คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : 16 - สิ่งที่ไม่คาดฝัน - “สัตว์อสูรทั้งหลายก็มีครอบครัวเหมือนกัน”
บทที่ 16
สิ่งที่ไม่คาดฝัน
กำแพงเหล็กมีรอยบุบ...เล็กน้อยในทีแรก แต่การเหวี่ยงหางครั้งต่อมาก็ถึงกับส่งหนามแหลมปักทะลุชั้นเหล็กกล้า
ไวเวิร์นพยายามสะบัดหางอีกครั้ง แต่คงติดที่ความหนาหนักของแผ่นเหล็กตรึงไว้ ไม่ให้ชักเงี่ยงออกได้โดยง่าย ปีกและหัวของมันส่ายพล่าน ลำคอส่งเสียงร้องหวีดแหลม อัลบัสซึ่งรอดจากการไล่ล่าอย่างคลุ้มคลั่งชักเปกาซัสเข้าใกล้ห่านเพรียง
“เร็วเข้า! เจ้าหัวเขียว! ซ้ำมันให้ตายเลย!”
อาเน่บังคับพาหนะบินเข้าไป ตั้งใจเล็งที่ลำคอในทีแรก แต่ก็เปลี่ยนความตั้งใจในไม่ช้า เมื่อพบว่ามังกรบินดิ้นรนเสียจนไม่อาจเสี่ยงเข้าใกล้ส่วนหัว กำแพงต่างหากที่จะรับไม่ไหว หากมันยังขืนพยายามสะบัดหางให้หลุดยิ่งไปกว่านี้
...พร้อมนะ เจ้าห่าน...
ผู้กล้าแมนเดรกลุกขึ้นยืนบนหลังของมัน ดึงแว่นแก้วใสแผ่นเล็กที่มาเทียสขอให้ช่างแก้วทำให้ต่างกระบังหมวกศึกลงปกคลุมดวงตา
จากนั้นจึงทิ้งตัวลงไป เมื่อห่านเพรียงบินลงเหนือหางของมังกรพอดี
อาเน่อาศัยทั้งแรงโน้มถ่วง และแรงเหวี่ยงของสายเอ็นที่เข็มขัดช่วยเหวี่ยงตัว สะบัดดาบให้เกิดคลื่นปราณแผ่ขยาย ปะทะหางมังกรในแนวขวาง ตัดมันขาดออกมาง่ายดายยิ่งกว่าฟันท่อนไม้ ...ราวกับว่าเนื้อ หนัง และกระดูกของมังกรถูกย่อยสลายด้วยอำนาจแห่งแกรม ดาบที่มีไว้พิฆาตพวกมันโดยเฉพาะ
ไวเวิร์นตัวแรกส่งเสียงร้องโหยหวนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะค่อยๆ จมลงไปในทะเล เมื่อปราศจากหางเสือซึ่งสามารถพาร่างของมันลอยขึ้นมาอีกครา
ส่วนผู้กล้าตัวจิ๋วก็เกาะสายเอ็นไว้ รอจนแรงเหวี่ยงเบาลง แล้วจึงค่อยๆ ไต่สาวขึ้นบนหลังพาหนะอีกครั้ง ก่อนจะตามจอมเวทขาวไปสมทบกับอัศวิน และแม่มด ...ซึ่งต้องรับมือกับปฏิปักษ์สูงสุดโดยไม่คาดฝัน
เพื่อที่จะพบว่าจอมมารล่อทั้งสองออกทะเลไปไกล ในรัศมีของไวเวิร์นตัวอื่นเสียแล้ว
* * * * *
“เจ้านี่ติดเบ็ดง่ายเสมอเลยนะ เฮลี่”
เป็นคำเปรยของโยเวียส ซึ่งเวลานี้ยืนเด่นเป็นสง่า (จนใครบางคนรู้สึกว่าน่าหมั่นไส้ใคร่ถีบลงจาก) บนหลังแมนติคอร์ เหนือฝูงไวเวิร์นอีกห้าตัว ซึ่งกำลังบินวนรอบอัศวินและแม่มดดำกลางวงล้อม
“หนอย!” เฮลิออสกัดฟันกรอด “อย่าเล่นวิธีหมาหมู่แบบนี้สิ! จอมมาร!”
