คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : -- ๗ – หญิงสาวขายดอกไม้กับครูเซเดอร์...อีกครั้ง - “ที่นี่เขาห้ามสูบบุหรี่นี่คะ”
๗ – หญิงสาวขายดอกไม้กับครูเซเดอร์...อีกครั้ง
แอนเธียเดินผ่านโถงซึ่งมีหมอพยาบาลวิ่งวุ่นจ้าละหวั่น และคนเจ็บมากมายทั้งหนักเบา ส่วนมากถูกไฟคลอก สิ่งของตกทับ ถูกเบียด ถูกกระแทก หรือแม้แต่ล้มและถูกเหยียบระหว่างวิ่งหนี
หญิงสาวได้ยินว่ามีคนตาย ทั้งจากแรงระเบิดและเท้าของฝูงชน แต่หลวงพ่อนิโคลัสปลอดภัยดี ทั้งๆ ที่รอจนช่วยคนในโบสถ์ออกมาหมดแล้วค่อยหนีเป็นคนสุดท้าย ท่านมีแค่แผลไฟคลอก และสำลักควันเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเป็นนักบวชจึงได้รับการตรวจรักษาเร็วกว่าคนอื่นๆ นักบวชหนุ่มอีกคนอาสาจะอยู่เฝ้าท่านในห้องพัก เธอจึงคิดจะกลับไปเก็บรถเข็นขายดอกไม้ของตน (หากว่ามันไม่พังไปเสียก่อน) และอยู่ดูแลพวกเด็กๆ ที่บ้านสงเคราะห์ แม้ความทรงจำถึงเด็กชายที่เพิ่งพบเมื่อเช้าจะยังตามรบกวน
ชายมีเขาพาแกไปที่ไหนไม่รู้ แล้วเธอจะช่วยแกได้อย่างไร
แต่ที่จริง ถูกพวกมีเขาด้วยกันเอาตัวไปก็น่าจะดีแล้วใช่ไหม อย่างน้อยก็มีพวกเดียวกัน ไม่ต้องอยู่อย่างหลบซ่อน ไม่ต้องถูกรังเกียจ
แต่ก็ไม่พ้นต้องทำเรื่องเลวร้ายเพื่อเอาชีวิตรอด เหมือนพวกที่อัสลานเลี้ยงไว้ไม่ใช่หรือ
หญิงสาวเดินผ่านชายผมดำสวมเสื้อโค้ตยาวคนหนึ่งที่หัวมุม เขาหันหลังให้เธอ มองไม่เห็นใบหน้า ทว่าแอนเธียจำได้ และชะงัก
เขาหันกลับมา ปากคาบบุหรี่ สีหน้าประหลาดใจ
“เธอ...”
“ที่นี่เขาห้ามสูบบุหรี่ ไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวถามเรียบๆ
“แล้วยังไง เธอไม่ใช่พยาบาลสักหน่อย”
แอนเธียเพียงมองเขานิ่งอยู่... ครั้นแล้ว ชายหนุ่มก็ทำสีหน้าแปลกๆ หยิบบุหรี่จากปากทิ้งลงพื้น ใช้เท้าขยี้ให้ดับในอีกครู่เดียว รวมกับบุหรี่อีกสี่ห้ามวนที่กระจัดกระจายบนพื้นรอบเท้า
“ท่านหญิงคนนั้น...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ทำไมคิดอย่างนั้น”
“ก็ถ้าเธอไม่เป็นไร คุณคงไม่มาอยู่ที่นี่ ใช่ไหมล่ะ”
ชายหนุ่มเสมองไปอีกทาง
“ท่านหญิงนั่นไม่ได้อยู่ที่นี่” เสียงของเขาเริ่มขุ่นขึ้น “ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ที่ไหน”
หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ ครั้นจะถาม ก็ได้ยินเสียงใครอีกคนดังขึ้น
“แม็กนัส” เธอหันไปเห็นชายผมทองเดินเข้ามาใกล้ “อ้าว! คุณ...”
