ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Mandrake Hero(ine) - ผู้กล้าพืชป่วน ยกก๊วนปราบมังกร

    ลำดับตอนที่ #21 : 18 - ความสงบอันวุ่นวาย - “...ท่านไปรู้ได้ยังไงว่าวังจอมมารสกปรก”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 348
      1
      4 ม.ค. 54

     

    บทที่ 18

    ความสงบอันวุ่นวาย

     

    อ้อเหรอ

    มาเทียสไม่รู้จะคิดอย่างไรดี กับคำตอบสุดแสนสั้นของแม่มดดำผู้งดงามที่นั่งเอนอยู่บนเตียงตรงหน้า ต่อคำสารภาพของตน

    ท่าน...เอ่อ...โกรธหรือเปล่า

    เปล่า

    น้ำเสียงนั้นเรียบเฉย ทว่าสีหน้าแววตาติดจะบึ้งตึง ...แม้อาจเกิดจากความอิดโรยตามประสาคนเพิ่งฟื้นตัว นั่นทำให้มาเทียสพบว่าตนเองไม่อาจวางใจ

    เขารู้มานานแล้ว ...คำว่า เปล่า ของผู้หญิงหมายถึง ใช่ ในหลายๆ กรณี เวลาแอนนาลีโกรธเขาขึ้นมาก็ไม่ใคร่ยอมรับตรงๆ อย่างนี้เหมือนกัน

    หน้ากากเวทมนตร์หลุดไปแล้วอย่างนั้น ไม่ช้าก็เร็วพี่ชายข้าก็ต้องรู้อยู่ดี ...ถึงจะน่ารำคาญอยู่หน่อยที่รู้แล้วก็ทำตัวน่าหมั่นไส้ ทำเป็นขอโทษขอโพย จะออกเงินกองทุนเลี้ยงผู้กล้าของตัวเองมาให้สร้างปราสาทกระจกเงาแก้คำสาป...เฮอะ น้องตัวเองเป็นเด็กมีปัญหามาตั้งหลายปี ไม่มาสำเหนียกเอาตอนอายุสักห้าสิบเลยล่ะ

    แต่...แบบนั้นก็แก้คำสาปได้เร็วขึ้นไม่ใช่หรือ มาเทียสตั้งคำถาม

    ข้าไม่อยากรับความเมตตาจากใคร โดยเฉพาะคนสกุลเอเธลเวียร์ด หญิงสาวเบือนหน้าไปอีกทาง เหตุผล...ไม่บอกเจ้าหรอก ขืนบอกไปก็ได้ไปโพนทะนาให้พี่ข้ารู้อีกแน่ๆ ว่าข้าเกลียดการอ้างเกียรติภูมิของตระกูลไปทำหน้าใหญ่ใจโต เหมือนกับที่เขาชอบทำนักหนานั่นปะไร ข้าจะไม่บอกเจ้าอีกแล้ว

    เอ่อ...ท่านเพิ่งบอกข้าไปเมื่อครู่นี้เองนะ ชายหนุ่มพูดขึ้น

    แล้วก็นึกเสียใจ...เอริเธียหันแวบมามองเขาอย่างตกใจกับอาการหลุดปากของตนได้แค่ครู่เดียว ก็เบือนกลับไปและเชิดหน้า

    ฮึ ข้าแค่อยากลองภูมิดูเท่านั้นล่ะ ว่าช่างตีเหล็กบ้านนอกจะทำปากไม่มีหูรูดอีกไหม พี่ชายหน้าโง่นั่นจะรู้หรือไม่รู้ ข้าก็ไม่สนอีกหรอก

    เอาเถอะ... มาเทียสพยายามไม่โกรธตอบ ...ถึงอย่างไร ในทีแรกเขาก็ผิดเอง ข้ายอมรับผิดทุกอย่าง ท่านจะให้ทำอะไรไถ่โทษก็ยอม ...ถึงข้าจะไม่มีเงินมากมายมาชดใช้ให้ท่านก็เถอะ

    ก็ว่างั้น แม่มดดำไม่วายรับหยันๆ รีดเลือดสีน้ำเงินจากลูกปูคาร์ซินัสของน้องสาวเจ้าไปขายให้คนปรุงยา ยังจะได้เงินมากกว่ารีดจากช่างตีเหล็กจนกรอบอย่างเจ้าเลย

    ชายหนุ่มนึกอยากถอนคำพูดรำไร แต่ก็ไม่อาจทำได้

    แต่เอาเถอะ เอริเธียเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ข้ายกโทษให้ก็ได้ ถ้าเจ้าช่วยทำอะไรให้ข้าสัก...สองอย่าง

    ...สองอย่างเลยหรือมาเทียสเกาศีรษะแกรก

    ภูตขอพรในตะเกียงยังให้ตั้งสามอย่าง แล้วที่เจ้าปากพล่อยไปนั่น ความลับอันยาวนานหกปีของข้าเชียวนะ ข้าไม่เรียกดอกเบี้ยทบต้นรายวันทุกปีก็บุญโขแล้ว

    ...ขอรับ บุญโขของข้าแล้วจริงๆ ... ช่างตีเหล็กนึกอย่างปลงอนิจจัง ก่อนจะกลั้นใจเอ่ย

