ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Rebels' Saga - กบฏมายา มนตราเทวยุทธ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ - คำถาม - “อาร์โคเซีย...เนิร์ฟเธน ที่แท้ก็แค่นี้เอง”

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 53


    บทนำ - คำถาม

     

    เลวิส หนึ่งในวิหารสูงสุดของศาสนจักรแห่งอาร์โคเซีย...นิกายแห่งแสง อันเป็นที่เคารพบูชาของคนทั้งปวง อาคารโอฬารสูงเสียดนี้ประดิษฐานผ่านกาลเวลายาวนาน งดงามตระการ ทั้งถูกทำนุบำรุงรักษาอย่างเป็นเลิศ มิเคยมีตำหนิและความเสื่อมโทรมกล้ำกรายแม้ล่วงมานับศตวรรษ ประหนึ่งภาพสะท้อนความเป็นอมตะแห่งเทพ

    สถานศักดิ์สิทธิ์อันสว่างไสว เจิดจ้าเทียมตะวัน

    ...ทว่า มีแสง ย่อมมีเงา

    เงาหม่นมืด คืบคลานมาในราตรีนั้น

     

    ...................

     

    เพียงชั่วขณะที่หมู่เมฆบดบังจันทรา คมอาวุธวาบวาวนั้นวาดเป็นวง ลดเลี้ยวเลื่อนลอย ดุจดังมายา คล้ายจริง คล้ายเท็จ

    แต่ที่แน่นอนคือรวดเร็ว ทั้งยังแม่นยำ

    แขนขาองคาพยพของนักดาบภายในรัศมีขาดสะบั้นทั้งเสื้อเกราะ ศาสตราประจำตัวปลิดปลิว ร่างคว่ำลงคนแล้วคนเล่า

    รอจนดวงจันทร์โผล่พ้น ก็เหลือเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ เจ้าของคมอาวุธที่ไม่คล้ายอาวุธ

    ท่ามกลางแสงนวลสาดส่อง เงาร่างคนผู้นั้นงามระหงลี้ลับ ประดุจภาพวาดบุปผาสีดำบนกระดาษสีขาว

    นาง กล่าวขึ้น น้ำเสียงเยาว์วัย อ่อนหวาน ราบเรียบ และเยาะหยัน

    อัศวินแห่งศาสนจักรอาร์โคเซีย ที่แท้ก็แค่นี้เอง

     

    ...................

     

    เพียงชั่วคืน เหล่า 'ผู้อยู่ในศักดิ์ฐานะอันสูงล้ำ' แห่งอาร์โคเซียล้วนมารวมตัวกัน...อย่างที่ไม่เคยมีเหตุใดในรอบนับหลายสิบปีเรียกพวกเขามาได้

    เหตุฆ่าฟันหลู่เกียรติครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก อุกอาจเลวร้ายยิ่งกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์

    แน่นอน ดังนั้นเหตุการณ์นี้ย่อมยังคงเป็นความลับ จะให้เล็ดรอดออกไปมิได้โดยเด็ดขาด

    ...จากปากคำของอัศวินที่รอดชีวิต ผู้มาเยือนมิใช่นักรบธรรมดาสามัญ วิชาที่มันใช้ทรงพลัง ทั้งยังประหลาดล้ำ พิสดารผิดแผกจากศาสตร์ทั้งปวงที่เรามี

    'เวทมนตร์'

    ...ไม่อาจเป็นอื่นไปได้

    จอมเวทหรือ... เผ่าพันธุ์มนตราจากเนิร์ฟเธน ดินแดนแสนไกลนั่น

    บรรยากาศกดดันหนักหน่วงแผ่กระจาย บ้างบางคนที่รอบคอบเยือกเย็นตั้งข้อสงสัย...วิหารนีเวียส ศูนย์กลางอำนาจของพวกมันเล่า มีความเคลื่อนไหวบ้างหรือไม่ บ้างบางคนที่กราดเกรี้ยวร้อนแรง ด่าทอสาปแช่งในทันที...เหิมเกริมโดยแท้ ไอ้พวกเผ่าพันธุ์นอกรีตนอกรอยพรรค์นั้น ถึงกับกล้าบังอาจ มาเหยียบย่ำทำต่ำทรามในสถานสัญลักษณ์แห่งเทพเจ้า

    แต่ไม่ว่าจะเยือกเย็นหรือร้อนแรง ทั้งหมดรู้ นี่คือการท้าทายอำนาจของอาร์โคเซีย และเป็นเพียงจุดเริ่มต้น

    "ฆ่าคนยังเรื่องรอง สิ่งที่พวกนั้นนำไปต่างหากที่เป็นปัญหา"

    ผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในหมู่พวกเขาปริปาก เสียงพูดคุยสับสนแลคำบริภาษทั้งมวลเงียบงันลงโดยสิ้นเชิง

    พวกมันลักเอาสิ่งใดไป...คนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยถาม อย่างระมัดระวังและยำเกรง

    ผู้มีอำนาจสูงสุดผู้นั้นชันศอกขึ้น ประสานมือไว้ตรงหน้าก่อนจะตอบ

     

    ...................

