คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : -- ๓ – ชายผู้ถูกอดีตทอดทิ้ง ดังนั้นจึงทอดทิ้งอดีต - “เพราะฉันมีเขาเหมือนกันหรือ”
๓ – ชายผู้ถูกอดีตทอดทิ้ง ดังนั้นจึงทอดทิ้งอดีต
ก่อนหน้าราดาแมนธิสตะโกนออกมา และก่อนหน้านิกซ์หลับไป...
ชายหนุ่มเปิดเพลงชื่อนอคเทิร์น
ราดาแมนธิสไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมจู่ๆ ถึงเลือกฟังเพลงอายุมากเป็นร้อยๆ ปีเพลงนี้ ปกติเวลาฟังเพลงนอคเทิร์นกับ ‘พรรคพวก’ คนอื่นๆ ทีไร เวซาโนจะทำหน้าพิลึก ถามเขาว่าเปิดเพลงชวนง่วงทำไม ทาลอสก็หลับไปตามเรื่องของมัน ไม่เคยฟังได้จบเพลง ส่วนซีเรนาบอกว่าเพราะดี แต่ชายหนุ่มมีความคิดว่าอะไรที่เขาชอบ เธอคงบอกว่าดีทั้งนั้น เขาจึงอยากรู้กระมังว่านิกซ์คิดอย่างไร
เมื่อได้ฟังเรื่องของเด็กนี่ เขารู้สึกว่ามันมีสิ่งที่คล้ายเขาที่สุด แต่ก็อาจจะแตกต่างจากเขากับทุกๆ คนที่สุดก็ได้ นิกซ์เป็นคนแซงค์ชัวรี เขาเป็นคนคีรีเอ เวซาโน ทาลอส กับซีเรนาล้วนแต่มาจากเก็ตโตต่างๆ เติบโตมาคนละแบบกับเขา ครอบครัวของเด็กชายพอมีพอกิน ส่วนเขามีเกินพอและเกินกิน ขณะที่คนทั้งสามล้วนยากไร้
ทว่าที่สำคัญที่สุด เวซาโน ทาลอส กับซีเรนาไม่มีญาติที่รัก เขามีทั้งญาติที่ชัง และญาติที่รักซึ่งไม่อาจเอ่ยถึง ส่วนเด็กชายมีแต่ญาติที่รัก ทั้งๆ ที่กลายเป็นเด็กปีศาจโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ใช่ เขาอิจฉามัน มันยังมีโอกาสได้คนที่มันรักกลับคืน...ถึงจะแสนเบาบาง ส่วนเขาไม่รู้เลย
และเพราะไม่รู้ เขาจึงเปิดเพลงที่เธอชอบให้มันฟัง
เอลิซาเบธ ลูเชียส ชอบเล่นเพลงนี้ เธอบอกว่านอคเทิร์นเป็นเพลงที่นุ่มนวล และเรียกมันว่าบทเพลงกล่อมสุริยเทพ กลางคืนคือเวลาที่พระองค์นิทราพักผ่อน ไม่ใช่เวลาที่น่าชิงชังหรือน่ากลัว ดังนั้น เพลงแห่งรัตติกาลจะไม่ใช่เพลงกล่อมพระองค์ไปได้อย่างไร เอลิซาเบธเชื่อมาตลอดว่าบัดนี้องค์สุริยเทพเพียงพักผ่อนยาวนานกว่าปกติ และไม่ช้าพระองค์จะหวนคืน
ส่วน ‘เด็กนอกคอก’ อย่างเขาเคยล้อว่าพระองค์ทรงพระอู้งาน ทำให้เธอโกรธจนไม่ยอมพูดด้วย แต่ก็เพียงไม่กี่ชั่วโมง เธอไม่เคยโกรธเขาได้นาน เขาเองก็เช่นกัน
เขายังจำติดใจ...ภาพของเด็กสาวผมทอง ตาสีฟ้า สวมชุดกระโปรงสีขาวตัวโปรด พรมนิ้วเรียวแผ่วเบาบนแกรนด์เปียโนสีขาวในห้องเฉลียง ซึ่งกั้นประตูหน้าต่างกระจก ติดสวนลอยฟ้าประดับด้วยสระน้ำ กับทิวดอกนาร์ซิสซัส เวลานั้น เธอคงอายุไม่มากไปกว่าเด็กหญิงตระกูลลูเชียส ซึ่งเขาเพิ่งรู้ว่ามีตัวตนอยู่ในวันนี้