    ท่านอยากให้ข้าทำอะไร เชิญบอกมาเลย

    อย่างแรก...ซ่อมบำรุงอาวุธกับเครื่องป้องกันให้ข้าชั่วชีวิต โดยไม่คิดเงินใดๆ ทั้งสิ้น

    อันนั้นก็ได้ แต่เฉพาะของที่ท่านใช้คนเดียว อย่าไปรับเงินค่าจ้างจากคนอื่น แล้วเอามาให้ข้าทำแบบได้เปล่าล่ะ มาเทียสกัดฟันรับ

    ฮึ รู้ทันจนได้ แม่มดดำเหลียวกลับมาค้อน

    แล้วอย่างที่สอง เขาพูดต่อไปโดยทำเป็นไม่สน อย่าบอกว่าให้ข้าช่วยทำอะไรให้ตามแต่ท่านจะเรียกร้องชั่วชีวิตด้วย

    ...ทำไมช่างตีเหล็กบ้านนอกอย่างเจ้าถึงรู้ทันอย่างนี้นะ หญิงสาวทำเสียงขุ่นเขียว พร้อมกับถลึงตาใส่เขา...โดยไม่ได้ดูน่ากลัวเลยอย่างพิกล

    คงเป็นเพราะเวลานี้ เธอไม่ได้สวมหน้ากาก แต่อยู่ในรูปลักษณ์แสนงดงามไร้พิษภัยใดๆ กระมัง (แม้มาเทียสจะกังขาในคุณสมบัติหลังสุดอย่างยิ่งยวด)

    งั้นข้าขอแค่ครั้งเดียว เอริเธียพูดต่อ ถ้าข้ามีเรื่องอะไรจะขอให้เจ้าช่วยเหลือ...ไม่ว่าจะเป็นอะไร...เจ้าต้องช่วยข้าครั้งหนึ่งก็แล้วกัน

    ขอรับ มาเทียสรับคำอย่างสุภาพ ท่านหญิงแม่มดมีบัญชาให้ข้าทำสิ่งใด ข้าก็จะทำทั้งนั้น ยกเว้นไปฆ่า ปล้นชิง หรือฉ้อโกงใคร

    ขอโทษ แม่มดนะ ไม่ใช่โจรห้าร้อย แม่มดดำส่งสายตาอาฆาตให้เขาชั่วแวบ ต่อให้อยากได้เงินขนาดไหน ข้าก็ไม่คิดจะไปละเมิดเงินคนอื่น...นอกจากบวกกำไรของตัวเองบ้างเล็กๆ น้อยๆ รู้ไว้เสียด้วย

    ขอรับ ช่างตีเหล็กรับอีกครั้ง ...แม้จะกังขากับคำว่า เล็กๆ น้อยๆ เสียเหลือเกิน

    เขาตั้งใจว่ามาขอโทษและแสดงความรับผิดชอบเรียบร้อยแล้วจะขอตัวกลับไป เพื่อให้คนเจ็บได้พักผ่อน และก็พอดีกับจังหวะที่จอมเวทขาวชื่อ โยเซฟ เคาะประตู ก่อนจะเปิดเข้ามาขอตรวจอาการของเอริเธียพอดี

    มาเทียสทักทายเล็กน้อยกับชายในชุดเสื้อคลุมสีขาว ผู้ไว้ผมสีน้ำตาลตัดสั้นเรียบร้อยตามระเบียบของวิหาร ก่อนจะจับมือตามธรรมเนียม...โดยไม่วายรู้สึกเหมือนเคยพบอีกฝ่ายมาก่อนอย่างประหลาด

    อย่างไรก็ดี ช่างตีเหล็กแน่ใจว่าเขาไม่เคยพบหน้าจอมเวทขาวผู้นี้มาก่อน จึงได้ปลีกตัวไปโดยไม่ติดใจอะไรนัก ...แม้จะรู้สึกเหมือนตนลืมพูดอะไรกับแม่มดดำไปอีกหนึ่งอย่าง

     

    * * * * *

     

    ของเยี่ยม ค่าเสียหาย ค่าชดเชยรายได้หญิงสาวผมทองพูดพลางกอดอก อยู่ไหน

    นั่นคำทักทายรึ ชายผมสีน้ำตาลในชุดขาวกลับหัวเราะน้อยๆ ตอบคำพูดของคนเจ็บบนเตียง อ้า...แต่ถ้ามีแรงมาหน้าเงินอย่างนี้ ก็แสดงว่าเจ้าจะหายดีอยู่แล้วแหละนะ เซเลคนสวย

    ไม่เห็นรึไง เอริเธียพยักพเยิดไปที่ริมผนังห้องด้านหนึ่ง ซึ่งมีทั้งกระเช้ายารักษาอาการบาดเจ็บ ยาเพิ่มพลังเวท ยาชูกำลัง หลากหลายยี่ห้อ สีขวด และรูปทรง ตลอดจนกระเช้าผลไม้ ขนม ช่อดอกไม้ ตุ๊กตา และอื่นๆ กองอยู่เต็ม กระทั่งคนไม่รู้จักยังส่งมาให้ข้าเพียบเลย บัตรให้กำลังใจเอย จดหมายรักเอย ...ที่จริงถ้าให้เป็นเงินสดคงดีกว่านี้หรอก