“หา?” ชายหนุ่มสวมผ้าคลุมดำและชุดเกราะที่มีตรามารสยายปีกประทับอยู่เหลียวมองไปโดยรอบ พร้อมกับยกมือที่ไม่ได้ถือด้ามเคียวขึ้นป้องหู “หมาอยู่ไหน ข้าไม่เห็นเลยสักตัว ...ก็ว่าได้ยินเสียงเห่าอยู่แว่วๆ นะ”
“อย่าเล่นมุกปัญญาอ่อนแบบนี้กับข้า!” อัศวินคำราม
“อ้อ...เจอแล้ว อยู่นี่เอง” โยเวียสจงใจสบตากับอีกฝ่ายอย่างเยาะหยัน “หมาผู้จงรักภักดีต่อมิโทเซียโดยไม่มีข้อแม้...จริงไหมล่ะ”
“โยเวียส!”
“เรียกชื่อมันไปจะได้ประโยชน์อะไร พี่ชาย” เอริเธียเอ่ยอย่างละเหี่ยใจ พลางซัดเวทมนตร์พายุหมุนออกกันพวกมังกรเข้าใกล้มากไปกว่านี้ (โดยไม่ลืมที่จะร่ายเวทเปิดห้วงมิติรองรับเกล็ดของมันที่ร่วงลงไป) “ก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามันต้องเป็นอีหรอบนี้ จอมมารที่ไหนเขาก็ถือกฎ ‘ซัดลิ่วล้อข้าให้หมดก่อน แล้วถึงจะตัวต่อตัวกันได้’ กันทั้งนั้น มาช่วยข้าเด็ดหางเอาเลือดไวเวิร์นพวกนี้ก่อนสิ”
“เจ้านี่ก็คิดแต่จะเก็บของตกยันเชียว!” ผู้กล้าเหน็บเข้าให้ “แม่มดหน้าเงิน!”
“เฮ้อ...เป็นพี่น้องร่วมท้องกันแท้ๆ ไม่น่าทะเลาะกันเลยน้า” จอมมารโคลงศีรษะ “แต่ก็ดี ร่วมสู้กันจะได้รักกันขึ้นมา เหมือนมิโทเซียสมานฉันท์กับโลจิเซียเพื่อกำจัดข้าเสียบ้าง”
เขาตวัดเคียว จนเกิดแสงเรืองเป็นอักขระบางอย่างกลางอากาศ พวกมันหมุนวนเป็นกำแพงแสงรูปทรงกลม มีรัศมีล้อมรอบไวเวิร์นทั้งห้า ตลอดจนสองผู้กล้า
“ตามธรรมเนียม เราต้องไปสู้กันในวังจอมมารอย่างสมศักดิ์ศรีของต่างฝ่าย ดังนั้นก็ช่วยอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กๆ พวกนี้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนไปพบข้าให้ได้ก็แล้วกัน” โยเวียสยักไหล่ “แต่ไม่มีดาบพิฆาตมังกรอยู่ในมือ ก็คงจะหั่นเข้าหนังเหนียวๆ ของพวกมันยากสักหน่อยนะ”
จอมมารว่าดังนั้น แล้วก็ผิวปาก เมื่อพบร่างเล็กๆ บินตรงดิ่งมาทางพวกเขาด้วยความเร็วสูง ตามด้วยม้าเปกาซัสและผู้ขี่อีกหนึ่ง
“เราพบกันอีกแล้วนะ แม่หนูแมนเดรก” โยเวียสเอ่ยทัก “ไม่สิ...แม่หนูอาเน่”
* * * * *
“โยเวียส...” เด็กหญิงรวบรวมความกล้าเพื่อทักตอบ พร้อมกับถือดาบเล่มกระจิดริดไว้แน่นในมือทั้งสอง
“เก่งขึ้นเยอะทีเดียว ถึงได้ฆ่าแม่ไวเวิร์นของลูกๆ ทั้งห้าได้เมื่อครู่” เขาหัวเราะน้อยๆ ผิดความแรงร้ายของถ้อยคำ “นั่นเป็นตัวที่เก่งที่สุดในฝูงทีเดียวนะ”
ไม่มีคำตอบจากมนุษย์แมนเดรกซึ่งเบิกตาค้าง ด้วยไม่ทันคาดคิดว่าจะพบข้อความก่อนหน้า