“แอนเธียค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เอ่อ...บิวเรนครับ แล้วนี่แม็กนัส คุณได้รับบาดเจ็บเหรอ หรือว่าคนรู้จัก”
“คนรู้จักค่ะ แต่เขาปลอดภัยดี” หญิงสาวตอบ พลางนึกในใจว่าชายผมทองพูดคุยเก่งกว่าเพื่อนร่วมงานมากทีเดียว
“อ้อ ดีแล้วครับ พวกเราขอโทษด้วยที่ตอนนั้นทำให้คุณลำบาก แต่เห็นคุณปลอดภัยก็...ดีแล้ว”
แอนเธียพยายามรับน้อยๆ แต่ไม่ลืมเรื่องที่สงสัย
“ท่านหญิงคนนั้นหายตัวไปหรือคะ คุณแม็กนัสบอกมา”
บิวเรนหันไปมองชายอีกคน ซึ่งเพียงปรายมองเขา ก่อนจะเลื่อนสายตาลง แล้วชายผมเหลืองจึงตอบเสียงเบาเป็นกระซิบ
“ถูกลักพาตัวไปครับ ยังไม่รู้แน่ว่าคนร้ายเป็นใคร แต่คงเป็นพวกก่อการร้าย กลุ่มเดียวกับที่วางระเบิด และขโมยเพทรา โซลาริสไป”
หญิงสาวเลิกคิ้วขณะทบทวนความเข้าใจ เพทรา โซลาริส คือชื่อของผลึกสุริยะก้อนใหญ่ที่สุด ซึ่งประดิษฐานในมหาวิหารแห่งคีรีเอ มีเพียงช่วงเทศกาลโคมตะวันเท่านั้นที่จะอัญเชิญออกมายังระเบียงหน้าวิหาร ให้ประชาชนสักการะเพียงไกลๆ จากจัตุรัสเบื้องล่าง
“บิวเรน” แม็กนัสพูดเสียงหนัก ชายผมทองหันไปมองเขา แล้วก็ยักไหล่
“ไม่ช้าก็เร็ว ข่าวต้องออกอยู่ดี พวกอัสลานได้เพทราไป แถมได้ตัวท่านหญิงไป มันจะไม่ยื่นเงื่อนไขต่อรองได้ยังไง”
“แต่ผู้การไม่ได้สั่งให้เราพูด”
“และไม่ได้สั่งให้ห้ามพูด” บิวเรนแย้ง “ไหนๆ คุณแอนเธียก็รู้เรื่องท่านหญิงอมาเนเซราแล้ว แกเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าท่านหญิงหายตัวไป”
แม็กนัสมีสีหน้าเหมือนสะอึก และเบือนไปอีกทางทันควัน แม้จะไม่วายพูดงึมงำ
“รู้แล้วก็ช่วยไม่ได้ สัญญาแล้วกัน ว่าคุณจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
“ค่ะ ฉันสัญญา” หญิงสาวตอบหนักแน่นพร้อมกับมองเขาตรงๆ ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่มองตอบ
เธอรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มกำลังเครียดและวิตก ก็คงเป็นธรรมดา เขากับบิวเรนได้รับมอบหมายให้คุ้มกันท่านหญิง ในเมื่อปล่อยให้เธอถูกผู้ก่อการร้ายจับไปได้ ย่อมต้องรับโทษตามระเบียบครูเซเดอร์ในไม่ช้า
“แล้วพวกคุณละคะ” แอนเธียจึงตัดสินใจถามอีกอย่าง “บาดเจ็บตรงไหนหรือ ถึงได้มาที่นี่”
“อ้อ เปล่าครับ ตอนไล่ตามคนร้ายก็ถลอกปอกเปิกกันบ้าง แต่ไม่ได้เป็นอะไรหนัก ที่หนักคือคนที่จับมาได้มากกว่า รายนั้นโดนไฟคลอกสาหัส เป็นตายเท่ากัน”
