ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Mandrake Hero(ine) - ผู้กล้าพืชป่วน ยกก๊วนปราบมังกร

    ลำดับตอนที่ #10 : 8 - การเตรียมตัวของผู้กล้า - “ทำแบบนี้ไม่คิดว่าเสียมารยาทบ้างหรือ”

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 762
      1
      14 ธ.ค. 53

     

    บทที่ 8

    การเตรียมตัวของผู้กล้า

     

    ชาวเมืองรับรู้ว่าเพื่อปรับยุทธศาสตร์การรับมือหลังเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ท่านผู้กล้าจึงยังคงจะพักอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสองสามวัน

    ส่วนเมลิส เมื่อฟื้นขึ้นมาในตอนเช้า ก็ได้รู้แผนการ ฝึกแมนเดรกให้เป็นผู้กล้า ด้วยความไม่สบอารมณ์และวิตกกังวล

    ไม่ได้นะ!” เด็กหญิงร้องทันที หลังจากฟังเรื่องราวต่างๆ จบลง ให้อาเน่ไปทำเรื่องเสี่ยงอันตรายแบบนั้นได้ยังไง! อาเน่เป็นแค่เด็ก...แค่เด็กอายุไม่กี่วันเองนะพี่แมท!”

    แมนเดรกน่ะ มีอายุขัยเฉลี่ยราวสองปี นับตั้งแต่เวลาที่ข้าปลูกมา เจ้าเด็กจิ๋วนี่ก็เป็นวัยรุ่นแล้ว โตกว่าเจ้าเสียอีก เอริเธียพูดขึ้น

    แต่แม่มดดำอยู่ไม่ใกล้เท่าใดนัก และเด็กหญิงก็ไม่ทันได้มองริมฝีปากของเธอ ช่างตีเหล็กจึงไม่ต้องการนำเหตุผลที่ฟังดูไม่เหมือนเหตุผลมาถ่ายทอดให้น้องสาวอีกต่อหนึ่ง

    พี่รู้ แต่อาเน่ก็ตอบตกลงด้วยตัวเอง นางไม่อยากให้โยเวียสไปทำร้ายใคร...เหมือนกับที่ทำร้ายเจ้า

    อาเน่ยังเป็นเด็ก! นางไม่รู้อะไรหรอก!”

    แต่ข้ารู้นะ เมลิส เด็กหญิงแมนเดรกไต่ขึ้นมาบนเตียง และจับมือของน้องสาวช่างตีเหล็กไว้ พวกคุณหนังสือบอกข้า อิลลูเซียถูกจอมมารกับบริวารรังควานมาเป็นพันๆ ปี ข้าเลยคิดว่า...นี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก คนที่นี่ส่วนมากเป็นคนดี ต้องการแค่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ถ้าพวกไวเวิร์นก่อความวุ่นวายในพรีม่า คนมากมายก็กำลังลำบากเดือดร้อน การช่วยเหลือผู้อื่นเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ

    แต่ว่า...

    ข้าไม่เป็นไรหรอก เมลิส ให้ข้าได้ช่วยทุกๆ คนเถอะนะ คุณหนังสือยังบอกข้าเลย ว่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างมีจุดประสงค์ในการเกิดมาและดำรงอยู่ทั้งนั้น นี่อาจจะเป็นจุดประสงค์ในการเกิดมาของข้าก็ได้

    ใช่... ต่อให้ไม่เชื่อในชะตากรรม ช่างตีเหล็กก็อดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนั้น หากเมื่อวานไม่มีอาเน่ น้องสาวของเขาก็อาจจะถูกจอมมารจับตัวไป ...แต่ก็นั่นเอง หากไม่มีอาเน่ ก็คงไม่มีเหตุผลที่ผู้กล้าเฮลิออสจะจ้างเขาดูแลดาบในราคาแสนแพง ไม่ว่าจะด้วยน้ำใจ หน้าที่ช่วยเหลือชาวประชา หรือแค่อยากเอาชนะน้องสาวของตนก็ตาม