“ใช่...สัตว์อสูรทั้งหลายก็มีครอบครัวเหมือนกัน อาเน่ ...ต่อให้มนุษย์ไม่เคยมองในแง่นั้น วิธีการล่าเหยื่อของไวเวิร์นหมายถึงอะไรรู้ไหม... ‘การนำตัวเองเข้าเสี่ยง’ เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตของผู้เป็นที่รักอย่างไรล่ะ เจ้าคิดว่าไวเวิร์นตัวใดจะตกอยู่ในอันตรายสูงกว่ากัน ...ตัวแม่ที่ไปโฉบเหยื่อที่บนฝั่ง หรือตัวลูกที่รอรับเหยื่อเป็นผลัดที่สอง...ที่สาม...ที่สี่...ที่ห้า ด้วยเหตุนั้น หน้าที่ของผู้ล่าจึงเป็นของจ่าฝูง หรือแม่ไวเวิร์นของรังนั่นอย่างไร”
“อย่าไปฟังมันพล่าม! เจ้าหัวเขียว! สัตว์อสูรมันไม่มีความคิดเรื่องครอบครัวหรือพ่อแม่เหมือนมนุษย์หรอก!” อัลบัสค้าน “มันก็แค่ทำไปตามสัญชาตญาณ! จอมมารจะหลอกให้เจ้าเห็นใจพวกมัน!”
“ใช่ อาเน่ ข้าอยากให้เจ้าเห็นใจพวกไวเวิร์น ตลอดจนสัตว์อสูรอื่นๆ ที่มนุษย์กดขี่เพื่อใช้ประโยชน์ หรือกำจัดทิ้งเพราะเป็นภัยต่อพวกเขา” โยเวียสเอ่ยด้วยเสียงที่กลับเคร่งขรึม และสงบกว่า “แต่ข้าไม่ได้หลอกเจ้าหรอกนะ แมนเดรกน้อย สิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์เช่นกันอย่างเจ้าน่าจะเข้าใจไม่ใช่หรือ”
เด็กหญิงผมเขียวกำดาบเกร็งแน่น ขณะที่ชายเบื้องหน้าค่อยๆ คลี่ยิ้ม
“ข้ารู้ว่าเผ่าพันธุ์พืชมีสำนึกของผู้หล่อเลี้ยงชีวิตเต็มเปี่ยม เจ้าถึงได้ต้องการเป็นผู้กล้า เพื่อปกป้องผู้ที่เดือดร้อน ...แต่ข้าขอถาม เจ้าเห็นว่าใครกันแน่ละที่เดือดร้อน ระหว่างชาวเมืองที่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า กินสัตว์ทะเลหายากแกล้มน้ำองุ่นคั้นด้วยเท้าคนในราคาแสนแพง มิหนำซ้ำยังชมการ ‘ฆ่าสัตว์’ อย่างสนุกสนานแม้ในเวลานี้ ...หรือไวเวิร์นหนึ่งครอบครัวที่สูญเสียถิ่นอาศัย มิหนำซ้ำจู่โจมเมืองนี้เพื่อหาอาหารเลี้ยงปากท้องตัวเองแท้ๆ”
อาเน่ไม่ทันตอบ ถ้อยที่ดังแทรกขึ้นกลับเป็นเสียงตะโกนของบุคคลที่สาม
“เรเดียนท์ไบนด์!”
เป็นเสียงของอัลบัส พร้อมกับจังหวะที่เส้นแสงสีขาวจำนวนมากพุ่งจากหัวคทาของเขาดุจเชือกหรือโซ่ แล่นรี่ผ่านอาเน่กับห่านเพรียงไปยังร่างที่ยังนิ่งเฉยของจอมมาร
แต่หาได้รัดพันตรึงร่างนั้น
โยเวียสตวัดเคียวเพียงแวบเดียว ห้วงมิติสีดำก็ดูดกลืนมันไปจนสิ้น ทิ้งให้จอมเวทขาวได้แต่นิ่งงัน ตาค้างไปพอๆ กับแมนเดรกนักดาบ
“ให้ตายสิ อัลบี้ ภาควิชาจอมเวทขาวไม่เคยสอนเจ้าเลยรึไง” จอมมารที่ไม่แม้แต่จะขยับเท้าเอ่ยแช่มช้า “ว่าอย่าแทรกตอนที่คนอื่นเขากำลังสนทนากันอยู่ ช่างไม่มีมารยาทเสียจริง”
“อย่ามาอวดดีสอนข้า! ไอ้จอมมารชั่วช้า!”
