ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Mandrake Hero(ine) - ผู้กล้าพืชป่วน ยกก๊วนปราบมังกร

    ลำดับตอนที่ #35 : 30 - แก่นกลางของใจ - ‘หากในตอนนั้นข้าอยู่...’

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 242
      0
      1 ก.ค. 54

    บทที่ 30

    แก่นกลางของใจ

     

    มาเทียสเห็นที่มาของเสียงนั้น หรือที่ถูกควรจะเรียกว่า เงา ของมัน

    เงาสีดำทาบลงบนผนังสีขาว เหมือนทอดออกมาจากอีกห้องหนึ่ง เป็นเงารูปเก้าอี้ตัวใหญ่ กับชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนนั้น

    เพราะหนาวเลยซ้อมดาบไม่ได้งั้นเรอะ เสียงจากเจ้าของเงาดังขึ้นต่อไป แกมันจะอ่อนแอไปถึงไหน! แบบนี้จะไปเป็นผู้กล้าปราบจอมมาร...ให้สมศักดิ์ศรีของตระกูลเบลมิทได้ยังไง! อยากให้ตำแหน่งอัศวินผู้กล้าตกเป็นของลูกตระกูลเอเธลเวียร์ด หรือตระกูลซินิสตรานั่นเรอะ!”

    โธ่...ท่านพี่คะ เงาอีกเงาค่อยๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเงาของชายคนแรก ช่างตีเหล็กมองออกว่านั่นเป็นเงาผู้หญิงจากทรงผมเกล้ามวย ชุดกระโปรง และน้ำเสียง อย่าให้อัลบัสหักโหมมากเลยนะคะ ถ้าเกิดออกไปซ้อมดาบกลางหิมะแบบนี้ จอมมารอาจจะดลบันดาลให้อัลบัสเป็นไข้ขึ้นมาก็ได้นะคะ

    เจ้านี่ก็โอ๋มันอยู่ได้ แบบนี้มันจะโตขึ้นมาเป็นนักรบได้ยังไงกัน

    แต่ถ้าจอมมารทำให้ลูกเราเป็นอันตรายถึงชีวิตล่ะคะ เหมือนกับที่มันทำให้ขาของท่าน...

    เงาของคนบนเก้าอี้คว้าไม้ยาวมากระแทกพื้นดังปึง

    เบียงก้า!” เงานั้นคำราม บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าพูดเรื่องนั้นอีก!”

    ก...ก็ข้าเป็นห่วงลูก ไม่อยากให้แกถูกจอมมารทำร้ายนี่คะ!” เงาของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอีก เป็นเพราะจอมมารไม่ใช่เหรอ ท่านถึงได้...

    ข้าสั่งว่าห้ามพูดไม่ใช่เรอะ!”

    เสียงตวาดทำให้หญิงสาวเงียบไป ทว่าเสียงอื่นกลับดังขึ้นแทน

    เป็นเสียงสะอื้นของเด็ก

    เงาของหญิงสาวเบือนศีรษะไปจากทางชายบนเก้าอี้ และรีบเดินจากไป กระนั้นเสียงของเธอยังคงดังตามมา

    โอ๋...ไม่เป็นไรนะจ๊ะอัลบัส ลูกไม่ต้องออกไปข้างนอกหรอก ผิงไฟอยู่ตรงนี้เถอะจ้ะ

    ไม่ต้อง! ให้มันขึ้นไปอ่านหนังสือบนห้องมันโน่น! ไม่งั้นจะเอาอะไรไปสอบเข้าโรงเรียนผู้กล้า! อีกแค่สามปีมันก็ต้องไปสอบแล้ว!”

    อีก ตั้ง สามปีต่างหาก ให้ลูกเราได้เล่นสนุกๆ สมวัยเด็ก หรือใช้เวลากันเป็นครอบครัวบ้างสิคะ อัลบัส...ลูกอยากเล่นหมากกระดานไหม ช่วยแม่เล่นแข่งกับพ่อดีไหมจ๊ะ

    ข้าไม่เล่น! ถ้าอยากใช้เวลากันเป็นครอบครัว...เจ้าก็ขึ้นไปอยู่กับมันไป!” เงาผู้ชายยกปลายไม้เท้าชี้ตรงไปเบื้องหน้า อยากใช้เวลาอยู่กับมันนักก็ช่วยมันท่องหนังสือ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ให้ข้ากับตระกูลเบลมิทเสียบ้าง!”

