ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Mandrake Hero(ine) - ผู้กล้าพืชป่วน ยกก๊วนปราบมังกร

    ลำดับตอนที่ #6 : 4 - ข้อตกลง - “ทำไมเจ้าทำหน้าเหวออย่างนั้นล่ะ”

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 555
      1
      7 ธ.ค. 53

     

    บทที่ 4

    ข้อตกลง

     

    ฟิ้ว อากาศดีจัง อาร์คิมิดีส เด็กชายลูกศิษย์ของแม่มดดำพูดอย่างร่าเริง ขณะเดินแกว่งตะกร้าไปมา บนเส้นทางกลับจากตลาดสู่ร้านของช่างตีเหล็ก ซึ่งขนาบข้างด้วยทิวต้นเชอร์รี่ที่ออกดอกสีขาวและชมพูบานสะพรั่ง...แน่นอนว่าก่อนถึง ทางนรกอันมีบรรยากาศผิดกันเป็นฟ้ากับเหว

    เอลิโนร่าเดินเงียบไปข้างๆ น้องชาย ไม่แขวะหรือแม้แต่จะคิดค่อนขอดเขาอยู่ในใจเหมือนปรกติ ...เพราะความคิดของเธอไปจดจ่ออยู่กับเรื่องอื่นแทน

    คุณช่างตีเหล็กนี่เป็นคนใจดีเนอะ เด็กหญิงเปรยขึ้น

    หา? เด็กชายลอบมองสีหน้าของพี่สาว แล้วรอยยิ้มซุกซนก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก ฮันแน่ อย่าบอกนะว่า...พี่เอลี่ชอบเขาเข้าแล้ว

    ป...เปล่านะ อีตาบ้า!” พี่สาวแหวกลับทั้งหน้าแดง...ซึ่งดูอย่างไรก็ค้านกับคำที่พูดออกมาสิ้นดี ก...ก็แค่คิดว่า...ถ้าอาจารย์ของเราทำตัวแบบเขาบ้าง...ก...ก็ดีสิ

    ทำตัวแบบเขายังไง ใช้พวกเรามาจ่ายตลาดเหรออาร์คทำเป็นถามซื่อๆ หรือทำอาหารให้เรากิน

    เด็กหญิงตะครั่นตะครอแผ่นหลังขึ้นมาทันทีกับข้อเสนอที่สอง ในมโนภาพอดไม่ได้ที่จะเห็นอาหารแหยะๆ ผิดของที่มนุษย์มนากินได้ทั้งหลายทั้งปวงล่องลอยหลอกหลอน

    แค่เผลอเดินผ่านห้องครัวไปเห็นแม่มดดำทำอาหารแบบนั้นกินเองเข้า เอลิโนร่าก็แทบกินอาหารที่ตนเองกับน้องชายแบ่งเวรผลัดกันทำไม่ลงแล้ว อย่าว่าแต่จะให้กินของแบบเดียวกับแม่มดลงเลย

    พี่พูดถึงทั่วๆ ไป อย่างนึกถึงความรู้สึกของพวกเราหน่อย หรือให้พวกเราออกมาข้างนอกบ้าง เจ้าก็รู้นี่ ตั้งแต่มาอยู่กับอาจารย์ เราเคยออกมาเดินในเมืองอย่างนี้เสียที่ไหนเอลิโนร่าพูดต่อไปอย่างครุ่นคิด แล้วเขาก็เป็นคนที่รอบคอบดี อย่างกับรู้เลยว่าเราไม่เคยออกมาข้างนอก เลยวาดแผนที่ให้ด้วย มิหนำซ้ำลายมือของเขายังสวย แถมอ่านง่ายจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นลายมือผู้ชายด้วยนะ นึกดูก็แปลกดี...ข้าคิดมาตลอดว่าช่างตีเหล็กเป็นพวกไม่มีการศึกษา เถื่อนๆ ถึกๆ แถมยังบ้าพลังเสียอีก

    ...เป็นเอามากแฮะ น้องชายเหล่มองพี่สาวแล้วพึมพำ

    พี่แค่ชื่นชมเขาย่ะ ถ้าพี่เป็นพ่อกับแม่นะ จะส่งเจ้าไปเรียนกับเขาแทนอาจารย์ให้ดู

    แต่ข้าไม่ได้อยากเป็นช่างตีเหล็กนี่!” อาร์ครีบค้านทันควัน พี่ก็รู้ เป็นลูกศิษย์ช่างตีเหล็กแล้วเราจะเอาที่ไหนไปสอบเข้าโรงเรียนผู้กล้าล่ะ!”