“ฮะๆ ข้าชั่วเลยช้า แต่...‘อย่างอื่น’ ของเจ้ามันไม่ช้านักหรอกนะ” โยเวียสหัวเราะอย่างครื้นเครงอีกครั้ง
“เล่นมุกบ้าอะไรของแกว—” เสียงของจอมเวทขาวพลันขาดหายไป
อาเน่เห็นเหตุการณ์โดยตลอด แต่ก็ไม่ทันส่งเสียงห้ามด้วยซ้ำ...เมื่อเส้นแสงสีขาวแบบเดิมของคาถาแสงพันธนาการปรากฏขึ้นท่ามกลางห้วงมืดเบื้องหลังอัลบัส และพุ่งเข้าหาเขารวดเร็วยิ่งกว่าคราวมุ่งหน้าไปทางเป้าหมายในทีแรกเสียอีก
แสงนั้นรัดตนเองเข้ารอบร่างของอัลบัส รวบสองมือของเขาไว้ข้างกาย ยังผลให้คทาของจอมเวทขาวผู้ไม่ทันตั้งตัวร่วงลงสู่ทะเล
ชายสวมแว่นอ้าปากค้างจนจะกว้างเท่ากรอบแว่น ก่อนใบหน้าจะแดงก่ำขึ้นเมื่อตั้งสติได้
“นี่มัน—!”
“อ้อ... ‘เป็นฝีมือของจอมมารผู้เลวทรามชั่วช้าจัญไรแน่ๆ ’” โยเวียสยกมือขึ้นแตะอากาศว่างเปล่าเบื้องหน้าดั้งจมูกของตน เลียนแบบท่าดันแว่นของคู่ต่อสู้ที่เวลานี้หมดพิษสงไปเรียบร้อย “ทำให้เจ้าเสียหน้าจริงๆ สักทีสมความคาดเดาก็น่าสนไม่หยอกนะ”
“แก...ไอ้---!”
อัลบัสพูดไม่ทันจบก็มีอันต้องคู้กายไปข้างหน้า และร้องเสียงหลงแทบไม่เป็นภาษา เมื่อแมนติคอร์ของอีกฝ่ายคำราม มิหนำซ้ำยังรี่เข้าใส่ม้าเปกาซัสจนมันกรีดเสียงด้วยความตกใจ และตื่นหนีไม่รู้ทิศทางในทันที
“อัลบัส!” อาเน่เพิ่งตั้งสติได้ แต่ครั้นจะรีบบินตามไปช่วย สัตว์พาหนะตัวโตของจอมมารก็แล่นเข้าขวางหน้าเสียก่อน
“จะไปไหนกัน แม่หนูแมนเดรก” เขายิ้มน้อยๆ อย่างใจดีตามเดิม “เรายังพูดกันไม่จบ ไม่ใช่หรือ”
วี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อาเน่เปล่งเสียงร้องเต็มกำลัง แต่ไม่อาจฝ่ากำแพงเวทมนตร์สีฟ้าซึ่งอีกฝ่ายกางกั้นทันเพียงชั่วสะบัดมือ
...เจ้าน่าจะเรียนรู้ได้แล้วนะ... เสียงของโยเวียสเสียดแทรกเข้ามาในใจ ...ว่าตัวเจ้าเองน่ะ ยังไม่เติบโตผลิบานพอจะประมือกับข้าได้สักกระบวนด้วยซ้ำ...
