ตำนานผู้กล้า ปริศนาแห่งดาบ (แปลจาก The Riddle of the Steel) - ตำนานผู้กล้า ปริศนาแห่งดาบ (แปลจาก The Riddle of the Steel) นิยาย ตำนานผู้กล้า ปริศนาแห่งดาบ (แปลจาก The Riddle of the Steel) : Dek-D.com - Writer

    ตำนานผู้กล้า ปริศนาแห่งดาบ (แปลจาก The Riddle of the Steel)

    โดย NithiN

    จงฟังเถิด เจ้าทั้งหลาย ข้าจะเล่าขานเรื่องราวของผู้กล้าผู้อาจหาญต่อต้านทวยเทพให้พวกเจ้าได้รับรู้

    ผู้เข้าชมรวม

    1,470

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    1.47K

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ย. 49 / 19:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      The Riddle of Steel
      ตำนานผู้กล้า ปริศนาแห่งดาบ
      by Negative Creep
      translated by Anithin
      * นี่เป็นแฟนฟิคชั่นที่แปลโดยได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของเรื่องแล้ว


      ครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่รักเด็กสาวคนหนึ่ง

      นิทานทั้งหลายเริ่มต้นเช่นนี้ นับแต่แรกอรุณแห่งกระแสกาลเวลา นิทานทั้งหลายเริ่มต้นเช่นนี้ และจะดำเนินไปตราบถึงปัจฉิมวันที่ชายและหญิงคู่สุดท้ายจางหายไปจากผืนพิภพ หวนคืนสู่เถ้าธุลียังที่ที่พวกเขาจากมา มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่หลงรักเด็กสาวคนหนึ่ง เขาหลงรักนางเหมือนยาใจ นางเป็นสุริยัน จันทรา และดารินอันไหวกระเพื่อมบนห้วงวารีสำหรับเด็กหนุ่ม เขายอมทำทุกสิ่งเพื่อนาง

      และแล้วเขาก็เสียนางไป

      นี่เองก็เป็นส่วนสำคัญของนิทานอันเก่าแก่เทียบเท่าภาพวาดบนผนังถ้ำ เด็กหนุ่มรักเด็กสาว และนางก็รักเขาตราบจนวันที่นางตายจากไป อำนาจเบื้องบนอันแข็งแกร่งเหนืออำนาจใดเข้าแทรกแซงเรื่องราวอันแทบไร้ความสำคัญของมนุษย์ ทำให้เด็กสาวต้องสิ้นชีวิต ทวยเทพได้ตรัสแล้ว และสิ่งไรก็ตามที่จำต้องเกิดขึ้นก็ได้ผ่านพ้นไป พระประสงค์ของทวยเทพไม่มีทางขัดได้

      ตำนานคงจะไม่เกิดขึ้นที่ตรงนี้ หากผู้กล้าของเรายอมจำนน เจ้าทั้งหลายคงเห็นแล้วว่าผู้กล้าทั้งหลายไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ พวกเขาเป็นเหมือนคนป่วยคลั่งด้วยความหมกมุ่นที่ไม่อาจถอดถอนไปจากใจ ผู้กล้าหนุ่มของเรื่องนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน

      วันที่นางตาย สติสัมปชัญญะของเขาก็ตายไปพร้อมกับนาง

      เด็กหนุ่มถูกเลี้ยงดูมาให้เทิดทูนพระประสงค์ของทวยเทพตั้งแต่ยังแบเบาะ และน้อมรับภูมิปัญญาแลพลังอำนาจอันเหนือกว่าของเหล่าพระองค์ ทวยเทพนั้นยิ่งใหญ่ ส่วนเขาเล็กกระจ้อยร่อย มิมีสิ่งใดที่อาจทำได้นอกจากโอนอ่อนตามทวยเทพ หากเขาทำเช่นนั้น...หรืออย่างน้อยเด็กหนุ่มก็ได้รับการสั่งสอนมาว่าหากเขาทำเช่นนั้น...เขาจะสามารถล่าสัตว์ได้ดี มีโชคลาภในชีวิตและการศึก เด็กหนุ่มมิต้องการเข้าร่วมในการศึกใดๆ แต่ก็ชอบชมการล่าสัตว์ได้ดีและมีชีวิตอันมีโชคลาภ ดังนั้นเขาจึงเทิดทูนทวยเทพในทุกการงานที่เสร็จสิ้นและทุกสิ่งที่กระทำ หากสังหารนางกวางในป่า เขาจะผ่าท้องหลั่งเลือดของมันเป็นรอยทางอุทิศแด่ทวยเทพ หากเก็บเกี่ยวพืชไร่หรือลูกไม้ใดได้ผลอุดมดี แน่นอนว่าเขาจะรินเมรัยสู่พื้นเพื่อบวงสรวงเทพยดาอันมิอาจรู้ตัวตนหรือแลเห็น เขากระทำเช่นนี้อยู่เสมอ และไม่น่าประหลาดใจเลยที่เขามีชีวิตอันโชคดีและแสนสุข ปราศจากทุกข์ร้ายโศกกรายใดๆ แน่ล่ะ พรานหนุ่มล่ากวางได้มากกว่าคนอื่นๆ เสียจนผู้คนกล่าวกันว่าเขาต้องถูกมนต์ขลังของภูตพรายแน่

