวยาทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้โชคร้าย (มีเสียงกระซิบจากภรรยาว่าบวกเสียแรงออกไปไล่ยิงตัวการให้หลาบจำ และเสียอารมณ์กับการต้องนำภูมิหลังของ หมอครูเซเดอร์เลือดเย็น เมื่อสิบกว่าปีก่อนมาอ้างให้ผู้มีอิทธิพลคนใดก็ตามเบื้องหลังตัวการไม่กล้าล้างแค้นพวกเขา)

    โจเซฟเดินไปที่ประตูกระจกซึ่งกั้นด้วยมู่ลี่แนวขวาง หมายจะกลับป้ายหน้าร้านจากคำว่าเปิดเป็นปิด แต่เมื่อมองออกไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งวิ่งตรงมาที่นี่ ก็ชะงักไปโดยปริยาย

    หญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงร่างบางคนหนึ่งวิ่งนำหน้า ตามมาด้วยชายผมดำร่างใหญ่สวมเสื้อโค้ตดำ ซึ่งอุ้มร่างเล็กปวกเปียกของเด็กวัยราวสิบขวบที่สวมฮู้ดคลุมศีรษะไว้ในอ้อมแขน เลือดเปื้อนเสื้อของเด็กคนนั้นจนโชก มีเด็กผมสั้นสีทอง มองยากว่าเป็นชายหรือหญิง กับผู้ชายผมสีทองเข้มกว่ารั้งท้าย

    ภาพแค่นี้เพียงพอให้หมอวัยกลางคนเปิดประตูรับคนกลุ่มนั้นโดยไร้คำถาม

    วางบนเตียงห้องตรวจ เขาสั่งก่อนถาม ไปโดนอะไรมา

    ถูกยิงค่ะ ไหล่ขวากับขาขวา สองนัด กระสุนฝังในทั้งสองที่ หญิงสาวรีบตอบ เราขับรถมาเกือบครึ่งชั่วโมง แกเสียเลือดมาก

    กรุ๊ปอะไร

    ไม่ทราบค่ะ

    หมอวัยกลางคนหันไปสั่งภรรยาให้ตรวจหมู่เลือดคนเจ็บทันที แล้วก็สวมถุงมือยางเดินตามเธอเข้าไปในห้องตรวจรักษา

    ...เพิ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าอย่าให้มีเรื่องยิงกัน มันก็มาสมพรปากแทนสิน่า...

    ฉันเลือดกรุ๊ปโอเนกาทีฟ ถ้าไม่มีเลือดสำรอง ก็ใช้เลือดฉันได้เลยค่ะหญิงสาวเสนอ

    ...นั่นก็ใช้ได้ ถ้าปั่นแยกเอาแต่เม็ดเลือดแดงทัน แต่ถ้าให้รวมทั้งพลาสมายังเสี่ยงอยู่...

    หมอ! หมอต้องช่วยนิกซ์ให้ได้นะ! อย่าให้นิกซ์ตายนะ!” เสียงของเด็กอีกคนร้องละล่ำละลักแทรกมา ฟังแหลมสูงเหมือนเด็กผู้หญิง

    ...ครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วครับ...

    โจเซฟไม่มีเวลาตอบทั้งสอง เขาชะโงกมองในห้อง เห็นมาร์กาเร็ตถือกรรไกรค้างอยู่ หลังตัดเสื้อผ้าของเด็กชายเพื่อให้เห็นแผลชัด

    ชายวัยกลางคนเบิกตากว้างเช่นเดียวกับภรรยา...เมื่อเห็นสิ่งไม่คาดฝัน บนสองข้างศีรษะอันมีผมสั้นเกรียนของคนเจ็บ

    ...เด็กมีเขาอีกคน เหมือนเมื่อหลายปีก่อนงั้นหรือ...

