ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sun Seeker - ผู้ตามหาตะวัน (จบภาค)

    ลำดับตอนที่ #66 : -- ๑๐ – ผลของการลบล้าง - “แก...เสียใจหรือเปล่าวะ”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 185
      0
      2 ธ.ค. 53

    ๑๐ผลของการลบล้าง

     

    เสียงมือถือดังลั่นกระชากบิวเรนจากห้วงนิทรา ชายหนุ่มลืมตาหนักอึ้งขึ้นทั้งศีรษะปวดหนึบ มือควานไปทั่วโต๊ะหัวเตียง แต่ไม่พบของซึ่งควรวางไว้ในที่ประจำ

    เมื่อนั้นเอง เขาเพิ่งรู้สึกถึงการสั่นที่เข็มขัดข้างเอว ให้ต้องลนลานแกะโทรศัพท์ออกจากซอง รีบกดรับแล้วจ่อข้างหู

    ฮัลโหล

    จ่าสิบโทแม็คแอรอน เป็นเสียงเรียบเฉยของผู้กองไวส์วอลด์ ซึ่งเขานึกกลัวขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ทำได้ดีมาก

    ครับ? บิวเรนยิ่งสงสัย นี่เขาไปทำอะไรเข้าหรือ

    แล้วความทรงจำจึงค่อยๆ กลับคืนมา ใช่...เขาได้รับคำสั่งให้วางยาเด็กชายปีศาจ และก็ทำไปแล้ว

    น่าแปลก ชายหนุ่มจำได้จนถึงตอนยกอาหารเข้าไปและยืนเฝ้า จำไม่ได้เลยว่าเห็นเด็กนั่นกินขนมเข้าไปหรือไม่ ซ้ำร้ายยิ่งกว่า...จำไม่ได้เลยว่าเวลาผ่านไปเท่าไรจากตอนนั้น ตนมานอนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร

    นี่เป็นห้องพักของเขา ไม่ผิดแน่ นาฬิกาข้อมือเขายังสวมอยู่ แสงพรายน้ำในห้องมืดส่องให้เห็นตัวเลข...เวลาเก้าโมงยี่สิบสามนาที เตียงอีกหลังของแม็กนัสมีรอยยับยู่ยี่ ผ้าห่มร่วงลงไปกองกับพื้นครึ่งผืน แสดงว่าอีกฝ่ายคงกลับเข้ามานอนและตื่นก่อนเขาแล้ว

    ...แต่เมื่อไร เขาเข้านอนเมื่อไร กลับมานอนที่นี่ได้อย่างไร...

    หมอมอสคาตีโทรมา บอกว่าเด็กนั่นตายแล้ว เราจะไปที่นั่นกับท่านหญิงลูเชียสในอีกครึ่งชั่วโมง นายกับจ่าสิบโทพุลโลรีบมาที่สำนักงานในสิบนาทีนี้ เพื่ออารักขาท่านหญิง

    ค...ครับผม ชายหนุ่มรับ แต่อีกฝ่ายกดวางสายก่อนเขาทันพูดด้วยซ้ำ

    บิวเรนได้แต่ถอนใจเฮือก เก็บโทรศัพท์มือถือไว้ที่เดิม ก่อนจะเปิดไฟในห้องแล้วก้มลงดูตนเอง เขายังสวมชุดเสื้อกางเกงยับยู่ยี่ของเมื่อวาน แสดงว่าคงนอนโดยไม่ทันได้เปลี่ยน และแน่นอนว่าไม่ได้อาบน้ำ

    ...เอาวะ ยังไงก็ไม่มีเวลาอาบน้ำแล้วนี่หว่า...

    ชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าอีกชุดที่วางพาดบนเก้าอี้ (อันเนื่องจากห้องพักราคาประหยัดในเก็ตโตไม่มีตู้เสื้อผ้าให้ และราวตากก็ขึ้นสนิมเขรอะจนน่ากลัว) ขึ้นมาสะบัดๆ แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียตรงนั้น

    เขาสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงไขกุญแจและเปิดประตู แต่แล้วก็ค่อยๆ โล่งอก แม้จะยังตื่นๆ อยู่บ้าง

    ก...แกเองเหรอ

    แม็กนัสมีผ้าเช็ดตัวสีมอซอพาดบ่า แสดงว่าเพิ่งไปอาบน้ำในโรงอาบน้ำข้างล่างมา ชายผมดำชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดตอบ

    ตื่นแล้วเหรอ

    เมื่อกี้ ผ...ผู้กองฮัมบี้โทรมา ชายหนุ่มพยายามพูดให้ไม่มีพิรุธ บอกว่า...เด็กปีเอ้อ เด็กมีเขาตายแล้ว

    ตายแล้ว แม็กนัสทวนคำเหมือนไม่อยากเชื่อ ได้ยังไง

    ฉันก็ไม่รู้ แต่ผู้กองเรียกเราสองคนไปตอนนี้เลย เดี๋ยวคงไปที่ร้านหมอ บิวเรนบอก ก่อนจะอดเปรยไม่ได้ ไม่รู้คุณแอนเธียจะว่ายังไง

    เขา...คงเสียใจอยู่แล้วนั่นล่ะ อีกฝ่ายตอบด้วยเสียงเคร่งขรึม หยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหน้าอีกครู่หนึ่ง แล้วทิ้งผ้าลงตากบนพนักเก้าอี้ตัวเดียวในห้อง รีบไปดีกว่า ขี้เกียจฟังไอ้ฮัมบี้มันบ่น

    ความเงียบดำเนินไปครู่หนึ่ง ขณะแม็กนัสดึงเสื้อโค้ตดำลงมาสวม แล้วสุดท้ายบิวเรนก็อดพูดไม่ได้

    แก...เสียใจหรือเปล่าวะ

    เรื่องอะไร

    ก็...เรื่องไอ้เด็กนั่นตาย                           

    ...มันไม่ได้เป็นญาติอะไรกับฉัน จะเสียใจทำไม

    แต่แม่แอนเธียคนนั้นของแก...

    อ...แอนเธียอะไรของฉัน เพื่อนของเขาหันขวับมา พูดตะกุกตะกักทันใดด้วยสีหน้าที่เข้มขึ้น ก่อนจะชะงักไปอีกครู่แล้วแก้คำพูด แอนเธียก็ส่วนแอนเธีย ยายนั่นเป็นตัวตั้งตัวตีช่วยไอ้เด็กมีเขาแต่แรก จะเสียใจมากก็ไม่แปลก แต่มันเรื่องอะไรที่ฉันต้องไปเสียใจกับเขาด้วย

    งั้นเหรอ บิวเรนได้แต่รับ ด้วยไม่รู้จะพูดอะไรอย่างอื่นอีก

    เอาเถอะ แม็กนัสหรือแอนเธีย หรือใครจะเสียใจไม่ใช่ความผิดหรือความรับผิดชอบของเขา เขาไม่ใช่คนอยากฆ่าเด็กนั่นอยู่แล้วนี่นา

     

    * * * * *

     

    การที่ท่านหญิงลูเชียสร้องไห้โวยวาย ก็ไม่ใช่ความผิดของเขาด้วยเหมือนกัน

    ชายหนุ่มเห็นเธอร้องไห้ทั้งที่ยังไม่ได้ไปร้านหมอ ดูท่าทางจะออกอาการตั้งแต่ได้ข่าวจากผู้กองคู่หมั้น ก่อนหน้าครูเซเดอร์ทั้งสองมาถึงสำนักงานเสียอีก

    บิวเรนบอกว่านั่นไม่ใช่ความผิดของตน แต่ขณะเดียวกันก็เห็นใจคุณรีเบคกาแม่นมของท่านหญิงเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องมารับอารมณ์เสียใจจนพาลเป็นโกรธของเด็กหญิง ซึ่งเห็นคำปลอบทุกคำไม่เข้าหูไปหมด

    มีแต่ผู้กองไวส์วอลด์เท่านั้นกระมังที่ยังตีสีหน้าเฉย เก็บกิริยาต่างๆ ได้ไม่เปลี่ยน แม้จะโดนท่านหญิงคู่หมั้นตอกหน้าเข้าเต็มๆ ว่า เย็นชาผิดมนุษย์

