ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sun Seeker - ผู้ตามหาตะวัน (จบภาค)

    ลำดับตอนที่ #69 : -- ๑๓ – ความจำเป็นของการลบล้าง - “ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าผมเชื่อใจคุณ”

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 194
      0
      5 ธ.ค. 53

    ๑๓ความจำเป็นของการลบล้าง

     

    เธอทำอะไรท่านหญิง !” บิวเรนร้อง ขณะพยายามสะบัดตัวจากเพื่อนร่วมงาน ซึ่งจู่ๆ ก็รัดไหล่เขาไว้จากด้านหลัง แม็กนัส ! แกเป็นบ้าอะไรของแก ! ปล่อยสิวะ ! ยายนั่นจะทำอะไรท่านหญิงก็ไม่รู้ !”

    เงียบหน่อยสิคะ คุณบิวเรน แอนเธียหันไปบอกเขาอย่างเรียบๆ พร้อมกับประคองร่างไร้สติของท่านหญิงน้อยให้นั่งเอนบนเก้าอี้ คุณไม่อยากให้ฮัมบี้รู้เรื่องที่คุณทำงานพลาดใช่มั้ย

    แต่เธอ... ชายผมเหลืองเบาเสียงลงก็จริง แต่ก็ยังแย้งอย่างลังเล เธอจะทำอะไรท่านหญิง

    ฉันไม่ทำร้ายเขาหรอกค่ะ หญิงสาวยิ้มน้อยๆ แค่ใช้ยาทำให้เงียบไปก่อนเท่านั้นเอง ไม่งั้นเรื่องจะบานปลายกว่านี้ ถ้าเขาบอกใครก็ตามว่านิกซ์ยังไม่ตาย แล้วนั่นก็ไม่เป็นผลดีกับคุณเองด้วย

    บิวเรนเม้มปากนิ่งเงียบไป สีหน้าดูสงสัยปนระแวงขึ้นทุกขณะ

    สงสัยใช่มั้ยคะ ว่านิกซ์รอดมาได้ยังไง และเรารู้เรื่องคุณถูกบังคับให้วางยาได้ยังไง

    ก็...ประมาณนั้น

    แอนเธียเล่าให้เขาฟังคร่าวๆ ว่าเธอกับแม็กนัสพบซากหนูตายรอบเค้กที่ถูกทิ้งในกองขยะ เมื่อถามนิกซ์ก็ได้รู้ว่าบิวเรนปัดเค้กตกตอนท่านหญิงขอแลกเค้กกับเด็กชาย เธอกับแม็กนัสจึงเดาว่าบิวเรนถูกไวส์วอลด์เรียกตัวไปข่มขู่ให้วางยา และได้รับคำยืนยันจากปากของครูเซเดอร์ผมเหลืองเองตอนมาถามเขาที่ห้องพัก จึงจัดการปลอมศพเด็กมีเขาให้เรียบร้อย

    แต่...ผมจำไม่ได้เลยว่ามีเรื่องแลกเค้ก หรือเอาเค้กไปทิ้ง ชายผมเหลืองยิ่งขมวดคิ้ว ...จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้คุยกับคุณกับแม็กนัสเมื่อคืน ที่จริงผมจำได้ถึงแค่ใส่ยาในเค้ก แล้วก็มายืนเฝ้า รู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในห้องตัวเองแล้ว พวกคุณมาหาผมตอนไหน

    ถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นคนมีเขาแบบเดียวกับนิกซ์ และใช้พลังดึงความทรงจำของคุณให้ลืม คุณจะเชื่อมั้ยคะ หญิงสาวตัดสินใจพูด ในเมื่อเห็นจากความทรงจำว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี เพราะมีสำนึกในบาปจึงได้ตั้งใจไปสารภาพที่โบสถ์ร้าง ทั้งยังรักเพื่อนหรือพวกพ้อง พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนทุกวิถีทางเหมือนแม็กนัส

    ดังนั้น เธอจึงต้องทำให้เขายอมรับว่าตนเป็นพวกพ้อง ด้วยการแสดงความจริงใจให้เช่นกัน

    ครับ? บิวเรนรับอย่างประหลาดใจ และดูท่าทางจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไร

    ก่อนไปหาศพปลอม ฉันกับคุณแม็กนัสแวะไปหาคุณที่ห้องพัก ตอนนั้นคุณดูเครียดมาก ฉันเลยใช้ยาสลบทำให้คุณหลับไป แล้วก็ใช้พลังให้ลืมเรื่องที่แผนผิดพลาดไปก่อน คุณจะได้สบายใจ แล้วก็จะได้เล่นตามน้ำพวกเราได้ง่ายขึ้นด้วย

    เอ่อ...ครับ ชายหนุ่มยังดูงงอยู่ คุณแอนเธีย...ถ้าคุณเป็นแบบเด็กคนนั้น แล้วเขาของคุณ?”

    หมอโจเซฟเป็นคนตัดค่ะ เธอรับง่ายๆ แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรมากเลย ฉันจะใช้พลังกับท่านหญิงให้ลืมเรื่องของนิกซ์ไปเสีย ให้ผู้กองฮัมบี้เข้าใจว่าเธอสะเทือนใจจนเสียความทรงจำไปเอง อย่างนี้น่าจะดีกับทุกฝ่ายที่สุดแล้ว

    ค...ครับ บิวเรนรับคำอย่างลังเล ขณะที่แอนเธียปลดผ้าคาดผมของตน

    ถ้าพวกคุณกลัวว่าฉันจะทำร้ายท่านหญิง จะเอาปืนจ่อหัวฉัน ยิงทิ้งทันทีที่มีพิรุธก็ได้นะคะ หญิงสาวปลดปืนพกติดที่เก็บเสียงที่ข้างเอวของตน หมุนจับปากกระบอก ส่งด้ามปืนให้ชายผมเหลือง คุณแม็กนัสปล่อยเขาเถอะค่ะ ส่วนคุณบิวเรน ใช้ปืนนี้ก็ได้

    บิวเรนยิ้มแห้งๆ ยกสองมือขึ้นทำท่ายอมแพ้โดยไม่รับปืนของเธอ

    ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าผมเชื่อใจคุณ

    ขอบคุณค่ะ แอนเธียยิ้มรับบางๆ ก่อนจะหันกลับไปใช้ความสามารถของเธอกับเด็กหญิงที่ยังไม่ได้สติ ทวนย้อนความทรงจำตั้งแต่อมาเนเซราพบนิกซ์เป็นครั้งแรก...

    ...และเริ่มเกิดความรู้จัก...

    หญิงสาวถึงกับชะงักเมื่อเห็นความทรงจำที่ไหลเรื่อย ตั้งแต่เด็กหญิงใช้เด็กชายเป็นเครื่องมือโดยไม่คิดอะไร จนเริ่มเกิดความรู้สึกห่วงใย ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี และต้องการตอบแทน ต้องการเป็นเพื่อน

    การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วในไม่กี่วัน คงเพราะต่างฝ่ายยังมีความคิดที่ง่ายและไร้เดียงสาของเด็ก...แม้อมาเนเซรา ลูเชียส จะได้รับการสั่งสอนให้ผิดเด็กทั่วๆ ไปจนเกินวัยในหลายๆ ด้าน

    ความรู้สึกที่เด็กหญิงมีต่อนิกซ์เป็นความชอบ ความประทับใจ ความสนใจที่รุนแรงในชั่วขณะหนึ่ง เหมือนเด็กต่อสัตว์เลี้ยง ของเล่น หรือเพื่อนใหม่ซึ่งตนไม่เคยมีมาก่อน ยังไม่ลึกซึ้งถึงขั้นเห็นอีกฝ่ายเป็นมนุษย์ที่มีความคิด ความต้องการ กับข้อดีและข้อเสียซึ่งแตกต่าง...แต่ขณะเดียวกันก็เหมือนตนเองอีกมากมาย

    ทว่า หากให้เวลาทั้งสองได้รู้จักคุ้นเคย ได้เติบโตไปพร้อมกันนานกว่านี้ ความรู้สึกความเข้าใจนั้นก็คงหยั่งรากลึก กลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มั่นคงกว่า และมอบความเข้าใจต่อต่างฝ่ายกับตนเองให้มากกว่า

    แอนเธียคิดเช่นนั้นจริงๆ เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาและความคิดของเด็กหญิง ต่อคำถามที่เธอเองยังไม่คาดฝัน...

