คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #64 : -- ๘ – เมื่อครูเซเดอร์หนุ่มได้เห็นและรู้เรื่องการลบล้าง - “ฉันจะ‘ดึง’ความทรงจำ”
๘ – เมื่อครูเซเดอร์หนุ่มได้เห็นและรู้เรื่องการลบล้าง
ระหว่างก้าวยาวๆ ไปตามท้องถนนพลุกพล่านในยามค่ำจวนดึก แม็กนัสก็ทบทวนเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างไม่แน่ใจนัก
นึกดู เขาก็ประหลาดใจที่พวกผู้ก่อการร้ายซึ่งแอนเธียรู้จักได้อย่างประหลาดตามเด็กมีเขามาถึงนี่ ทั้งยังไม่อยากเชื่อเลยว่าหญิงสาวขายดอกไม้คนเดียวสามารถพูดให้คนทั้งสองยอมตามได้อย่างง่ายดาย
แต่ในเมื่อแอนเธียจัดการเรื่องทุกอย่างได้ดีทีเดียว เขาก็พอโล่งอกขึ้น กระนั้นยังเป็นห่วงใครบางคนที่ถูกดึงเข้ามาซวยแน่แล้ว
ถ้ารู้แค่ว่าบิวเรนเป็นคนยกอาหารพร้อมทั้งขนมใส่ยาพิษมาให้ แม็กนัสคงพูดได้เต็มปากว่าเพื่อนร่วมงานที่เขาสนิทตั้งแต่ประจำอยู่หน้าด่านเวสต์แลนด์ด้วยกันไม่รู้อะไรเลย ...แต่นี่นิกซ์เล่ากับปากว่าบิวเรนเป็นคนปัดจานขนมตกแตกเองตอนท่านหญิงจะแลกขนมกับเด็กชาย เรื่องอย่างนี้มันชัดเกินไป
เขาเชื่อที่แอนเธียบอกเหมือนกันว่าเพื่อนครูเซเดอร์ของตนคงถูกบังคับ ไอ้เด็กฮัมบี้นั่นต้องไม่ดีใจนักหรอกที่จู่ๆ คู่หมั้นวัยกระเตาะของตัวเองได้เด็กปีศาจมาเป็นเพื่อนสนิท ซ้ำหน่วยเทมพลาร์เป็นหน่วยพิเศษ รับผิดชอบเรื่องสอดแนม ข่าวกรอง และมีข่าวลือว่ารวมไปถึงลอบสังหารคนที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนจักรโซลาริส เรื่องวางยาเด็กปีศาจสักคนที่ท่านหญิงของเขานึกจะยกย่องเป็นวีรบุรุษขึ้นมาคงไม่แปลกอะไร
“ถ้าไอ้ฮัมบี้รู้ว่างานพลาดละก็ บิวเรนตายโหงแน่” แม็กนัสบ่นลอดไรฟัน “เวรเอ๊ย !”