    ...ยังกะอยู่ทำงานให้อาจารย์แล้วมีอะไรซึมเข้าหัวไปสอบงั้นล่ะ

    เอลิโนร่าพูดได้เท่านั้น ความสนใจก็พลันเลื่อนไปยังร่างร่างหนึ่งซึ่งวิ่งสวนมาบนทางข้างหน้า...เร็วเสียจนเรียกได้ว่าวิ่งสุดชีวิต

    ร่างที่ว่าดูคุ้นตาอย่างประหลาด...แต่ก็ยังนึกไม่ออก จนกระทั่งอีกฝ่ายวิ่งผ่านลับไปแล้ว เด็กหญิงจึงได้ตระหนัก

    เดี๋ยวก่อน! นั่นน้องสาวคุณช่างตีเหล็กนี่นา ทำไมถึงวิ่งมาแบบนั้นล่ะ

    หือ...หรือที่บ้านคุณช่างตีเหล็กจะมีเรื่องด่วนอะไร อาร์ครับลูกได้อย่างเหมาะเจาะ เช่น อาจารย์กับพี่ชายของนางทะเลาะกันจนบ้านเขาระเบิด แผ่นดินไหว เกิดเหตุเพลิงไหม้ โคลนถล่ม น้ำป่าไหลบ่า...

    รีบไปดูกันดีกว่า เด็กหญิงตัดบท กึ่งเป็นห่วง แต่ก็ยังรำคาญอีกฝ่ายที่เล่นไม่เลิก ...ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ไม่สิ เราแยกกันไปเถอะ พี่จะกลับไปที่บ้านคุณช่างตีเหล็ก เจ้าก็ตามน้องสาวเขาไป เผื่อมีปัญหาอะไรหรือจะขอความช่วยเหลือ จะได้ไม่พลาดทั้งสองฝ่าย

     

    * * * * *

     

    ฟรานซิส! เพื่อนมาแน่ะลูก!”

    ครับแม่

    เด็กชายวางมือจากผืนผ้าใบบนขาตั้ง และวางถาดสีกับพู่กันบนโต๊ะเล็กข้างๆ มัน เช็ดมือกับผ้าขี้ริ้วให้สะอาด ครั้นแล้วจึงไสรถเข็นออกห่าง และหันด้านหน้าของมันไปทางประตู

    ไม่ต้องเอ่ยชื่อ เขาก็รู้ว่า เพื่อน ที่มาหาตนถึงบ้านเช่นนี้มีคนเดียวเท่านั้น คนอื่นอาจมองว่านี่เป็นเรื่องน่าเศร้าหรือสงสาร ...โดยเฉพาะสำหรับเด็กที่ไม่อาจวิ่งเล่นได้เป็นปรกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ อย่างเขา แต่ตัวเขาเองก็ยังคิดว่าการมีเพื่อนที่ดีอย่างเธอเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว

    สวัสดี เมลิส มาหาแต่เช้าเชียว ฟรานซิสเงยหน้าจากเก้าอี้รถเข็น มองเธอพร้อมรอยยิ้มกว้าง

    สิ่งหนึ่งที่เขาเรียนรู้จาก ความขาด ของเธอ ก็คือเขาต้องหัดแสดงสีหน้าต่างๆ ให้มากขึ้น ชัดเจนขึ้น เพื่อจะได้สื่อแทนน้ำเสียงว่าตนรู้สึกอย่างไร

    สวัส...ดี เด็กหญิงตอบด้วยท่าทางเหมือนเพิ่งรีบวิ่งมาจนหอบ นี่...ฟรานซิส มีเรื่องขอร้องล่ะ

    อะไรหรือ เขาสงสัย

    ครั้นแล้ว เด็กชายก็เบิกตากว้าง ...เมื่อเห็น อะไรบางอย่าง ที่โผล่ศีรษะออกมาจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อนของเธอ พร้อมกับคำทักทายด้วยเสียงแหลมเล็ก

    ส...สวัสดี ฟรานซิส ยินดีที่ได้รู้จักนะ

     

    * * * * *

     

    เป็นเพราะเจ้านั่นล่ะ พวกจอมเวทดำไร้สำนึก พูดอะไรไม่รู้จักคิด เสียงของอัศวินยิ่งดังเสียดเข้ามาให้มาเทียสปวดศีรษะ