    นั่นสินะ ต่อให้ท่านหญิงไม่รู้ว่า คุณฮัมบี้ ของเธอเป็นอย่างนั้นจริงเพราะเขาเป็นคนสั่งฆ่าเด็กปีศาจเอง เด็กลหนุ่มก็ยังพูดแสดงความเสียใจด้วยสีหน้าที่ไม่มีความรู้สึกของคำคำนั้นแม้แต่นิดเดียว

    ทว่ามันไม่แปลกเลย ชายคนนั้นเป็นครูเซเดอร์ เห็นเด็กปีศาจเป็นศัตรู และก็ใช่จะอยากญาติดีกับเด็กนั่นแต่แรกเสียเมื่อไร

    ดังนั้น เรื่องที่ผู้กองไวส์วอลด์ถูกท่านหญิงโมโหและเมินอย่างสิ้นเชิง จะเรียกว่าเป็นการทำตัวเองก็ไม่ผิดนัก

    ที่ห้องพักรอของร้านหมอ ทั้งหมอเจ้าของร้าน ภรรยา และแอนเธียยืนรออยู่ด้วยสีหน้าสลด หญิงสาวขายดอกไม้ดูเหมือนจะร้องไห้มาอย่างหนักจนนัยน์ตาบวมแดง และบางทีก็ลอบมองผู้กองไวส์วอลด์ด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก

    แต่คนที่ออกอาการทนไม่ได้มากที่สุด ยังคงเป็นท่านหญิงผู้แทบไม่เคยเก็บความรู้สึกอะไรอยู่ดี

    นี่มันอะไรกัน นิกซ์ตายได้ยังไง ! หมอปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง !”

    ขอโทษครับ ท่านหญิง ชายวัยกลางคนยังมีสีหน้าเครียดไม่เปลี่ยน พวกเราพยายามเต็มที่แล้ว แต่นี่เป็นเรื่องไม่คาดฝัน เด็กคนนั้นหัวใจวายตายเมื่อคืนนี้ อาจเป็นผลแทรกซ้อนจากการบาดเจ็บ หรือการแพ้ยาที่เราไม่รู้มาก่อน...

    ถ้าหมอเก่งจริง...ก็ต้องคาดการณ์ได้สิ ! ถ้าเป็นโรงพยาบาลที่คีรีเอต้องไม่เกิดเรื่องแบบนี้ ! ถ้าเป็นที่โน่นต้องจับอาการและแก้ไขได้แต่แรกแล้ว ! ไม่ปล่อยให้นิกซ์ต้องตายอย่างนี้แน่ๆ  !”

    ...ผมเสียใจด้วยครับ เรามีเครื่องมือไม่เพียงพอ

    ฉันถึงได้บอกให้ส่งนิกซ์ไปรักษาในคีรีเอ ! ฉันบอกแล้ว ! แต่ไม่มีใครฟังเลย ! ไม่มีใครเห็นด้วยเลย !”

    ท่านหญิงครับ สุดท้ายผู้กองไวส์วอลด์ก็พูดหนักๆ คนที่มีชะตาต้องตาย ไม่ว่าจะรักษาที่ไหน องค์สุริยเทพก็จะทรงบันดาลให้ตายจนได้ คิดเสียว่านี่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ ที่รับเด็กคนนั้นไปให้พ้นความทรมานในฐานะเด็กปีศาจเถอะครับ

    ไม่จริง !” ท่านหญิงหันขวับมาทางคู่หมั้นทันควัน ฉันเป็นที่รักขององค์สุริยเทพ ! ถ้าพระองค์ทรงประสงค์เรื่องของนิกซ์อย่างนั้น...ก็คงจะบอกฉันก่อนหน้านี้แล้ว !”

    แต่ถึงอย่างไร เด็กคนนั้นก็ตายไปแล้ว อีกฝ่ายแย้งเสียงเรียบ เราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ครับ

    เด็กหญิงจ้องมองเด็กหนุ่มเขม็งอยู่อีกครู่ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วถามต่อไป

    แล้วศพ...