    ไม่มีเวลาคิดมากเรื่องนั้น จะเด็กมีเขาหรือไม่ หมอก็ต้องทำหน้าที่ของหมอ โจเซฟตรวจบาดแผลและอาการของคนเจ็บ กระสุนผ่าออกไม่ยากทั้งสองแห่ง (โดยเฉพาะเมื่อเขามีประสบการณ์ด้านนี้แทบเรียกได้ว่าช่ำชอง) แต่เด็กเสียเลือดมากจริงๆ ไม่มีสติตอบสนองเลย ความดันเลือดตกและชีพจรเบาเร็ว

    มาร์กาเร็ตบอกในไม่ช้าว่าเด็กคนนั้นเลือดหมู่โอ อาร์เอชบวก อย่างน้อยก็ยังโชคดี ถ้าเป็นเลือดเต็ม หมู่โอบวกรับโอลบได้ไม่มีปัญหา ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นคนเดียวให้ไม่พอจริงๆ ก็คงพอถ่วงเวลาให้ขอเบิกเลือดจากโรงพยาบาลที่รู้จักในเมืองโพรวิเดนซ์มาเป็นกรณีพิเศษได้

    ชายวัยกลางคนเรียกหญิงสาวเลือดหมู่โอเข้ามาเจาะเลือดในห้องพักคนไข้สำรอง หลังจากซักประวัติเล็กน้อยให้แน่ใจว่าไม่มีความเสี่ยงเรื่องโรคติดต่อทางเลือด และในตอนนั้นเอง ที่เขาเพิ่งเห็นเต็มตาว่าเธอเป็นชาวอัสลาน หลังจากสะกิดใจในทีแรก

    ...ชาวอัสลาน...เลือดหมู่โอเนกาทีฟ...ซ้ำยังดูคุ้นหน้าอย่างประหลาด แม้จะนึกไม่ออกว่าเคยพบกันเมื่อไร...

    ขอโทษที่พาเรื่องมาให้อีกแล้วนะคะ คุณลุงโจเซฟ หญิงสาวกระซิบขณะนั่งเอนบนเก้าอี้ยาว ถกแขนเสื้อของตนขึ้นเหนือข้อศอก

    คำเรียกดึงความทรงจำให้พลันวาบ

    แอนเธีย! หนูเองหรือนี่!”

    แอนเธียยิ้มเจื่อนๆ ...อย่างที่หมอวัยกลางคนจำได้ว่าไม่เคยเห็นจากเด็กสาวร่างผอมบาง ผู้เคยมีเขาโค้งคู่เล็กชี้ไปข้างหลัง ซึ่งถูกแทนที่ด้วยผ้าพันแผลหนารอบศีรษะ หลังจากเขาคู่นั้นหายไป

    ซ้ำนัยน์ตาของเธอก็ไม่เคยดูเป็นมิตร และไม่เคยมองเขาอย่างเคารพเช่นนี้ ความเป็นผู้ใหญ่เกินวัยในดวงตาตรงหน้ากลับดูอบอุ่นนุ่มนวล แทนที่จะแห้งผาก สิ้นหวัง ไร้ชีวิตชีวาเหมือนตอนนั้น

    ...ถึงสิบปีหรือยังนะ... โจเซฟตั้งคำถาม ...อย่างที่นิโคลัสบอกไว้จริงๆ เธอโตขึ้นมาก ดีขึ้นจากตอนนั้นมากเหลือเกิน...

    เขามีเรื่องอยากถามหญิงสาวอีกมากมาย แต่ก็ตัดสินใจไม่พูดออกไป ในเวลานี้ ยังมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ

    เดี๋ยวหนูจะเล่าให้ฟังทุกอย่างค่ะ แล้วคงมีเรื่องต้องขอร้องคุณลุงมากกว่านี้ แอนเธียพูดเบาๆ  ตอนนี้ขอให้พวกเราช่วยเด็กคนนั้นก่อนนะคะ แกเป็นเหมือนหนู หนูไม่อยากให้แกตาย

    ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับ

    หมอเข้าใจ

    เขาเป็นหมอ หมอย่อมต้องการรักษาชีวิตคน ย่อมไม่อยากให้คนไข้คนเจ็บคนใดต้องตาย แต่กับเด็กมีเขาคนนี้มีอะไรมากกว่านั้น อะไรบางอย่างที่สะกิดใจ และย้ำเตือนความทรงจำครั้งเขาได้พบเด็กสาวอัสลานแปลกประหลาดคนนี้เป็นครั้งแรก

    ...ว่าเขาอยากให้เด็กเนฟิลิมเหล่านี้ได้มีชีวิตอยู่ถึงที่สุด แม้นั่นไม่อาจลบล้างบาปในอดีตของตนได้ก็ตามที...

     

    * * * * *

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×