แอนเธียยังคงรีบเดินต่อไปโดยไม่ตอบอะไร จนชายหนุ่มนึกกลัวและรีบพูด
“ข...ขอโทษ ฉ...ฉัน...ไม่อยากให้นิกซ์ตายหรอก แต่ไอ้เจ้านั่นก็เพื่อนฉัน ฉันก็ไม่อยากให้มันเป็นอะไรเหมือนกัน”
“ฉันรู้ค่ะ” หญิงสาวตอบเรียบๆ “ถึงได้บอกให้คุณพาไปหาคุณบิวเรนก่อน หลัง ‘ตกลง’ กับคุณบิวเรนเสร็จ เราถึงจะไปตลาดมืดกัน”
ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ชายหนุ่มยิ่งประหลาดใจมากขึ้นว่าแอนเธียยังใจเย็นขนาดคิดแผนการต่างๆ นานาออกอย่างรวดเร็วได้อย่างไร อย่างไรก็ดี เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ควรถาม
ครั้นถึงโรงแรมซอมซ่อ ชายหนุ่มก็ทุบประตูห้องที่เขาพักกับบิวเรนดังโครมคราม จนกระทั่งได้ยินเสียงคนข้างในตอบแหบแห้ง
แม็กนัสพูดยืนยันตัวตน และทันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตูออกมา เขาก็ชกหน้ามันเข้าไปตรงๆ จนหงายหลังล้มลงทันที
“ไอ้บ้าเอ๊ย ! มีเรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมไม่บอกกันวะ !” ชายหนุ่มตะโกน จ้องเพื่อนร่วมงานของตนซึ่งลงไปกองบนพื้น ตาเบิกกว้าง สีหน้าตกใจและสับสน
“ก...แกพูดเรื่องอะไร”
“หนูที่กินขนมที่คุณทิ้งขยะตายหมด” แอนเธียพูดหลังจากรุนหลังแม็กนัสเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตูลงกลอน “เราเลยรู้ว่าพวกเทมพลาร์สั่งให้คุณทำอะไร”
ดวงตาของบิวเรนยิ่งเบิกโพลงจนเหมือนจะถลนออกนอกเบ้า แล้วจู่ๆ เขาก็ก้มหน้าลง ยกมือทั้งสองปิดไว้ก่อนจะสั่นศีรษะ
“ฉ...ฉันไม่ได้อยากทำ ต...แต่พวกมันบอกว่าถ้าไม่ทำ...พ่อแม่ฉัน...ญาติๆ ฉัน...” เสียงของชายหนุ่มสั่นเครือแทบเป็นร้องไห้...อย่างที่แม็กนัสไม่เคยได้ยินมาก่อน กระนั้นเขายังตอบอย่างเหลืออด
“แล้วปรึกษากันก่อนไม่ได้รึไง ! แกเห็นฉันเป็นเพื่อนมั้ยวะ ! ฉันพาแกไปกับแอนเธียด้วยเพราะเห็นแกเป็นเพื่อน ! แล้วแกก็ยอมมาลำบากกับฉัน ! ทีเรื่องแบบนี้...”
“คุณแม็กนัส พอเถอะค่ะ” แอนเธียก้าวมายืนข้างๆ และแตะแขนของเขาเป็นเชิงปราม “คุณบิวเรนคงถูกขู่ไม่ให้บอกใครเหมือนกัน”
“ใช่ ! ...ใช่ !” บิวเรนผงกศีรษะทั้งๆ ที่ไม่เงยหน้า “แกจะให้ฉันทำยังไง ! ไม่ทำก็ตาย...ที่ไปทำก็...ก็อย่างที่รู้ ! มันต้องตามมาฆ่าฉันแน่ๆ !”
แอนเธียเดินเลยแม็กนัสไป คุกเข่าลงข้างหน้าบิวเรนที่นั่งอยู่บนพื้น วางมือลงบนไหล่ของเขาอย่างปลอบประโลม
“ใจเย็นๆ ค่ะ คุณบิวเรน ไม่มีใครตามมาฆ่าคุณหรอก ทำใจดีๆ ไว้นะคะ”
“ต...แต่ว่า...” ชายหนุ่มพูดกลั้วสะอื้นไม่เป็นคำเหมือนเด็กๆ หญิงสาวยังคงเอ่ยกับเขาต่อไปอย่างอ่อนโยน ในขณะที่แม็กนัสยืนมอง กำมือแน่นด้วยโทสะ
โกรธบิวเรนที่ไม่ยอมบอกก็ใช่ แต่แม็กนัสยังโกรธพวกเทมพลาร์ที่ยัดเยียดงานสกปรกให้พวกยศต่ำที่มันดูถูกเหยียดหยามอย่างพวกเขามากกว่า
...และโกรธตนเองที่ช่วยอะไรเพื่อนไม่ได้เลย ไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไร...
