ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานอาณาจักรมนตรา

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 1 - ความอาดูรของนักรบ - 3 - ศึก

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 63


    ท่านเนมอสดูเหนื่อยๆ นะคะ เด็กสาวเปรย ช่วงนี้งานหนักหรือเปล่าคะ

    ก็...นิดหน่อย ชายหนุ่มตอบก่อนจะจิบน้ำชาที่เธอนำมารับรอง ละอายเกินกว่าจะบอกความจริงเรื่องคืนวาน

    เมื่อวานฝ่าบาทเสด็จมาใช่ไหมคะ สิมาริเมสซักจากอีกฟากของโต๊ะหิน ข้าได้ยินคนครัวที่ออกไปจ่ายตลาดบอกว่ามากันเป็นขบวนใหญ่เต็มถนนหลักของเมืองทีเดียว เสียดายที่ไม่ได้ออกไปดู

    ขบวนเสด็จมารบก็มีแต่นักรบ ไม่ได้จัดรูปขบวนสวยงามนักหรอกเนมอสยิ้มเฝื่อนๆ รอดูขบวนฉลองชัยหลังเสร็จศึกดีกว่า

    ค่ะ อีกฝ่ายรับก่อนจะคลี่ยิ้มตอบ พวกเราจะชนะศึกครั้งนี้ใช่ไหมคะ

    เชื่อมั่นในพระปรีชาสามารถของฝ่าพระบาทเถอะ

    ค่ะ ข้าเชื่อเสียงใสหัวเราะเหมือนระฆังแก้ว เชื่อมั่นในฝีมือของท่านเนมอสด้วย

    ขอบคุณมาก ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนอยากเอื้อมมือข้ามโต๊ะหินไปจับมือเล็กบางที่กำลังบรรจงพับกลีบดอกไม้อย่างทะนุถนอมเสียเหลือเกิน แต่ก็ยั้งไว้เพราะคิดว่าไม่สมควร

    ที่หมายของมือจึงเป็นข้างเข็มขัดสำริดที่แขวนถุงใส่เงินใบใหม่ หาบางสิ่งที่พอจะจับไว้ได้เพื่อไม่ให้มือว่าง แต่เมื่อลูบถุงผ้าเนื้อนุ่มแล้ว นิ้วของเขากลับพบสัมผัสแปลกๆ

    หืม...

    มีอะไรหรือคะ เด็กสาวถาม

    เนมอสปลดถุงที่ใส่เหรียญจำนวนมากมาคลี่ปากออกดูโดยไม่ทันคิด ดอกไม้เล็กๆ สีม่วงกับสีขาว และกลีบบิดเบี้ยวของดอกกล้วยไม้สีชมพูแดงสองสามดอกร่วงหล่นออกจากถุง

    ดอกไม้นี่นาคู่สนทนาของเขาทักขึ้นมา

    ไม่มีอะไรหรอก มันหลงเข้ามาในถุงน่ะ ขุนพลหนุ่มรีบพูด เขาพอเข้าใจรำไรถึงเหตุผลที่ฝ่าบาทยัดเยียดถุงเงินนี้ให้ตนเมื่อเช้าตอนรู้ว่าเนมอสจะแวะมาที่จวนท่านข้าหลวง พร้อมกับคำบอกง่ายๆ ว่า

    ค่าติดตามของเมื่อคืน เผื่อเอาไปซื้ออะไรฝากดอกไม้ที่เจ้าหวงตัวไว้ให้!”

    ดอกอะไรหรือคะ ขอข้าดูหน่อยได้ไหม

    เขากอบดอกไม้พวกนั้นมาวางบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนัก ให้เธอกวาดพวกมันไปประคองในอุ้งมือ

    สิมาริเมสก้มหน้าลงต่ำจนเขาไม่อาจอ่านสีหน้าขณะที่เธอมองดอกไม้ทั้งสามชนิด

    มะลิคาตาโลเนียน เมเซเรออน กับกล้วยไม้รองเท้านารีท่านเนมอสไปได้มาจากไหนหรือคะ คำถามที่เขาไม่อยากตอบสักนิดมาจนได้ ข้าคิดว่าคงไม่ใช่ดอกไม้ในสวนของเรา

    ไม่ใช่หรอก ชายหนุ่มจำใจรับ ข้า...เอ่อ...ไปข้างนอกแล้วได้มา

    ซื้อมาหรือคะ

    เขานิ่งเงียบ ไม่ทราบว่าควรตอบรับหรือปฏิเสธ

    เอาเถอะค่ะ ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร ขอโทษนะคะ เด็กสาวกลับเบือนหน้าไปอีกทางพร้อมกับทิ้งดอกไม้ช้ำพวกนั้นลงบนโต๊ะ ที่ละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของท่าน