    เจ้าตัวนั้นมันคิดมากไม่เข้าเรื่องไปเองต่างหาก แม่มดดำไม่ยอมจำนน ใครเขาผ่าพิสูจน์แล้วปล่อยให้ตายบ้างล่ะ ของแปลกที่ยังหาที่มาไม่ได้แบบนั้น ถ้าผ่าเสร็จแล้วยังไม่ตาย เขาก็ต้องเย็บปิดแผล แล้วก็รักษาให้อยู่แล้ว

    งั้นถ้ามีคนคิดว่าท่านเป็น ของแปลก จนจับไปผ่าพิสูจน์บ้างล่ะ ช่างตีเหล็กอดไม่ได้ ท่านจะยอมให้เขาผ่าให้เจ็บตัวเล่นหรือเปล่า

    เจ็บตัวอะไร เวทมนตร์ทำให้ชาหรือสลบก็มี แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาการของอิลลูเซีย ข้าจะยอมสละตัวเองอย่างไม่ลังเลเลย เอริเธียพูดพลางประสานมือเข้าด้วยกัน ทำท่างามซึ้งราวกับรูปปั้นนักบุญ...สุดจะค้านกับหน้าตาที่ละม้ายนางปีศาจดูดเลือด

    มาเทียสเกียจคร้านจะพูดต่อไปในทันที แต่ก็อย่างที่เขานึกไว้...พี่ชายอัศวินของเธอไม่ยอมเสียโอกาส

    เจ้าไม่ควรพูดว่า เพื่ออิลลูเซียแต่ควรจะเป็นเพื่อมิโทเซีย มากกว่า ชายหนุ่มเอ่ยขึงขัง ถึงทั้งสองอาณาจักรจะเป็นเมืองพี่เมืองน้อง ร่วมแผ่นดินเดียวกัน มิโทเซียก็ควรจะล้ำหน้าและนำทางโลจิเซียไปในทางที่ถูกต้อง หรือเจ้าลืมไปแล้ว ว่าพวกโลจิเซียเคยสวามิภักดิ์ต่อจอมมารมาก่อน ถ้าพวกนี้รู้อะไรมากเกินไป—“

    โอ๊ย! เชื่อท่านเสียจริง แม่มดเงยหน้า ยกมือป้องปากหัวเราะเสียงแหลม เป็นตัวอะไรกันแน่ ผู้กล้าที่จะพิทักษ์แผ่นดินอิลลูเซียโดยไม่แบ่งแยก หรือแค่สุนัขรับใช้ของมิโทเซีย แบ่งเขาแบ่งเราอย่างน่าสมเพชแท้ๆ!”

    ช่างตีเหล็กตัดสินใจว่าจะพอเสียที จึงได้กระแอม

    พวกท่านจะทะเลาะกันเรื่องใด ก็กรุณาไปใช้สถานที่อื่น ตอนนี้ข้าต้องขอตัวไปตามน้องสาวก่อน ถ้าได้พูดกับนางแล้วจะไปหาท่านแม่มดดำที่หอคอย เพื่อบอกว่าพวกเราตัดสินใจทำอย่างไรกับเด็กคนนั้น

    อ้าว! ไม่ใช้เฮลฮาวนด์ของข้าออกตามกลิ่นรึ เอริเธียเสนอ แล้วอย่างน้อย ข้าก็ควรจะไปด้วย ไม่อย่างนั้น ถ้าแมนเดรกประหลาดนั่นคิดทำร้ายพวกเจ้าขึ้นมา จะทำอย่างไรกัน

    ข้าคิดว่าไม่หรอก มาเทียสปฏิเสธทันควัน ข้ารู้ว่าน้องสาวข้าน่าจะไปที่ไหน ส่วนเด็กคนนั้น ถ้าเราไม่ทำอันตรายนาง ข้าก็คิดว่าน่าจะคุยกันได้ไม่ยาก...