เด็กหญิงนั้นทำให้เขาโกรธ เพราะเธอลอกเลียนเอลิซาเบธมาทุกประการ (เว้นเพียงมารยาทกิริยา ซึ่งราดาแมนธิสไม่ใคร่อยากเปรียบเทียบให้เสียความรู้สึก) ชายหนุ่มไม่รู้ว่าพ่อทำอย่างนี้ได้อย่างไร มีเอลิซาเบธอีกคนได้อย่างไร และลักซ่อนเอลิซาเบธคนเดิมที่เขารู้จักคุ้นเคยไปไว้ที่ใด
หรือที่จริง เอลิซาเบธคนเดิมที่เขารู้จัก อาจไม่ใช่เอลิซาเบธคนเดิมของพ่อด้วยซ้ำ ชื่อนี้มีมากในหญิงตระกูลลูเชียส นับกี่รุ่นเขาก็จำไม่ได้ อาจไม่แปลกถ้าพ่อจะมีภรรยาชื่อเอลิซาเบธคนที่สอง ผู้ให้กำเนิดเด็กหญิงคนนั้น หลังจากที่พ่อได้ธิดาชื่อเอลิซาเบธ ลูเชียส จากภรรยาคนแรก ซึ่งมีชื่อเอลิซาเบธเช่นกัน
ท่านผู้หญิงเอลิซาเบธผู้เป็นแม่ไร้ตัวตนในความทรงจำของเขา อุบัติเหตุ...หรือที่ถูกควรเรียกว่าการก่อวินาศกรรม...พรากเธอไปขณะตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือน ทว่าคณะแพทย์ยังรักษาชีวิตลูกแฝดในครรภ์ของเธอไว้ได้ เด็กแฝดนั้นเป็นชายหญิง แฝดหญิงได้ชื่อว่าเอลิซาเบธ ตามผู้เป็นแม่ที่ไม่อาจโอบกอดเธอชั่วชีวิต
ส่วนเด็กชายชื่ออิสยาห์ ตามธรรมเนียมการตั้งชื่อของตระกูลลูเชียส ผู้ถือตนเป็นข้ารับใช้องค์เทพเจ้าแห่งแสงสว่าง
เอเซคิเอล...พละกำลังแห่งเทพเจ้า เอลิยาห์...พระองค์เป็นเทพเจ้าแห่งข้าบาท เอลิซาเบธ...พันธสัญญาแห่งเทพเจ้า และอิสยาห์...การไถ่บาปของเทพเจ้า ชื่อเหล่านี้ร้อยเรียงเข้าเป็นตระกูลเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ หากไม่สังเกตว่าพยางค์แรกของชื่อหลังสุดออกเสียงต่างจากชื่ออื่นๆ ข้างต้น
นั่นอาจเป็นต้นเหตุความแปลกแยกของเด็กชาย หรือไม่ใช่ก็ได้
อิสยาห์เป็นลูกชายคนเล็ก หมอผ่าเขาออกจากครรภ์ของแม่หลังเอลิซาเบธไม่กี่นาที จากนั้น สองพี่น้องก็เหมือนเงาของกันและกัน
เมื่อทั้งสองเกิด เอลิยาห์โตมากแล้ว ไม่นานก็ได้ถือบวชในโซลาริสและเจริญก้าวหน้า อิสยาห์เองร่ำเรียนตามรอยพี่ชาย ผู้คนคาดหวังว่าเขาจะเป็นนักบวชระดับสูงเช่นกัน บางทีอาจเป็นพระราชาคณะ เมื่อพี่ชายได้เป็นพระมหาสังฆราชาแทนบิดา อิสยาห์ไม่เคยสงสัยความจริงข้อนั้น ไม่เคยต้องการเป็นอย่างอื่น เพราะถึงต้องการ เขาก็ถูกดักไว้แต่ต้นว่ามันเป็นความจริงไปไม่ได้ ส่วนเอลิซาเบธเป็นเหมือนดอกไม้ประจำตระกูลลูเชียส ใช่เพียงในแง่ความงามประดับบ้าน แต่ยังหน้าที่แต่งงานสืบสกุล เพิ่มฐานอำนาจให้แก่ตระกูล ซึ่งเพียงเท่านี้ก็แทบล้นฟ้ามืดคลุ้มฝุ่นแล้ว