    เจ้าก็เอาไปขายแทนสิ ใกล้เทศกาลใบไม้ผลิหรือฤดูสารภาพรักแล้ว พวกกระเช้าของกับตุ๊กตาน่าจะมีคนสนไม่น้อยนะ นักบวชกำมะลอลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ถึงจดหมายจะต้องทิ้ง เอาไปขายที่ไหนไม่ได้ก็เถอะ

    อ้อ ไม่ต้องห่วง ข้าตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แม่มดดำตอบทันที ส่วนจดหมายพวกนั้น ก็พอจะเอาไปใช้ในหน้าหนาวได้ จะได้ประหยัดค่าฟืนลงบ้าง

    ...ข้าไม่ต้องชี้โพรงให้แม่มดเลยสินะ จอมมารในคราบนักเวทขาวยิ้มแห้งๆ

    ใช่ ว่าแต่ท่านเถอะ ที่กระซวกท้องข้านั่นไวเวิร์นของท่านแท้ๆ หญิงสาวเหยียดยิ้มอย่างมุ่งหมาย ผิดความอ่อนหวานของเครื่องหน้า จ่ายมาเสียดีๆ ก่อนข้าจะฟ้องเรียกค่าเสียหาย

    ให้ตายสิ เจ้าลืมไปแล้วรึไง เซเล ไม่ว่าสมัยไหน จอมมารก็ติดอันดับจำเลยที่ถูกฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญามากเป็นอันดับหนึ่งในอิลลูเซีย ทั้งจำนวนคดี ความผิดไม่ว่ากี่กระทง ตลอดจนโทษที่ได้รับ สิริรวมข้าน่าจะติดคุกอีกหกร้อยกว่าปี หลังจากถูกประหารชีวิตสักร้อยกว่าครั้งได้แล้วกระมัง แบบนี้ จอมมารจะมีกี่ชีวิตก็บ้าตายทบรอบพอกัน

    เอริเธียหัวเราะน้อยๆ

    เอาเถอะ ข้าก็เข้าใจสถานการณ์ทางท่าน ข้าได้ค่ารักษากับค่าชดเชยจากกองทุนผู้กล้ามาพอควรแล้ว รวมกับเหรียญเงินของลิมนาเดส แล้วก็ค่าขายเกล็ด เลือด กับหางไวเวิร์น ก็นับว่ามากกว่าที่คิดไว้หลายเท่าตัวอยู่ ทั้งหมดเพราะท่านบอกให้ข้าตามมาสอดแนมอาเน่ ดังนั้นข้าจะไม่เรียกเก็บจากท่านเพิ่มก็แล้วกัน

    ฮะๆ พูดเหมือนข้าต้องจ่ายเงินเจ้ามาแต่แรกเลยนะ โยเวียสหัวเราะร่วน...ก่อนจะหยุดทันที เมื่อสายตาของหญิงสาวตั้งคำถามว่า ไม่ใช่อย่างนั้นรึ ...แต่ก็ดี เพราะสถานการณ์ทางข้าก็ไม่สู้ดีนักหรอก ดีไม่ดีจะถูกตัดเบี้ยเลี้ยงขนานใหญ่ เอาเถอะ พวกไวเวิร์น ฟื้น กลับมาได้ทุกตัวโดยไม่มีผิดพลาดก็ดีหรอก ข้าล่ะไม่อยากเสียเด็กๆ ทั้งหกไปจริงๆ

    ก็ดี เอริเธียรับพลางพยักหน้า ข้าชอบไวเวิร์นตรงนี้แหละ ตัดหางอีกกี่ครั้งก็ยังงอกใหม่ได้

    แต่ชีวิตมนุษย์ช่างเปราะบาง ถ้าไม่ได้เป็นผู้กล้าก็ตายได้ง่ายๆ จอมมารในคราบนักบวชเอ่ยอย่างครุ่นคิด ข้าควรจะดีใจหรือเสียใจกันนะ ที่ครั้งนี้ไม่มีชาวเมืองพรีม่าตายไปสักคนสองคน โรงละครเส็งเคร็งนั่นจะได้ปิดตัวลงเสียที

    เส็งเคร็งยังไง มันก็ความบันเทิงกับรายได้ของเขา แม่มดดำเอื้อมไปหยิบหุ่นตัวสูงราวหนึ่งนิ้วโป้งซึ่งหล่อจากยาง และทาสีตกแต่งรายละเอียดเป็นรูปหญิงสาวผมทองถือคทา ...ซ้ำถือวิสาสะเปลี่ยนสีชุดกับผ้าคลุมให้เป็นสีขาว แทนที่สีดำแบบของเดิม ทำได้ไม่เลว...ถึงข้าจะไม่รู้ก็เถอะ ว่าตัวเองดูเป็นอย่างนี้จริงๆ

    โอ้ หุ่นของเจ้าได้รับความนิยมเป็นอันดับสองเชียวนะ รองจากอาเน่ โยเวียสเปรย น่ายินดีใช่ไหมล่ะ

    ที่นิยม...ก็เพราะหน้าตานั่นแหละนะ เอริเธียวางมันกลับลงที่เดิม ลองข้าไม่ได้ถอดหน้ากากดูสิ ขี้คร้านจะไม่มีใครหิ้วแม่มดดำหน้าตาเหมือนผีตายซากกลับบ้านหรอก ในการต่อสู้ ข้าแทบไม่ได้ทำอะไรเลย