    ชายหนุ่มตัดสินใจไม่ออกความเห็นต่อมา ...ว่าท่าทางเด็กจิ๋วผมเขียวน่าจะคุยรู้เรื่องยิ่งกว่าแม่มดดำเอามากเสียอีก

    ข้าเข้าใจ อัศวินรับง่ายๆ เอาเถอะ ข้าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าท่านจะกลับมา และจะไปเป็น พยาน ของการเจรจาที่หอคอยด้วยก็แล้วกัน นางจะได้เอาเปรียบท่านไม่ได้

    พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง คนถูกหาว่าจะเอาเปรียบชักสีหน้า

    จะให้ข้าพูดตรงๆ ไหมล่ะ แม่น้องสาว ชายสวมชุดเกราะเหลือบแลหญิงสาวอย่างไม่ใส่ใจนัก ว่าเจ้าอยากได้แมนเดรกประหลาดนั่นไปผ่าพิสูจน์ เพื่อเลื่อนระดับจอมเวทของตัวเอง และเจ้าก็จะอ้างกับช่างตีเหล็กว่า มัน เป็นของของเจ้ามาแต่แรกแล้ว ถ้าเขาจะขอซื้อมันไปดูแลเพราะเห็นใจมัน หรือเห็นแก่น้องสาวเขา เจ้าก็จะโก่งราคาหน้าเลือดจนเขาสู้ไม่ไหว

    เอริเธียเมินหน้าไปทางอื่น ขณะที่มาเทียสมองอัศวินอย่างประหลาดใจ (และออกจะทึ่งว่าเขาก็นึกไปถึงแผนการซับซ้อนอย่างนี้ได้เหมือนกัน)

    ดังนั้น พูดมาตรงๆ เลยดีกว่าไหม ว่าเจ้าจะเรียกเงินเท่าไร สำหรับแมนเดรกต้นนั้น

    แม่มดดำเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นแล้วจึงระเบิดเสียงหัวเราะ

    ใช่! พี่ชาย เป็นอย่างที่ท่านพูดทุกอย่างนั่นล่ะ ช่วยไม่ได้ ข้าไม่ได้อยากหมกตัวอยู่ในบ้านนอกอย่างนี้จนแก่ตายนี่ แล้วข้าก็ไม่ใช่แม่พระจอมเวทขาวผู้มีน้ำใจต่อสัตว์โลกทั้งหลายด้วย เธอชายตามาทางอัศวินแวบหนึ่ง แต่ใครกันล่ะ...ที่ทำให้ข้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น!”

    มาเทียสบอกตนเองว่านี่คือวันแห่งการปลงชีวิต องค์เทพเจ้าคงอยากให้เขาเรียนรู้ว่าคนเจ้าคิดเจ้าแค้น แถมยังลากความแค้นส่วนตัวเข้ามาในเรื่องอื่นๆ ได้ไม่เว้นจนพูดกันจะไม่รู้เรื่องสักที...มีอยู่ในโลกนี้จริงๆ

    เจ้าสอบไม่ติดของเจ้าเอง อย่ามาโทษข้า อย่างน้อย ก็ยังดีที่อัศวินหนุ่มดูจะรักษาจุดประสงค์ได้มากกว่าที่คิด ว่ามา เจ้าจะเรียกราคาเท่าไร

    บอกแล้วจะทำไม ท่านจะซื้อมันให้เขารึ หน้าใหญ่ใจโตเหมือนแต่ก่อนไม่ผิดเลยนะพี่ชาย เสียงของเอริเธียเริ่มเย็นเยียบ และบรรยากาศรอบตัวก็ดำทะมึนขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าข้าบอกว่ามันเป็นแมนเดรกที่มีคุณภาพดีที่สุด ต้นหนึ่งราคาถึงห้าหมื่นเกล ท่านจะมีปัญญาออกเงินซื้อมันให้คนที่ไม่รู้จักเอาไปเลี้ยงเล่นไหม

    ห...ห้าหมื่นเกล... ช่างตีเหล็กแทบสำลัก

    นั่นเท่ากับรายรับของเขารวมกันสิบเดือน...ยังไม่หักรายจ่าย อย่าว่าแต่ตอนนี้มาเทียสมีโครงการเก็บเงินให้เมลิสได้ไปตรวจรักษากับหมอในเมืองหลวง จะนำเงินก้อนใหญ่มาใช้เป็นละลายน้ำกับเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร

    ...ไม่ว่าเจ้าเด็กน้อยนั่นจะน่าสงสาร หรือเมลิสจะเสียใจอย่างไรก็ตาม...

    หึ อัศวินกลับยิ้มรับ และหันมาทางมาเทียสอีกครั้ง ช่างตีเหล็ก ท่านพอจะรับงานเพิ่มได้ไหม

    ข...ขอรับ?”