    อะไรกันหญิงสาวหัวเราะเฝื่อนๆ ท่านก็ช่วยอัลบัสด้วยสิคะ ถ้าอยากให้อัลบัสได้เป็นอัศวินผู้กล้าอย่างท่าน ช่วยแกดูหนังสือก็น่าจะดีนะ

    เฮอะ!” เงาบนเก้าอี้กระแทกไม้เท้ากับพื้น รู้งี้ข้าน่าจะแต่งงานกับจอมเวทขาวที่จบจากโรงเรียนผู้กล้าด้วยกัน แทนที่จะเป็นคุณหนูลูกขุนนางนุ่มนิ่ม ทำอะไรก็ไม่เป็น อัลบัสมันจะได้เชื้อจอมเวทมาช่วยรับประกันให้สอบเข้าได้เสียบ้าง!”

    ม...แม่ฮะ เสียงสั่นๆ ของเด็กชายพูดขึ้นในตอนนั้น ข...ข้าขึ้นไปดูหนังสือคนเดียวก็ได้ฮะ

    จ...จ้ะ เสียงของหญิงสาวตอบ พยายามเข้านะจ๊ะอัลบัส เอ้อ...แล้วอย่าเปิดหน้าต่างนะ อย่าเอาเครื่องรางป้องกันปีศาจที่หน้าประตูกับหน้าต่างออกด้วย เดี๋ยวจอมมารจะทำอะไรร้ายๆ ให้ลูก เหมือนที่ทำให้ขาของพ่อ...

    เสียงผู้ชายกระแอม หญิงสาวจึงหยุดพูดเพียงเท่านั้น

    มาเทียสยังคงมองอยู่ จนกระทั่งได้ยินเสียงเด็กชายรับคำเบาๆ และเสียงฝีเท้าตึกตัก

    ร่างของเด็กชายผมทองคนหนึ่งวิ่งเลี้ยวหัวมุมทางสีขาวมา ตรงมาทางมาเทียสกับอาเน่

    อัล... ช่างตีเหล็กร้องเรียก แต่ไม่ทันเด็กชายคนนั้นวิ่งผ่านไป ขึ้นบันไดที่โถงใหญ่ และปิดประตูบานหนึ่งบนทางเดินชั้นสองดังปึง

    กระนั้น เสียงของชายบนเก้าอี้กับหญิงสาวยังคงดังตามมา

    เบียงก้า! ถ้าไม่อยากอยู่กับไอ้ขาเสียอย่างข้า...ก็หย่ากันเลยสิ! ไม่จำเป็นต้องมานั่งโทษจอมมารให้ข้าฟังทุกวันหรอก ว่าขาข้าเป็นอย่างนี้ไปเพราะใคร!”

    ข้าไม่เข้าใจ กาเวน จอมมารทำให้ท่านเป็นแบบนี้เหรอ ทำไมท่านถึงดีกับอัลบัสไม่ได้ ลูกของเราต้องการความรักความอบอุ่นจากเราทั้งสองคนนะคะ

    ความรักความอบอุ่น! ของพรรค์นั้นทำให้มันก้าวหน้าในโลกนี้ได้เสียที่ไหน! ถ้ามันไม่ทำให้ตัวเองเข้มแข็ง ไม่ฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก อย่าว่าแต่ไปเป็นผู้กล้าปราบจอมมารให้อิลลูเซียเลย แค่สอบเข้าโรงเรียนผู้กล้ายังจะไม่ได้! แล้วถ้ามันเข้าโรงเรียนผู้กล้าไม่ได้...มันจะยังคู่ควรเป็นลูกข้าอยู่หรือเปล่า!”

    จอมมารทำให้ท่านคิดแค่ว่าอัลบัสต้องเก่ง...ถึงจะมีค่าพอเป็นลูกท่านเหรอคะ!”

    แล้วเจ้าเป็นอะไรนัก มีอะไรก็โทษจอมมารๆ กลัวมันอยู่ได้ ถ้ารู้ว่ากลับมาบ้านแล้วจะเจออะไรแบบนี้ ข้าน่าจะปล่อยให้จอมมารมันฆ่าข้าไปเสียเลย! แทนที่จะเอาไปแค่ขาข้างเดียวแบบนี้!”