    เซรา...คิดว่าผมสกปรกหรือเปล่าฮะ

    พอเถอะ ! ฉัน...ฉันเข้าใจแล้ว นิกซ์ ฉันไม่คิดว่านายสกปรกเลย

    ราวกับเด็กเล็กๆ ที่ลอดข้ามรูโหว่ในกำแพงหนาเพื่อไปวิ่งเล่นร่าเริง ไม่สนว่าตนกำลังอยู่ในเขตแดนของใคร หรือพื้นที่นี้อันตรายหรือไม่ ไม่ตัดสินความถูกผิด แต่มองที่เหตุผลและจิตใจของอีกฝ่าย ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ขณะที่ผู้ใหญ่ไม่อาจทำได้

    ไม่สิ...เด็กทั้งสองนี้โตเกินกว่าจะลอดข้ามกำแพงไปทั้งตัว แต่ยังสามารถมองเห็นและพูดคุยกัน เอื้อมมือหากัน และเรียนรู้กันและกันได้

    บางที หากมีเด็กสองคนนี้ หากมีคนเห็นว่าสิ่งที่ทั้งสองทำอยู่ไม่ใช่ความผิด แต่เป็นสิ่งที่งดงาม ต่อไป กำแพงที่ใครๆ ก่อไว้เนิ่นนานก็อาจจะ...

    ...เสี่ยงไม่ได้หรอก...

    แอนเธียตัดความลังเลของตนในทันที เธอเห็นอีกเช่นกันว่าอมาเนเซรายังเป็นเด็กที่ดื้อรั้น เอาตนเองเป็นหลัก และมองด้านเดียวในหลายๆ เรื่องอย่างไร ด้วยสติปัญญาที่มี เด็กหญิงย่อมรู้ว่าการกำจัดศัตรูอย่างเด็ดขาดเป็นเรื่องที่พ่อกับพี่ชายควรทำ รู้ว่าการฆ่าเด็กเนฟิลิมหรือเด็กอัสลานเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนที่คนปกติทั่วไปชินชากับการมีโรงฆ่าสัตว์

    แต่ด้วยความรักความผูกพันต่อพ่อกับพี่ชาย เด็กหญิงจะไม่มองว่าสองคนนั้นสามารถทำเช่นเดียวกันกับนิกซ์ที่เธอบังเอิญรู้จัก นิกซ์ที่เธอมองว่าเป็นคนดีเพราะเขาช่วยชีวิตเธอ และยอมรับเขาเป็นเพื่อนอย่างสนิทใจเพราะความต้องการเพื่อนที่ตนเองมีอยู่ลึกๆ

    บางที หากอมาเนเซราโตกว่านี้คงเข้าใจ หรือหากได้รับบทเรียนให้เห็นด้านอันเย็นชาต่อชีวิตของคนที่ ไม่ใช่พวกเดียวกัน ของญาติผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยตนเองก็คงเข้าใจ ...แต่นั่นเท่ากับแลกด้วยชีวิตของนิกซ์ ซึ่งหญิงสาวไม่อาจปล่อยให้สูญเสียไปได้

    ...เพราะอย่างนั้น...เพราะอยู่ในโลกที่ต่างกันเกินไป...ลืมกันไปเสียแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า...กับเด็กทั้งคู่ด้วย...

    แอนเธียตั้งสมาธิ นึกภาพความทรงจำที่เธอเห็นเหล่านั้นเป็นเหมือนกลุ่มก้อน เหมือนช่อดอกไม้ที่ถูกรวบเข้าด้วยกันในมือของเธอ

    เพื่อให้คมเคียวในมืออีกข้างตวัดผ่านขาดสะบั้น

     

    * * * * *

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×