    ไม่เป็นไร ข้าไม่คิดว่าแค่ถามเรื่องดอกไม้จะถือเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวหรอก

    คู่สนทนายังไม่หันมา เธอนิ่งเงียบไปอีกครู่ก่อนจะเอ่ยเบาๆ

    ถ้าท่านขุนพลรู้บุปผาพจี...อาจจะคิดอีกอย่างก็ได้นะคะ

    ทำไมหรือ เนมอสถามทั้งๆ ที่นึกกลัวคำตอบในใจ

    มะลิคาตาโลเนียนหมายถึง ความเย้ายวน เมเซเรออนหมายถึง ปรารถนาจะมอบความพึงใจส่วนรองเท้านารี...หมายถึง... สิมาริเมสดูเหมือนต้องรวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยต่อ “’เอาชนะและครอบครองผู้ที่มอบดอกไม้ให้ ข้าพอรู้มาบ้าง...ว่าจะหาดอกไม้พวกนี้ได้ที่ไหน

    สิมาริเมส ดอกไม้พวกนี้...เขาเริ่มอธิบาย รู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นปฏิกริยาตอบรับของอีกฝ่าย

    เด็กสาวหันมามองเขา รอยยิ้มเฝื่อนๆ ปรากฏบนริมฝีปาก แต่มิได้แฝงในดวงตาเช่นทุกครั้ง

    ข้าก็บอกแล้วนี่คะ ว่าถ้าท่านขุนพลไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร เธอลุกจากเก้าอี้ ละงานจัดดอกไม้ที่ทำค้างไว้ รับน้ำชากับของว่างอีกไหมคะ ข้าจะไปบอกให้คนครัวนำมาเพิ่ม

    เขาไม่กล้ารั้งร่างที่เดินจากไป ได้แต่นั่งรอจนคนรับใช้นำขนมกับน้ำชามาให้ก่อนที่ท่านข้าหลวงจะออกมาพูดคุยธุระแทน พร้อมกับบอกว่าบุตรสาวรู้สึกไม่ค่อยสบายจึงให้ไปพักผ่อนก่อน

    นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเธอในเวลาเกือบสองเดือน เพราะในวันรุ่งขึ้น ม้าเร็วจากหน้าด่านก็ควบมาแจ้งที่ป้อมว่าข้าศึกซึ่งหยั่งดูเชิงมานานตัดสินใจยกทัพในที่สุด

     

    เสียงกู่ฮึกเหิมและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นแทนที่ลำนำของใบไม้กับสายลม กลิ่นคาวเลือดและควันไฟคละคลุ้งแทนที่กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้ สีเทาด้านชาของชุดเกราะ ประกายสีเงินของศาสตราวุธและสีแดงเข้มของโลหิตเคลื่อนไหวในคลองจักษุแทนที่สีเขียวและสีสดใสสบายตาของพรรณบุปผชาติ

    คุ้มกันฝ่าบาท! เนมอสชักม้าพร้อมกับร้องสั่งการท่ามกลางความอลหม่าน นักรบของชนเผ่าป่าเถื่อนกรูเข้ามาราวกับน้ำบ่าด้วยความคล่องตัวที่เหนือกว่า บีบให้เขาห่างจากนายเหนือออกไปทุกที

    รถศึกของฝ่าบาทดอร์มินปรากฎเป็นเงารางๆ ในหมอกทรายที่ตีคลุ้งจากเท้านับร้อยๆ คู่ ร่างที่กวัดแกว่งดาบยาวบนนั้นถูกห้อมล้อมด้วยชนเถื่อนผู้ใช้ขวานสั้น แต่ดูเหมือนว่าจะยังพอป้องกันตนได้อีกสักพัก

    ขุนพลหนุ่มบังคับม้าให้วิ่งลัดเลาะไปตามช่องว่างระหว่างร่างมนุษย์ทั้งที่ยังมีลมหายใจและหมดไปแล้ว ดาบในมือดื่มเลือดศัตรูคนใดก็ตามที่กล้าพอจะขวางทาง

    สายตาฉับไวพลันเห็นธนูที่ถูกขึ้นสาย...

    ระวัง!

    ความเจ็บแปลบวาบที่ไหล่ขวา เรียกเสียงร้องของผู้นำทัพที่หันกลับมาเห็นนักรบบนหลังม้าผู้ขวางระหว่างตนกับพลธนูของอีกฝ่าย

    เนมอส!