     

    ในราตรีเดียวกัน ที่ดินแดนอีกฟากฝั่ง...

     

    ...................

     

    นีเวียส สำนักมนตราอันดับหนึ่งแห่งเนิร์ฟเธน...ดินแดนที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น ใจกลางจิตวิญญาณของผืนพิภพ สถานบ่มเพาะฝึกฝนผู้วิเศษนี้มีชื่อเลื่องลือไกลตลอดร้อยปีที่ผ่าน วิหารหินสีขาวทั้งแปดสูงสง่าโอ่อ่า ตั้งตระหง่าน ณ ยอดเขาซึ่งเหนือล้ำทุกภูผาในดินแดน โดดเด่นเสียดฟ้า ยิ่งใหญ่มั่นคงราวกับจะเป็นนิรันดร์

    สถานประสิทธิ์ประสาทเวทวิทยาอันสะอาดสูงส่ง ไร้มลทินราคีใด

    บัดนี้แปดเปื้อนเสียแล้ว

    ...ด้วยโลหิต

     

    ...................

     

    เพียงชั่วขณะที่จันทราสาดส่อง คมอาวุธวาบวาวนั้นวาดเป็นวง จริงแท้หนักแน่น

    ทั้งเฉียบคม ฉับไว

    สรรพางค์ร่างกายของจอมเวทภายในรัศมีแหลกกระจุย หยาดเลือดพร่างพรมราวกลีบดอกไม้แดงถูกปลิดปลงโปรยปราย ล้มลงคนแล้วคนเล่า

    เมื่อดวงจันทร์เคลื่อนเข้าหลังหมู่เมฆ ก็เหลือเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ เจ้าของคมอาวุธที่สมเป็นอาวุธยิ่งกว่าอาวุธใด

    ท่ามกลางความมืดอับแสง คนผู้นั้นเปล่งประกายแกร่งกล้า ประดุจภาพวาดสายวิชชุบนผืนผ้าสีดำ

    เขา กล่าวขึ้น น้ำเสียงหนุ่มแน่น เข้มแข็ง เฉยชา และดูแคลน

    จอมเวทแห่งเนิร์ฟเธน ที่แท้ก็แค่นี้เอง

     

    ...................

     

    เพียงชั่วคืน บรรดา ผู้เฒ่าแห่งเผ่าพันธุ์มนตราล้วนมารวมตัวกัน...อย่างที่ไม่เคยมีเหตุใดในรอบนับหลายสิบปีเรียกพวกเขามาได้

    เหตุนองเลือดหมิ่นศักดิ์ศรีครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก โอหังชั่วช้ายิ่งกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์

    แน่นอน ดังนั้นเหตุการณ์นี้ย่อมยังคงเป็นความลับ จะให้เล็ดรอดออกไปมิได้โดยเด็ดขาด

    ทั้งหมดตระหนักดี นี่คือการท้าทายอำนาจของเนิร์ฟเธน และยังไม่จบสิ้นเพียงนี้แน่

    นี่เป็นฝีมือเผ่าปีศาจ ศัตรูตลอดกาลของพวกเรารึ...มิใช่...จอมเวทที่รอดชีวิตให้เบาะแส...ผู้มาเยือนมีรูปลักษณ์เช่นเรา

    จอมเวทสายอื่นที่ตั้งตนเป็นอริกับเราหรือ...มิใช่...วิชาที่มันใช้เปี่ยมฤทธิ์ดุจเดียวกัน แต่สัมผัสของข้าบอก นั่นไม่ใช่พลังชนิดเดียวกับเรา

    ...เช่นนั้น มีความเป็นไปได้ประการเดียว

    มนุษย์ พวกมนุษย์หรือ

    บ้างบางคนบันดาลโทสะ ตวาดลั่นประกาศความอาฆาต...ไอ้พวกเผ่าพันธุ์อ่อนด้อยไร้พลัง โง่เง่างมงายนั่น ถือดีว่ามีจำนวนมากมายหรือไร ถึงกล้ามารุกล้ำถิ่นเรา บ้างบางคนที่ยังสุขุมรักษาสติไว้ตั้งข้อสังเกต...ฆาตกรสังหารคนของเราไปไม่น้อย ในหมู่พวกมันมีคนที่มีความสามารถเช่นนี้หรือ

    ...มี ในศาสนจักรอาร์โคเซีย กลุ่มปกครองเรืองอำนาจของพวกมนุษย์ มีคนที่สามารถทำเช่นนี้ได้

    ใครกัน...อีกคนหนึ่งเอ่ยถาม

     

    ...................

     

    ...สิ่งที่อาร์โคเซียถูกช่วงชิงไป

    ...ผู้ที่บุกรุกเนิร์ฟเธน

    ต่างคำถามของสองแว่นแคว้นยิ่งใหญ่ซึ่งถูกสั่นคลอน...มีคำตอบเดียวกัน

    ...คำตอบนั้นเป็นชื่อของบุคคลสองคน

     

    ...................


