คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #65 : -- ๙ – กระบวนการลบล้าง - “ก็เหมือนในสมองเรามีตู้ลิ้นชักอยู่”
๙ – กระบวนการลบล้าง
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ แล้วก็เช็ดเหงื่อบนหน้า เธอบอกให้แม็กนัสช่วยดึงบิวเรนขึ้นไปนอนบนเตียง จากนั้นทั้งสองจึงกลับออกมานอกโรงแรมอย่างเงียบๆ
แล้วแอนเธียก็พาเขาไปยังด้านหนึ่งของเก็ตโต ซึ่งชายหนุ่มไม่เคยเข้าไปมาก่อน
เขารู้มาว่าเก็ตโตหลายแห่งมีตลาดมืด แต่ก็ไม่เคยเข้าไปจริงๆ ได้ยินเพียงว่าในตลาดมืดเหล่านั้นมีทุกสิ่งที่ใครก็ตามจะต้องการ หรือมิเช่นนั้น พ่อค้าที่นั่นก็รู้วิธีหาทุกสิ่งนั้นด้วยค่าจ้างที่เหมาะสม...แม้แต่ศพก็ตาม (มีเรื่องเล่าลือมานานหลายปีแล้ว ว่าราวสองสามชั่วโมงหลังจากคนจรจัดข้างถนนคนหนึ่งตายในเก็ตโต ข้าวของทุกอย่างรวมทั้งศพของเขาจะหายไปโดยไร้ร่องรอย และก็มักจะถูกแยกส่วนเตรียมขายในอีกเพียงชั่วโมงถัดมา)
เรื่องที่ได้ยินดูเหมือนจะเป็นความจริง หญิงสาวลัดเลาะไปตามแถบที่ดูเหมือนกองขยะร้างขนาดใหญ่ จนไปเจอตรอกเล็กๆ ที่มีผู้ชายหน้าตาเหี้ยมตัวโตคนหนึ่งเฝ้าอยู่ เธอบอกรหัสได้ถูกต้อง และได้รับอนุญาตให้เข้าไปกับแม็กนัสในชั่วครู่เดียว
จากนั้น แอนเธียก็ตรงไปแจ้งความประสงค์กับเจ้าของร้านแผงลอยขายของประหลาดๆ พวกอวัยวะหรือซากสัตว์ดองกับตากแห้งอยู่ครู่หนึ่ง
“เขาแกะคู่นึงกับศพเด็กเหรอ” ชายคนนั้นถามกลับอย่างเฉยเมย “ผู้ชายหรือผู้หญิง อายุเท่าไหร่ ตัวประมาณไหน”
ครั้นแอนเธียบอกไป เขาก็จดด้วยลายมือหวัดๆ บนเศษกระดาษ แล้วขอตัวไปหลังร้าน ส่งเด็กผู้ชายอายุราวสิบเอ็ดสิบสอง รูปร่างผอมกะหร่องและสีหน้าไม่รับแขกพอกันออกมานั่งเฝ้าที่หน้าแผงแทน
“...เธอรู้จักที่แบบนี้ได้ยังไง” แม็กนัสอดกระซิบถามไม่ได้
“ฉันอ่านจากความทรงจำของคนอื่นค่ะ” หญิงสาวตอบเรียบๆ “มีเด็กกำพร้าคนหนึ่งที่โบสถ์เราเคยเป็นเอเย่นต์รับส่งยาในเก็ตโต และติดยาด้วย พอหมอโจเซฟช่วยให้เลิกยาได้แล้ว ก็ส่งมาให้หลวงพ่อนิโคลัสช่วยดูแลต่อ ฉันเลยดึงความทรงจำส่วนนี้ของเขามา ในนั้นมีเรื่องตลาดมืดของเก็ตโตนี้พอดี”
“หมายถึง...ลบความทรงจำ แบบที่เธอทำกับบิวเรนเหรอ”
“จะเรียกว่า ‘ลบ’ ไปจากเขาก็ไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะเขาจะไม่มีความทรงจำที่ฉันดึงเอามาเหลืออยู่ในสมองเลย” แอนเธียพูด “แต่คุณแม็กนัสเคยได้ยินใช่มั้ยคะ สสารทุกอย่างไม่มีวันสูญหายจากโลก ฉันไม่รู้ว่า ‘ความทรงจำ’ ในสมองจะถือเป็นสสารได้หรือเปล่า แต่การลืมหรือเลอะเลือนไม่ได้หมายความว่าความทรงจำพวกนั้นหายไปเฉยๆ หรอกค่ะ พวกมันยังอยู่ เพียงแต่เจ้าของความทรงจำถูกปิดกั้น ไม่ให้ดึงพวกมันออกมาเล่นซ้ำได้เท่านั้นเอง”
“อือม์...” ชายหนุ่มรับอย่างไม่แน่ใจนัก
“ก็เหมือนในสมองเรามีตู้ลิ้นชักอยู่ ความทรงจำคือของที่เราใส่ไว้ในลิ้นชักพวกนั้น แล้วก็ล็อคกุญแจไว้ หากเราลืมความทรงจำอะไรก็ตาม เราไม่ได้ทำมันหายไปไหน แต่เราลืมกุญแจ หรือที่แรงกว่านั้นคือถูกทำลายตู้ คือทำลายสมองส่วนที่เก็บความจำไปเลย”
...ก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะ แบบนั้น... แม็กนัสพยักหน้าน้อยๆ