      ทว่าบ้างกล่าวว่านี่เป็นเพราะชะตากรรมของหญิงที่เขารัก ปราชญ์ผู้ปราดเปรื่องที่สุดมิกล่าวว่าอันใดเลย

      --------------------------------------------------------------------------------------------------------

      และแล้วในวันหนึ่งทวยเทพก็ได้ตรัสผ่านเหล่านักบวชแห่งอาราม ว่าสตรีนางหนึ่งจะต้องถูกสังเวยให้กับผองพระองค์ มิมีใครโต้แย้งคัดค้านการตัดสินพระทัยของทวยเทพเมื่อนางถูกเลือกตัว ไม่แม้กระทั่งเด็กหนุ่ม

      เขามิได้ก่นด่าทวยเทพในยามนั้น กล่าวกันว่ามิมีใครอ่านความคิดของบุรุษเพศได้นอกเสียจากพวกเขาจะพูดออกมาเอง และเด็กหนุ่มก็มิได้เอ่ยอะไร เขาปิดปากเงียบสนิทแม้ยามผู้อื่นพรากตัวนางไปยังป่าต้องห้าม ไปกักขังไว้ในห้องขังหินอันน่าชิงชัง ทิ้งให้สิ้นชีวิตเพียงลำพังโดยมิมีใครเลยนอกจากเขาที่คอยจับมือนางไว้ผ่านช่องระบายอากาศแคบๆ เขามิได้เอ่ยอะไรแม้ในยามที่ชีวิตของนางค่อยๆ หลุดลอยจากร่าง และเมื่อนางค่อยๆ หลุดลอยจากเอื้อมมือของเขาลงไปสู่พื้นห้องขัง แม้ในยามที่พวกนักบวชมานำศพของนางไปและเพียงผลักเขาให้พ้นทางอย่างไม่ปรานีปราศรัย เขารอเวลาและวางแผน ไม่พูดจากับใครแม้กระทั่งกับตนเอง ใบหน้าของเขาเรียบเฉยจนผู้ใดที่ได้เห็นกล่าวหาว่าเขาเป็นคนใจดำ ไม่เห็นเลยว่ามีสิ่งใดพัดกระหน่ำอยู่ใต้ผิวหน้านั้น น้ำตากับความโศกเศร้าของเขาหายไปไหนเล่า? ไยใบหน้าของเขาจึงเรียบเฉยเย็นชาเหมือนหินทั้งๆ ที่คนรักของเขาเพิ่งตายจากไป?

      หากเหล่าทวยเทพได้ทอดพระเนตรเห็นใบหน้านี้ ผองพระองค์คงวิตกกังวลยิ่งนัก

      เขาไม่รีรอทำแผนการที่คิดไว้ให้เป็นความจริง ในความมืดของยามราตรีสงัดเขามาที่อารามเยี่ยงหัวขโมย และนำสิ่งที่เป็นของเขาโดยชอบธรรมกลับคืนไป เขายังนำสิ่งที่มิใช่ ของเขาไปด้วย และคิดกับตนเองว่านี่เป็นค่าตอบแทนที่คู่ควรแล้วกับชีวิตของหญิงผู้เป็นที่รักของเขา หากชีวิตของนางหวนคืนมา...ดาบที่พวกมันเห็นเป็นสิ่งล้ำค่าก็จะกลับคืนมาด้วย เป็นการแลกเปลี่ยนที่ง่ายดายและเด็กหนุ่มไม่คิดว่ามีความผิด แน่นอน เขาไม่มีความตั้งใจที่จะกลับมาจริงๆ และหากแผนการของเขาประสบความสำเร็จ ภายในสองเดือนหมู่บ้านแห่งนี้จะไม่มีอะไรหลงเหลือนอกจากซากหินไหม้เกรียมระเกะระกะ ทว่าการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมดูจะเป็นความคิดที่ดีสำหรับการเริ่มต้นออกเดินทาง