ทว่าทั้งสองยังไม่คำนึงถึงสิ่งเหล่านั้นนักหรอก พวกเขายังเด็ก เวลาว่างจากเรียนและท่องคัมภีร์ อิสยาห์ชอบค้นหนังสือในห้องสมุดใหญ่ พบเจอเรื่องใดสนุกสนานก็นำมาเล่าให้อีกครึ่งหนึ่งของตนฟัง ทั้งเรื่องของโลกแห่งแสงสว่าง เทพเจ้าผู้ผิดพลาด และมนุษย์ผู้โง่เขลา เรื่องของคนคนเดิมที่มีเรื่องเล่าแตกต่าง มากมาย และซ้ำซ้อน
คงเพราะชอบดอกไม้ที่อีกฟากของห้องเฉลียง ทั้งสองจึงชอบตำนานเรื่องนาร์ซิสซัส...แต่คนละฉบับกัน อิสยาห์ชอบนาร์ซิสซัสผู้หลงรักเงาของตน เขาเชื่อว่ามันสะท้อนความจริง...ที่ว่ามนุษย์เราย่อมรักและเห็นตนเองงดงามดีเลิศที่สุด ส่วนเอลิซาเบธชอบนาร์ซิสซัสผู้เสียใจกับการตายของนาร์ซิสซา แฝดหญิงซึ่งมีรูปงามราวกับพิมพ์เดียวกัน ตามติดกันราวเงาของกันและกัน จนกระทั่งเสียสติไป นึกว่าเงาสะท้อนของตนคือแฝดผู้นั้น เธอบอกว่าเรื่องอย่างหลังฟังดู ‘ซึ้ง’ และมีความหมายกว่า
...หลงรักเงาตัวเอง ไม่ไร้สาระไปหน่อยหรือ... เธอถาม
...มนุษย์ก็ไร้สาระอย่างนี้อยู่แล้วนี่... เขาตอบ
...แต่องค์สุริยเทพทรงสร้างมนุษย์ มนุษย์ย่อมเป็นสิ่งที่ดีงามนี่นา...
...ดีงามคืออะไร ความหมายคืออะไร... เขาชอบย้อนถาม ...องค์สุริยเทพทรงสร้างมนุษย์ แต่มนุษย์อาจสร้างเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเองก็ได้ ทั้งเรื่องความดีงามและความหมาย สร้างขึ้นมาเองก็เหมือนเงาของตัว รักเงาแต่จับต้องเงาไม่ได้ก็เจ็บ เจ็บก็ทำร้ายตัวเอง...
...อิสยาห์ชอบพูดอะไรแบบนี้อีกแล้ว... เอลิซาเบธทำหน้าง้ำ ...ฟังไม่เข้าใจเลย...
แต่เอลิซาเบธก็ฟังเขา ฟังมากกว่าใครๆ ในบ้าน พ่อกับพี่เอลิยาห์บอกว่าเขาคิดมากเกินไป ไม่จำเป็นต้องคิด ต้องตั้งคำถามมากกว่านั้น แค่ศรัทธาก็พอ
กระนั้น อิสยาห์กลับรู้สึกว่า ‘ศรัทธา’ ที่ว่าช่างว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเพราะรู้สึกเช่นนั้น...เขาจึงเปลี่ยนแปลงไปก่อนเข้าปวารณาตนเป็นสาวกขององค์เทพเจ้า หรือนี่เป็นชะตากรรมอันไร้สาระที่ถูกกำหนดขึ้นแต่แรกกันแน่
เมื่อเขาอายุสิบสี่ ใกล้วันทำพิธีถือบวชเต็มที อิสยาห์ได้ลองชุดนักบวชใหม่ ทั้งหมวกและผ้าคลุมสีม่วงซึ่งเอลิซาเบธช่วยปักอย่างประณีต อนาคตของเขากำลังจะสดใส...แต่มันก็พลันดับไป ในเช้าหลังจากคืนที่เขาข่มตาหลับได้สำเร็จ หลังอาการปวดศีรษะแทบระเบิด ไม่ว่ายาขนานใดไม่อาจประทัง
ตอนปวดศีรษะ อิสยาห์คิดว่าตนฝัน...
