ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sun Seeker - ผู้ตามหาตะวัน (จบภาค)

    ลำดับตอนที่ #38 : -- ๑ – ความกระวนกระวายของเด็กหญิงแห่งสุริยเทพ-...นายปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่า..

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 241
      0
      6 พ.ย. 53

    ความกระวนกระวายของเด็กหญิงที่รักแห่งสุริยเทพ

     

    สองวันนี้ อมาเนเซรารู้ว่าต้องมีสิ่งผิดปกติกับตนเอง และผิดปกติมากด้วย

    ไม่ใช่ความรู้สึกร้อนๆ ในอก ซึ่งยิ่งทวีขึ้นในวันครีษมายันทุกปีหรอก และไม่ใช่ความรู้สึกว่าเพทรา โซลาริส ในรถบรรทุกของพวกปีศาจกำลังร้องเรียกเธออยู่เช่นกัน

    แต่เป็นความง่วงงุนอย่างประหลาดทุกค่ำเช้า หลังตื่นสายกว่าใครๆ ในรถมาตลอดต่างหาก

    เด็กหญิงรู้ตัวว่าตนเองไม่ใช่คนที่นอนหลับง่าย พื้นรถของพวกนี้ทั้งแข็ง ผ้าปูรองกับผ้าห่มก็เนื้อหยาบและเหม็นอย่างประหลาด (ถึงจะซื้อมาใหม่ทั้งหมด หลังจากของเก่าถูกเผาทิ้งเพราะเรื่องเหาของนิกซ์ก็เถอะ) ซ้ำมีคลื่นความมืดรุมล้อมอยู่ใกล้อย่างนี้ เธอจะวางใจจนพักผ่อนเต็มที่ได้อย่างไร

    ความง่วงที่รู้สึกจึงเหมือนเกิดจากยา หรืออะไรก็ตามที่พวกนั้นให้เธอกินพร้อมอาหารเย็นต่างหาก

    ต้องใช่แน่ๆ ก็ยายปีศาจหญิงนั่นตักอาหารให้เธอทุกครั้ง ในเมื่อรู้ว่าต้องเก็บแรงไว้หาทางสู้กับพวกมัน...เธอจะไม่กินก็ไม่ได้เสียด้วย และในเมื่อไม่มีความรู้สึกผิดแปลกอย่างอื่นในร่างกาย...เธอก็รู้ว่าพวกนั้นต้องวางยาเธอให้หลับไป เพื่อจะได้พูดคุยความลับอะไรก็ตามที่บอกให้เธอรู้ไม่ได้

    และนั่นก็ยิ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เธอเห็นบนพื้นคืนวาน

    ...เธอกับนิกซ์ถูกดักฟัง...

    ไม่สิ จะบอกว่าเธอกับนิกซ์คงไม่ถูก เป็นเธอคนเดียวต่างหาก นายราดานั่นร้ายกว่าที่คิด คงเสี้ยมสอนเจ้าเด็กนิกซ์ให้มาล้วงความลับจากเธอแน่ๆ มิน่าเจ้าเด็กนั่นถึงตั้งเงื่อนไขให้สาบานได้ฉลาด ผิดเวลาพูดเองจริงๆ นัก

    แถมที่พวกเดนสังคมนั่นมาหาเรื่องเธอกับมัน ก็คงจัดฉากกันชัดๆ น่าเจ็บใจที่เธอมารู้เอาตอนเรื่องทุกอย่างจบลง และเห็นหูฟังไร้สายตกอยู่ที่พื้นเท่านั้นเอง

    แต่นึกอีกที เด็กหญิงซึ่งยอมรับว่าตนอารมณ์ร้อนอยู่เหมือนกัน ก็อดมองในอีกแง่ไม่ได้ว่าเป็นเรื่องดี หากรู้ก่อนหน้านั้นเธอคงโมโหจนไม่ยอมทำดีกับนิกซ์ (เพราะเห็นว่าอย่างน้อยเขาก็บาดเจ็บเพราะปกป้องเธอ) และเด็กชายก็คงจะเอาใจออกห่างเธอ ไปเข้าพวกกับราดายิ่งกว่าเดิม

    นึกได้อย่างนี้ อมาเนเซราก็หันไปมองเด็กชายที่เดินวนไปมาแถวนั้นอย่างไร้จุดหมาย ข้างรถบรรทุกที่จอดนิ่งอยู่ริมถนนร้างสายหนึ่ง เลยถนนไปเป็นป่าเห็ดต้นสูงหนาทึบ นอกจากไฟหน้ารถ และไฟฉายสนามอันใหญ่ที่ราดาให้นิกซ์ถือไว้ คงมีเพียงดวงอาทิตย์ที่สว่างสลัวหลังม่านเมฆหนาเท่านั้น

    เด็กหญิงรู้ว่าไม่ช้า เมื่อถึงเที่ยงวันดวงอาทิตย์จะขึ้นถึงจุดสูงสุดเหนือศีรษะ หากเทศกาลโคมตะวันปีนี้ยังจัดได้เป็นปกติ เธอคงได้มองคนมากมายสวดภาวนากระหึ่ม ต่อเพทราอันประดิษฐานบนระเบียงใหญ่หน้ามหาวิหาร และเธอเองก็คงรู้สึกฮึกเหิม ราวกับมีพลังอันบริสุทธิ์และอบอุ่นปริมาณมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาในร่าง