    ยังอยู่ในห้องคนไข้ครับ

    ฉันจะขึ้นไปสวดมนต์ให้นิกซ์ ท่านหญิงลูเชียสพูดอย่างไม่ลังเล แล้วจะพาเขากลับไปฝังที่คีรีเอ ให้เกียรติทุกอย่างที่เขาสมควรได้รับ

    ครับ ท่านหญิง ผู้กองไวส์วอลด์รับง่ายดายจนบิวเรนประหลาดใจ

    ได้ยินว่าศพของพวกอัสลาน พวกคนบาปคนนอกรีต รวมทั้งเด็กปีศาจต้องถูกเผาทำลายสถานเดียว...แต่เขาก็ไม่ได้มีหน้าที่แย้งนี่นะ

    ผู้แย้งกลับเป็นแอนเธีย

    คุณกล้าสาบานต่อองค์สุริยเทพด้วยชีวิตของคุณมั้ย ว่าจะฝังศพเด็กคนนั้นตามธรรมเนียมจริงๆ โดยไม่ทำลายหรือขุดขึ้นมาทำอะไรอีก

    สีหน้าของร้อยเอกหนุ่มตึงเครียดขึ้นทันที

    เธอพูดอะไร

    ฉันเคยได้ยินมา ว่าพวกคุณจับนักโทษอัสลานหรือเด็กมีเขาไปเข้าศูนย์ทดลอง ผ่าตัด ให้ยาหรือเชื้อโรคสารพัดอย่าง กระทั่งศพก็ยังผ่าแยกส่วนเป็นชิ้นๆ ดองยาไว้ ทำเหมือนกับสัตว์ไม่มีผิดเสียงของหญิงสาวเริ่มกราดเกรี้ยวขึ้นเรื่อยๆ แล้วอย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ ว่านี่ฝีมือคุณ พวกเทมพลาร์เก่งเรื่องลอบฆ่ากันนักนี่ แม้แต่เด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ยังวางยาได้ลงคอ !”

    อย่าสบประมาทฉัน หรือหน่วยเทมพลาร์แห่งกองทัพครูเซเดอร์ของศาสนจักรโซลาริส ไม่อย่างนั้น—“

    ไม่อย่างนั้นจะทำไม แอนเธียกลับเชิดหน้ามองเขาอย่างไม่กลัวเกรง ไม่อย่างนั้นคุณจะฆ่าฉันอีกคนด้วยวิธีขี้ขลาด เหมือนกับที่ฆ่าเด็กมีเขาอย่างนิกซ์โดยไม่รู้สึกผิด ต่ำยิ่งกว่าสัตว์ที่ล่าเหยื่อไปกิน...หรือฆ่าเพื่อป้องกันตัวอีกเหรอ !”

    อย่าพูดจาพล่อยๆ

    ฉันพูดจาพล่อยๆ ตรงไหน กล้าสาบานต่อองค์สุริยเทพของคุณไหมว่าคุณไม่ได้ฆ่าเด็กคนนั้น กล้าเข้าไปเคารพศพของแก...ให้แกได้รับการฝังสมกับที่แกนับถือโซลาริสมาแต่เกิดหรือเปล่า !” หญิงสาวยังกราด เด็กปีศาจ ที่คุณเรียก เอาตัวเข้าปกป้องลูกสาวเจ้านายคุณ หรือก็คือคู่หมั้นของคุณจนตัวเองแทบตาย แต่คุณมันเนรคุณ ! ต่อหน้าคู่หมั้นตัวเอง...กระทั่งจะก้มหัวขอบคุณเขาสักนิดยังไม่ทำ ! กระทั่งศพของเขา...คุณก็จะชำแหละแยกส่วนเหมือนหมูเหมือนหมาโดยที่เขาขัดขืนไม่ได้ ! ถามตัวเองซิ ว่าคุณยังมีความเป็นลูกผู้ชายพอจะสู้เด็กคนนั้นได้หรือเปล่า !”

    นี่เธอ !”