    กาเวน!”

    มาเทียสถอนใจ เขาหันมามองอาเน่ ก่อนจะพยักพเยิดไปทางบันไดสีขาวที่เด็กชายวิ่งขึ้นไป และเริ่มเดินนำ ทิ้งเสียงทะเลาะทุ่มเถียงของสามีภรรยาไว้เบื้องหลัง

    เรารู้แล้วว่าอัลบัสอยู่ที่ไหน รีบไปเถอะ ข้า...ไม่ชอบฟังเรื่องแบบนี้เลยจริงๆ

     

    * * * * *

     

    เมื่อขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ซึ่งล้วนแต่เป็นสีขาวแสบตาเช่นกันแล้ว การตามหาห้องของอัลบัสก็ไม่ได้ยากนัก แม้ว่าประตูห้องแต่ละบานจะมียันต์และแผ่นป้ายคาถาซึ่งน่าจะมีไว้ป้องกันจอมมารติดอยู่ ก็ดูเหมือนว่าประตูห้องของจอมเวทขาวจะเป็นห้องที่มีของแบบนั้นแปะไว้พราวจนแทบไร้ที่ว่าง

    ทีแรก ช่างตีเหล็กกลัวว่าอัลบัสจะลงกลอนประตู แต่ก็พบว่าบานประตูสีขาวเปิดเข้าไปได้ในทันที...สู่ห้องสีขาวที่ไร้เงาคน

    ...ไม่อยู่อีกเหรอ...

    ห้องมีสภาพเรียบร้อย เตียงนอนคลุมด้วยผ้าสีขาวเรียบตึงไร้รอยยับ ชั้นหนังสือและโต๊ะเขียนหนังสือไม่ได้รกไร้ระเบียบเหมือนห้องทำงานของจอมเวทขาวในเวลาต่อมา บนโต๊ะมีเพียงสมุดปกแข็งสีขาวเล่มหนึ่งวางอยู่ กับขวดหมึกที่จุ่มปากกาขนนกสีขาว

    บางสิ่งดลใจให้มาเทียสเดินไปที่สมุดซึ่งวางอยู่ และเปิดมันออกดู ขณะที่อาเน่เดินเข้ามาข้างๆ

    ตัวอักษรสีดำค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนหน้ากระดาษนั้น

    ข้าสอบเข้าโรงเรียนผู้กล้าได้! ไม่อยากเชื่อเลย! แม่ดีใจจนร้องไห้ แต่พ่อกลับบอกว่าลูกชายตระกูลซินิสตราได้คะแนนลำดับหนึ่ง ส่วนคะแนนสอบเข้าของข้าต่ำกว่านักเรียนครึ่งแรก แถมยังต่ำกว่าตอนที่ท่านสอบด้วยซ้ำ ข้าไม่เข้าใจเลย ทำไมจอมมารถึงต้องทำให้ท่านเห็นว่าข้าไร้ค่าถึงขนาดนี้ด้วย...

    ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไปอยู่ที่หอของโรงเรียนผู้กล้า ต่อให้แม่บอกว่าไปอยู่หอจะลำบากหลายๆ อย่าง การคุ้มกันอาจจะไม่แน่นหนา และข้าอาจถูกจอมมารทำร้ายได้ง่ายขึ้น แต่ข้าไม่อยากอยู่ที่บ้านนี้อีกแล้ว ไม่ว่าข้าจะทำอะไร พ่อก็ไม่พอใจไปหมด และพาลไม่พอใจแม่ด้วย บางที ถ้าข้าออกไปอยู่หอ แม่อยู่กับพ่อสองคนอาจจะดีขึ้นก็ได้ พวกท่านจะได้ไม่ต้องทะเลาะเรื่องข้า ให้จอมมารมันรังควานข้าคนเดียวยังดีกว่า...