      ผู้กล้าผู้นี้มิใช่นักดาบ เขามิเคยเป็นนักดาบและชื่นชอบกิ่งไม้เหลาเรียวตรงประดับขนนกงามๆ จากเหยี่ยวผู้ถือเป็นพี่ชายมากกว่าแท่งเหล็กที่ถูกตีขึ้นรูป แต่เพื่อให้ได้สิ่งที่ถูกพรากไปกลับคืน เขาจับดาบโบราณขึ้นมาและฝึกฝนวิธีการใช้มันด้วยตนเองในระหว่างการเดินทางอันยาวนาน กล่าวกันว่าทวยเทพเคารพพละกำลังและอำนวยพรให้ทุกผู้ที่ครอบครองดาบนี้ ดังนั้นเขาจึงมิปิดบังวิชาดาบที่ฝึกซ้อมขึ้นใหม่ ขอให้เหล่าเทพเจ้าได้เห็นเขาถือครองดาบนี้ ลางทีผองพระองค์จะอำนวยพรให้เขาในภารกิจที่รออยู่เบื้องหน้าเขากับม้าของเขานี้

      หากมิมีตำนานเก่าแก่ในดินแดนแถบนั้น ผู้กล้าก็คงจะไม่ออกเดินทาง ตำนานนี้มีไว้เพื่อเล่าขานให้เหล่าเด็กน้อยฟังรอบกองไฟยามราตรี แต่ผู้กล้าผู้นี้รู้ว่าแม้นตำนานจะดูไกลจากความเป็นจริงแค่ไหน ก็ยังคงมีเมล็ดแห่งความจริงฝังลึกอยู่ภายในอยู่ดี พันปีต่อมาเขาผู้นั้น ได้กลายเป็นตำนานบทหนึ่ง แล้วเจ้าจะไม่ฟังเรื่องราวของเขาในตอนนี้ดอกหรือ? ทว่านั่นเป็นเรื่องที่มิได้เกิดขึ้นที่นี่หรือที่นั่น และไร้ความสลักสำคัญใดๆ

      เขาทิ้งถิ่นฐานของมวลมนุษย์ไว้เบื้องหลัง มีเพียงฝีมือการล่าสัตว์อันเอกอุและสะกดรอยอย่างเงียบกริบที่ช่วยนำเสบียงมาใส่ย่ามของเขาเมื่อสัตว์ต่างๆ ร่อยหรอลงทุกขณะระยะทางอันไกลออกไป ในที่สุดทั้งสองก็ไม่พบสัตว์ป่าใดๆ อีก มีเพียงป่ามืดมนอนธการที่ไร้ผู้อาศัยนอกจากฝูงวิหค และกระทั่งพวกมันก็ยังเงียบเชียบอย่างประหลาดยามกระพือปีกหนีจากศรที่เขายิงใส่ และแล้ววันหนึ่งทั้งสองก็มาถึงที่หมายสุดท้าย ผู้กล้าผู้เงยขึ้นจ้องมองช่องว่างกลางภูผาได้รู้ว่านี่มิใช่เพียงตำนาน

      ณ ทวารบถใหญ่ เด็กหนุ่มลงจากหลังอาชาที่เขาภาคภูมิ ซึ่งเขาซื้อมานานหลายปีก่อนด้วยหนังกวางขาวอันเป็นสัตว์หายากที่สุด เขามอบหนังกวางให้คนเผ่าร่อนเร่ในท้องทุ่งเพื่อแลกกับลูกม้าและเขาก็ไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนั้น เพราะม้าตัวนี้เป็นม้าที่งามที่สุดในทั่วดินแดนและยอมให้เขาขึ้นขี่หลังมันเพียงผู้เดียวเท่านั้น มีชายอื่นๆ พยายามจะขึ้นหลังม้าของเขาเมื่อนานมาแล้ว พวกนั้นต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิต มันสมองกองกระจัดกระจายบนพื้นหิน หรือไม่ก็กะโหลกแตกผ่ากว้างเหมือนแตงโมด้วยกีบเท้าอันหนักหน่วงของเจ้าม้า ข่าวลือแพร่กระจายไปหลังจากนั้น และไม่มีใครพยายามขโมยม้าจากคอกของพรานหนุ่มอีก