    ...และก็คงไม่มีเหตุให้แม่มดดำต้องมาเข้านอกออกในบ้านของเขาให้ปวดศีรษะเล่นด้วย

    เมลิสยังคงไม่ยอม เรียกได้ว่าร้องไห้โวยวายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็นั่นเอง มาเทียสซึ่งมองไม่เห็นหนทางที่ดีกว่านี้ได้แต่ออกไปจากห้อง ทิ้งให้เด็กหญิงแมนเดรกเป็นผู้เจรจากับน้องสาวของเขา และเมื่อฟรานซิสอุตส่าห์นั่งรถเข็นมาเยี่ยม เด็กหญิงซึ่งพอสงบลงได้ถึงยอมลงบันไดมานั่งคุยด้วยที่หลังร้าน แม้สีหน้าจะยังไม่สู้ดี และดวงตาบวมแดงจนเห็นได้ชัด

    ฟังดูเหมือนโยนภาระให้คนอื่น แต่ช่างตีเหล็กก็ยังมีงานชิ้นสำคัญ ซึ่งต้องรีบทำให้เสร็จก่อนคณะผู้กล้าจำเป็นเร่งเดินทาง

     

    * * * * *

     

    และด้วยงานนี้เอง ที่ช่างตีเหล็กนั่งหัวยุ่งอยู่ตรงหน้าหนังสือ ศาสตร์และศิลป์แห่งชุดเกราะ ซึ่งไหว้วานให้เอลิโนร่า เด็กหญิงลูกศิษย์แม่มดยืมออกมาจากหอสมุดของเมือง โดยมีกระดาษสำหรับร่างภาพวางกระจัดกระจายเต็มโต๊ะ ทั้งยังมีเศษแท่งถ่านที่หักจากแรงกดของมือ กับขี้ยางลบเปรอะเกลื่อนไปหมด

    ปัญหาสำคัญในชีวิตของมาเทียสคือ...เขาไม่เคยทำชุดเกราะที่ใช้การได้จริงด้วยตนเองมาก่อนเลย

    ต่อให้เคยซ่อมแซมดาบหรือชุดเกราะของทหารป้องกันเมืองพาร์ฟ ก็เพียงนานๆ ครั้ง กองทัพของมิโทเซียมีโรงตีเหล็กขนาดใหญ่ ซึ่งผลิตชุดเกราะกับดาบประจำตำแหน่งได้ครั้งละมากๆ พวกมันล้วนมีรูปแบบเรียบง่าย คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยสูงสุดมากกว่าความสวยงามโดดเด่นใดๆ ผิดกับชุดของผู้กล้าอิสระซึ่งนิยมสั่งทำขึ้นเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว อีกทั้งเมื่ออาวุธหรือชุดเกราะเสียหายขึ้นมา พวกทหารของเมืองก็มักไปซ่อมแซมที่ร้านตีเหล็กของฟอร์เกส ผู้เป็นพ่อตาของหัวหน้ากองทหารคนปัจจุบัน เพราะศูนย์บัญชาการประจำเมืองอยู่ใกล้ที่นั่นมากกว่า

    อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มเชื่อว่าหากมีเวลามากกว่านี้ เขาน่าจะทบทวนความรู้จากหนังสือได้ไม่ยาก ทว่านอกจากกำหนดอันกระชั้น ปัญหาสำคัญอีกอย่างที่เขาต้องเผชิญคือรสนิยมของผู้ว่าจ้าง...ซึ่งออกจะเลิศวิไลเกินความเข้าใจของตนไปสักหน่อย

    ชุดเกราะของผู้กล้าใช่เป็นเพียงเครื่องป้องกัน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว ตราที่อกของชุดเกราะคือเครื่องบ่งบอกถึงจิตวิญญาณของผู้กล้า ดังนั้นจึงต้องออกแบบให้ดูสง่าสะดุดตา และแสดงถึงตัวตนของผู้กล้า ที่สำคัญ ชุดเกราะของนักดาบที่เป็นหญิง หากทำให้ดูเทอะทะเหมือนผู้ชายย่อมไม่น่ามอง ต้องคำนึงถึงความสวยงามไม่ด้อยไปกว่าความคล่องตัว กับประสิทธิภาพในการป้องกันเฮลิออสร่ายยาว