    นอกจากเอาตัวเข้าไปกันให้อัศวินผู้กล้า...แล้วก็กลายร่างเป็นสาวงามราวกับปาฏิหาริย์ จอมมารบอก รู้ไหม ยิ่งเฮลิออสไม่ยอมออกมาสัมภาษณ์ว่าเจ้าเป็นใคร อึกอักแต่ว่าจะรอให้เจ้าฟื้นแล้วมาพูดเอง ใครๆ ก็ยิ่งสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา ตอนนี้นิยายเล่มละร้อยเกล เกี่ยวกับความรักอันใสบริสุทธิ์ระหว่างอัศวินกับเจ้าหญิงที่ปลอมตัวเป็นแม่มดออกมาตั้งหลายเรื่อง แถมขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไม่แพ้เรื่องเกี่ยวกับผู้กล้าแมนเดรกตัวจิ๋วเลยทีเดียว

    ขนาดนั้น

    ชาวพรีม่าไม่พลาดโอกาสอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ชายหนุ่มยักไหล่ ว่าแต่...แม่มดจะบอก ความจริง ต่อพวกเขาว่ายังไงดีล่ะ

    ก็บอก...ตามที่พวกเขาชอบที่จะได้ยิน แม่มดดำคลี่ยิ้ม ชาวพรีม่าชอบละครรักอันแสนซาบซึ้งอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

     

    * * * * *

    เฮลิออสพบว่าตนเองมีเรื่องให้วุ่นวายใจมากเกินไป

    ทีแรก เขาหวังว่าหากอาเน่ใช้แกรมปราบฝูงไวเวิร์นสำเร็จ เรื่องทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี...แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เช่นนั้น ข่าวที่ยิ่งกระพือจากเมืองพรีม่าทราบถึงสมาคมผู้กล้าในไม่ช้า สิ่งที่ตามมาคือการคาดโทษ ที่เขานำดาบปราบมังกรไปให้บุคคลที่ไม่มีใบรับรองฐานะผู้กล้าใช้ ...อย่าว่าแต่บุคคลนั้นเป็นเด็ก มิหนำซ้ำยังเป็นเด็กจิ๋วที่น่าจะเป็นต้นแมนเดรกกลายพันธุ์

    อย่างไรก็ดี ในเมื่อกระแสชาวเมือง ตลอดจนชาวอิลลูเซียที่เดินทางมาชมการปราบมังกรสนับสนุนอาเน่ มิหนำซ้ำเธอยังมีความดีความชอบในการปราบไวเวิร์น สมาคมผู้กล้าจึงตอบกลับมาว่าเข้าใจเหตุผลที่เขาอนุญาตให้เด็กหญิงแมนเดรกใช้ดาบเล่มนั้นด้วยเหตุสุดวิสัย และจะไม่มีบทลงโทษทั้งเขาและเธอแต่อย่างใด

    นั่นเป็นเรื่องดี แต่ความวุ่นวายอีกอย่างกลับมาจากน้องสาวของเขา ...เซเลน่า เอเธลเวียร์ด

    เธอไม่ยอมออกมาปรากฏตัว แต่เขียนจดหมายอธิบาย เรื่องราว ในมุมของตนเอง อย่างพิสดารพันลึกพอๆ กับที่แต่งประวัติให้อาเน่ (ซึ่งเขามารู้ในทีหลัง) ...เซเลน่าไม่ยอมเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตน ทว่าพอใจที่จะใช้ชื่อเอริเธีย พัลเชอร์ ต่อไป มิหนำซ้ำเขียนเรื่องทำนองว่าเธอเป็นแม่มดดำที่ต้องคำสาปให้อัปลักษณ์ และจะแก้คำสาปได้ก็ต่อเมื่อสละชีพเพื่อคนที่ตนรักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเท่านั้น

    ภาระหนักจึงตกแก่เฮลิออสในบัดดล

    เขาถูกสัมภาษณ์หลายต่อหลายครั้ง ว่าจะตอบรับรักของเอริเธีย รุ่นน้องร่วมโรงเรียนแต่ต่างภาควิชาหรือไม่ หรือผู้ใหญ่ในตระกูลเอเธลเวียร์ดจะคิดอย่างไรที่อัศวินผู้กล้าอย่างเขามีคนรักเป็นแม่มดดำ ต่อให้เซเลน่าแนะนำ (ด้วยเสียงที่เขาไม่อยากเรียกว่าแนะนำนัก) ให้เขาตอบแบ่งรับแบ่งสู้ทำนอง ต้องใช้เวลาเรียนรู้กันและกัน หรือ นั่นเป็นเรื่องของอนาคต บ้าง ผู้กล้าก็ไม่ใคร่อยากพูดปดต่อคนจำนวนมากอยู่ดี

    ท่านหญิงออโรร่าไม่ว่าอะไรหรอกน่า ดีกว่าให้นางรู้ ความจริงเรื่องข้าไม่ใช่หรือ ...แล้วเขาก็มีอันต้องแพ้ประโยคนี้ของเธอทุกที