    กระหม่อมไม่เป็นไร คนตอบหักก้านธนูทิ้ง กลั้นความเจ็บที่ยังฝังลึกแล้วมองหาข้าศึกคนต่อไปเป็นเป้าหมาย

    เนมอสไม่รู้ว่าตนผ่านพ้นวันนั้นมาได้อย่างไร แต่ในที่สุดวังวนแห่งการฆ่าฟันก็จบสิ้นหลังจากคันธนูในมือของดอร์มินส่งอาวุธสังหารไปสู่เบ้าตาบนใบหน้าที่เขียนสีสันเจิดจ้าของร่างที่คลุมด้วยผ้าคลุมทอลายวิจิตรที่สุดในหมู่ปรปักษ์

    นักรบอื่นๆ ล่าถอยไม่เป็นกระบวนเมื่อผู้นำผงะหงายก่อนจะฟุบนิ่งไม่ไหวติง และไม่นานหมอกทรายก็จางลง

    ขุนพลหนุ่มยังคงสติย้ำกับกษัตริย์ผู้นำทัพได้ว่าตนไม่เป็นไร แม้เลือดจะไหลโกรกใต้ชุดเกราะจนโชก

    แต่พอถึงค่ายพักนั่นเอง เขาก็ทรุดล้มหลังลงจากหลังม้า

     

    แสงโคมสีส้มแดงเจิดจ้าแสบตาและประกายสีเงินแปลบปลาบ

    หูแว่วเสียงสรวลของสตรี...กระนั้นหรือ มิใช่เสียงโห่ร้องของนักรบหรืออย่างไร

    หรือเสียงร้องจากปากของเขาเอง เมื่อความเจ็บที่ไหล่ทวีขึ้นจนเกินทานทน

    หลายดวงหน้าสีขาวเหนือหมอกเลือนรางสีแดงห้อมล้อมเข้ามาแทบชิด มือหยิบยื่นพวงดอกไม้สีแดง...หรือโลหิตกันหนอ เขาสั่นศีรษะปฏิเสธ แต่พวงดอกไม้เหล่านั้นยังทาบทาลงนาบผิวเนื้อ ให้ร้อนรุ่มทรมานราวกับแผ่นเหล็กเผาไฟ

    ร่างเลือนรางในชุดสีแดงเหล่านั้นจากไป แต่ในความมืดยังมีอีกร่างหนึ่งรออยู่

    สีแดงแสบตากลับกลายเป็นสีม่วงชมพู เด็กสาวในอาภรณ์สีเย็นตานั้นหันมาส่งยิ้มให้เขา ในมือของเธอคือกิ่งไม้ ที่สุดปลายกิ่งคือช่อดอกไม้สีเดียวกัน...ดอกไลแลค แขนเรียวขาวยกขึ้นเหมือนจะมอบบุปผาให้ถึงมือ...

    กลิ่นยาฉุนแสบจมูกและผืนหนังสีอ่อน

    ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกจนไหล่ปวดระบมขึ้นมาอีก หยาดเหงื่อเหนอะหนะบนร่างใต้ผ้าห่ม

    ท่านขุนพลฟื้นแล้ว เสียงแผ่วเบาดังต่อๆ กันไป ไม่นานก็มีเสียงเลิกผ้ากระโจมและเสียงเรียกชื่อสนิทสนม

    เนมอส

    ฝ่าบาท... คนเจ็บหันไปมองคนที่นั่งลงข้างฟูก นี่กระหม่อม...

    เสียเลือดจนล้มพับไป ทำเอาเราตกใจแย่ ดอร์มินยักไหล่น้อยๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่ได้บอกความกังวลนัก แต่เจ้าก็ดวงแข็งเหลือเชื่อ รู้ไหมว่าหัวลูกศรติดแผลแน่นจนต้องดันให้ทะลุออกด้านหลังทีเดียว

    คนพูดหยิบหัวลูกศรติดเงี่ยงน่ากลัวมาโบกให้ดูตรงหน้า เรียกคำเปรยจากเจ้าของร่างที่มันเคยฝังอยู่

    ดีที่กระหม่อมหมดสติไปก่อนทำแผล

    ฝ่าบาทหัวเราะรับเบาๆ ดีที่เจ้าไม่เป็นอะไรนอกจากมีรูบนตัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งที่ เราไม่อยากให้ธิดาท่านข้าหลวงต้องเสียน้ำตา ถึงแม้ว่านางจะไม่ใช่ผู้หญิงของเราก็เถอะ

    เนมอสกลืนน้ำลายฝืดๆ เขาอดนึกถึงความฝันเลอะเลือนขึ้นมาไม่ได้แม้ปากจะกลบเกลื่อน

    นาง...นางไม่ได้เป็นอะไรกับกระหม่อมนี่พ่ะย่ะค่ะ

    ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วทำไมมีสารจากจวนข้าหลวงมาถามไถ่อาการด้วยเล่า คำตรัสทำให้ชายหนุ่มจ้องมององค์เหนือหัวเขม็ง เราพูดจริงนะ

    คงเป็นท่านข้าหลวงมากกว่าพ่ะย่ะค่ะ ขุนพลหนุ่มแย้ง นางไม่มีเหตุให้ต้องห่วงใยกระหม่อมถึงเพียงนี้หรอก

    เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไม่มี ดอร์มินยังถามต่ออย่างอารมณ์ดี

    ก็...นางไม่ได้เป็นอะไรกับกระหม่อม แล้วไม่แน่... อารมณ์ของเขากลับค่อยๆ กลายเป็นตรงกันข้ามกับอีกฝ่าย นางคงเกลียดกระหม่อมเข้าแล้ว

    อ้าว แล้วทำไมนางจะเกลียดเจ้าล่ะ

    ก็ดอกไม้ที่ฝ่าบาททรงใส่ไว้ในถุงเงินวันนั้น...