เขาฝันว่าตนมีปีก...สีอะไรจำไม่ได้แน่ชัด แต่เขาใช้ปีกนั้นโบยบิน เหนือยอดมหาวิหารอันสูงที่สุดในคีรีเอ เหนือม่านฝุ่นที่ปกคลุมแสงตะวัน เขาได้เห็นฟ้าสีครามจนแสบตาเหมือนภาพวาด ได้เห็นดวงแสงสว่างคล้ายเพทรา โซลาริส ทว่าเจิดจ้าและอบอุ่นกว่านั้นมาก
แต่ไม่รู้เมื่อใด ความอบอุ่นกลายเป็นรุ่มร้อน ร้อนจนเหงื่อชุ่ม ละลายปีกของเขาจนสิ้น ขนนกร่วงหล่นอ้อยอิ่ง ส่วนร่างของเขาดิ่งละลิ่วรวดเร็วกว่านั้น ศีรษะนำลงมาก่อน ทะลุหมอกฝุ่นหนาหนักมาสู่โลกมืดมิด แลเห็นเมืองคีรีเอไกลลิบลิ่วสุดขอบฟ้า
ทว่าที่หมายของตนกลับเป็นหุบเหวลึกมืดดำไร้ก้นบึ้ง ศีรษะปวดร้อน ราวกับเสียดสีอากาศจนจะลุกเป็นไฟ สะเก็ดหินร้อนก้อนหนึ่งกระแทกลูกตาขวา...ฝังเข้าไป...กลืนกินเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตานั้น
แล้วเขาก็ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พร้อมกับเขาสองข้างบนศีรษะ และดวงตาสีเพลิงของปีศาจ
จากนั้น ไม่มีนักบวชใหม่นามอิสยาห์ ลูเชียส
ไม่มีบุตรชายของมหาสังฆราชาลูเชียส ที่มีนามว่าอิสยาห์อีกต่อไป
พ่อกับพี่เอลิยาห์สั่งขังเขาไว้ในห้อง โดยยังไม่แพร่งพรายเรื่องออกไป ทีแรกอิสยาห์สับสน ไม่รู้ว่าทั้งสองทำเพื่อปกป้องเขา หรือคิดกำจัดเขาปกป้องชื่อของตระกูล บางทีเขาคงผิดหวังกับตนเองเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีก เด็กหนุ่มอดตั้งคำถามไม่ได้ ...เป็นเพราะความกังขาในใจเราหรือ องค์สุริยเทพ เป็นเพราะข้าบาทไม่อาจมีศรัทธาในใจต่อพระองค์ทั้งหมดหรือ จึงต้องกลายเป็นปีศาจ ไยจึงไม่ตอบข้าบาทเล่า...
เขาอาจคิดปล่อยให้ตนเองตายไปตั้งแต่ตอนนั้น หากเอลิซาเบธไม่หาทางเล็ดลอดเข้ามาในห้องเขาได้สำเร็จ
...อิสยาห์...เธอจะตายไม่ได้นะ... เธอร้องไห้พลางกอดเด็กหนุ่มไว้ ...ฉันไม่ยอมให้เธอตาย...
...แต่...แต่ฉันเป็นปีศาจไปแล้ว...
...เธอไม่ได้เป็นปีศาจ... แฝดหญิงของเขาสั่นศีรษะ ...ฉันรู้ เธอไม่ได้เป็นปีศาจ...
เอลิซาเบธยังพูดต่อไปอีกมาก ...เธอไม่ได้ชั่วร้าย เธอไม่เคยทำร้ายใคร... อิสยาห์จึงตระหนักในตอนนั้น มีคนอัสลานมากมายที่ไม่เชื่อในองค์สุริยเทพ ดูหมิ่นพระองค์ มีคนโซลาริสมากมายที่บอกว่านับถือสุริยเทพ แต่กลับกระทำบาป ละเมิดคำสอนของพระองค์มากกว่าเขา แต่คนพวกนั้นไม่เคยมีเขางอก ไม่เคยกลายเป็นปีศาจ
ไม่ยุติธรรม หากพระองค์จะลงโทษอิสยาห์คนเดียว เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นปีศาจคนเดียว
หากไม่ใช่ความอยุติธรรม ก็เป็นความไร้เหตุผล ความไร้สาระ
อิสยาห์ตระหนักได้ เมื่อตระหนักได้ก็อยากมีชีวิตอยู่ และ...
...ฉันต้องหนี...ต้องไปจากที่นี่ ขืนอยู่...ท่านพ่อกับท่านพี่ต้องฆ่าแน่...
