คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : -- ๑๑ – ย่ำเย็นครีษมายัน - “แกเป็นเหมือนหนู หนูไม่อยากให้แกตาย”
๑๑ – ย่ำเย็นครีษมายัน
“คงไม่มีคนไข้อีกแล้วกระมัง” นายแพทย์โจเซฟ มอสคาตีประสานมือเหยียดแขนแก้เมื่อย หลังเดินออกมาจากห้องตรวจรักษา สู่เคาน์เตอร์จ่ายยาที่หญิงอีกคนนั่งอยู่ “ปิดตอนนี้เลยน่าจะได้”
“จ้า...วันนี้เหนื่อยมั้ยคุณหมอ” หญิงวัยกลางคนหันมายิ้มให้เขาอย่างอารมณ์ดี
ชายวัยกลางคนยิ้มตอบภรรยา
“ไม่เท่าไหร่ ขอแค่คืนนี้อย่ามีเรื่องยิงกันกะทันหันขึ้นมาแล้วกัน”
เขาพูดโดยไม่คาดหวังนักหรอก เพราะทุกวันนี้ร้านหมอมอสคาตีประจำเก็ตโตหมายเลขยี่สิบสองก็เหมือนเปิดบริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงกลายๆ อยู่แล้ว
ปกติ ร้านหมอตอนกลางวันมีคนมาเยอะพอสมควร แต่มักไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงบริการที่มาฉีดยาคุมกำเนิด ขอยาแก้เจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ปรึกษาปัญหาสุขภาพ หรือไม่อย่างนั้นก็แค่มาชวนคุยกับภรรยาของหมอ ซึ่งเป็นทั้งคนจ่ายยาและนางพยาบาลไปพร้อมกัน
ส่วนเวลาค่ำไปจนถึงเช้ามืดซึ่งป้ายหน้าร้านบอกว่าปิดนั้น จะเรียกว่าเป็นเวลาปิดโดยสมบูรณ์ก็ไม่ถูกนัก ในเมื่อเป็นเรื่องธรรมดาของเก็ตโตยามวิกาลที่มักมีเรื่องชกต่อยตีหรือยิงกัน จะด้วยความแค้นฝังลึก ไม่ถูกหน้าชั่วแวบ หรือฤทธิ์สุราก็แล้วแต่ สำคัญคือเมื่อมีเหตุเช่นนั้น ไม่ว่าคนเจ็บจะเป็นคนถูกหาเรื่องหรือคนหาเรื่อง หมอก็มีหน้าที่ช่วยชีวิตคนโดยไม่แบ่งแยก
เขาคิดว่าตนเองควรดีใจด้วยซ้ำ ที่หลังๆ มานี้พวกลูกค้าสาวๆ ช่วยเป็นหูเป็นตาลดเหตุร้ายต่อผู้หญิงแบบที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นในละแวกนี้ เพื่อที่หมอวัยกลางคนเองจะได้ไม่ต้องหดหู่กับการเยียวยาทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้โชคร้าย (มีเสียงกระซิบจากภรรยาว่าบวกเสียแรงออกไปไล่ยิงตัวการให้หลาบจำ และเสียอารมณ์กับการต้องนำภูมิหลังของ ‘หมอครูเซเดอร์เลือดเย็น’ เมื่อสิบกว่าปีก่อนมาอ้างให้ผู้มีอิทธิพลคนใดก็ตามเบื้องหลังตัวการไม่กล้าล้างแค้นพวกเขา)
โจเซฟเดินไปที่ประตูกระจกซึ่งกั้นด้วยมู่ลี่แนวขวาง หมายจะกลับป้ายหน้าร้านจากคำว่าเปิดเป็นปิด แต่เมื่อมองออกไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งวิ่งตรงมาที่นี่ ก็ชะงักไปโดยปริยาย
หญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงร่างบางคนหนึ่งวิ่งนำหน้า ตามมาด้วยชายผมดำร่างใหญ่สวมเสื้อโค้ตดำ ซึ่งอุ้มร่างเล็กปวกเปียกของเด็กวัยราวสิบขวบที่สวมฮู้ดคลุมศีรษะไว้ในอ้อมแขน เลือดเปื้อนเสื้อของเด็กคนนั้นจนโชก มีเด็กผมสั้นสีทอง มองยากว่าเป็นชายหรือหญิง กับผู้ชายผมสีทองเข้มกว่ารั้งท้าย
ภาพแค่นี้เพียงพอให้หมอวัยกลางคนเปิดประตูรับคนกลุ่มนั้นโดยไร้คำถาม
“วางบนเตียงห้องตรวจ” เขาสั่งก่อนถาม “ไปโดนอะไรมา”
“ถูกยิงค่ะ ไหล่ขวากับขาขวา สองนัด กระสุนฝังในทั้งสองที่” หญิงสาวรีบตอบ “เราขับรถมาเกือบครึ่งชั่วโมง แกเสียเลือดมาก”
“กรุ๊ปอะไร”
“ไม่ทราบค่ะ”
หมอวัยกลางคนหันไปสั่งภรรยาให้ตรวจหมู่เลือดคนเจ็บทันที แล้วก็สวมถุงมือยางเดินตามเธอเข้าไปในห้องตรวจรักษา
...เพิ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าอย่าให้มีเรื่องยิงกัน มันก็มาสมพรปากแทนสิน่า...
“ฉันเลือดกรุ๊ปโอเนกาทีฟ ถ้าไม่มีเลือดสำรอง ก็ใช้เลือดฉันได้เลยค่ะ” หญิงสาวเสนอ
...นั่นก็ใช้ได้ ถ้าปั่นแยกเอาแต่เม็ดเลือดแดงทัน แต่ถ้าให้รวมทั้งพลาสมายังเสี่ยงอยู่...