    ดอกไม้อะไร เราไม่ได้ใส่ไปสักหน่อย เนมอสรู้ดีว่าอีกฝ่ายแกล้งขมวดคิ้วสงสัยและแสร้งคิด อ้อ...มันเผลอติดไป

    หากไม่ติดกระเทือนแผล ขุนพลหนุ่มใคร่อยากถอนหายใจแรงๆ

    จะทรงตั้งพระทัยหรือจะทรงเผลอ นางก็พอทราบว่าดอกไม้พวกนั้นมาจากไหนพ่ะย่ะค่ะ

    ทราบแล้วเป็นอย่างไรล่ะ

    ก็...นางดูเหมือนจะไม่พอใจ หลบหน้ากระหม่อมทันทีน่ะสิพ่ะย่ะค่ะ

    แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่หลบหน้านั้นเป็นเพราะเกลียด กษัตริย์หนุ่มโคลงศีรษะ เนมอสเอ๋ย...สตรีนั้นซับซ้อนกว่ากลศึกที่ว่ายากยิ่งนัก ถึงปากบอกเกลียด...ในใจก็อาจรัก ถึงหลบหน้าตา...ในใจอาจร้อนรุ่มอยากพบก็เป็นได้ เรากลับคิดว่าดีเสียอีกที่นางทำท่าไม่พอใจ เพราะถ้าไม่รู้สึกเป็นพิเศษกับเจ้า นางจะหึงหวงทำไม

    เนมอสสั่นศีรษะด้วยความหมายอีกอย่าง พอเรื่องสตรีเถอะพ่ะย่ะค่ะ เรายังมีศึกรออยู่

    ก็เห็นจะต้องปล่อยให้รอไปอีกพักหนึ่ง ดอร์มินรับอย่างไม่ใส่ใจนัก โชคดีที่เจ้าป้องกันเราไว้ได้ โชคดีที่เราฆ่าหัวหน้าเผ่าใหญ่ของพวกนั้นได้พอดี พวกมันถึงได้แตกไม่เป็นกระบวน

    หมายความว่าสิ้นศึกแล้ว?”

    ยังหรอก ใบหน้าคมคายเครียดขรึมขึ้น เผ่าพวกนี้ไม่ได้นึกจะตีเราขึ้นมาเฉยๆ แต่มีผู้หนุนหลังอยู่

    ฝ่าบาททรงหมายถึง... เนมอสพูดอย่างเป็นกังวล อาร์คบัต?

    แคว้นป้อมปราการทางตะวันออก ณ อีกฟากทะเลทราย ผู้ประกาศตนเป็นศัตรูตัวฉกาจของอาณาจักร

    นั่นละ ได้ข่าวว่าทัพของมันกำลังข้ามทะเลทรายมา ราวสามหมื่นนายได้กระมัง

    สามหมื่น...กำลังพลของเราที่ค่ายในตอนนี้ไม่พอรับมือนะพ่ะย่ะค่ะ!”

    เรื่องกำลังเสริมน่ะวางใจเถอะ เพราะเสด็จแม่ทรงเจรจาขอทหารจากแคว้นของพระองค์มาช่วยเหลือที่นี่แล้ว คาดว่าคงมาถึงภายในเดือนนี้

    พระชนนีน่ะหรือพ่ะย่ะค่ะ

    ก็ใช่น่ะสิ น้ำเสียงของดอร์มินเริ่มหงุดหงิดอย่างประหลาด ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ต้องมายุ่งหรอก แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

    ขุนพลหนุ่มเงียบไปเมื่อรู้สึกได้ว่านายเหนือไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะฟังคำสนทนานัก และปล่อยให้เขาเอ่ยต่อ

    เอาเถอะ เจ้าพักผ่อนไปก่อนดีกว่า ไว้แผลค่อยยังชั่วแล้วค่อยมาว่ากันอีกที

    ว่าแล้วฝ่าบาทก็ผุดลุกจากเก้าอี้และออกไปจากกระโจม ทิ้งเนมอสให้นอนครุ่นคิดถึงเด็กสาวกับดอกไม้ในความฝัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×