เขายังไม่รู้ว่าตนจะไปไหน ใช้ชีวิตอย่างไร รู้แน่เพียงต้องออกนอกคีรีเอ ไปอยู่ในเก็ตโต พวกคนเก็ตโตก็เหมือนฝูงแมลงสาบ มากมาย สกปรก ไร้ตัวตน ไร้แก่นสาร ไร้สาระ ท่านพ่อกับท่านพี่คงไม่ลดตัวส่งคนลงไปตาม หรือถึงตามก็มีโอกาสเจอน้อยราวงมเข็มในมหาสมุทร
จากนั้นเขาจะทำอย่างไร ยังไม่รู้ ไม่มีคำตอบ ทว่ามีแต่ต้องหนีไปก่อน
...ถ้าอย่างนั้น... เอลิซาเบธมองเขาอย่างแน่วแน่ ...ฉันจะไปด้วย...
...เอลิซาเบธ!...
...แฝดคือครึ่งหนึ่งของกันและกัน พ่อมีพี่เอลิยาห์แล้ว ฉันจะปล่อยอิสยาห์ไปคนเดียวได้ยังไง...
อิสยาห์นิ่งงัน มองเด็กสาวที่เคยอยู่ในครรภ์เดียวกัน เป็นครึ่งหนึ่งของกันและกัน เธอบีบมือเขาแน่น ศีรษะเอนซบไหล่เด็กหนุ่ม สั่นน้อยๆ ราวกับจะบอกไม่ให้ปฏิเสธ
ใช่ มันคือฝันไร้สาระแบบเด็กๆ ...ทั้งสองหนีไปได้ไม่ไกลเลย แค่ถึงริมประตูเมืองคีรีเอ ก็ถูกเจ้าหน้าที่กักตัวไว้ อิสยาห์กับเอลิซาเบธยังพยายามฝ่าออกไปอย่างจนตรอก เขาหาอาวุธใกล้มือได้เพียงมีดพก แสร้งจี้แฝดหญิงเป็นตัวประกัน ถึงเขากลายเป็นปีศาจ เด็กสาวก็ยังเป็นคนปกติ ซ้ำเป็นธิดามหาสังฆราชา อย่างน้อย เขาคิดว่าคนอื่นๆ จะเห็นแก่ความปลอดภัยของเธอ
แต่แล้ว เสียงปืนนัดหนึ่งก็ดังก้องในความเงียบ ตามมาด้วยความเจ็บร้าวที่ชายโครง
เอลิซาเบธทรุดฮวบในอ้อมแขนเขา กระสุนปืนทะลุร่างเธอ และถากร่างเขา ชุดสีขาวของเธอชุ่มเลือดในไม่ช้า
อิสยาห์มองไปเบื้องหน้า เห็นชายผู้ลั่นไกถนัดตา ชายนั้นมีผมสีทอง และตาสีฟ้าเหมือนเขา ซ้ำสวมชุดนักบวชระดับสูง...คุ้นตาเกินไป
เอลิยาห์ ลูเชียส
...หนี...ไป... เอลิซาเบธยังเงยหน้าขึ้นร้องบอกเขา ทั้งๆ ที่นัยน์ตาของเธอแทบไร้แวว ...หนีไป...อิสยาห์... ...ไม่ต้อง...ห่วง...ฉัน......พี่...พี่จะไม่ฆ่าฉัน...แต่...เขาฆ่า...เธอ...แน่...
...ฉัน...ไม่อยาก...ให้...เธอ...ตาย...