    วันปฐมนิเทศ ข้าพบลูกชายของตระกูลเอเธลเวียร์ด กับตระกูลซินิสตราที่ท่านพ่อพูดถึงแล้ว ชื่อเฮลิออสกับโยเวียส พวกเขาดูเป็นคนดี ไม่เห็นน่ากลัวหรือเป็นศัตรูเหมือนที่ท่านพ่อบอกเลย จอมมารต้องทำให้การรับรู้ของท่านเพี้ยนไปแน่ๆ ...ข้าได้รับแจกแผนการจัดหอในวันนี้ด้วย ดูเหมือนว่าข้าจะได้พักอยู่กับห้องเดียวกับเฮลิออสกับโยเวียสด้วย...

    โยเวียส!” อาเน่ร้องขึ้นมา ใช่...จอมมารโยเวียสหรือเปล่า

    นั่นสินะ มาเทียสเองก็สงสัย

    เฮลิออสเคยบอกว่าจอมมารแห่งอิลลูเซียไม่อาจถูกทำลายได้ เพราะมันอาศัยมนุษย์เป็นร่างทรงต่อๆ กันมา โยเวียสคนนี้อาจจะถูกจอมมารสิงอยู่ก็ได้ เด็กหญิงแมนเดรกสันนิษฐาน แล้วโยเวียสก็เคยเป็นเพื่อนกับเฮลิออสกับอัลบัส ถึงได้พูดเหมือนกับรู้จักทั้งสองคนนี้ดี ว่าแต่ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นจอมมารล่ะ

    ถ้าอ่านต่อ ก็คงจะได้รู้ละมั้ง ช่างตีเหล็กรับ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปตามตัวอักษรสีดำที่ยังลากตนเองต่อไป ตามหน้ากระดาษที่พลิกไปเองเช่นเดียวกัน

    ถึงจะอิจฉาโยเวียส...แต่ถ้าได้อยู่ห้องเดียวกับเขา เขาคงช่วยสอนข้าได้ว่าทำอย่างไรถึงจะสอบได้คะแนนดีๆ เหมือนเขาบ้าง อุตส่าห์เข้าโรงเรียนผู้กล้ามาได้แล้ว จอมมารคงไม่ทำให้ข้าสอบตกจนถูกไล่ออกหรอก

    โยเวียสกับเฮลิออสเป็นคนที่ดีจัง ต่อให้เป็นทายาทของผู้กล้าตระกูลใหญ่เหมือนกัน พวกเขาก็ยังคุยกับข้าอย่างสนุกสนาน แถมพวกเรากลายเป็นเพื่อนกันจริงๆ ด้วย ถึงเฮลิออสจะไม่เก่งวิชาพวกเวทมนตร์หรือประวัติศาสตร์เท่าไร แต่เขาก็เก่งดาบมาก และมีน้ำใจ ส่วนโยเวียสอาจจะเป็นอัจฉริยะก็ได้ เขารู้ทุกเรื่อง รู้ชื่อต้นไม้และสัตว์ทุกอย่างที่มีอยู่ในโรงเรียน ไม่สิ...อาจจะมีอยู่ในอิลลูเซียด้วยซ้ำละมั้ง เขามักจะเป็นคนชวนพวกเราคุยเสมอ แล้วก็ชอบเล่นมุกหน้าตาย บางทีข้ายังแยกไม่ออกเลยว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่ แล้วเขาก็ชอบแกล้งคนเอามากๆ ด้วย เมื่อวันก่อนเขาเพิ่งดึงผมแกละของชาร์ล็อตเต้ นักเรียนรุ่นเดียวกันที่นั่งเรียนอยู่โต๊ะข้างหน้าในห้องบรรยาย พอชาร์ล็อตเต้หันกลับมามองอย่างโกรธๆ เขาก็ยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ยื่นลูกอมให้ ทั้งๆ ที่ห้ามกินขนมในห้องเรียน ถึงอย่างนั้นชาร์ล็อตเต้ก็รับไป และดูเหมือนจะไม่โกรธเขาอีก วันนี้นางเพิ่งโบกมือทักเขาเสียงดังด้วยซ้ำ