    หากมีพลังเช่นนั้น เธอคงกำจัดปีศาจพวกนี้ได้ไม่ยากเลย เวลาปกติเธอทำได้แค่สร้างแสงสว่างเล็กๆ กับเยียวยาบาดแผล ในวันก่อนเริ่มเทศกาลโคมตะวันปีนี้จึงได้ยินเสียงขององค์สุริยเทพ ตรัสบอกอ่อนโยนยิ่งว่าได้ประทานอำนาจในการค้นหาความมืดให้เธอ และขอให้เธอใช้อำนาจนี้กำจัดเหล่าปีศาจร้ายจนสิ้น

    นึกดูอีกที นี่คงเป็นชะตากรรม ราดาอยู่กับพวกปีศาจอีกหลายตน และเขาก็พาเธอมาที่นี่ เด็กนิกซ์ก็มาอยู่ที่นี่ เขาย่อมเป็นกุญแจสำคัญ ...แต่ในรูปแบบใดกันเล่า

    ...ไม่ได้ เรารอไม่ได้หรอก... เสียงหนึ่งร้องขึ้นในใจ ...หากหมดช่วงครีษมายัน อำนาจของเราจะลดลง แล้วถ้าถึงตอนนั้น พวกมันคงพาเราไปถึงเผ่าอัสลานแล้ว หากไม่รีบลงมือวันนี้...ในวันที่องค์สุริยเทพทรงมีอำนาจแข็งกล้าที่สุด...เราจะชนะได้อย่างไร...

    ตอนนี้พวกมันทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ สุมหัวกันอยู่ในรถ จอดนิ่งไม่ไปไหน ไล่เธอกับนิกซ์ออกมาข้างนอก บอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ บางทีพวกมันอาจจะดักฟังอยู่อีกก็ได้ บางทีเธออาจจะถูกดักฟังมาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้

    เบื่อจัง อมาเนเซราพูดขึ้นดังๆ ก่อนจะลุกจากหินหลักทางเก่าคร่ำคร่าที่นั่งอยู่ หันมองเด็กชายที่เดินไป สาดไฟฉายไปโดยรอบเหมือนไม่รู้จะทำอะไร หาอะไรเล่นกันไหม

    ล...เล่นอะไรเหรอฮะ

    ก็...อย่าง... เด็กหญิงนั่งยองๆ ริมถนนยางมะตอยตรงมุมที่ตนเองเห็นเหมาะ แล้วก็หยิบหินก้อนยาว ปลายค่อนข้างแหลมอันหนึ่งขึ้นมา เล่นจ้องหน้ากัน ดีไหม เคยเล่นไหม

    ที่ถ้าใครหลบสายตา พูดหรือหัวเราะขึ้นก่อนจะแพ้เหรอฮะ

    อื้อ นั่นล่ะ เธอพยักหน้า แล้วก็กวักมือ มานี่ดีกว่า มานั่งตรงนี้ด้วยกัน

    นิกซ์เดินมา ทำท่าจะนั่งยองๆ ตรงข้ามเธอ แต่อมาเนเซรากลับชี้ไปข้างตัว

    นั่งนี่

    แต่ว่า...

    บอกให้นั่งก็นั่งสิเธอขมวดคิ้ว ส่งสายตาดุใส่เขา

    ท่าทางเด็กชายจะยังงงไม่หาย ว่าคนเรานั่งเล่นจ้องหน้าข้างๆ กัน โดยเอี้ยวคอมองอีกฝ่ายแทนนั่งตรงข้ามได้หรือ แต่เขาก็ทำตาม เด็กหญิงยิ้มออกมา แล้วก็ประกาศเบาๆ

    เริ่มได้

    เธอจ้องตาเขา ทั้งตาที่เป็นมนุษย์ สีดำขลับเหมือนสุนัขที่เธอเลี้ยงเล่นที่บ้าน และตาสีฟ้าลุกโชนของปีศาจร้าย ครั้นแล้วก็ยกนิ้วชี้ข้างหนึ่งขึ้นจ่อริมฝีปาก ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมองหินที่ตนถือไว้อีกมือ ให้นิกซ์มองตาม

    แล้วก็ใช้หินก้อนนั้นขีดตัวอักษรบนพื้นดินปนทรายช้าๆ

    ...นายปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่า...

    เด็กชายอุทานขึ้นทันที แต่ก่อนเขาจะพูดอะไรมากกว่านี้ เด็กหญิงก็แสร้งหัวเราะขึ้นก่อน

    นายแพ้แล้ว! อะไรกัน ฉันทำหน้าตลกขนาดนั้นเลยเหรอ!”