    คอมเมนต์ท้ายบท
    'บทนำ - คำถาม'


          สวัสดีผู้อ่านทุกท่านขอรับ smile

          สำหรับเรื่องนี้ก็เป็นผลงานร่วมกันแต่งร่วมกันละเลงของผม bluemouse กับคุณ Anithin ซึ่งผู้อ่านบางท่านน่าจะเคยผ่านตาผลงานมาแล้ว โดยใช้วิธีผลัดกันเขียนคนละบทเรียงสลับกันไป ดังนั้น ถ้าอ่าน ๆ แล้วเกิดความรู้สึกว่า "บทที่แล้วมันยังเขียนดีกว่านี้นี่หว่า" ไม่ต้องแปลกใจนะขอรับ ไอ้บทที่แหม่ง ๆ น่ะของผมเอง แฮ่ tongue

          ก่อนอื่นขอกล่าวถึงชื่อเรื่อง
          
          ก็ขบคิดพูดคุยผสมผเสกันอยู่เป็นนาน (มั้ยนะ) กว่าจะออกมาเป็นชื่อนี้ โดยท่อนหลัง 'มนตราเทวยุทธ' เป็นส่วนที่คงไว้จากชื่อแรก ๆ ที่คิดขึ้นมา ตั้งใจให้สื่อถึงสงคราม เวทมนตร์ (ฝ่ายจอมเวท) และเทพเจ้า (ฝ่ายศาสนจักร) อันเป็นหัวข้อแรกที่เอามาใช้วางพล็อต และนำมาใช้เกริ่นเป็นฉากประเดิมของเรื่องด้วย

          ส่วนท่อนหน้า 'กบฏมายา' ให้ท่าน Anithin อธิบายดีกว่าเนาะ (ฮ่า ๆ โยนกลอง)

          ในด้านที่มาที่ไป ว่าอีท่าใดถึงมาร่วมกันแต่งเรื่องนี้ได้นั้น

          โดยหลัก ๆ แล้ว เกิดจาก 'เคยเห็นเขาทำกันก็น่าสนุกดี' การร่วมกันเขียนหลายคนมีลักษณะพิเศษที่ว่า 'กระทั่งผู้เขียนเองก็เดาตอนต่อไปไม่ได้' กับคนเขียนที่เบื่อง่ายหน่ายบ่อยอย่างตัวผมเองแล้ว นั่นเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดใจชวนให้ลิ้มลอง ช่วยกันเขียนก็ไม่เหนื่อยมาก อู้ได้ด้วย (ถ้าผู้แต่งร่วมยินยอม tongue)

          แต่ไหนแต่ไร ก็ชอบเรื่องแนวแฟนตาซีที่เข้มข้นเน้นอารมณ์ แต่ก็ยังมีส่วนผสมตามขนบ (พ่อมด เจ้าหญิง เผ่าพันธุ์แปลก ๆ เหตุการณ์และสถานที่ประหลาด ๆ) อยู่เยอะ ๆ เวลานั้น เกิดอยากจะพักอารมณ์จากเรื่องเดิม ไปเขียนอะไรใหม่ ๆ บ้าง อีกทั้งยังเกิดอยากจะอ่าน

          คุณ Anithin เป็นเพื่อนนักเขียนที่ผมติดตามผลงานมานาน เขามีนิยายเรื่องหนึ่งซึ่งเข้าลักษณะที่ผมชอบ แต่มันถูกดองไว้อย่างทารุณ อ้อนวอนมากเท่าไรก็ไร้วี่แวว ไม่เข็นบทต่อไปออกมาซะที จึงคิดว่าหลอกล่อให้คุณ Anithin มาร่วมมือกันแต่งเรื่องใหม่ที่ตัวเองอยากจะเขียนอยากจะอ่านดีกว่า ปรากฏว่ายังไม่ทันหลอกล่อ พี่แกก็ตอบรับซะแล้ว

          ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวไปตอนแรก การเขียนเรื่องนี้จึงทำข้อตกลงในการแต่ง + วางทิศทางที่จะไปกันแค่คร่าว ๆ ไม่ได้กำหนดเป็นกฎตายตัวมากมาย และคงเพราะมีคนช่วยคิดนี่เอง บางชั่วขณะ นิสัยเสียดั้งเดิมเลยกำเริบ นึกอยากใส่อะไรก็ใส่ ถ้าเป็นอาหาร หน้าตามันคงพิลึกน่าดู หยอดโน่นเหยาะนี่ไปเรื่อย อยากหยิบชิ้นไหนมาใส่เครื่องเพิ่มก็ทำ

          สุดท้ายแล้ว อร่อยหรือไม่ ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นยังไงยังบ่ฮู้ แต่ ณ ตอนนี้ ในฐานะกึ่งคนทำกึ่งคนชิม ก็รู้สึกว่ารสชาติไม่เลวและปรุงสนุกติดลมดีทีเดียว

          ส่วนท่านผู้อ่านซึ่งเป็นคนกิน ก็หวังเพียงว่าจานนี้จะไม่ปะแล่มจนเกินไป ^^a และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเมนต์หรือความคิดเห็นใด ๆ ครับ

          bluemouse

          ...................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×