      บัดนี้ เพียงสิ่งเดียวที่เด็กหนุ่มเชื่อถือในโลกอันฉ้อฉลใบนี้คือธนูกับม้าของเขา และเหล็กกล้าที่เขากำไว้มั่นในมือ

      ผู้กล้ายอบตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นหญ้าสูงเบื้องหน้าปากทางเข้า และเขาก็สวดภาวนาเป็นภาษาที่มวลมนุษย์ในโลกนี้ลืมเลือนสิ้นไปนานแล้ว เขาสวดภาวนาต่อเทพแห่งพิภพและนภา และกับเหยี่ยวทระนง เทพอารักษ์ของตระกูลมารดาของเขา เขาเรียกหาเทพารักษ์ระดับรองลงมาและเหล่าผู้ถูกเล่าขานว่าสร้างโลกนี้ขึ้น เขายังสวดภาวนาถึงภูตผู้มากเล่ห์กระเท่ห์ทั้งหลาย เพราะเขาจำเป็นต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมและกลลวงในการครั้งนี้ เด็กหนุ่มร่ำร้องต่อเทพทุกองค์ และนี่คือคำที่เขาเอ่ย...

      "ทวยเทพ" เขาเริ่มพูดด้วยเสียงแหบพร่าจากการมิได้ใช้มานาน "ข้าไม่เคยสวดภาวนาต่อพวกท่านมาก่อน ข้ามิเคยคิดจะสวดภาวนา ไม่มีใครจดจำ แม้แต่พวกท่านก็ไม่จดจำว่าพวกเราเป็นคนดีหรือคนเลว...ไม่จดจำว่าเหตุใดเราจึงต่อสู้หรือสิ้นชีพไป เท่า ที่สำคัญต่อพวกท่านก็มีเพียงผู้กล้าที่อาจหาญต่อกรปรปักษ์นับร้อยพันเท่านั้น"

      เขาผุดลุกขึ้นยืน ชักดาบศักดิ์สิทธิ์จากฝัก คมดาบสะท้อนประกายอ่อนๆ ในแสงอรุณขณะที่นักรบหนุ่มชูมันขึ้นสูงเหนือศีรษะ จ้องมองท้องฟ้าที่แผ่กว้างครอบคลุมเบื้องบนอย่างคลุ้มคลั่ง

      "ปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่าท่านพึงใจในความกล้าหาญ ดังนั้นได้โปรดทำให้คำขอเพียงหนึ่งของข้าเป็นจริงด้วยเถิด ให้ข้าได้ชำระแค้นครั้งนี้ และหากพวกท่านมิยอมรับฟัง...ข้าขอสาปแช่งพวกท่านให้หมกไหม้ในขุมนรก"

      และแล้วผู้กล้าก็กลับขึ้นหลังม้าเร็วของเขา ขี่ตรงมุ่งหน้าเข้าไปในแดนต้องห้ามโดยไม่หันหลังกลับ หากทวยเทพจะช่วยเขาก็ดี เขายินดีหากได้รับความช่วยเหลือในการเดินทางเพื่อชุบชีวิตให้กับคนรักของเขาและทำลายผู้ที่สร้างความทุกข์ทรมานให้เขากับนาง

      แต่หากทวยเทพมิ ช่วย เขาก็จะโค่นล้มเหล่าเทพลง จะเป็นทางใดก็มิแตกต่างกัน เพราะนั่นคือแผนการของเขามาตั้งแต่ต้นแล้ว

      FIN

      --------------------------------------------------------------------------------------------------------

      Author's Comment: Conan the Barbarian เป็นภาพยนตร์ที่เยี่ยมไปเลย จริงมั้ยคะ?

      Translator's Comment: นี่เป็นแฟนฟิคชั่นของเกม Shadow of the Colossus เขียนโดยคุณ Negative Creep ซึ่งอาสาที่จะอ่านตรวจทานและแก้ไขฟิค "ตำนานคนจรผู้สาบสูญ" ที่ผมนำไปโพสท์ที่เว็บนั้นครับ ผมอ่านฟิคของเกมนี้ที่เธอเขียนแล้วพบว่ามีการใช้ภาษาสละสลวย แนวเรื่องค่อนไปทางตำนานซึ่งเป็นเอกลักษณ์มาก จึงสนใจและต้องการแปลให้ผู้อ่านได้อ่านกันครับ หากสนใจจะอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ สามารถอ่านได้ที่ http://www.fanfiction.net/s/2831742/1/ ครับ

      และผมจะแปลเรื่องอื่นมาให้อ่านในโอกาสต่อไปครับ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×