และ...เขาก็กัดฟัน...วิ่งออกไป...วิ่งทั้งๆ ที่สีข้างปวดแทบระเบิด ทิ้งมันไปทุกสิ่ง ทิ้งแม้แต่เงาของตน เด็กหนุ่มลอดออกนอกประตูเมือง สู่ความเวิ้งว้างนอกคีรีเอเป็นครั้งแรกในชีวิต เขาวิ่งไปจนหมดสติ ล้มลง ณ ที่ใดสักแห่งตนไม่อาจจำได้
พวกในเก็ตโตช่วยเขาไว้ ไม่สิ ต้องบอกว่าเก็บเกี่ยวประโยชน์จากเขา มีเขากับตาเหมือนปีศาจแล้วอย่างไร มีคนในเก็ตโตมากมายที่เห็นแก่กำไรของตนเกินกว่าจะสนเรื่องนั้น แค่ปะแผลพอให้ไม่น่าเกลียด แล้วก็ส่งขายตลาดมืดได้ไม่มีปัญหา
จะถือเป็นเคราะห์ดีหรือเปล่านะ ที่เขาไปได้ไม่ถึงที่นั่น
หากว่าตามภาษาตำนานปรัมปราที่เขานิยมอ่าน คงเป็นความบังเอิญที่เรียกว่าชะตากรรม ไอ้มีเขาบ้าไฟตัวหนึ่งมาถล่มขบวนพ่อค้าเล่น มันมีตัวคนเดียว แต่หัวเราะร่วนย่างสดพวกพ่อค้าทาสที่มีปืนครบมือจนหมดในไม่ช้า ต่อหน้าต่อตาเขาที่ถูกมัดยืนตะลึงงันอยู่
ครั้นแล้ว มันก็ยันท้องเขาโครมจนจุกตัวงอ ซ้ำตวาดใส่หน้า
...แกบ้ารึไงวะ ทำไมไม่พ่นไฟใส่พวกมัน...
...พ่นไฟ... เขาพูดหลังหายสำลักและเจ็บแผล ...พ่นไฟอะไร...
ชายนั้นทำหน้าขัดใจ แล้วก็พยักพเยิดไปทางเห็ดต้นเบ้อเริ่มต้นข้างทาง
...ก็นี่ไง...
เขาพ่นลมจากปาก เด็กหนุ่มมองตาม เห็นกระแสสีดำราวหมอกควันจากปากนั้น...ทว่าเป็นสีดำที่ดูเหมือนมีประกายประหลาด มันม้วนตัวกลายเป็นไฟลุกไหม้เห็ดที่ว่า
ชั่วขณะนั้น นัยน์ตาขวาเด็กหนุ่มร้อนผ่าว ร้อนและกระตุกอย่างบอกไม่ถูก เขาเป่าลมตามออกไป ครั้งแรกไม่เกิดอะไร แต่ครั้นนึกภาพหมอกควันจากปากตนกลายเป็นไฟเช่นกันในครั้งที่สองหรือสาม มันก็ลุกพรึ่บบนเห็ดข้างๆ แม้จะแผ่วเบากว่าก็ตาม
...บ๊ะ ก็ทำได้นี่หว่า... ชายพ่นไฟพูด ...แล้วทำไมไม่สู้...
เด็กหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะระเบิดหัวเราะร่วนจนเจ็บแผลที่ชายโครงขึ้นมาอีก กระทั่งอีกฝ่ายมองเขาหัวจรดเท้าราวเห็นคนบ้า
...ขอบคุณ ฉันเพิ่งรู้... เขาพูดกลั้วหัวเราะ ...เพิ่งรู้ว่าทำอย่างนี้ได้...
ชายพ่นไฟเหลือบมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ (เท่าที่อิสยาห์จะรู้สึกว่าพินิจพิเคราะห์ได้) อีกครู่ เขาเองเพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตน ผมตัดสั้นเกรียนติดหนังศีรษะ ใบหน้าเสี้ยมแหลม ปลายเขาที่งอกออกมาชี้ตรงกว่าเขาของตน
...ฉัน เวซาโน... เขาพูดง่ายๆ ...แกล่ะ...
เด็กหนุ่มขยับริมฝีปาก เกือบบอกชื่อเดิมออกไป แต่แล้วก็ยั้งตนเองไว้ เลือกอีกชื่อหนึ่งแทน
...ราดาแมนธิส...
...ราดา...อะไรวะ... เวซาโนขมวดคิ้ว ...ชื่อยาว เรียกยากพิลึก แกมาจากเมืองในกำแพงนั่นละสิ...
เด็กหนุ่มไม่ตอบ ยังคงคิดในใจ ราดาแมนธิส...ชื่อของหนึ่งในสามผู้พิพากษาแห่งปรภพในตำนานโบราณ อิสยาห์...การไถ่บาปของเทพเจ้า พิพากษาและไถ่บาป สองสิ่งนี้ไม่ไปด้วยกันได้อย่างไร
...แกมีที่ไปไหม...
เด็กหนุ่มนามราดาแมนธิสสั่นศีรษะ เวซาโนตรงไปรื้อหากระเป๋าเงินและของมีค่าจากศพรอบด้าน (เท่าที่เหลือจากการย่างสดเมื่อครู่)
...งั้นตามมา เดี๋ยวฉันเลี้ยง แต่วันหลังแกต้องเลี้ยงบ้างล่ะ...