    มาเทียสฟังแล้วหัวหมุน

    ข้าเคยทำแต่พวกเครื่องใช้พื้นๆ จะให้มาตีชุดเกราะงานศิลป์หนึ่งเดียวในโลกแบบนี้ คงต้องให้คนอื่นออกแบบแทนกระมัง หลังจากปลุกปล้ำกับการร่างจนเสียกระดาษไปราวๆ สิบกว่าแผ่น ช่างตีเหล็กก็ยอมแพ้

    เฮลิออสจึงได้หยิบกระดาษเปล่ามาลองวาดแบบเอง ทั้งยังแต่งรายละเอียดและเขียนอธิบายหลักการของตนอย่างวิจิตรพิสดาร ว่าด้วยสมดุลของเวทมนตร์แต่ละธาตุ และสัญลักษณ์แทนคุณธรรมต่างๆ บนชุดเกราะ ...อย่างไรก็ดี คนที่ต้องลงมือทำให้มันเป็นชิ้นงานขึ้นมาไม่อาจตีรหัสลักษณ์อันซับซ้อนออก รู้เพียงแต่ตระหนักว่าตนไม่อาจยัดสัตว์เวทมนตร์ราวสิบกว่าชนิด ปีกสิบสองปีก ดวงดาว ตะวันจันทรา และสิ่งอันเป็นมงคลต่างๆ แก่ผู้กล้าลงไปบนชุดเกราะซึ่งมีเนื้อที่น้อยกว่าเสื้อของสุนัขพันธุ์กระเป๋าที่คนชั้นสูงนิยมเลี้ยงได้

    ช่างตีเหล็กเป็นคนตรง จึงปฏิเสธไปอย่างสุภาพที่สุด โดยยกเหตุผลด้านความเป็นจริงในทางปฏิบัติมาอ้าง และอัศวินก็ยอมรับ แม้จะเห็นได้ชัดว่าเสียหน้าอยู่บ้าง ...ยิ่งเพราะถูกแม่มดดำทับถมอย่างไม่เกรงใจ

    ดีแต่วาดวิมานในอากาศ แต่ภาคปฏิบัติเหลวเป๋วสุดประมาณจริงนะ พี่ชาย

    นั่นนำไปสู่คำท้าจากผู้กล้า...ให้เอริเธียลองมาออกแบบชุดเกราะเองบ้าง ซึ่งแม่มดกลับรับอย่างชื่นมื่น...ท่ามกลางความอกตรมของมาเทียส

    ภาพร่างชุดเกราะของแม่มดเต็มไปด้วยสีดำๆ ...หมวกศึกเป็นกะโหลกก็อบลินสายพันธุ์โหดที่เรียกกันว่าเรดแค็ป ที่อกเป็นตราพญามารถือสามง่าม ที่ไหล่ประดับเขาอสูรร่างคล้ายกระทิงยักษ์ที่เรียกว่าเบฮีมอธ มิหนำซ้ำยังฝังเนตรคำสาปศิลาของกอร์กอน เคลือบทาสารกันไฟที่สกัดจากเมือกบนเพดานปากมังกรไฟ และสิ่งอันสยดสยองอีกต่างๆ นานา

    ...ถ้าจะเอาแบบนี้จริงๆ ท่านแม่มดทำเองเลยดีกว่าไหม ช่างตีเหล็กไม่รู้จะว่าอย่างไรดี

    ก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่ชายข้าจะยอมจ้างสักแสนเกลหรือเปล่า แม่มดรับหน้าตาเฉย แถมสีหน้าดูภูมิอกภูมิใจในการออกแบบของตนเต็มประดา

    ทำให้เปล่าๆ สักร้อยชุด ข้ายังไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเลย นอกจากปาใส่หัวจอมมาร

    เอ๊ะ! ท่านนี่—“

    ท่านทั้งสอง เรามีเวลาไม่มาก หาใครที่ออกแบบชุดเกราะได้เป็นผู้เป็นคนมาให้ข้าโดยเร็วเถอะ มาเทียสชักทนไม่ไหว