    เอาเถิด น้องสาวของเขาก็คงมีเรื่องของตนเช่นกัน เฮลิออสเพิ่งตระหนักว่าเขารู้จักเธอน้อยเหลือเกิน...เมื่อเธอโตขึ้นมา ต่อให้ทั้งสองเข้าโรงเรียนผู้กล้าในช่วงไล่เลี่ยกันก็ตาม

    ใช่...ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่เฮลิออสเรียนอยู่ปลายปีที่สาม ในภาควิชานักดาบ และเซเลน่าใกล้จะสอบเลือกภาควิชาในปลายปีที่หนึ่งนี่เอง ที่น้องสาวของเขาเริ่มห่างออกไป เขาเข้าใจว่าเธอคงจะยุ่งกับการทบทวนบทเรียน จึงไม่ค่อยได้ติดต่อกันนัก และเพียงแต่แวะไปหาที่ห้องสมุด หรือห้องกลางของหอพัก เพื่อฝากของจากทางบ้านหรือพูดคุยเล็กน้อย

    ไปทีไร ก็เห็นเซเลน่าหัวยุ่งนั่งทบทวนตำรามนตร์ขาว จนนึกไม่ออกเลยว่าเขาไปทำกระจกของเรเฟลซิน่าที่เธอได้มาจากแม่เพื่อใช้ทบทวนบทเรียนแตกเมื่อไร เพราะเขาก็ไม่เคยกระทั่งจะเห็นเธอใช้กระจกนั้นด้วยซ้ำ

    ครั้นเขาถามเมื่อวันก่อน เซเลน่าก็เชิดจมูก ทำเสียง ฮึ หยันๆ แล้วก็บอกว่านั่นเพราะเขาไม่ใส่ใจจะจำหรือสังเกตเอง แต่ถึงอย่างนั้น เฮลิออสก็ไร้ความทรงจำถึงเรื่องนั้นจริงๆ

    ที่จำได้ดี...กลับเป็นเรื่องที่น้องสาวเขาแต่งตัวสุดประหลาดในงานเลี้ยงเต้นรำประจำปีของโรงเรียน ...ประหลาดที่ว่านั้นไม่ใช่การเลือกชุดผ้าสีดำ ใส่เครื่องประดับจำพวกขนนกสีดำหรือเครื่องหนัง เหล็กแหลม และหัวกะโหลกแบบที่จอมเวทดำบางพวกนิยมกัน ชุดของเซเลน่าในคืนนั้นเป็นชุดราตรีสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งทางครอบครัวตัดส่งมาให้สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ แต่ที่ไม่เข้ากับชุดเลยสักนิดคือการแต่งหน้าทำผมของเธอ

    แต่งหน้าจัดเกินไป ส่วนเรือนผมสีทองเหมือนของแม่ที่เจ้าตัวภูมิใจหนักหนาก็ถูกเกล้าอย่างหยาบๆ รุ่ยร่าย ยุ่งเหยิง จนกระทั่งเรียกว่า รังนกกระจอก เห็นจะไม่เกินไปนัก

    เวลานั้น เฮลิออสกับเพื่อนในภาควิชานักดาบด้วยกันยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง เขากำลังคิดจะหาทางเข้าไปขอตัวเซเลน่ามากระซิบให้รีบหลบไปแต่งหน้าทำผมใหม่พอดี...ทว่าเสียงคนหัวเราะและพูดถ้อยคำร้ายกาจต่างๆ นานากลับดังขึ้นเสียก่อน

    ตระกูลเอเธลเวียร์ดเป็นตระกูลเก่าแก่มีชื่อเสียง เป็นที่ยำเกรงในมิโทเซียก็จริง แต่นักเรียนในโรงเรียนผู้กล้าแห่งอิลลูเซียมาจากทั่วแผ่นดิน จากอาณาจักรต่างๆ ทั้งเล็กใหญ่ รวมทั้งศัตรูคู่แค้นของมิโทเซียอย่างโลจิเซียด้วย ดังนั้นจึงใช่ว่านักเรียนทุกคนจะเกรงใจ หรือกระทั่งเป็นมิตรต่อลูกตระกูลขุนนางและวีรบุรุษคนใดก็ตาม

    ดูเหมือนถ้อยคำทำนอง อัปลักษณ์ หรือ ยายเพิ้ง นั้นจะมีเป้าหมายที่น้องสาวของเขา เธอวิ่งร้องไห้ออกไปจากโถงงานเลี้ยง และไม่กลับเข้ามาเลยในคืนนั้น

    เฮลิออสจะตามไป ก็ติดที่ตนมีหน้าที่ในฐานะประธานรุ่นของภาควิชา ไม่อาจปลีกตัวได้จนกระทั่งงานเลี้ยงใกล้เลิก ...แต่เมื่อถึงเวลานั้น ขอไปพบเซเลน่าถึงหอพักหญิงก็ไม่ได้เสียแล้ว มิหนำซ้ำ เธอยังทำท่าเหมือนหลบหน้าเขา และสะบัดกระฟัดกระเฟียดทุกครั้งที่เขาพูดถึงเรื่องในงานเลี้ยงคืนนั้น พร้อมคำพูดที่บอกโดยนัยว่า...เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเขา

    เด็กหนุ่มในเวลานั้นจะขอโทษที่ไม่ได้เข้าไปช่วย หรือถามหาเหตุผลอย่างไร เด็กสาวก็ไม่ยอมตอบรับ เธอยิ่งมุมานะดูหนังสือหนักขึ้น มิหนำซ้ำปล่อยตัวจนหน้าตาอิดโรย ไม่ใส่ใจจะทำผมนอกจากแค่รวบมัดหางม้าง่ายๆ ไม่ให้เกะกะ ...ถึงอย่างนั้น ท้ายที่สุดเธอก็ไม่อาจทำคะแนนผ่านเกณฑ์ของภาควิชามนตร์ขาว

    ครอบครัวที่เป็นอัศวินและจอมเวทขาวมาโดยต่อเนื่องของเขาผิดหวัง...แน่นอน แต่ทุกคนย่อมเข้าใจและปลอบโยนเธอ อย่างไรก็ตาม เซเลน่ายังคงทำตัวแปลกประหลาด เธอปฏิเสธที่จะกลับบ้าน แต่อยู่ที่โรงเรียนเพื่อ ทบทวนบทเรียน และ ทำงานพิเศษ ในช่วงฤดูร้อนแทน

    พอกลับมาเจอหน้ากันอีกที หน้าตากับสีผมของเธอก็กลายเป็นอย่างที่เห็น จุดชนวนให้ทั้งเขากับครอบครัวเดือดดาล ท่านพ่อลั่นวาจาว่าจะไม่ยอมพบหน้าลูกสาวนอกคอกอีก ส่วนท่านแม่...ต่อให้เปลือกนอกแข็งกร้าว แต่ภายในอ่อนโยนห่วงใยอย่างไร...ก็ทำได้เพียงคอยสอบถาม ส่งเงินและของฝากต่างๆ มาให้อยู่ห่างๆ เท่านั้น

    ปีที่สองในโรงเรียนของเซเลน่า ซึ่งยังเป็นปีแรกในภาควิชาเวทมนตร์ดำของเธอ และปีสุดท้ายในโรงเรียนของเขา จึงผ่านไปโดยที่สองพี่น้องไม่ได้ติดต่อกันเลย นอกเสียจากจำเป็นจริงๆ

    ...แล้วกระจกของเรเฟลซิน่ามันเรื่องอะไร ตอนไหนกันละนั่น... อัศวินเกาศีรษะแกรกอยู่บนเก้าอี้ในห้องพักของตน ซึ่งเวลานี้ปิดเงียบ มีเขาอยู่เพียงลำพัง หลบจากเหล่านักข่าวและผู้ชื่นชมผู้กล้า ตลอดจนผู้เกลียดชังผู้กล้า ซึ่งก็มักเป็นผู้ชื่นชมจอมมารอย่างลับๆ

    หลังจากรู้เรื่องจากช่างตีเหล็ก ซึ่งกำชับว่าเซเลน่าไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพรายสู่คนนอกมากไปกว่านี้ ชายหนุ่มก็ถามน้องสาวของเขาแล้วว่าคำสาปนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร และเมื่อใด แต่เธอก็ยังคงตะบึงตะบอน ไม่ยอมพูดอะไรตรงๆ ให้เขาเข้าใจ เขาบอกว่าตนไม่รู้เรื่องจริงๆ หญิงสาวก็กลับหาว่าที่แท้คือจำไม่ได้ จนผู้กล้าเริ่มหงุดหงิดที่จะตามเอาความให้กระจ่าง

    เอาเถิด กลับไปถาม ท่านหญิงออโรร่า ดูก็ได้ ...ที่จริงเขาใจร้อน อยากปรึกษาอัลบัสก่อน แต่หากมาเทียสบอกว่าเซเลน่าไม่อยากให้คนนอกรู้ ก็ยังไม่ควร ทว่าท่านหญิงออโรร่าไม่ใช่คนนอกไม่ใช่หรือ

    ท่านเฮลิออส นี่ข้าเอง อัลบัส เสียงเคาะประตูดังมาพร้อมถ้อยยืนยันตัวตน

    อัศวินหนุ่มลุกไปปลดกลอนประตู ก่อนจะลงมันซ้ำอีกครั้ง หลังจากผู้มาเยือนเข้ามาในห้องเรียบร้อย

    ข้ามีเรื่องด่วนจะพูดด้วยจอมเวทขาวทิ้งตัวลงบนเก้าอี้โดยไม่รอคำเชิญ ก่อนจะขยับแว่นอย่างเคร่งขรึม

    หือม์ เฮลิออสรับอย่างสงสัย

    ท่านคงรู้แล้ว ว่าไอ้จอมมารมันสามหาวเลวทรามชั่วช้าสามานย์จัญไรยิ่งนัก มันส่งพวกไวเวิร์นมาบุกเมืองพรีม่า ทำลายโรงละคร ทำให้ผู้ชมมากมายต้องบาดเจ็บเสียขวัญ ทำให้เซเลน่าต้องบาดเจ็บสาหัส ทำให้ข้าต้องอับอายขายหน้าประชาชน เพราะมนตร์เบี่ยงเบนของมัน มิหนำซ้ำยังมีหน้ามายืนเต๊ะท่าเป็นวีรบุรุษ—”

    ข้ารู้หมดแล้ว ไม่ต้องเท้าความยาวนักหรอก อัศวินแย้งเสียงเนือยๆ มีธุระด่วนอะไรก็รีบว่ามาเถอะ