    ผลสอบกลางภาคเพิ่งออกมาวันนี้ ข้าตกใจมาก ไม่รู้ว่าทำไมคะแนนตัวเองถึงย่ำแย่อย่างนี้ ข้าไม่เข้าใจ โยเวียสไม่เห็นจะขยันเรียนเลย วิชาประวัติศาสตร์อิลลูเซีย เขานั่งหลับแถมยังกรนต่อหน้าต่อตาอาจารย์ เวลาเลิกเรียนแล้วเขาก็ไม่เห็นจะดูหนังสืออะไร ไม่เห็นจะซ้อมดาบมากกว่าคนอื่นตรงไหน แต่ทำไมเขาถึงทำทุกอย่างได้ง่ายๆ แถมยังได้คะแนนสอบเป็นอันดับหนึ่งด้วย ถึงเฮลิออสจะบอกว่าข้าเองก็ทำได้ดี และข้าขยันกว่าโยเวียส ข้าก็ยังทำคะแนนแต่ละวิชาไม่ได้ดีเสียที บางทีข้าก็อดสงสัยไม่ได้ว่าจอมมารมันตามติดข้าอยู่จริงๆ ใช่ไหมนะ มันคงแค้นเคืองที่พ่อข้าเกือบฆ่ามันได้ นอกจากเอาขาของพ่อข้าไปแล้ว เลยคิดจะทำลายความฝันของพ่อกับข้า ให้ข้าไม่อาจเป็นอัศวินผู้กล้าไปสังหารมันแทนท่านอีกด้วย

    แต่ข้าไม่ยอมแพ้หรอก นี่คือความฝันของข้ากับท่านพ่อ คือเป้าหมายของตระกูลเบลมิท ไม่ว่าจอมมารจะตามราวีสักแค่ไหน ความตั้งใจจริงของข้าก็จะไม่แพ้มัน ข้าไม่คิดจะสอบได้ที่หนึ่งเหมือนโยเวียสหรอก แต่ขอแค่เข้าภาควิชานักดาบได้ก็พอ ถึงอย่างนั้นก็ต้องแข่งขันกับนักเรียนอีกเป็นร้อยๆ นักเรียนชายแทบทั้งหมดอยากเข้าภาควิชานี้แทบทั้งนั้น เพื่อจะได้จบออกมาเป็นอัศวินผู้กล้า ข้าต้องพยายามให้หนักกว่านี้อีก

    หมึกที่เขียนตนเองในช่วงนี้มีรอยเปื้อนน้ำเป็นดวงสีเทาประปราย

    ข้าไม่อยากกลับบ้านเลย ผลการเลือกภาควิชาออกมาแล้ว คะแนนของข้าไม่พอที่จะเข้าภาควิชานักดาบ ต้องไปอยู่ภาควิชาจอมเวทขาวแทน ถ้ากลับบ้านไปพ่อต้องว่าข้าแน่ๆ ข้าคิดว่าตัวเองทำเต็มที่ และทำได้ดีแล้วด้วย ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ จอมมารมันต้องกลั่นแกล้งข้าอย่างที่ท่านแม่กลัวแน่ๆ มันอาจจะดลใจให้อาจารย์ให้คะแนนสอบข้าไม่ดี หรือสลับผลการเรียนของข้ากับนักเรียนคนอื่นก็ได้

    หรือว่ามันจะสลับผลการเรียนของข้ากับโยเวียส ใช่สิ โยเวียสทำท่าเหมือนรู้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนแบบนั้น จะไปรู้จริงๆ ได้ยังไง คนอย่างโยเวียสสมควรจะได้ผลการเรียนดี ทั้งๆ ที่ข้าตั้งใจมากกว่า ขยันมากกว่า ทุ่มเทมากกว่าเหรอ ข้าไม่อยากกลับบ้าน แต่ก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อเหมือนกัน ข้าอิจฉาเฮลิออสกับโยเวียส ทั้งสองคนคงเข้าภาควิชานักดาบได้สบายๆ อยู่แล้ว ข้าไม่อยากรับรู้เรื่องแบบนี้จริงๆ