    เมื่อนั้นเอง อาเน่ซึ่งเงียบอยู่เป็นส่วนมากจึงได้เสนอขึ้น

    ข้าว่า...ให้ฟรานซิสลองดีไหม เด็กหญิงผมเขียวรีบให้เหตุผล เขาวาดภาพเก่งนะ

    นั่นเองที่ทำให้ช่างตีเหล็กนึกขึ้นได้ ฟรานซิสเป็นลูกชายของจิตรกร และรูปที่เขาช่วยพ่อวาดเป็นแบบพิมพ์ลงหนังสือ หรือรูปต่างๆ ที่วาดเป็นของขวัญให้เมลิสก็แสดงถึงพรสวรรค์เกินวัย คงเพราะเด็กชายขาพิการมักต้องอยู่ติดบ้าน  จึงได้ทุ่มเทให้กับการวาดภาพไปโดยปริยายด้วยกระมัง

    ข้าไม่คิดว่าเขาเคยออกแบบชุดเกราะ แต่เอาเถอะ ไหนๆ เขาอยู่ที่นี่ด้วย ลองดูคงไม่เสียหายหรอก

     

    * * * * *

    ครั้นมาเทียสลองถามดู ฟรานซิสก็ออกตัวว่าไม่เคยออกแบบชุดเกราะสำหรับทำจริงมาก่อนเช่นกัน แต่อีกครึ่งชั่วยามต่อมา ภาพวาดของเด็กชายก็เป็นรูปเป็นร่าง ถือได้ว่าสะอาดเรียบร้อยดี แต่ก็ไม่โล่งจนเกินไป

    ข้าคิดว่าในเมื่ออาเน่น่าจะเป็นต้นแมนเดรก ตราประจำตัวก็ควรจะเป็นรูปต้นแมนเดรกเหมือนกัน ส่วนลวดลายตามขอบชุดเกราะก็น่าจะเป็นลายเถาไม้ เด็กชายอธิบาย แปลกไหมครับ

    อือม์...ข้าว่าใช้ได้ดีทีเดียวนะ ผู้กล้ารับ ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว มาเทียส ว่าจะทำตามนี้ได้ไหม

    ข้าคิดว่าได้ แต่ลวดลายบางอย่างอาจจะต้องลดทอนหน่อย หวังว่าคงไม่เป็นปัญหาอะไร มาเทียสค่อยโล่งใจขึ้น ...อย่างน้อยเขาก็มีอะไรที่ดูจับต้องได้ให้ทำเสียที ตอนนี้ก็ต้องตีออกมา ให้อาเน่สวมดูว่าใช้ได้ไหม หากมีปัญหาก็แก้กันตอนนั้นอีกที

    งั้นท่านก็เริ่มงานเถอะ ช่างตีเหล็ก เฮลิออสรับ แต่แล้วก็มีท่าทางเหมือนเพิ่งนึกบางสิ่งได้ จริงสิ ยังมีอีกอย่างที่ต้องเตรียม ข้าก็ลืมไปเสียสนิท

    อะไรหรือ ท่านเฮลิออส ชายหนุ่มรับอย่างสงสัย

    เสื้อผ้าสำหรับสวมใต้ชุดเกราะอย่างไรเล่า มันต้องดูเข้ากับชุดเกราะหรอกนะ จึงจะส่งเสริมความสง่างามให้แก่ผู้กล้า

    ตกลงท่านจะเข็นเด็กแมนเดรกนี่เป็นผู้กล้า หรือส่งไปประกวดเทพีประจำเทศกาลไหนกันแน่ เอริเธียตั้งคำถามอย่างหยันๆ

    แต่ก็จริงนะครับ ข้าเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าใต้เสื้อเกราะต้องมีเสื้อผ้าที่รองรับแรงกระแทกและระบายความร้อนได้ดี จึงจะทำให้ใส่ได้สบาย ฟรานซิสเอ่ยขึ้น จะให้อาเน่สวมชุดตุ๊กตาของเมลิสไปเรื่อยๆ ก็คงไม่ได้

    อือม์... มาเทียสคิดตาม งั้นเจ้าก็ออกแบบเสื้อผ้าสำหรับใส่กับชุดเกราะให้อาเน่ด้วยได้ไหม ข้ามีคนฝากให้ช่วยตัดชุดได้พอดี

     

    * * * * *

     

    ...ชุดสำหรับประกวดเทพีฤดูใบไม้ผลิ...

