ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sun Seeker - ผู้ตามหาตะวัน (จบภาค)

    ลำดับตอนที่ #87 : -- ๗ – ความหมกมุ่นของเนฟิลิม - “หอบ...ใฮ”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 220
      0
      5 ม.ค. 54

    ความหมกมุ่นของเนฟิลิม

     

    ...เป็นเอามาก...

    หลังจากมองชายผู้อ่อนวัยกว่าออกไปจากห้องแล้วปิดประตูลง เซลลีก็โคลงศีรษะ

    เขารู้ว่าราดาไม่ใช่คนไม่ดีหรอก มันรักและเป็นห่วงพวกเดียวกันจริงๆ ไม่เคยหวังร้ายต่อเนฟิลิมด้วยกัน ไม่อยากให้ใครเป็นอันตราย เขายังดีใจเลยที่มีมันเข้ามารวมเนฟิลิมทุกคนที่นี่ ให้เขาได้รู้จักซีเรนากับทาลอสมากขึ้น หลังจากเคยแต่เห็นหน้าพูดคุยผ่านๆ ไม่กี่ครั้งเพราะทำงานอยู่คนละหน่วย ซากที่มีลมหายใจอย่างเขาจึงได้กลับมีชีวิตขึ้นบ้าง...เพราะความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่ขาดหายไปนาน

    แต่บางครั้ง ราดามันก็ฝันเฟื่องเกินไป แค่เรียกร้องสิทธิ์ให้พวกเนฟิลิมได้มีความเป็นอยู่ดีขึ้นและเป็นมิตรในหมู่ตัวเองยังไม่พอ ชายที่เด็กกว่าเขาเกือบสิบปีคนนั้นถึงกับอยากพลิกโลก กลับขั้วอำนาจให้เนฟิลิมขึ้นเป็นผู้ปกครอง ส่วนโซลาริสกับอัสลานตกเป็นเบี้ยล่าง...อย่างที่รู้กันทุกยุคสมัย

    ใช่ว่าเนฟิลิมพิการไม่เข้าใจ เขาเกิดในครอบครัวผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาวุธสงคราม ซึ่งด้วยสภาพความวุ่นวายของเหตุบ้านการเมืองยามนี้จึงทำธุรกิจได้ผลงอกงาม กระทั่งมีฐานะสูงเป็นลำดับต้นๆ ในเมืองโพรวิเดนซ์ เมืองอุตสาหกรรมแห่งโซลาริส ก่อนเขางอก...เซลลีซึ่งในตอนนั้นไม่ได้ชื่อเซลลีจึงได้รับการศึกษาอย่างดี อย่างน้อยก็พอที่จะรู้กลไกอำนาจที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้อยู่เสมอ

    เขารู้สิ่งที่ราดาต้องการ หากเป็นก่อนหน้าตนเองกลายเป็นซากบนรถเข็นที่มีลมหายใจอยู่แค่เพื่อจุดหมายเดียวเช่นนี้ ก็อาจจะเห็นดีไปด้วยแล้วก็ได้...แม้จะเห็นว่าโอกาสของมันริบหรี่เพียงใดก็ตาม

    เขาคงอยู่ที่นี่มานานเกินไป เรียกได้ว่าเป็นเนฟิลิมที่อยู่มานานที่สุดเท่าที่มีชีวิตรอดในตอนนี้ เห็นเนฟิลิมรุ่นอาวุโสกว่าค่อยๆ ตายไปเรื่อยๆ ก็สี่คนได้แล้ว รวมเจ้าเด็กใหม่ซึ่งเป็นเนฟิลิมคนแรกที่ตายตั้งแต่ราดามาก็เป็นห้า

    เด็กคนนั้นตายด้วยเหตุสุดวิสัย ส่วนคนอื่นๆ ทุกคนไม่ได้แก่ตาย แต่ตายในหน้าที่ หรือผลจากหน้าที่

    คนที่มีขาของอสูรซึ่งวิ่งเร็วราวลมพัดถูกระเบิดตายขณะส่งสาร คนที่มีปากออกคำสั่งให้ผู้อื่นทำตามได้ทุกอย่างในชั่วสิบห้านาที...แม้แต่ฆ่าตัวตาย...ถูกซุ่มยิงจากระยะไกล คนที่มีเส้นผมขยับได้ราวกับสิ่งมีชีวิตถูกล้อมจับ และหายสาบสูญไปนับแต่นั้น คนที่มีปีกบินได้ถูกสอยร่วงลงมา ร่างกระแทกพื้น กระดูกหักทั่วร่าง...แต่ยังไม่ตาย เขาต้องเป็นคนยิงดับความทรมานของรุ่นพี่ด้วยตนเอง...