เด็กหญิงแมนเดรกไม่ตอบ แต่สะบัดดาบไปข้างหน้าโดยแรง หมายใช้คลื่นคำรามทำลายเกราะกำบังของอีกฝ่าย ...โดยไร้ผล ครั้งนี้กำแพงสีฟ้าไม่มีกระทั่งรอยขีดข่วน
เป็นร่างเล็กจิ๋วของเด็กผมเขียวกับเจ้าห่านเพรียงเองที่กระดอนไปข้างหลังด้วยแรงสะท้อน เชื่อมต่อกันเพียงด้วยสายเอ็นทนทาน ขณะที่เสียงของจอมมารยังคงเอ่ยอย่างต่อเนื่อง
...เมื่อครู่ หนูเมลิสคงเล่าเรื่องปูคาร์ซินัสให้เจ้าฟังแล้ว นั่นไม่ใช่เหยื่อที่เจ้าควรช่วยหรอกหรือ ...อ้อ ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าข้ารู้ได้อย่างไร ข้ามีหูตากว้างไกลเสมอ อาเน่...ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้า รวมทั้ง...เจ้าเกิดมาได้อย่างไรด้วย...
...แต่ถ้าจะให้บอก ขอค่าตอบแทนเป็นการย้ายมาอยู่ฝ่ายข้า กับพวกสัตว์อสูรที่ถูกมนุษย์ทำร้ายเสียก่อนนะ...
แมนเดรกเบิกตากว้างเพียงชั่วแวบ ก่อนจะรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังของตนกระแทกของแข็งบางอย่างจนมึนงง
มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังอยู่แค่ข้างหู ...ดูเหมือนจะเป็นเสียงของอัศวินเฮลิออส
* * * * *
“โอ! สถานการณ์ไม่สู้ดีแล้วขอรับ ม้าของผู้กล้าอัลบัสเวลานี้เตลิดออกนอกขอบเขตการติดตามของเราไปแล้ว ส่วนผู้กล้าอาเน่ก็ถูกเหวี่ยงเข้าไปในเขตอาคมที่กักผู้กล้าเฮลิออสกับผู้กล้าเอริเธียไว้กับไวเวิร์นทั้งห้า ด้านจอมมารยังคงยืนโบกมือและส่งจูบทักทายท่านผู้ชมอยู่ครับ...ช่างหยามน้ำหน้ากันเสียจริง!” อีวาน โฆษกประจำ ‘การต่อสู้’ บรรยายอย่างออกรส “แต่ไม่ต้องห่วงขอรับ หน่วยทหารป้องกันเมืองกำลังจะไปยันรับจอมมารไว้แล้ว ส่วนแมลงภูตสำหรับจับภาพที่อยู่ในเขตอาคมกับไวเวิร์นและสามผู้กล้ายังทำงานได้เป็นอย่างดีเยี่ยมขอรับ! ดูเหมือนผู้กล้าเฮลิออสจะฟื้นตัวจากการถูกผู้กล้าอาเน่ชนเข้าที่ศีรษะเต็มแรงแล้วขอรับ!“
มาเธียสชักไม่รู้จะคิดอย่างไรดี ขณะที่ม่านใสตรงหน้าชั้นบ็อกซ์ถ่ายทอดภาพจอมมารโยเวียสโค้งกายแสดงตัวประหนึ่งนักแสดงละครชั้นเอกต่อหน้าเหล่าพ่อยกแม่ยก ก่อนจะสะบัดผ้าคลุมให้เกิดกลุ่มควัน แล้วอันตรธานหายไปพร้อมกับสัตว์พาหนะ ครั้นแล้วภาพบนนั้นจึงได้เปลี่ยนเป็นอาเน่ที่กำลังคลำหัวป้อยๆ กับเฮลิออสที่กำลังถอดหมวกเกราะซึ่งมีรอยบุบเป็นรูปตัวคนอย่างชัดเจน เหวี่ยงลงปากทางห้วงมิติที่เอริเธียเปิดให้อย่างเรียบเฉย
...บุบเป็นรูปอาเน่ทั้งตัวแบบนั้น ต้องซ่อมขนานใหญ่แล้ว... ชายหนุ่มคิด...ก่อนจะรีบแก้ ...ไม่สิ! นี่ไม่ใช่เวลามาห่วงเรื่องนั้นสักหน่อย!...