    เจ้าของร้านเพิ่งสังเกตว่าชายในชุดเกราะมีดาบใหญ่อีกเล่มหนึ่งติดมาด้วย เขาสะพายมันไว้ใต้ผ้าคลุมข้างหลัง ห่อในผ้ากำมะหยี่สีม่วงเข้ม รัดด้วยเส้นไหมสีทอง ผนึกตราครั่งอย่างดี ทั้งรูปร่างและขนาดดูเหมือนดาบใหญ่ที่ต้องใช้ถือสองมือของนักรบหนัก หรือนักรบบนหลังม้า

    ข้า เฮลิออส เอเธลเวียร์ด อัศวินอิสระ ได้รับพระบัญชาจากกษัตริย์วิลเฮลม์ที่ยี่สิบเอ็ดแห่งราชอาณาจักรมิโทเซีย ให้อัญเชิญ แกรม ดาบพิฆาตมังกรฟาฟเนียร์ มาปราบฝูงมังกรไวเวิร์นสีขี้เถ้า ที่กำลังคุกคามพรีม่า เมืองท่าสำคัญทางเหนือของมิโทเซียอยู่ในขณะนี้

    มาเทียสจ้องมองดาบเล่มใหญ่นั้นอย่างตะลึงลาน แม้จะเห็นเพียงรูปรอยของผ้าที่ห่อหุ้มมันอยู่

    ...เป็นครั้งแรก ที่ได้เห็นดาบสำคัญระดับสมบัติของแผ่นดินอยู่ตรงหน้า...

    ท่านจะพล่ามไปทำไม แม่มดเอริเธียถามอย่างไม่เข้าใจและรำคาญ

    ข้าจะจ้างช่างตีเหล็กให้ติดตามทำความสะอาด และซ่อมบำรุงมันตลอดการเดินทางไปปราบไวเวิร์น ด้วยค่าจ้างเจ็ดหมื่นเกล และจะเบิกเงินจากท้องพระคลังให้เขาล่วงหน้าน่ะสิอัศวินนามเฮลิออสหันมาทางเจ้าของร้าน ว่าอย่างไร ช่างตีเหล็ก ค่าจ้างนี้น้อยเกินไปสำหรับท่านหรือไม่

    มาเทียสไม่อาจให้คำตอบได้เป็นนาน ขณะรบกับอาการ ลมแทบจับ ของตนเอง

     

    * * * * *

    เจ้าพอมีที่ให้นางซ่อนตัวไหม ฟรานซิส เมลิสเอ่ยถาม หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ข้าจะกลับไปบอกพวกเขาว่านางหนีไปแล้ว จากนั้นค่อยคิดกันอีกที ว่าจะทำอย่างไรกับนางดี

    ...ข้าว่าคงไม่ได้หรอก... เด็กชายสวมแว่นตาที่นั่งรถเข็นตรงหน้ากลับปฏิเสธทันที ...ไม่ใช่ข้าไม่อยากช่วยพวกเจ้านะ แต่ซ่อนตัวไปอย่างไร แม่มดก็คงตามเจออยู่ดี ข้าว่ามีทางเดียว คือเจ้าต้องพูดกับนางตรงๆ ว่าไม่ยอมให้เด็กคนนี้ไปมากกว่า...

    แต่ว่า...อีกฝ่ายเป็นแม่มดดำนะ!” เด็กหญิงรีบแย้ง...ด้วยเหตุผลที่ตนไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ข้าว่า...นางไม่ฟังหรอก

    ...ถ้ายังไม่พูดก็ไม่รู้ แต่ให้ซ่อนหรือหนี นางมีเฮลฮาวนด์อยู่เป็นฝูงไม่ใช่หรือ ไม่ช้าคงตามกลิ่นมาได้อยู่ดี...

    ...ก็จริง เมลิสจำใจรับ พี่แมทไม่ได้แตะตัวนางด้วยซ้ำ ยังถูกพวกเฮลฮาวนด์ของแม่มดจับกลิ่นได้เลย

    เด็กตัวจิ๋วบนตักเงยหน้ามองเมลิส แล้วก็ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง

    ต...แต่เจ้าไม่ผิดหรอกนะ น้องสาวช่างตีเหล็กรีบลูบศีรษะปลอบโยนมัน ไม่ว่ายังไง ข้าก็ไม่ชอบแม่มดคนนั้น ยิ่งพูดออกมาได้ว่าจะฆ่าแกงเจ้ากันง่ายๆ อย่างนี้ด้วย