    ชีวิตปิดเทอมที่บ้าน อย่าให้ข้าพูดถึงมันเลย

    ข้าไม่อยากเชื่อเลย โยเวียสไม่ได้เข้าภาควิชานักดาบ แต่เข้าภาควิชาจอมเวทดำ คะแนนวิชาดาบของเขาสูงไล่ๆ กับเฮลิออสอย่างนั้น จะแข่งกับคนอื่นๆ ไม่ได้เลยเหรอ ข้าไปถามโยเวียส เขาก็บอกว่าเขาตั้งใจยื่นคะแนนเข้าภาควิชาจอมเวทดำแต่แรกแล้ว ไม่ได้ยื่นเข้าภาควิชานักดาบเลย ข้าคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว ภาควิชาจอมเวทดำเป็นภาควิชาที่ใครๆ ก็ไม่อยากเข้า ไม่เคยมีจอมเวทดำคนไหนได้เป็นผู้กล้าที่ลงดาบปราบจอมมาร พวกจอมเวทดำทรยศผู้กล้า เป็นไส้ศึกให้จอมมาร หรือกลายเป็นจอมมารเสียเองก็มาก พอถามโยเวียสว่าทำไมถึงได้เลือกภาควิชาจอมเวทดำ เขาก็เอาแต่พูดเล่น บอกว่า ก็เวทมนตร์มันมีแสงวูบวาบน่าตื่นเต้นกว่าฟันดาบเป็นไหนๆหรือไม่ก็ ข้าจะได้ร่วมกลุ่มออกสนามกับเจ้ากับเฮลิออสได้ไง

    ใช่ว่าข้าไม่ดีใจที่ได้ร่วมกลุ่มปฏิบัติภารกิจกับเฮลิออสกับโยเวียสจริงๆ แต่ข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมโยเวียสถึงทิ้งโอกาสที่จะเป็นผู้กล้าไปได้ง่ายๆ เขาเก่ง เขาทำสิ่งที่หลายคนๆ รวมทั้งตัวข้าเองทำไม่ได้อย่างสบายๆ แต่เขากลับไม่สนใจอะไรเลย นอกจากเล่นสนุกไปวันๆ เขาบอกว่า คนเราเกิดมาครั้งเดียว ทำไมต้องกระเสือกกระสนไปหาอะไรหลายๆ อย่างมาแบกให้หนักตัวด้วยล่ะ

    ข้าอยากคิดให้ได้แบบเขา...แต่ก็ทำไม่ได้ ข้าเกลียดจอมมารเหลือเกิน ทำไมมันต้องทำให้พ่อข้าขาเสีย และทำให้ข้ากลายเป็นความหวังเดียวของพ่อด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ข้าอาจจะไม่ต้องกังวลเรื่องอะไร และอาจจะทำทุกอย่างได้ดีโดยไม่ต้องบังคับ เหมือนกับโยเวียสก็ได้

    เกิดเรื่องไม่คาดฝันในภารกิจสุดท้ายก่อนจบการศึกษา...

    ตัวอักษรในช่วงนี้สั่น และยิ่งอ่านยากขึ้น

    ...ถ้ำในป่า เราพบมังกรโดยไม่คาดฝัน มังกรหน้าตาประหลาด ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เฮลิออสสู้กับมัน ได้รับบาดเจ็บ เขาสู้ไม่ไหวอีก โยเวียสบอกให้ข้าพาเขาหนีไป เขาบอกว่าเฮลิออสต้องการคนรักษา แน่นอนว่าต้องเป็นจอมเวทขาวอย่างข้า แต่โยเวียสจะชนะได้อย่างไร มังกรเป็นสัตว์ธาตุ บางชนิดก็ดูดซับได้หลายธาตุ เวทมนตร์ดำแทบทำอันตรายมันไม่ได้เลย

    เมื่อข้าพาเฮลิออสไปถึงที่ปลอดภัยและตามคนมาช่วย เราก็ไม่พบทั้งมังกรกับโยเวียสอยู่ในถ้ำ ...ไม่เหลืออะไรเลยจริงๆ ...

    งานศพของโยเวียสจัดขึ้นโดยไม่มีศพของเขา เพื่อนๆ ที่โรงเรียนผู้กล้ามาร่วมงานศพกันมากมาย จอมเวทขาวชาร์ล็อตเต้ที่เคยถูกเขาแกล้งบ่อยๆ ยังร้องไห้เสียใจ ข้าเพิ่งตระหนักได้จริงๆ ในวันนี้เอง ว่าโยเวียสเป็นที่รักของเพื่อนๆ ทุกคนมากแค่ไหน บางที หากคนที่ตายไปเป็นข้า อาจจะไม่มีใครมางานศพเลยนอกจากเฮลิออสกับโยเวียสด้วยซ้ำ