    ...ใช้ไม่ได้!...

    แอนนาลีขยุ้มกระดาษที่ตนเองเพิ่งร่างแบบชุดเป็นก้อนกลม แล้วก็ปามันลงถังขยะที่ข้างประตูร้าน เหมือนกับราวๆ สิบกว่าก้อนก่อนหน้า

    ผิดกันเพียงเจ้าก้อนนี้ไม่ได้ลงถัง...แต่กระทบอกของใครบางคนซึ่งอุทานขึ้นทันที

    ข...ขอโทษค่ะ!” หญิงสาวใจหายวาบ รีบลุกขึ้นค้อมศีรษะให้ชายสวมเกราะซึ่งเปิดประตูเข้ามาในร้านทันที ข้าไม่ได้ตั้งใจ...ไม่ทันคิดว่าจะมีคนเข้ามาน่ะค่ะ

    ไม่เป็นไร แม่หญิง ชายผมทองหล่อเหลาปานรูปสลักยิ้มตอบ มือหนึ่งของเขาถือก้อนกระดาษไว้ ขณะที่อีกมือหิ้วตะกร้าจ่ายตลาด ...ซึ่งดูสุดแสนจะขัดกับชุดเกราะสีเงินเงางาม มีตรารูปพระอาทิตย์สีทองประดับกลางแผ่นเกราะตรงอก ข้าเพียงแต่ตกใจเท่านั้นเอง

    ค่ะ ท่านผู้กล้านั่งก่อนสิคะ ช่างตัดเสื้อผายมือไปทางเก้าอี้ยาว ซึ่งบุเบาะผ้านวมลายตารางที่เธอเย็บจากเศษผ้าเหลือสลับสีกัน และประดับด้วยหมอนทำเอง รับน้ำชากับของว่าง—“

    แอนนาลีพูดได้เท่านั้นก็อ้าปากค้าง สีแดงฉีดขึ้นทั่วใบหน้าทันที

    ผู้กล้ายืนอยู่ที่เดิม ผิดกันเพียงตะกร้าที่เคยถือไว้บัดนี้ถูกคล้องแขนข้างหนึ่ง และสองมือของเขาก็คลี่กระดาษยับยู่ยี่ออกดูเรียบร้อย

    นี่ท่าน—“ หญิงสาวไม่ทันขึ้นเสียง เขาก็ขัดขึ้นเสียก่อน

    แบบชุดสวยดีนี่แม่หญิง ทำไมถึงได้ทิ้งเสียล่ะ

    ช่างตัดเสื้อชะงักไป แต่ยังไม่ยอมให้อภัยโดยง่าย

    จะเพราะอะไร ข้าก็ขยำทิ้งเพราะไม่อยากให้ใครดู ทำแบบนี้ไม่คิดว่าเสียมารยาทบ้างหรือ

    เสียมารยาท? ชายหนุ่มมีสีหน้างุนงง

    แอนนาลีนึกอยากคว้ามันไปจากมือของเขาอยู่ร่ำๆ แต่ในเมื่อเขามีสีหน้าเหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมนี่จึงเป็นเรื่องเสียมารยาท หญิงสาวก็ตัดสินใจจะไม่เอาความ

    ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็เป็นผู้กล้าคนสำคัญของมิโทเซีย และเป็นนายจ้างของมาเทียส ...ต่อให้ช่างตัดเสื้ออดคิดไม่ได้ว่าผู้กล้าที่ไม่ฉลาดพอจะเข้าใจเรื่องของมารยาทกับกาลเทศะอย่างนี้ก็มีเหมือนกัน

    ...และคิดว่าหากเป็นช่างตีเหล็กผู้ใส่ใจความรู้สึกของคนรอบข้างเสมอ ก็คงจะไม่ทำอะไรอย่างนี้แน่...