คงเพราะอาการของชายคนนั้นสะกิดใจ หญิงสาวจึงซักถามต่ออีกมาก บิวเรนเล่าโดยไม่ปิดบัง ...พวกเขาพยายามไล่ตามชายสวมแจ็คเก็ตสีเทากับแว่นตาดำซึ่งลักตัวท่านหญิง ไปจนถึงลานจอดรถใหญ่ริมชานเมือง เวลานั้นประจวบเหมาะกับรถบรรทุกสินค้าคันหนึ่งขับแหกด่านออกไป
และที่ลานจอดรถก็มีชายคนหนึ่งนอนอยู่ ผิวหนังและเสื้อผ้าส่วนมากไหม้เกรียม บัดนี้ยังนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องพิเศษ มีครูเซเดอร์เฝ้าตลอดเวลา
การตรวจสอบทำให้รู้ว่าป้ายทะเบียนตัวตนของเขาเป็นของปลอม เข้าใจว่าคงเป็นคนอัสลานสวมรอยเข้ามาก่อวินาศกรรม แต่ไม่รู้เกิดเหตุใด จึงได้รับบาดเจ็บหนักและถูกทิ้งไว้อย่างนี้
แอนเธียเดาได้ไม่ช้า ว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับชายมีเขาสวมแจ็คเก็ตแดง เขาคงมี ‘ความสามารถ’ เกี่ยวกับไฟ ถังขยะที่จู่ๆ ไหม้ระเบิดในตรอกเป็นหลักฐานยืนยันได้ ส่วนชายสวมแจ็คเก็ตเทาและแว่นดำที่แม็กนัสกับบิวเรนเห็น ก็น่าจะเป็นคนเดียวกับที่ซื้อดอกไม้จากเธอ
ทั้งสองเป็นพวกเดียวกัน หมายความว่าท่านหญิงตระกูลลูเชียสกับเด็กชายมีเขาน่าจะอยู่กับคนพวกนั้น และเด็กชายกำลังจะถูกดึงไปพัวพันกับผู้ก่อการร้ายอัสลานอย่างไม่ต้องสงสัย
เธอปล่อยให้เป็นอย่างนั้นได้หรือ
หญิงสาวถามในใจ พร้อมกับนึกถึงตนในวัยเด็ก หากพ่อไม่ส่งเธอมาที่นี่ ป่านนี้เธอจะเป็นเช่นไร...เป็นหนึ่งในคนระเบิดเมืองคีรีเออย่างไร้หัวใจในวันนี้ ทำให้ผู้คนมากมายล้มตาย ให้สามีภรรยาเป็นม่าย ลูกเป็นกำพร้า พ่อแม่สูญเสียลูก... หากไม่ได้คุณซาเวียร์ช่วยชีวิต หรือหลวงพ่อนิโคลัสดูแลเหมือนลูกหลานแท้ๆ ...เธอจะรู้ได้หรือว่าคนโซลาริสก็เป็นคนเหมือนกัน ไม่ต่างกับคนอัสลานหรือลูกปีศาจ มีเลือด มีน้ำตา มีความเสียใจเจ็บแค้นเหมือนกัน
เธอปล่อยเด็กนั้นไปไม่ได้
อาจเป็นเคราะห์ดี บิวเรนอาสาไปซื้อเครื่องดื่มมาให้เธอ เมื่อหญิงสาวรับน้ำใจ เขาก็ทิ้งเธอไว้กับแม็กนัสเพียงลำพัง แอนเธียมองครูเซเดอร์ผมดำ ชั่งน้ำหนักว่าเขาเชื่อถือได้หรือไม่ ครั้นแล้วก็พูดออกไป
“คุณแม็กนัส” เธอเรียก
“หือม์” ชายหนุ่มรับเบาๆ แต่ยังคงไม่มองเธอโดยตรง
“ในเมื่อคุณเชื่อใจว่าฉันจะเก็บความลับของคุณ ฉันก็เชื่อใจได้ใช่ไหมคะ ว่าคุณจะเก็บความลับของฉันเหมือนกัน”
แม็กนัสหันขวับมา สบตากับเธอเต็มที่คราวนี้ คิ้วของเขาเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ
* * * * *
ความคิดเห็น