    อัลบัสกระแอม

    ขอโทษด้วย เมื่อครู่ไอ้จอมมารมันใช้มนตร์ให้ข้าพูดจาเยิ่นเย้อวกวน ท่านจะได้ฟังไม่รู้เรื่องแน่ๆ

    ผู้กล้ากลั้นเสียงถอนใจ เขารู้จักกับอัลบัสมานาน จนเข้าใจว่าอีกฝ่ายติดนิสัย อะไรๆ ก็โทษจอมมาร มาตั้งแต่เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มเรียนกับเขา และ...จอมเวทดำขี้เล่นที่โยเวียสเคยเป็นแล้ว

    ข้าจะบอกว่า...จอมมารอาจจะวางแผนการอื่นไว้ก็ได้

    อือม์ ความอยากรู้ของชายหนุ่มเหือดหาย ขณะที่เขาตั้งตัวรอฟังความวิตกจริตของเพื่อนเก่าแก่ ซึ่งอาจจะเกี่ยวกับเสื้อของตนตากไม่แห้งเพราะจอมมารดอดมาฉีดน้ำใส่ หรือความนิยมหุ่นของตนต่ำสุดในบรรดาผู้กล้าทั้งสี่ เพราะจอมมารไปบิดเบือนยอดการสั่ง หรือดลใจผู้คนไม่ให้เลือกหุ่นจอมเวทขาวด้วยเวทมนตร์อันเลวทรามต่ำช้าใดๆ

    ...เกี่ยวกับแมนเดรกนั่น

    ทำไม จอมมารจะลอบสังหารอาเน่หรือ เฮลิออสรับอย่างไม่จริงจังนัก

    ไม่ ข้าคิดว่าการที่แมนเดรกนั่นเกิดมา จนกลายเป็นอย่างนี้ ต้องเป็นแผนการอันหยาบช้าสามานย์ของมันแน่ๆ อัลบัสดันแว่นอีกครั้ง ท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรือ ที่จู่ๆ แมนเดรกนั่นปรากฏตัวถูกที่ถูกเวลากับตอนที่ท่านไปยังเมืองนั้น มันจึงได้ใช้แกรมที่ต้องคำสาปโดยไม่คาดฝัน มิหนำซ้ำจอมมารยังตั้งอกตั้งใจพูดกับมันในการต่อสู้ถึงขนาดนั้น ข้าว่าจอมมารเลวนั่นอาจจะสร้างแมนเดรกนั่นขึ้นมาด้วยยาประหลาดบางอย่าง และต้องคิดจะชักจูงเจ้าแมนเดรกไปอยู่ในวังจอมมารอันสกปรกโสโครก ยุ่บยั่บด้วยแมลงสาบที่เดินเล่นบนจานข้าวของมันแน่ๆ

    ...ท่านไปรู้ได้ยังไงว่าวังจอมมารสกปรก อัศวินขมวดคิ้ว...ก่อนจะตระหนักได้ว่านั่นไม่ใช่ประเด็น จอมมารคิดจะเอาอาเน่ไปเป็นพวกงั้นเหรอ

    จอมเวทขาวพยักหน้าอย่างแข็งขัน

    ท่านเห็นด้วยกับข้าไหม จอมมารพยายามเกลี้ยกล่อมแมนเดรกนั่นชัดๆ เพราะเวลานี้มันใช้แกรมได้ แถมตอนที่แมนเดรกนั่นยอมใช้พลังของแกรมฆ่าพวกไวเวิร์นจนหมด...พลังมหาศาลนั่นรุนแรงแค่ไหน ถ้าจอมมารสามารถทำให้แมนเดรกนั่นเชื่อว่าไปอยู่ในวังจอมมารอันโสโครก เต็มไปด้วยฝูงหนูอุดมไข้ดำ และตะขาบมากพิษร้ายจะดีกว่าอยู่กับพวกมนุษย์ พวกเราจะเผชิญศึกหนักอย่างไรบ้าง

    ...ท่านคิดมากไปเองกระมัง อัลบัส เฮลิออสแย้ง อาเน่เป็นเพื่อนของหนูเมลิสกับมาเทียส แล้วก็อย่างที่เห็น ถึงจอมมารจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร นางก็เลือกที่จะฆ่าพวกไวเวิร์นเพื่อช่วยพวกเราอยู่ดี ข้าคิดว่านางคงไม่ตกสู่ความชั่วร้ายหรอก

    แต่กระทั่งโยเวียสยังตกสู่ความชั่วร้ายได้ ท่านก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ อัลบัสเอ่ยเสียงแข็ง มิหนำซ้ำ...ท่านก็เห็นว่าท่าทางของแมนเดรกนั่นในช่วงนี้เป็นยังไง ซึมกะทือแบบนั้น เสียใจที่ฆ่าพวกไวเวิร์นอย่างนั้น นี่ล่ะ สัญญาณแรกของการเอาใจออกห่างพวกมนุษย์ชัดๆ ถ้าหากมันขโมยแกรมไปมอบให้จอมมารชั่วช้าสามา—”

    อาเน่บอกว่าจะไม่จับแกรมอีกแล้ว เฮลิออสรีบยกเหตุผลอย่างเคร่งเครียด และข้าก็เห็นด้วยตามนั้น