    ด้วยกำลังคนที่มีน้อยแสนน้อย ชายพิการจึงนึกไม่ออกเลยว่าอาณาจักรของเนฟิลิมที่ราดาฝันถึงจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ต่อให้เนฟิลิมแต่ละคนมีอำนาจเหนือมนุษย์คนละอย่าง หลายคนรวมกันกับแผนการดีๆ สามารถกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่าจำนวนพลของตนหลายเท่า แต่ให้มาสู้กับโลกทั้งใบคงมีแต่จะถูกฆ่าตายกันหมด หลังจากลากศัตรูลงไปรอในนรกก่อนจนเหนื่อยอ่อนเสียเอง

    ถึงไม่ต้องสู้กับโลกทั้งใบ เซลลีก็เคยสู้...และบัดนี้ก็กำลังสู้กับอะไรที่ใหญ่เกินกำลังของตนอยู่แล้ว เขาไม่รู้จะเผื่อแรงเผื่อสมองไปช่วยอภิมหาแผนการที่แทบไร้ความเป็นไปได้ของราดาได้อย่างไร ...และยิ่งไม่อยากเห็นเด็กที่โชคดีกว่าตนถูกดึงมาตายเปล่าด้วย ทั้งๆ ที่มันมีโอกาสไขว่คว้าความสุขอย่างที่เขาไม่เคยมี

    หอบ...ใฮ เสียงพูดของทาลอสดึงเซลลีจากห้วงความคิด

    เอาเถอะ ชายบนรถเข็นโบกมือ ฉันแค่อยากปรามๆ ราดามันบ้าง ไม่รู้ไปกินอะไรมา หมู่นี้หมกมุ่นกับไอ้แผนปฏิวัติโลกของมันเหลือเกิน

    ไม่รู้สินะ เซลลีพูดไปแล้วก็คิด บางทีทุกคนที่เป็นเนฟิลิมอาจจะต้องหมกมุ่นอยู่กับอะไรบางอย่างก็ได้ เพราะหากไม่หมกมุ่น...ก็ไม่รู้จะประคองชีวิตผิดรูปของตนไว้เพื่ออะไรอีก

    ราดาหมกมุ่นกับอำนาจ เพราะมันเคยอยู่ในที่ที่สูงเหนือใคร บางทีหากอะไรๆ ไม่เปลี่ยนแปลงไปในตอนนั้น มันก็คงมีอำนาจเป็นลำดับสาม...และต่อมาก็ลำดับสอง...ในศาสนจักรโซลาริส เซลลีเห็นแต่แรกแล้วว่าในตาของเจ้าหนุ่มนั่นมีเปลวไฟ...ไม่ใช่แค่ประกายสีแดงในตาแห่งเทพอนธการของมันเท่านั้นหรอก แต่ยังมีเปลวไฟที่ลุกโชนในทั้งสองตา เปลวที่มุ่งหมายแผดเผาบางสิ่งให้เป็นจุณ รื้อทำลายมันลงมา และสร้างตนเองกับสิ่งอื่นๆ อีกมากมายขึ้นใหม่จากกองเถ้าถ่านนั้น ...มันเองก็คงไม่ต่างจากนกเหยี่ยว อันเป็นความหมายชื่อของนาชิน ข่าน ผู้ก่อตั้งประเทศอัสลานเมื่อหลายร้อยปีก่อนหลังการสังหารหมู่เท่าไรนัก

    เกิดในที่สูง...มองขึ้นไปก็เห็นแต่เมฆกับตะวันที่อยู่เหนือกว่า มองลงมาก็เห็นสรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่เบื้องล่างไกลลิบ เหยี่ยวคงเคยชินกับทิวทิศน์จากที่สูงสุดเอื้อมนี้...กระทั่งถูกผลักออกจากรัง ตกลงมาปีกหัก เป็นเหยี่ยวซึ่งเหยี่ยวด้วยกันไม่ยอมรับ และส่ำสัตว์ต่ำชั้นกว่าหัวร่อเยาะหยัน เจ้าเหยี่ยวปีกหักก็ยังคงพยายามตะกาย และกระพือปีกที่ไม่รู้จะพาร่างลอยลมขึ้นอีกได้อย่างไรต่อไป...และต่อไป

    ซีเรนาหมกมุ่นกับความรักที่เธอมีต่อคนคนเดียว นั่นเพราะเธอไม่เคยได้รับความรัก ไม่เคยมีครอบครัวที่รักเธอ ด้วยเหตุนั้นเอง ถึงเกลียดชังปฏิเสธเพศตรงข้ามที่เคยทำร้ายเธออย่างไร ใจส่วนลึกของเธอก็คงจะยังโหยหาผู้ชายสักคนที่ไม่เป็นอย่างนั้น ผู้ชายที่ดี ซึ่งจะปฏิบัติต่อเธออย่างอ่อนโยน มอบความรักและการยอมรับที่ขาดไปจากชีวิตให้เธอ ที่จริงเซลลียินดีที่ราดากับหญิงสาวลงเอยกันเสียที แต่เขาก็ไม่อยากให้ไอ้ความหมกมุ่นกับอะไรที่จับต้องไม่ได้ของราดาทำลายเธออีกครั้ง