    ข้าพบโยเวียส

    ดูเหมือนเขาจะยังไม่ตาย หรือว่านั่นไม่ใช่เขา จอมมารรุ่นที่หกร้อยหกสิบห้าปรากฏตัวขึ้นแทนจอมมารคนเดิม ใบประกาศเปิดตัวและรับผิดชอบการรังควานของฝูงมังกรนั้นเขียนด้วยลายมือของโยเวียสที่ข้าจำได้ และลงลายมือชื่อของโยเวียสกำกับไว้

    พ่อเหมือนจะดีใจ บอกว่าสุดท้ายลูกชายนอกคอกของตระกูลซินิสตราก็ตกต่ำถึงขนาดเป็นจอมมารเสียเอง แต่พ่อก็ยังหาว่าข้าตกต่ำเช่นกัน ตกต่ำที่เป็นได้แค่จอมเวทขาว ไม่มีวันเป็นอัศวินผู้กล้าที่จะลงดาบปราบจอมมารเป็นเกียรติแก่ตระกูล ถึงแม้ว่าข้าจะทำผลงานเป็นจอมเวทขาวอันดับเจ็ดแห่งมิโทเซียได้ในแค่ไม่กี่ปีก็ตาม

    ข้าไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดี ถูกทรยศหรือ? ทุกสิ่งราวกับเป็นลางมาโดยตลอดแล้ว โยเวียสผู้เก่งและฉลาด โยเวียสที่ทำให้ใครๆ รักและเป็นเพื่อนด้วยเลือกที่จะเป็นจอมเวทดำมาตั้งแต่นั้น เขาหลอกลวงพวกเรามาตลอด หรือเพราะตายไปแล้วจึงถูกจอมมารยึดครองร่างกันแน่

    ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ข้ารู้ดีก็คือโยเวียสกลับกลายเป็นคนสำคัญเสียยิ่งกว่าผู้กล้าไปเสียแล้ว ชาร์ล็อตเต้หรือเพื่อนคนอื่นๆ ที่ทำงานในสภาจอมเวทขาวเหมือนกันพูดถึงเขาไปหลายวันหลังจากรู้ข่าว ชาร์ล็อตเต้จะมีสีหน้าเศร้าหมองขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อโยเวียส มิหนำซ้ำเธอยังเริ่มค้นตำราการแก้คำสาปหรือถูกปีศาจครอบงำต่างๆ มาอ่านนอกเหนือเวลางานเสียด้วย

    โยเวียสได้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว แต่ข้าล่ะ เป็นแค่จอมเวทขาวที่ได้แต่โทษจอมมารตนก่อน กับจอมมารปัจจุบันไปวันๆ แต่ชีวิตของข้ากลายเป็นแบบนี้เพราะจอมมารทั้งสองตนไม่ใช่หรือ หากไม่ใช่เพราะจอมมารตนก่อน พ่อของข้าคงไม่กลายเป็นแบบนี้ และหากไม่มีโยเวียส ข้าก็คงไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นก้อนกรวดไร้ค่าแค่ไหน เพราะประกายสว่างเหมือนดวงดาวแห่งลูซิเฟอร์ของเขา

    หากในตอนนั้นข้าไม่ใช่คนที่พาเฮลิออสหนีออกมา แต่เป็นโยเวียส หากในตอนนั้นข้าอยู่ที่นั่น...

    มาเทียสซึ่งอ่านอย่างใจจดใจจ่อพลันขนลุกซู่...กับรอยหมึกซึ่งเปื้อนเป็นปื้นใหญ่ ราวกับผู้เขียนนำนิ้วป้ายลบข้อความที่เขียนต่อไป ทั้งๆ ที่ยังไม่แห้งดี

    หากในตอนนั้นข้าอยู่...

    หากในตอนนั้นข้าอยู่...

    หากในตอนนั้นข้าอยู่...

    หากในตอนนั้นข้าอยู่...