ได้แต่มองแอนเธียที่ปลอบบิวเรนราวกับเด็กเล็กๆ มองเธอปล่อยให้ชายหนุ่มร้องไห้ไปเรื่อยๆ ...ก่อนจะค่อยๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง และจ่อมันปิดปากกับจมูกของบิวเรนในทันที
ร่างของชายหนุ่มที่ไม่ทันตั้งตัวอ่อนยวบลงในเวลาไม่ถึงนาที
“นี่เธอ !” แม็กนัสร้อง
“แค่ยาสลบค่ะ” หญิงสาวตอบราบเรียบ “มันจะช่วยให้งานของฉันง่ายขึ้น คุณช่วยวางเขาให้นอนหงายได้มั้ย”
ชายหนุ่มทำตามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก ขณะที่นัยน์ตาหรี่ปรือของบิวเรนค่อยๆ ปิดลง
“แล้วทำไมต้องวางยาบิวเรนมัน”
“เมื่อคนเราหลับสนิท ความคิดต่างๆ ก็จะหยุดทำงานชั่วคราว ในเวลานี้ฉันจะ ‘อ่าน’ ความทรงจำของเขา และ ‘ดึง’ ความทรงจำที่ต้องการมาได้ง่ายขึ้น”
“เธอว่าอะไรนะ” แม็กนัสจ้องตาค้าง รู้สึกราวกับแอนเธียพูดอีกภาษาที่เขาไม่เข้าใจ
หญิงสาวไม่ตอบ แต่ดึงผ้ายืดซึ่งใช้คาดผมที่หน้าผากขึ้น ปล่อยให้ผมหน้าม้าตกลงปรกหน้า และแม็กนัสก็รู้สึกเหมือนเห็นเส้นสายสีดำบนหน้าผากของเธอ ในชั่วครู่ก่อนผมทิ้งตัวลงมา
เขาถึงกับผงะเมื่อแอนเธียปาดผมที่หน้าผากขึ้นให้เห็นชัด สีดำบนหน้าผากของเธอดูเหมือนรอยสักอันซับซ้อน หรือตราเวทมนตร์บางอย่าง
“ฉันเคยมีเขาเหมือนนิกซ์กับคนพวกนั้น แต่คุณลุงโจเซฟตัดมันออกไปเมื่อแปดปีก่อน ถึงอย่างนั้น คุณลุงก็ทำอะไรกับหน้าผากของฉัน หรือลบล้างความสามารถของมันไม่ได้” หญิงสาวพูดอย่างสงบยิ่ง “ฉันจะ ‘ดึง’ ความทรงจำของคุณบิวเรน ให้เขาเข้าใจไปว่าฆ่านิกซ์สำเร็จแล้ว จากนั้น เราจะไปทำงานส่วนที่เหลือของเรา”
แม็กนัสพูดไม่ออก ไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไร เขาได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น ดูแอนเธียคุกเข่าลงด้านศีรษะของบิวเรน และค้อมกายใช้หน้าผากแตะหน้าผากของชายหนุ่ม...คงเหมือนกับที่เคยแตะหน้าผากของผู้ก่อการร้ายอัสลานซึ่งบาดเจ็บสาหัสคนนั้น และหน้าผากของแม็กนัสเองเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา
ชายหนุ่มไม่รู้จะรู้สึกอย่างไร ไม่รู้ว่าตนกลัวความจริงที่เพิ่งได้รู้หรือไม่ หรือว่าความรู้สึกที่ตนมีต่อแอนเธียเปลี่ยนไปอย่างไร...หลังจากได้รู้ความลับของเธอโดยไม่คาดฝัน
แม็กนัสรู้แต่ว่าถึงเธอจะเป็นลูกปีศาจ รอยยิ้มของเธอ หรือแม้แต่ท่าทางยามเธอใช้หน้าผากแตะหน้าผากของคนอื่นเพื่อใช้พลังผิดมนุษย์นั้น ก็ยังคงเป็นภาพที่ดูอ่อนโยนเหลือเกิน
* * * * *
ความคิดเห็น