    เวซาโน... เปลือกนอกมันหมกมุ่นกับไฟ แต่ถ้ามองลึกลงไป ก็คงมีเหตุอะไรสักอย่างที่ทำให้มันหมกมุ่นกับไฟและการเผาทำลาย มันไม่ชอบพูดเรื่องของตัวเอง กระทั่งราดาก็ยังไม่รู้ เซลลีอยากรู้ แต่ตราบใดที่มันไม่เอ่ยปาก ก็คงจะไม่มีวันได้รู้กันกระมัง

    ทาลอสหมกมุ่นกับการนอน เซลลีรู้มานานตั้งแต่พวกราดายังไม่เข้ามาเสียอีก ชายผู้มีกรงเล็บเหมือนปีศาจสามารถนอนได้วันละสิบชั่วโมงขึ้นไป...หากไม่ถูกเรียกตัวไปทำงานแบกหามอะไร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความกระทบกระเทือนทางสมองที่ทำให้ความต้องการพักผ่อนมีมากผิดปกติ...แต่ก็อาจเป็นเพราะทาลอสซึ่งพูดคุยกับคนอื่นลำบากพออยู่แล้วไม่ต้องการอยู่ในโลกของการสื่อสารที่ตนเองแทบไม่มีส่วนร่วม ไม่ต้องการฟังโดยโต้ตอบฉับพลันไม่ได้ และพูดออกมาเป็นคำๆ โดยไม่ชัดเจน มือใหญ่ยักษ์เทอะทะประมาณกำลังตนเองลำบาก ไม่สามารถเขียนตัวหนังสือหรือกดเครื่องออกเสียงได้สะดวก การเคยทำบางอย่างได้...แต่บัดนี้ทำไม่ได้ด้วยความพิการน่ารำคาญอย่างไร ชายบนรถเข็นรู้ดีกับตัว

    ส่วนเขาหมกมุ่นกับความแค้น...

    ใครๆ ย่อมรู้กันทั้งนั้นว่าความแค้นไม่ดี เซลลีก็มีเหตุผลพอจะรู้ว่ามันไม่ดีพอๆ กับความบ้าอำนาจของราดา แต่หลายความรู้สึกหมกมุ่น...หากไม่เจอเองกับตัว ก็ย่อมไม่เข้าใจว่าเหตุผลของคนทั่วไปจะไร้ความหมายในทันที คงเพราะอย่างนี้ เนฟิลิมพิการจึงเข้าใจว่าเหตุใดราดาจึงวางไม่ลง พอๆ กับที่ใครอีกหลายคนรวมถึงตัวเขาเองวางไม่ลง

    หากวางความแค้นต่อคนที่ทำให้เขาเสียทั้งขา ทั้งคนรักและลูกที่กำลังจะเกิดมา เซลลีก็คงจะกลายเป็นซากไร้จิตใจไปจริงๆ ...ทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่

    ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็เชื่อว่าเรื่องที่ใครคนหนึ่งวางไม่ลงไม่ควรถูกเหวี่ยงใส่คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เขาเลยอยากกันไม่ให้เจ้าเด็กชื่อนิกซ์ที่ว่าโดนดึงลงมาในดงคน...ไม่สิ...เนฟิลิมผู้หมกมุ่นไปด้วย

    ถึงไม่เคยเจอหน้า มันก็น่าจะอายุพอเป็นลูกเขาได้ เด็กแค่นั้น...อย่าให้ถูกโยนลงมาในวังวนความขัดแย้งของผู้ใหญ่เลย

    แต่เซลลีทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ได้แต่หวังว่าตอนเจอหน้ามันอีกที ราดาจะไม่บังเกิดความหมกมุ่นขึ้นหน้าจนหิ้วมันกลับมาจริงๆ เท่านั้นเอง

    ไม่ใช่เด็กนั่นจะเจ็บคนเดียว แต่ราดาเองก็จะเจ็บกว่านี้ ซีเรนากับเนฟิลิมอื่นๆ ก็ด้วย

    “หอ...ฮัว” เสียงพูดของทาลอสกับเสียงลุกจากเก้าอี้ดึงความคิดของหูบนรถเข็นอีกครั้ง

    “ไปไหน” เซลลีถามโดยไม่ต้องการคำตอบจริงจังนัก...เพราะรู้อยู่แล้ว

    “ฮอน” ...นั่นปะไร...

    “เออ ราตรีสวัสดิ์” ชายผู้มากวัยกว่าพูดก่อนจะไสรถเข็นไปทางประตูหน้าบ้าน “ฝันดีแทนด้วยล่ะ”

    “ไฮ...ไห”

    “ผิงไฟเวซาโน ฮีตเตอร์คงเสียอีกแล้ว เมื่อกี้นั่งคุยอยู่หนาวชิบโหง หรือหนาวเพราะไฟเย็นของราดามันก็ไม่รู้”

    เซลลีตอบทีเล่นทีจริง แล้วก็เปิดประตูออกไปสู่อากาศหนาวกว่าด้านนอกโดยไม่รอคำตอบ

     

    * * * * *

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×