“หมอ! หมอต้องช่วยนิกซ์ให้ได้นะ! อย่าให้นิกซ์ตายนะ!” เสียงของเด็กอีกคนร้องละล่ำละลักแทรกมา ฟังแหลมสูงเหมือนเด็กผู้หญิง
...ครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วครับ...
โจเซฟไม่มีเวลาตอบทั้งสอง เขาชะโงกมองในห้อง เห็นมาร์กาเร็ตถือกรรไกรค้างอยู่ หลังตัดเสื้อผ้าของเด็กชายเพื่อให้เห็นแผลชัด
ชายวัยกลางคนเบิกตากว้างเช่นเดียวกับภรรยา...เมื่อเห็นสิ่งไม่คาดฝัน บนสองข้างศีรษะอันมีผมสั้นเกรียนของคนเจ็บ
...เด็กมีเขาอีกคน เหมือนเมื่อหลายปีก่อนงั้นหรือ...
ไม่มีเวลาคิดมากเรื่องนั้น จะเด็กมีเขาหรือไม่ หมอก็ต้องทำหน้าที่ของหมอ โจเซฟตรวจบาดแผลและอาการของคนเจ็บ กระสุนผ่าออกไม่ยากทั้งสองแห่ง (โดยเฉพาะเมื่อเขามีประสบการณ์ด้านนี้แทบเรียกได้ว่าช่ำชอง) แต่เด็กเสียเลือดมากจริงๆ ไม่มีสติตอบสนองเลย ความดันเลือดตกและชีพจรเบาเร็ว
มาร์กาเร็ตบอกในไม่ช้าว่าเด็กคนนั้นเลือดหมู่โอ อาร์เอชบวก อย่างน้อยก็ยังโชคดี ถ้าเป็นเลือดเต็ม หมู่โอบวกรับโอลบได้ไม่มีปัญหา ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นคนเดียวให้ไม่พอจริงๆ ก็คงพอถ่วงเวลาให้ขอเบิกเลือดจากโรงพยาบาลที่รู้จักในเมืองโพรวิเดนซ์มาเป็นกรณีพิเศษได้
ชายวัยกลางคนเรียกหญิงสาวเลือดหมู่โอเข้ามาเจาะเลือดในห้องพักคนไข้สำรอง หลังจากซักประวัติเล็กน้อยให้แน่ใจว่าไม่มีความเสี่ยงเรื่องโรคติดต่อทางเลือด และในตอนนั้นเอง ที่เขาเพิ่งเห็นเต็มตาว่าเธอเป็นชาวอัสลาน หลังจากสะกิดใจในทีแรก
...ชาวอัสลาน...เลือดหมู่โอเนกาทีฟ...ซ้ำยังดูคุ้นหน้าอย่างประหลาด แม้จะนึกไม่ออกว่าเคยพบกันเมื่อไร...
“ขอโทษที่พาเรื่องมาให้อีกแล้วนะคะ คุณลุงโจเซฟ” หญิงสาวกระซิบขณะนั่งเอนบนเก้าอี้ยาว ถกแขนเสื้อของตนขึ้นเหนือข้อศอก
คำเรียกดึงความทรงจำให้พลันวาบ
“แอนเธีย! หนูเองหรือนี่!”
แอนเธียยิ้มเจื่อนๆ ...อย่างที่หมอวัยกลางคนจำได้ว่าไม่เคยเห็นจากเด็กสาวร่างผอมบาง ผู้เคยมีเขาโค้งคู่เล็กชี้ไปข้างหลัง ซึ่งถูกแทนที่ด้วยผ้าพันแผลหนารอบศีรษะ หลังจากเขาคู่นั้นหายไป
ซ้ำนัยน์ตาของเธอก็ไม่เคยดูเป็นมิตร และไม่เคยมองเขาอย่างเคารพเช่นนี้ ความเป็นผู้ใหญ่เกินวัยในดวงตาตรงหน้ากลับดูอบอุ่นนุ่มนวล แทนที่จะแห้งผาก สิ้นหวัง ไร้ชีวิตชีวาเหมือนตอนนั้น
...ถึงสิบปีหรือยังนะ... โจเซฟตั้งคำถาม ...อย่างที่นิโคลัสบอกไว้จริงๆ เธอโตขึ้นมาก ดีขึ้นจากตอนนั้นมากเหลือเกิน...
เขามีเรื่องอยากถามหญิงสาวอีกมากมาย แต่ก็ตัดสินใจไม่พูดออกไป ในเวลานี้ ยังมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ
“เดี๋ยวหนูจะเล่าให้ฟังทุกอย่างค่ะ แล้วคงมีเรื่องต้องขอร้องคุณลุงมากกว่านี้” แอนเธียพูดเบาๆ “ตอนนี้ขอให้พวกเราช่วยเด็กคนนั้นก่อนนะคะ แกเป็นเหมือนหนู หนูไม่อยากให้แกตาย”
ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับ
“หมอเข้าใจ”
เขาเป็นหมอ หมอย่อมต้องการรักษาชีวิตคน ย่อมไม่อยากให้คนไข้คนเจ็บคนใดต้องตาย แต่กับเด็กมีเขาคนนี้มีอะไรมากกว่านั้น อะไรบางอย่างที่สะกิดใจ และย้ำเตือนความทรงจำครั้งเขาได้พบเด็กสาวอัสลานแปลกประหลาดคนนี้เป็นครั้งแรก
...ว่าเขาอยากให้เด็กเนฟิลิมเหล่านี้ได้มีชีวิตอยู่ถึงที่สุด แม้นั่นไม่อาจลบล้างบาปในอดีตของตนได้ก็ตามที...
* * * * *
ความคิดเห็น