    ข้าคิดว่านี่เป็นการเล่นส่งสารเสียอีก ผู้กล้ากลับเอ่ยเจื่อนๆ ข้าขอโทษจริงๆ นึกว่าเป็นพวกสารลับให้คนที่เข้ามาในร้านได้อ่าน

    หา? ช่างตัดเสื้อเลิกคิ้ว

    เอ้อ คือสมัยเด็กๆ ข้าเล่นกับน้องสาวบ่อยๆ เวลาติดเรียนน่ะ ขยำกระดาษปาให้กันผ่านทางหน้าต่าง เขียนรหัสบ้าง วาดรูปบ้าง แผนที่ลายแทงสมบัติบ้าง ถ้าอาจารย์ไม่สังเกตก็แล้วไป แต่ถ้าปาไปโดนอาจารย์ขึ้นมา ก็...อย่าให้พูดเลย

    แอนนาลีไม่เพียงยิ้มออก แต่ยังหัวเราะคิก

    ค...คงฟังดูโง่เง่ามากสินะเสียงของผู้กล้าเจื่อนลง

    เปล่าค่ะ หญิงสาวสั่นศีรษะ ข้าแค่...คิดว่า...มันฟังดูน่ารักดี ทำให้ข้านึกถึงตอนตัวเองเล่นกับมาเทียสตอนเด็กๆ เลย

    เจ้าเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขาหรือ

    คนเมืองพาร์ฟ ถ้าไม่ย้ายไปเรียนหรือทำงานที่อื่น ก็เห็นกันมาแต่เด็กทั้งนั้นล่ะค่ะ แอนนาลีเริ่มพูดจาเป็นกันเองขึ้น เมืองเล็กๆ แบบนี้ คนย้ายเข้าย้ายออกมากแค่ไหนกันเชียว ส่วนมากอยู่กันมาแต่รุ่นทวดของทวดทั้งนั้น ใครทำร้านอะไรก็สืบทอดลงมาทางลูกหลาน อย่างร้านตัดเสื้อนี่ก็เคยเป็นของยายกับแม่ข้ามาก่อน

    อย่างนี้นี่เอง อัศวินยิ้มออกมา ร้านสวยดี แล้วเมื่อครู่ข้าพูดจริง ชุดเมื่อครู่สวยมาก กระทั่งเจ้าหญิงในพระราชวังหลวงยังน่าจะโปรดเลย

    จ...จริงหรือคะ หญิงสาวเหลือบหนีซ่อนสีหน้าอีกครั้ง ค่อนข้างแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดปด...ในเมื่อเขาออกจะเล่าถึงการละเล่นในวัยเด็กอย่างซื่อๆ เช่นนั้น แต่...ถ้าจะทำเป็นชุดประกวดเทพีเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ มันก็ดูเรียบเกินไป ไม่แปลกใหม่ ไม่น่าจะ...ถูกใจกรรมการน่ะค่ะ

    แต่ต่อให้ไม่ถูกใจกรรมการ ก็ต้องมีคนถูกใจมันอยู่บ้างไม่ใช่หรือ ผู้กล้าพยายามลูบแผ่นกระดาษที่มีรอยยับยู่ยี่ให้เรียบ ก่อนจะส่งให้กับมือของเธอ เก็บมันไว้เถอะ บางที...อาจมีคนอยากให้ท่านตัดชุดตามอย่างนี้ และมันก็อาจเป็นชุดสำคัญในชีวิตของพวกเขาเลยก็ได้

    อือม์...นั่นสิคะ แอนนาลีรับมันไป แล้วก็นึกว่าเก็บแบบร่างไว้ให้คนที่อยากตัดชุดแต่งงานในเวลาต่อไปก็ดี ว่าไป ท่านผู้กล้ามาที่ร้านข้ามีธุระอะไรหรือคะ

    มีเสียงกุกกักจากในตะกร้าที่เขาถืออยู่ และไม่ช้า ศีรษะของเด็กผมเขียวที่เมื่อวานช่างตัดเสื้อเข้าใจว่าเป็นตุ๊กตาก็โผล่ขึ้นมา

    ข้าต้องตัดเสื้อใส่กับชุดเกราะค่ะ มาเทียสเลยให้มาขอให้แอนนาลีช่วย

    อ๋อ หญิงสาวพยักหน้ารับ แต่ข้าไม่เคยตัดชุดที่ใช้กับชุดเกราะมาก่อนนะ ถ้าจะให้ออกแบบ...