    ข้ารู้ แต่ตราบใดที่แกรมยังไม่ได้คลายคำสาปและคืนขนาดเดิม เราก็ยังวางใจไม่ได้ จอมเวทขาวค้าน ไม่อย่างนั้น ข้าจะเสนอตัวไปอยู่เฝ้าระวังคำสาปให้ดาบในเมืองบ้านนอกนั่นหรือ ต่อให้สมาคมผู้กล้าคิดว่าอาเน่พอจะใช้การได้ในเวลาฉุกเฉิน เลยให้ไปทำพิธีล้างคำสาปที่เมืองพาร์ฟ เผื่อต้องนำมันมาใช้ ข้าก็ยัง—”

    ข้าเข้าใจความห่วงใยของท่าน แต่พอก่อนเถอะ อัศวินกลั้นเสียงถอนใจ ข้าจะระวังไว้ แต่ผู้กล้าที่ดีควรเชื่อใจพวกพ้อง ระแวงเกินเหตุรังแต่จะทำให้แตกสามัคคี

    ข้าไม่อยากให้เราโดนหักหลังอีก อัลบัสยังดื้อแพ่ง หรือท่านลืมคราวของโยเวียสไปแล้ว!”

    ข้าไม่ได้ลืม! เฮลิออสเริ่มอารมณ์ขุ่นขึ้นมาจริงๆ ในครั้งนี้ และเหลือบมองคู่สนทนาอย่างแข็งกร้าว แต่ข้าไม่อยากตื่นตูม เวลานี้เราทำเพียงระมัดระวังเท่าที่ทำได้ก็พอ อาเน่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเด็ก ให้เด็กต้องมาฆ่าฟันอย่างนี้ ข้าก็ไม่พอใจอยู่แล้ว ดังนั้นจะไม่ให้นางทำหน้าที่ของผู้กล้าต่อไปหรอก

    นี่ท่านเห็นมันเป็นเด็ก จอมเวทขาวขึ้นเสียงสูงอย่างสงสัย มันเป็นแมนเดรกชัดๆ เป็นแมนเดรกที่จอมมารอาจจะ—”

    ข้าอยากพักผ่อน อัศวินตัดบททันควัน ออกไปเถอะ อัลบัส

    ชายสวมแว่นดูไม่ใคร่อยากยินยอมนัก ทว่าเขาก็ทำตามแต่โดยดี

    เฮลิออสลุกตามไปลงกลอน ปิดกั้นตนเองจากโลกภายนอกอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่อยากปิดกั้นถ้อยคำซึ่งใครอีกคนเพิ่งเอ่ย และภาพการสังหารโหดที่วีรบุรุษผู้เคยชินกับการปราบปรามสัตว์อสูรอย่างตนยังหวั่นใจเมื่อได้เห็น

    ...เด็กหญิงแมนเดรกตัวเล็กแสนประหลาดนั่น...บั่นคอไวเวิร์นตัวมหึมาที่เกาะผนังเวทมนตร์ของโรงละครได้ด้วยคลื่นดาบเพียงครั้งเดียว...

    ...หากนางแปรพักตร์ไปอยู่กับโยเวียสจะเป็นเช่นไร... เฮลิออสไม่อาจห้ามความสงสัยของตนเช่นกัน

     

    * * * * *

     

    คนเขียนขอคุย

     

    ฟู่ พอผ่านช่วงต่อสู้ยืดเยื้อมาแล้ว ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าบทสนทนารับลูกกันแบบนี้เขียนง่ายกว่ามากๆ เลย

    แม่มดกับช่างตีเหล็กก็ปักธงเพิ่มได้อีกหนึ่ง ส่วนจอมมารก็คอสเพลย์อีกแล้ว พักหลังเริ่มมีคนทักว่าแกบ้าคอสเพลย์จนงบของวังจอมมารหมดใช่มั้ยนะ ^^a

    ด้านผู้กล้า ผมคิดแล้วก็รู้สึกว่าพวกนี้เป็นเหมือนดาราดังกลายๆ แฮะ โดยเฉพาะในพรีม่า ชีวิตของผู้กล้าจึงได้ต้องหลบฝูงชนหลังทำภารกิจเสร็จเช่นนี้ แต่ก็อาจจะเป็นที่พรีม่าเมืองเดียว และโชคดีที่ชาวเมืองพรีม่าความจำสั้น กระแสต่างๆ เลยอยู่แค่ไม่นานด้วย

    ส่วนเฮลิออสก็นึกถึงน้องสาวที่ไม่น่ารักเอาสักนิดของตัวเองขึ้นมา และเริ่มคิดมากเพราะการใส่ไคล้ของอัลบัส (พูดไปนั่น อัลบัสเองก็เดากำเนิดของอาเน่ได้ถูกเผงเลยนะ ว่า เป็นเพราะจอมมารแน่ๆ หมอนี่ก็ต้องมีดีอยู่บ้างล่ะ...ใช่ไหม ^^;;; )

    เหล่าผู้กล้ากำลังจะกลับบ้านแล้ว แต่หลังจากนั้นพวกเขาจะต้องพบปัญหาใดอีก ติดตามได้ในตอนต่อไปครับผม :)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×