    ฟรานซิสสะกิดแขนของเด็กหญิง

    ...ที่จริง มีตั้งหลายวิธีที่จะตรวจสอบว่านางเป็นตัวอะไรนะ อย่างเช่นส่งเส้นผมกับชิ้นเนื้อไปให้ศูนย์วิจัยสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์พิสูจน์ แต่ก็ไม่รู้ว่านั่นจะเอิกเกริกไปหรือเปล่า... เด็กชายพูด ...ถ้าแม่มดแค่อยากรู้ ได้รู้ก็อาจจะยอมรามือ แต่ข้ากลัวว่าถ้าพวกจอมเวทที่ศูนย์วิจัยรู้เข้า จะอยากได้ตัวนางไปทดลองแทนน่ะสิ...

    ก็จริง...เด็กหญิงเริ่มรู้สึกมืดแปดด้าน

    เมลิสไม่ได้มองว่าคนของศูนย์วิจัยสัตว์เวทมนตร์เป็นปีศาจร้ายไปหมดก็จริง เพราะสัตว์ที่เธอเลี้ยงไม่ได้ พี่แมทก็ช่วยส่งไปให้คนที่นั่นดูแลแทน แต่พวกนั้นเป็นสัตว์ที่ชาวอิลลูเซียรู้จักลักษณะต่างๆ เป็นอย่างดี และเลี้ยงดูอย่างมีมนุษยธรรมเพื่อแลกกับขน เกล็ด หรือสารคัดหลั่งจากร่างกายที่ใช้ประกอบยากับวัตถุเวทมนตร์ได้ ไม่ใช่สิ่งไม่รู้ที่มาอย่างเด็กน้อยผมเขียวนี้

    ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพวกเขาถือกันว่าเด็กผมเขียวเป็นพืช หรือต้นแมนเดรกจริงๆ ...ก็คงต้องถูกเอาไปทำยา เด็กหญิงรู้จากหนังสือว่าแมนเดรกมีสรรพคุณทางยาทั้งต้น เธอจึงแทบนึกภาพพวกเขาโยนเด็กตัวจิ๋วลงต้มเคี่ยวในหม้อจนเปื่อยยุ่ย เหมือนต้นแมนเดรกอื่นๆ ด้วยซ้ำ

    สิ่งมีชีวิตบนตักสะกิดเมลิสบ้าง ให้เธอก้มหน้าลงมอง

    ...ไม่เป็นไรหรอก เมลิส ข้าหนีไปคนเดียวก็ได้... มันเสนอ ...ถ้าอยู่ที่นี่ เจ้ากับพี่ชายจะลำบากไปด้วย ข้าไม่เป็นไรหรอก ถ้าออกนอกเมืองพาร์ฟได้ก็คงปลอดภัย พวกคุณต้นไม้ที่อื่นๆ น่าจะช่วยแนะนำข้าได้ ว่าจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง...

    แต่ว่า...

    ไม่ทันพูดมากไปกว่านั้น เด็กหญิงก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆ บนพื้นเสียก่อน

    มีใครบางคนเคาะประตู

    เมลิสเห็นเด็กชายเจ้าของห้องตอบรับ ...ครับแม่... แล้วก็นิ่งฟังอยู่อีกครู่หนึ่ง จึงได้หันมาบอกความต่อเด็กหญิง

    ...แม่บอกว่ามีเด็กผู้ชายมาหาเจ้า บอกให้เจ้ากลับบ้านได้แล้ว เขาว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของแม่มดเอริเธีย... ฟรานซิสค่อยๆ พูดอย่างลังเล ...เจ้าจะให้เขาเข้ามาไหม...

     

    * * * * *

     

    แม่มดเอริเธียเดินกระแทกเท้าเข้ามาในครัวของหอคอย อารมณ์ขุ่นมัวขนาดเฮลฮาวนด์ทั้งเจ็ดยังไม่กล้าฝ่าก้อนบรรยากาศดำขยุกขยุยรอบกายเข้ามาทักทาย

    เธอกลับมาตัวคนเดียว และแค่ส่งสารเวทให้ลูกศิษย์ทั้งสองรู้ว่าตนจะล่วงหน้ากลับหอคอยก่อน หากหิวก็เชิญร่วมโต๊ะกับช่างตีเหล็ก น้องสาวเขา ไปจนถึง สหาย ที่เพิ่งผูกมิตรกันวันนี้ตามสบาย เพื่อตนเองจะได้ประหยัดค่าอาหารในส่วนของสองพี่น้องวัยกำลังโตด้วย