    แบบอยู่ที่นี่แล้ว หวังว่าคงไม่ลำบากแม่หญิง

    แอนนาลีรับกระดาษสองสามแผ่นที่อัศวินยื่นให้ พลิกดูอย่างสนอกสนใจ

    สวยดีนี่ ใครวาดหรือเธอรู้ว่าไม่ใช่ช่างตีเหล็กแน่นอน ถึงจะร่างภาพแบบงานโลหะให้ลูกค้าดูได้บ้าง เขาก็ไม่สามารถวาดพวกผ้าหรือวัตถุอื่นๆ แบบเสมือนจริงเป็นอันขาด

    ฟรานซิส เด็กหญิงแมนเดรกตอบ

    อ๋อ เพื่อนของหนูเมลิสนี่เอง ช่างตัดเสื้อจำเด็กชายขาพิการคนนั้นได้ แม้จะไม่ค่อยได้พูดกันบ่อยนัก ฝีมือดีนะ ต่อไปต้องเจริญรอยตามพ่อแน่ๆ เลย

    บนกระดาษพวกนั้นมีทั้งภาพมุมต่างๆ ของเสื้อใส่รองในชุดเกราะ ซึ่งมีชายกระโปรงด้านหน้ายาวเลยเข่าลงมาเล็กน้อย ไล่ระดับลงมาจนข้างหลังยาวประมาณค่อนน่อง กำกับลักษณะของผ้าที่ต้องการ สี และลายปักอย่างคร่าวๆ ไว้เรียบร้อย นอกจากนี้ยังมีภาพเวลาใส่ประกอบกับส่วนเกราะต่างๆ ที่เป็นโลหะอยู่ด้วย

    ...ตั้งใจจะทำให้ดูเหมือนเทพีนักรบสินะ... แอนนาลีนึกในใจ

    แล้วความคิดหนึ่งก็พลันวาบขึ้นมา

    ...เดี๋ยวก่อน!...องค์เทพี...

    เอ่อ...แบบคงไม่ยากเกินไปใช่ไหม แม่หญิง อัศวินเอ่ยถามอย่างลังเล คงเพราะเธอเงียบไปนาน

    ไม่เลยค่ะ หญิงสาวสั่นศีรษะอย่างร่าเริง แล้วก็รีบวางแบบลงข้างจักรเย็บผ้าทันที ก่อนจะเริ่มเดินเข้าไปหลังร้าน เดี๋ยวข้าจัดของว่างให้ ท่านกับหนูอาเน่นั่งรอตามสบายเถอะ แล้วข้าจะมาพาหนูอาเน่ไปวัดตัวอีกที อ้อ...แล้วอย่าเรียก แม่หญิง อีกเลยนะคะ ท่านผู้กล้า เรียกข้าว่าแอนนาลีเฉยๆ ก็พอ

    เช่นนั้น ท่านก็อย่าเรียกข้าว่า ท่านผู้กล้า เหมือนกัน ชายหนุ่มยิ้มตอบ ข้าชื่อเฮลิออส เรียกชื่อของข้าเถอะ

     

    * * * * *

    คนเขียนขอคุย

    ตอนเขียนฉากออกแบบชุดเกราะ ตัวผมเองออกจะอารมณ์ครื้นเครงเป็นพิเศษ ถ้าผู้อ่านสัมผัสตรงนี้ได้ก็ยินดียิ่งครับ ^^

    ส่วนฉากหลังก็เปลี่ยนอารมณ์จากฮามาเป็นฉากแนะนำตัวกันสักหน่อย อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้คิดสดทดลองเคมีตัวละคร เลยจับเอาท่านอัศวินกับช่างตัดเสื้อโคจรมาเจอกันบ้าง ใครเชียร์ช่างตีเหล็กกับช่างตัดเสื้อ หรือท่านอัศวินกับช่างตัดเสื้อ หรือคู่อื่นๆ ก็ออกความเห็นกันได้นะครับ :)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×