“พี่แมท...อาเน่จะเป็นอะไรมากไหม ตะกี้ชนเต็มแรงเลย” เมลิสถามเสียงสั่น
“คิดว่าคงไม่เป็นไรนะ” มาเทียสหันไปมองน้องสาว “ไม่มีแผล แล้วเมื่อกี้นางก็ดูปรกติ...ดี”
ทว่าผ่านไปได้แค่ครึ่งประโยค เมลิสก็ไม่มองเขาเสียแล้ว สายตาของเธอพุ่งตรงไปที่จอเวทมนตร์ ส่วนริมฝีปากเริ่มร่ำร้อง
“อาเน่! อาเน่!”
ช่างตีเหล็กหันกลับไป เห็นผู้กล้าแมนเดรกบนหลังห่านกำลังบินหนีไวเวิร์นทั้งห้าซึ่งบินตามมาเป็นพรวน ออกนอกเขตอาคมกักกันของโยเวียสซึ่งกำลังค่อยๆ สลายไป
“โอ! ดูเหมือนผู้กล้าอาเน่จะมีปัญหาขอรับ! แต่ดาบแกรม...ผู้กล้าถือดาบพิฆาตมังกรอยู่ ทำไมไม่ใช้ฟันพวกมันล่ะขอรับ!”
เฮลิออสร้องบอกให้เด็กหญิงผมเขียวฟันดาบออกไป กระนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ยอมทำตามเลย เขาดึงจึงเปกาซัสของตนเข้าติดตาม หมายล่อความสนใจของไวเวิร์นสักสองสามตัว ...ทว่าไม่เป็นผล ไวเวิร์นทุกตัวยังคงไล่ตามอาเน่ แม้อัศวินหนุ่มจะพยายามใช้ดาบของตนฟันมันเท่าที่มีโอกาส จนได้แผลไม่ลึกมากก็ตาม
...เพราะเรื่องที่โยเวียสพูดงั้นเหรอ... ไม่รู้ด้วยเหตุใด มาเทียสบังเกิดความคิดนี้ขึ้นมา สิ่งที่จอมมารบอกต่อผู้กล้าน้อย และเหล่าผู้ชมในโรงละครได้ยินกันถ้วนทั่วผ่านเวทมนตร์ถ่ายทอด (โดยที่คณะจอมเวทของโรงละครรู้ดีพอจะปิดการถ่ายทอดเสียงทันทีที่แมนเดรกเริ่มกรีดร้อง) เป็นสิ่งที่ช่างตีเหล็กเห็นด้วยโดยแท้ ...เขาเองก็สงสารพวกไวเวิร์นที่เสียถิ่นอาศัยกับแหล่งอาหาร มากกว่าเหล่ามนุษย์ที่นั่งสลอน ส่งเสียงเฮพลางรอชมพวกมันถูกฆ่า...อย่างบันเทิงเริงใจ
...แต่ถ้าเพื่อปกป้องชีวิตคนอื่น อย่างเมลิส แอนนาลี ท่านฟอร์เกส...ตลอดจนใครๆ ในพาร์ฟ ข้าก็คงเลือกที่จะฆ่าพวกมันอยู่ดี... ชายหนุ่มคิดต่อไป ...พวกมันทำเพื่อเอาชีวิตของตัวมันเองหรือลูกของมันให้รอด ข้าก็ต้องทำเพื่อให้ตนเองกับคนที่รักรอดชีวิตเหมือนกันไม่ใช่หรือ...