    แต่ที่สำคัญกว่านั้น แม่มดดำอยากอยู่ตามลำพัง

    เธอรู้สึกเหมือนตนพ่ายแพ้พี่ชายใจร้ายอีกครั้งแล้ว...ถึงจะพยายามมองโลกในแง่ดีว่าตนเองได้เงินก้อนโตเกินคุ้มค่าเหนื่อย แมนเดรกแค่ต้นเดียวนั้นมีราคาถูกกว่านี้มาก และที่จริง ที่เธอต้องการเลื่อนระดับของตนในสมาคมจอมเวทดำ ก็เพราะต้องการเบี้ยเลี้ยงเพิ่มขึ้น ดังนั้นไม่ได้แมนเดรกประหลาดมาทำผลงานก็ไม่เป็นไร

    แต่ไม่ว่าผลตอบแทนจะงามแค่ไหน หญิงสาวก็แทบทนไม่ได้ ที่ต้องมาถูกพี่ชายถากถางเอาต่อหน้าบุคคลที่สามให้เสียหน้า ...ต่อให้บุคคลที่สามนั่นจะเป็นแค่ขอทานปัญญาอ่อน หรือช่างตีเหล็กไร้ชื่อในเมืองบ้านนอกอย่างนี้ก็ตาม

    เอาเถิด มาเข่นแค้นขุ่นมัวกันตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร แม่มดดำยังไม่มีอาหารตกถึงท้องมาตั้งแต่ก่อนตะวันตกดินเมื่อเย็นวาน (เธอกำลังควบคุมน้ำหนัก) ยิ่งหิวก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างกายของตนเองเบาโหวง วิงเวียนศีรษะจนแทบหน้ามืด อาจเป็นเพราะอย่างนี้ด้วยกระมังที่ทำให้เถียงพี่ชายไม่ออก

    เธอจึงตวงข้าวโอ๊ตสีนิลที่เก็บไว้ในไหดินเผาลงอาคมกันชื้น ใช้เวทพายุหมุนย่อส่วนปั่นมันให้ละเอียดเป็นผงดำๆ ...อาจละเอียดจนเกินไปด้วยแรงอารมณ์ จากนั้นก็ใช้เวทลมหอบมันใส่ถ้วย รินนมเปรี้ยวตาม คนให้เข้ากันจนกลายร่างเป็นข้าวโอ๊ตต้มนมสีเหมือนผงถ่านกะดำกะด่าง จากนั้นก็ใช้เวทมนตร์หยิบมะเขือเทศโลหิตมาคั้นน้ำใส่แก้ว ทำอาหารเช้าอย่างง่ายๆ ให้ตนเอง ที่จริงแบบครบสูตรยังต้องมีลูกตากระทิงดองน้ำเกลืออีกหนึ่งคู่ กับไส้กรอกเลือดหนึ่งข้อ แต่แม่มดดำกำลังรีบ และไม่ใคร่อยู่ในอารมณ์ทำของคาว

    กระนั้น ขณะที่กำลังจะดึง ใบหน้า ขึ้นเพื่อกินอาหารเช้าคำแรก เสียงของใครบางคนก็เอ่ยขึ้นข้างหลังเสียก่อน

    กินอาหารเช้าสายจริงนะ เซเล

    แม่มดดำหันกลับไป และลุกขึ้นค้อมศีรษะน้อยๆ

    ท่าน! มาถึงนี่มีธุระอะไรหรือ

    ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอสวมชุดไม่ต่างจากชาวไร่ กล่าวคือเสื้อกลางเก่ากลางใหม่ กับกางเกงขายาว ไม่ได้ใช้เข็มขัด แต่คาดด้วยผ้าเคียนเอวแบบเรียบๆ ซ้ำยังมีหมวกฟางปีกกว้างสวมบนศีรษะ

    แต่เอริเธียรู้ ว่าเขามีความสำคัญยิ่งกว่านั้น...ใบหน้าและผิวใต้ร่มเงาหมวกนั้นขาวเกินกว่าจะเป็นผิวของคนที่ทำงานใต้แสงแดดมาตลอด แววตาสีดำสนิทกับเรือนผมที่ตัดและหวีเรียบร้อยนั้นก็ดูฉลาดเฉลียวเกินเป็นคนใช้แรงงาน