    กระดาษสมุดหมดเล่มในตอนนั้น และปิดตัวมันเองลงดังปึง

    ช่างตีเหล็กกลืนน้ำลายฝืดๆ ก่อนจะหันไปมองเด็กหญิงผมเขียวที่มีสีหน้าซีดเผือดไม่แพ้กัน

    ถึงอย่างนั้น ผู้กล้าแมนเดรกก็เพียงแต่ตั้งคำถาม เราจะทำยังไงต่อกันดี

    แผนที่ มาเทียสตรงไปที่ชั้นหนังสือ ข้ารู้แล้วว่าเราจะพบ อัลบัส ได้ที่ไหน

    ...แต่ก็ยังรับประกันไม่ได้ ว่าเมื่อพบแผนที่แล้วจะมีเส้นทางไปถึงที่นั่นหรือเปล่า... ชายหนุ่มนึกกังวล

    ไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาก็ได้แต่ทดลองทุกสิ่งที่ทำได้ แข่งกับเวลาที่ล่วงเลยไปทุกทีเท่านั้นเอง ในจิตใจของจอมเวทขาว

     

    * * * * *

     

    คนเขียนขอคุย

    สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ ไม่ได้เจอกันนานเลยแฮะ (กลายเป็นเรื่องอัพรายเดือนไปซะแล้ว แหะๆๆ TvTa ) คิดถึงกันบ้างมั้ยฮะ

    หลังจากเพิ่งปั่นสงครามฯ ไปถึงตอนที่ 13 ผมก็มาอีดิทบทความลงวารสาร (ตามข้อบังคับจบป. โท ของคณะ) พ่วงด้วยปั่น Artifact Hunter ซึ่งจะออกในโครงการนิวบลัดแฟนตาซีของสถาพรจบตอน 4 เห็นมีเวลาในสัปดาห์พอเหลืออยู่ เลยคิดว่ามาเปิดโหลผักดอง กินอาเน่แกล้มข้าวต้มบ้างก็ดีเหมือนกัน (เหวอ TvTa)

    และแล้วก็เป็นอันชัดเจนว่าจบไม่ลงใน 30 ตอน… orz

    แต่เอาเถอะนะ ใกล้จบแล้วล่ะ ตอนนี้ยืดลิมิตเป็น 35 ตอนไปก่อน เพราะตอนหน้าก็จะเดินเรื่องไปจนลาสต์บอส (???) ออกโรงกันแล้ว หลังจากนั้นการเผชิญหน้ากันคงจะไม่ยาวไปกว่า 2 ตอน และน่าจะได้บทสรุปจบใน 1-2 ตอน หวังว่าคงจะลงตัวพอดีครับ

    บางที อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขียนเรื่องนี้เรื่องเดียวโดดๆ ด้วยความที่เป็นเรื่องไม่ยาวก็น่าจะจบได้เร็วกว่านี้ อาจจะภายในครึ่งปี แต่ด้วยอารมณ์ตัวเองก็รู้สึกว่าหากเขียนเรื่องเบาๆ อย่างแมนเดรกหรือ AH เพียวๆ ต่อมดราม่าในตัวจะอุดตันเสียก่อน การได้เรื่องนี้มาเขียนตัดอารมณ์กับสงครามฯ ก็เป็นการสลับจังหวะที่ดีเหมือนกัน ถึงจะต้องยอมรับว่าไอเดียของหนูเน่วิ่งช้ากว่าสงครามฯ ด้วยอัตราส่วน 3:1 เลยก็เถอะ ^^a

    แต่ก็หวังว่าการรอคอยจะทำให้มีอะไร ตกผลึก มากขึ้นครับ อย่างในตอนแรกไม่ทันได้คิดถึงอดีตของโยเวียสที่เกี่ยวกับอัลบัสไว้มาก จนกลับมาเขียนตอนนี้ถึงเกิดคลิกด้วยพลังหมอกลาเวนเดอร์ (???) ขึ้นมาอย่างรุนแรง จนออกมาในเวอร์ชั่น บันทึกลับของอัลบัส นี่ละครับ

    แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า ศึกโยเวียสปะทะนี้ดฮ็อกกับเฮลิออสและเอริเธียดำเนินไปถึงไหนแล้ว และมาเทียสคิดว่าจะไปพบอัลบัสที่ไหน นอกจากทุ่งลาเวนเดอร์ในสายหมอกสีม่วง (???) อาเน่จะกลายเป็นเกี๊ยมฉ่ายแสนอร่อยตราสามแม่ครัวแห่งเมืองพาร์ฟ (เอริเธีย แอนนาลี และมาเทียส...???) ได้หรือไม่ โปรดติดตามชมตอนต่อไปครับผม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×