...ทำไมนายถึงให้ฉันไปด้วย... ราดาแมนธิสถาม ...ฉันเป็นพวกเดียวกับนาย เพราะฉันมีเขาเหมือนกันหรือ...
...ไม่รู้เหมือนกัน... อีกฝ่ายยักไหล่ ...แต่ฉันรู้สึกว่า ช่วยกันเผาสองคน มันต้องสนุกกว่าเผาคนเดียวแน่เลยว่ะ...
ราดาแมนธิสเพิ่งยิ้มได้เป็นครั้งแรกหลังมีเขางอกออกมา และต้องพรากจากเอลิซาเบธ อาจเป็นความรู้สึกว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่มนุษย์มีเขาคนเดียวในโลกนี้ ไม่ใช่ผู้เดียวดายอ้างว้าง แต่มีคนที่เป็นพวกเดียวกันอยู่
เด็กหนุ่มทิ้งชื่ออิสยาห์ ลูเชียสไปนับแต่นั้น แม้หากมีโอกาสทีไร จะอดกลับเข้าเมืองคีรีเอในช่วงงานเทศกาลไม่ได้ ปีหนึ่งหลังจากนั้น เขายังเห็นเอลิซาเบธในเทศกาลโคมตะวัน เห็นจากที่ไกลแสนไกล เธอดูซูบเซียวลง แต่ยังงามซึ้งไม่เปลี่ยนในความทรงจำของเขา
แต่หลังจากนั้น เขาก็ไม่เห็นเธออีกเลย
เขาอยากถาม แต่ก็ไม่กล้า หญิงในตระกูลนักบวชมักไม่มีข่าวและข้อมูลใดๆ เปิดเผยเป็นทางการ บางที เธออาจแต่งงานไปกับใครสักคนที่พ่อเห็นสมควร และย้ายไปจากคฤหาสน์ลูเชียสแล้ว เขาได้แต่หวังเช่นนั้น
หลายปีผ่านไป สองเป็นสาม...สามเป็นสี่...สี่เป็นห้า...และห้าเป็นสิบ สิบสามปีหลังจากนั้น ราดาแมนธิสเดินทางมากมาย ทำสิ่งต่างๆ มากมาย เขาตกลงทำงานกับพวกอัสลานร่วมกับเวซาโน พบเนฟิลิมคนอื่นๆ เขาพบว่าความสามารถของตนไม่ได้เป็นอย่างเวซาโน และไม่ได้มีเพียงนั้น เขาฆ่าคน เขาทำสิ่งที่อิสยาห์ไม่เคยคิดทำ แต่เขาก็ไม่รู้จะเสียใจอย่างไร ในเมื่อชีวิตของตน รวมทั้งมนุษย์ทั้งหลายไร้สาระมาแต่แรก
แสงไฟริบหรี่ของเก็ตโตหมายเลขสิบห้าอยู่ข้างหน้า ราดาแมนธิสชะลอรถ เหลือบมองนิกซ์ซึ่งยังหลับสนิท ศีรษะของเด็กชายเอนมาทางเขาน้อยๆ ผมดำยาวรุงรังล้อมใบหน้า หากกลับถึงฐานคงต้องขอให้ใครช่วยตัดให้เรียบร้อย
...ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบนเรือนผมดำนั้น...
ทีแรกเขาเห็นมันเป็นละอองสีขาว ประปรายทั่วศีรษะของเด็กชาย ครั้นเพ่งให้ชัด ก็เห็นความเคลื่อนไหวที่ทำให้ราดาแมนธิสผวาจนร้องออกมา
ตอนเพิ่งอยู่ในเก็ตโตกับเวซาโนใหม่ๆ เขาเคยเจอปัญหานี้ รุนแรงจนต้องกล้อนผมที่เคยไว้เสียยาวจนสั้นเกรียน ถึงตอนนี้จะรู้ดีพอระวังตัว รักษาสภาพศีรษะให้ไม่ถูกรังควาน ก็ยังกลัวมากอยู่ดี
ด้วยเหตุนี้เองที่เขาเหยียบเบรก ตะโกน (หรือที่จริงควรเรียกตะคอก) ใส่เด็กชายทันที
“ลงไป! ไปไกลๆ เดี๋ยวนี้! แกมีเหา!”
* * * * *
ความคิดเห็น