    ไวส์วอลด์ปราดเข้ามาถึงตัวแอนเธียก่อนใครทันห้าม และฝ่ามือของเขาก็สะบัดลงมา

    ทว่ามันไม่ได้สัมผัสผิวหน้าของหญิงสาว เธอเบี่ยงหลบ และวาดฝ่ามือสวนเข้าหาใบหน้าของเด็กหนุ่มทันที

    แต่หากถูกผู้หญิงตบง่ายๆ ก็ย่อมไม่ใช่ครูเซเดอร์ ผู้กองหนุ่มใช้มืออีกข้างยุดข้อมือหญิงสาวไว้ได้ง่ายดาย...กระนั้นก็มีอันต้องร้องอย่างเจ็บปวด เมื่อแอนเธียกระแทกส้นใส่เท้าข้างหนึ่งของเขาอย่างแรงจนเผลอยกเท้าขึ้น และเสี้ยวแวบต่อมา เขาก็ล้มลงกองบนพื้นจากการเตะขัดขาของเธอ

    ดีที่หญิงสาวยังไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น เพราะหมอโจเซฟปราดเข้ามารั้งเธอออกไป ตามด้วยมาร์กาเร็ต และแม็กนัสเป็นคนสุดท้าย กระนั้น เธอก็ยังดิ้นรนสุดฤทธิ์ทั้งน้ำตาไหลพราก และตะโกนด่าทอเป็นระยะๆ

    บิวเรนยืนตะลึงงันอยู่อีกครู่ จึงเข้าไปใกล้ผู้กองหนุ่ม ถามเขาเบาๆ ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า และส่งมือหมายจะช่วยดึงให้ลุกขึ้นยืน ทว่าไวส์วอลด์กลับลุกขึ้นเองโดยไม่สนใจเขา

    นัยน์ตาสีฟ้าจางของเด็กหนุ่มจ้องเขม็งอยู่แต่แอนเธีย เป็นประกายดุร้ายกราดเกรี้ยวราวกับต้องการฉีกร่างหญิงสาวเป็นชิ้นๆ ในบัดเดี๋ยวนั้น

    หมอโจเซฟดูเหมือนจะสังเกตเห็น เขาฝากภรรยาให้ดูแลหญิงสาวขายดอกไม้ แล้วจึงเดินเข้ามาหาผู้กองไวส์วอลด์ และพูดอย่างเคร่งขรึม

    ผมขอพูดกับท่านผู้กองเป็นการส่วนตัวได้ไหม

    เรื่องอะไร

    เรื่องที่ เป็นการส่วนตัว แต่เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้

    ไวส์วอลด์ตีหน้าเฉย มองตอบสายตาของชายสูงอายุกว่า ก่อนจะเหลือบมองท่านหญิงลูเชียสแวบหนึ่ง แล้วรับคำว่าได้ ไม่ช้าผู้กองหนุ่มก็ตามหมอเจ้าของร้านเข้าไปในห้องตรวจรักษา

    เหลือแอนเธียที่สงบลงมากแล้ว แต่ยังคงร้องไห้ขณะที่มาร์กาเร็ตประคองอยู่ หญิงวัยกลางคนมองมาทางแม็กนัส เขา กับท่านหญิง แล้วจึงพูดเบาๆ

    ขึ้นไปเคารพศพตามสบายนะคะ แต่ขออย่าเปิดผ้าคลุมหน้าแกเลย แก...ดูไม่ดีนัก เด็กคนนั้นคงไม่อยากให้ใครเห็นแกในสภาพนั้น

    ท่านหญิงรับคำ แล้วก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไป ตามด้วยแม็กนัส ซึ่งหันมาบอกบิวเรนก่อน

    ฉันจะตามอารักขาท่านหญิงเอง แกอยู่รอผู้กองที่นี่ก็ได้

    ชายหนุ่มลังเล และเรียกหลังจากอีกฝ่ายวิ่งขึ้นบันไดไปได้ครึ่งทาง

    เดี๋ยว ! ฉันไปด้วย !”

    เขาไม่รู้จะอยู่รอผู้กองไวส์วอลด์ไปทำไม และไม่อยากรอ ไม่อยากอยู่ที่นี่กับผู้หญิงที่กำลังร้องไห้เพราะการกระทำของตน โดยไม่อาจปลอบหรือเอ่ยคำขอโทษออกไปตรงๆ ได้

    อย่างน้อย...ถึงจะสายเกินไป...เขาก็ควรขอโทษและขอคำให้อภัยจากคนที่ตนดับชีวิตไป แม้จะทำได้เพียงในใจเท่านั้นไม่ใช่หรือ

     

    * * * * *

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×