    เขาคือโยเวียส... จอมมาร ลำดับที่หกร้อยหกสิบห้าแห่งอิลลูเซีย

    พูดอีกทางก็คือ นายเหนือ ของเธอ

    อ้อ ไม่มีอะไรมากหรอก ที่จริงเมื่อคืนข้าแวะมารอบหนึ่ง เขาถอดหมวกฟางออกพัดโบก ทั้งๆ ที่อากาศในหอคอยเรียกได้ว่าเย็นจนเป็นหนาว นอสทรัมเพิ่งลองผสมยาใหม่ เลยว่าจะเอามาให้เจ้าทดลองดู แต่ลูกศิษย์ของเจ้าเกิดเข้ามาก่อนข้าทันเขียนจดหมาย ข้าเลยแค่วางขวดไว้เฉยๆ

    ยา...หรือ แม่มดขมวดคิ้ว เริ่มเดาความเกี่ยวข้องบางอย่างได้รำไร เป็นยาอะไร

    ก็ยาทำให้สิ่งมีชีวิตกลายเป็น โฮมอนคิวลัส (มนุษย์เทียม) แบบสำเร็จรูปน่ะสิ ...ว่าแต่...ทำไมเจ้าทำหน้าเหวออย่างนั้นล่ะ

     

    * * * * *

     

    คนเขียนขอคุย

     

    ถ้าคนที่เคยอ่านตำนานนอร์ส คงจะคุ้นๆ กับชื่อดาบ แกรม (Gram) กับมังกรฟาฟเนียร์ (Fafnir) ซึ่งก็เป็นดาบที่ผู้กล้าซิกูร์ด (Sigurd) ใช้สังหารมังกรตามชื่อที่ว่าครับ ว่าไป มังกรนี่ก็ค่อนข้างเป็นศัตรูมาตรฐานของเกมหรือเรื่องแนวแฟนตาซีด้วยสิ ^^a

    ส่วนสูตรอาหารของแม่มด...ก็นึกขึ้นมาด้วยความแหยะประหนึ่งดูรายการ Fear Factor ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาข้าวโอ๊ตไปต้มกับนมเปรี้ยวจะรสชาติออกมาอีท่าไหน แถมกินกับน้ำมะเขือเทศด้วย ถึงมันจะฟังดูเป็นเมนูอาหารเช้าเพื่อสุขภาพหน่อยก็เถอะ ^^a

    และแล้วจอมมารก็ออกมาเร็วเกินคาด แต่เขาจะมีบทบาทอย่างไรกับแม่มดและแมนเดรก ขอเชิญติดตามตอนต่อไปเลยครับ

    รายชื่อตัวละคร

    เอลี่/เอลิโนร่า (Elinora) – ลูกศิษย์ของแม่มดดำ พี่สาวของอาร์ค ตอนนี้ดูเหมือนจะชื่นชมช่างตีเหล็ก

    อาร์ค/อาร์คิมิดีส (Archimedes) – ลูกศิษย์ของแม่มดดำ น้องชายของเอลี่

    ฟรานซิส (Francis) เด็กชายสวมแว่นขาพิการ ซึ่งต้องนั่งรถเข็นอยู่แทบตลอดเวลา เป็นเพื่อนของเมลิส

    เมลิส (Melis) น้องสาวของช่างตีเหล็ก หูหนวกและรักสัตว์

    แมนเดรก? เด็กจิ๋วผมเขียวที่เมลิสเก็บได้ มีความสามารถสื่อสารกับวิญญาณของพืชในสิ่งต่างๆ

    เอริเธีย (Erithia) แม่มดดำที่ชอบเหน็บแนมพี่ชายผู้กล้า และอยากผ่าพิสูจน์แมนเดรก อาจมีอีกชื่อหนึ่งว่า เซเล?” และเป็นลูกน้องของจอมมาร

    เฮลิออส (Helios) – อัศวินผู้กล้า เพิ่งจ้างมาเทียสไปทำงานซ่อมบำรุงดาบขณะปฏิบัติภารกิจ เพื่อนำเงินมาซื้อต้นแมนเดรกไปจากแม่มด

    มาเทียส (Mathias) - ช่างตีเหล็กที่ลมแทบจับกับงานใหญ่และเงินก่อนใหญ่โดยไม่คาดฝัน

    โยเวียส (Jovius) - จอมมารลำดับที่ 665 แห่งอิลลูเซีย เป็นที่มาของน้ำยาที่ทำให้แมนเดรกกลายเป็นโฮมอนคิวลัส (homunculus) หรือ 'มนุษย์เทียม'

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×