“แต่ความสามารถของฉันคือการ ‘อ่าน’ ความทรงจำของคนอื่นผ่านสัมผัส อย่างที่คุณเห็นเมื่อกี้ และนอกจากอ่านแล้ว ฉันยัง ‘ดึง’ เอาความทรงจำที่ต้องการออกมาจากคนอื่น และเก็บเอาไว้ในลิ้นชักสมองของตัวเองได้ เท่าที่เคยลองมา ไม่มีใครที่ถูกดึงสามารถจำเรื่องที่ฉันดึงไปได้เลย แต่ฉันก็จะไม่มีวันลืมเรื่องที่เห็นในความทรงจำของพวกเขาได้เหมือนกัน”
“งั้นมันก็...เป็นความสามารถที่สะดวกมากเลยสิ” ชายหนุ่มเปรย “เธอดึงความทรงจำของคนอัสลานคนนั้นออกมา เลยจำทางไปช่วยท่านหญิงกับเด็กมีเขาได้แม่นใช่ไหม”
“ค่ะ ถ้าไม่นับว่าฉันไม่สามารถลืมความทรงจำกับความรู้สึกที่รุนแรงของใครต่อใคร ทั้งเรื่องอดยา ถูกด่า ถูกตี ถูกซ้อม ถูกเผา หรือถูกทำอะไรมากกว่านั้น” เสียงพูดของแอนเธียยังราบเรียบผิดกับเนื้อความ “ตอนดึงความทรงจำของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่หลวงพ่อช่วยออกมาจากซ่องวิปริต ฉันแทบบ้าไปเลย แยกไม่ออกว่าอะไรเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันหรือตัวเขาเอง แต่พอตั้งสติได้ ได้เห็นว่าสภาพจิตใจของเขาดีขึ้นขนาดไหน ฉันก็ยินดีไปด้วย”
ชายหนุ่มพูดไม่ออกในครั้งนี้
“มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอกค่ะ” หลังกระซิบ แอนเธียก็เอี้ยวคอมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ถ้ามันเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ฉันก็เต็มใจทำ ส่วนฉันก็ได้รู้ว่ายังมีคนที่เป็นทุกข์กว่าตัวเองมากมายขนาดไหน จะได้เลิกจมอยู่กับตัวเองหรือเอาแต่ใจตัวเสียที”
“แต่เรื่องแบบนี้...”
...เรื่องแบบนี้...ทำไมเธอถึงต้องแบกรับด้วยล่ะ...
ชายหนุ่มไม่มีโอกาสพูด เพราะเจ้าของร้านขายอวัยวะกลับออกมาอีกครั้งพร้อมคำประกาศ
“เธอโชคดี มีศพเด็กผู้ชายอยู่ในคลังพอดี ตัวเล็กกว่าที่เธอบอกไม่มาก ที่จริงมีคนจองไว้ก่อนแล้ว แต่มันยังไม่มาเอา ถ้าเธอจ่ายเพิ่มนิดหน่อยก็ลัดคิวไปก่อนได้เลย”
* * * * *
หลังจากแบกกระสอบใส่ศพเด็กแช่เย็น (ซึ่งตัวแข็งเกร็งเหมือนเสาจนน่ากลัว) ตามแอนเธียกลับมาถึงร้านของหมอโจเซฟ ครูเซเดอร์หนุ่มก็พบหมอเจ้าของร้านสวมเสื้อกาวน์ หน้ากากอนามัย และถุงมือยาง เตรียมห้องตรวจรักษาเป็นห้องผ่าตัดเฉพาะหน้าไปแล้ว
“ขอบใจมากพ่อหนุ่ม” เขาพูดกับแม็กนัส ก่อนจะหันมาทางแอนเธีย “หนูเข้ามาเป็นผู้ช่วยฉันหน่อยได้มั้ย มาร์กาเร็ตไม่ถูกกับเรื่องแบบนี้”
“ค่ะ” เธอรับคำง่ายๆ
“เดี๋ยว นี่พวกคุณจะทำ—“ ชายหนุ่มตั้งคำถาม แต่หญิงสาวก็ตอบเสียก่อน
“เราต้องเอาเขาแกะมาต่อกับศพเด็กคนนี้ คุณกลับไปนอนพักกับบิวเรนเถอะค่ะ” คำพูดพร้อมสีหน้าจริงจังของแอนเธียทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธ “เจอหน้ากันอีกทีก็ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร จนกว่าพวกเทมพลาร์จะกลับไปนะคะ”
แม็กนัสได้แต่รับคำ แล้วประตูห้องตรวจก็ปิดลง ทิ้งชายหนุ่มให้กลับหลังหันเดินจากไปอย่างเงียบงัน
ที่ห้อง บิวเรนตัวต้นเรื่องยังคงหลับสนิทจนคนวิ่งวุ่นเหนื่อยอ่อนมาแทบตลอดทั้งคืนอย่างเขาอิจฉา แม็กนัสนอนพลิกตัวไปมา พยายามข่มตาหลับ แต่ก็ไม่อาจทำได้
ภาพต่างๆ และคำพูดต่างๆ ของแอนเธียยังคงวนเวียนในศีรษะ จนเหมือนเขาจะลบล้างความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับหญิงสาวผู้ลบล้างความทรงจำจากคนอื่นออกไปไม่ได้เสียแล้ว
* * * * *
ความคิดเห็น