นั่นคือสิ่งที่มาเทียสหวังว่าอาเน่จะเข้าใจโดยเร็ว แม้ไม่มีทางส่งผ่านความคิดของตนได้จากที่แห่งนี้ ในโรงละครซึ่งเหล่าผู้ชมทั้งฮือฮาและโห่ร้องด้วยความรู้สึกต่างๆ กัน ขณะที่บทบาทของเหล่านักแสดงดำเนินต่อไป ...ผู้กล้าตัวจิ๋วที่มีอาวุธผลาญชีพมังกรกลับเอาแต่บินหนีฝูงไวเวิร์น ขณะที่อัศวินกับแม่มดพยายามดึงความสนใจของพวกมันด้วยการโจมตีทั้งดาบและเวทมนตร์ ทว่าไม่อาจเป็นผลเท่าใดนัก
เฮลิออสซึ่งเริ่มได้แผลเฉี่ยวจากปลายหางหรือกรงเล็บของมังกรบินไปแล้วดูเหมือนจะร้อนรนขึ้นเรื่อยๆ ...และสุดท้ายก็ถึงกับชักม้าของตนเข้าขวางกลาง ระหว่างอาเน่กับไวเวิร์นตัวแรกที่ไล่ตามมาติดๆ ...ดาบในมือของเขาชูพร้อม ทว่าเมื่อเทียบกับขนาดตัว ความหนาของเกล็ดและหนังไวเวิร์น ก็น่ากังขาว่าจะทำสิ่งใดได้มากไปกว่าสร้างรอยขีดข่วน...หรือแม้แต่ผู้กล้าจะยันรับแรงปะทะจากกรงเล็บอันทรงพลังของมันได้หรือไม่
คำตอบมาพร้อมกับเสียงกรีดร้อง
ช่างตีเหล็กมองไม่ถนัด...ทว่าร่างของเฮลิออสยังคงแจ่มชัดบนหลังเปกาซัสสีขาว นิ่งค้างประหนึ่งตะลึงงัน ขณะที่ม้าของตนตื่นรนถอยห่าง
ดาบของเขายังไม่ได้สัมผัสตัวไวเวิร์น แต่มันก็กระพือปีกบินขึ้นเร็วรี่ กรีดเสียงแหลมเล็กดุจนกล่าเหยื่อ ก่อนจะสะบัดกรงเล็บ เหวี่ยงสิ่งหนึ่งซึ่งมาเทียสเห็นไม่ชัด...ทว่าจับได้เพียงมันเป็นสีดำๆ ...ให้กับไวเวิร์นอีกตัวหนึ่ง ซึ่งตะปบรับไว้ได้แม่นยำราวกับเล่นบอล
ชายหนุ่มเริ่มเอะใจว่ามันมีขนปุยๆ เหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบางอย่าง แต่ก็เพิ่งตระหนักได้ว่ามันคืออะไร...ก็เมื่อเห็นไนท์แมร์ที่วิ่งพล่านโดยไร้เงาร่างของแม่มด และได้ยินเสียงร้อนรนของอีวาน
“ค...คุณพระช่วย! ดูเหมือน...แม่มดดำเอริเธียจะกลายเป็น ‘เหยื่อ’ ของพวกมันแล้วขอรับ!”
* * * * *
คนเขียนขอคุย
รู้สึกเหมือนเป็นตี้ที่สอบตกดีพิกล ^^a แต่ก็อยากแกล้งอัลบัสให้สมกับที่กล่าวหาจอมมารมานานแหละนะ >_<
หน้าที่ในตี้ (ซึ่งแต่ละคนมอบให้ตัวเอง...ไม่ก็โดนยัดเยียดให้อย่างประหลาด)
อาเน่ – tanker (ตัวล่อให้ศัตรูโจมตี) ที่ดันมี agi กับ evade สูงกว่า vit (แต่ลองพุ่งชนหัวเฮลิออสโดนไม่ KO ได้ ก็แสดงว่าอึดพอตัวแหละน่า) =__=
เฮลิออส – attacker ที่ดันไม่ได้ติด dragon killer เลยโจมตีได้แค่หลักร้อย จาก HP เรือนหมื่นของไวเวิร์นแต่ละตัว =__=a
เอริเธีย – mage ที่ชอบวิ่งไปเก็บของมากกว่าร่ายเวท เลยโดนศัตรูตีเวทหลุดบ่อยๆ =__=;;
อัลบัส – priest ที่ดันวิ่งไปซ่าส์กะจอมมารในแนวหน้า เลยโดน reflect คาถา paralyze กลับ และ banish ถีบออกจากสนามซะงั้น =__=;;;
ท่านจอมมารเปิดประเด็นแล้ว และเอริเธียก็กลายเป็นลูกบอลขนดำไปแล้ว ต่อไปจะเป็นอย่างไร ขอเชิญชมในโอกาสต่อไปครับ
สวัสดีปีใหม่ผู้อ่านทุกท่าน ขอให้มีสุขภาพดี คิดสิ่งใดสมหวังทุกประการ และมีความสุขมากๆ ทั้งปีนี้และปีต่อๆ ไปครับผม :D
ความคิดเห็น