    สีหน้าของนิกซ์ดูซีดลง ปากอ้าค้างพูดอะไรไม่ออกไปเรียบร้อย

    เอาใหม่ๆ เล่นกันอีกรอบนะ อมาเนเซราพูดเสียงใส แล้วก็รีบใช้มือกวาดลบตัวอักษรบนดินอย่างไม่กลัวมือเปื้อน ก่อนจะเขียนชุดใหม่เร็วกว่าเดิม

    ...ฉันเห็นหูฟังเมื่อวาน แต่รู้ว่านายไม่ผิดหรอก ราดาบังคับนายใช่ไหม เขาต้องการอะไรจากฉัน...

    เธอส่งหินที่ใช้เขียนให้นิกซ์โดยไม่พูดอะไร แล้วก็ลบพื้นตรงหน้าให้เขา

    มือของเด็กชายจรดหินลงอย่างลังเล

    ...ผมอยากให้เซรากลับบ้าน ราดาเลยบอกว่าจะช่วยสอนผม ให้พูดจนเซรายอมกลับ เขาแนะนำผมผ่านหูฟัง...

    ...แต่นายก็รู้ไม่ใช่เหรอ... เด็กหญิงหยิบหินแถวนั้นอีกก้อนมาเขียนแทน ...ว่าดักฟังมันไม่ถูก นายกำลังละเมิดความเป็นส่วนตัวของฉัน ราดาไม่ได้อยากให้ฉันกลับหรอก ฉันว่าเขารู้นะ...

    อมาเนเซราปาดดินจนแขนเสื้อพลอยเลอะไปด้วย แต่เธอไม่สน ยิ่งเขียน มือก็ยิ่งขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ

    ...เขารู้ว่าฉันไม่ยอมกลับแน่ ถ้าไม่ได้เพทรา ยิ่งนายบอกให้ฉันกลับ ฉันก็จะไม่กลับ แล้วเขาก็อยากรู้เรื่องของฉันด้วยใช่ไหม เรื่องที่ฉันบอกว่าเป็นความลับของเราสองคน อย่างความสามารถของฉัน...

    ...เขาหลอกใช้นายล้วงความลับของฉัน ตอนนั้นนายบอกว่าไม่อยากทำ แต่เขาเกลี้ยกล่อมนายให้ยอมจนได้หรือเปล่า...

    เด็กหญิงหยุดมือ มองหน้าเด็กชายซึ่งขมวดคิ้ว หน้าซีดยิ่งกว่าแต่ก่อน ครั้นแล้วก็ลบข้อความของตน

    มือที่จับหินอยู่ของนิกซ์แทบสั่นเทิ้ม กับการเขียนข้อความเพียงสั้นๆ ง่ายๆ

    ...ผมขอโทษ...

    ...ไม่เป็นไร ฉันไม่โกรธนายเลย... อมาเนเซราเขียนลงบรรทัดต่อมา ...ฉันรู้ว่านายหวังดี คนพวกนั้นต่างหากที่หลอกใช้ความหวังดีของนาย...

    เธอลบข้อความทั้งหมด แล้วเขียนใหม่ ออกแรงกดให้ตัวอักษรนั้นใหญ่ และชัดเจนที่สุด

    ...แค่เจอกันไม่กี่วัน พวกเขาก็หลอกใช้นายแบบนี้แล้ว อย่าไปกับเขาอีกเลย...

    ...นี่ไม่ใช่การกระทำของคนที่เป็นเพื่อนกัน หรือแม้แต่ พวกเดียวกัน หรอก...

    เด็กหญิงลอบมองสีหน้าเด็กชาย ทิ้งข้อความนั้นให้ซึมซาบนานกว่าข้อความอื่นๆ ก่อนจะลบมันแล้วเขียนข้อความชุดใหม่โดยเร็ว

    ...ฉันตัดสินใจแล้ว เราหนีไปด้วยกันเถอะ รอช้าไม่ได้ พวกราดาร้ายและเจ้าเล่ห์เกินไป ขืนอยู่นานกว่านี้ นายต้องไม่ปลอดภัยแน่ นายเป็นพวกเดียวกับเขาไม่ได้...

    ...แค่นี้พวกเขาก็บังคับให้นายโกหกแล้ว ต่อไปจะไม่ให้นายขโมยของหรือฆ่าคนเหมือนกันเหรอ ถ้านายฆ่าคนหรือทำร้ายคนอื่นเหมือนพวกเขาไม่ได้ แน่ใจเหรอว่าเขาจะไม่ร้ายกับนาย จะไม่ทำร้ายนายจริงๆ...

    ...ฉันคิดว่าพวกนั้นจ้างเดนสังคมมา ไม่อย่างนั้นพวกมันจะยอมถอยไปง่ายๆ เหรอ ราดาให้นายสู้กับพวกนั้น ทั้งๆ ที่นายสู้ไม่เป็น แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าเขาเป็นห่วงนายจริงหรือเปล่า...

    นิกซ์ก้มหน้าลงต่ำ แต่เพราะไม่มีผมตกลงปรกข้างแก้ม เด็กหญิงจึงเห็นตาขวาที่ยังดูเป็นมนุษย์ของเขาได้ไม่ยาก นัยน์ตานั้นลังเล...หวั่นไหว แต่เด็กชายก็ยังเงียบอยู่

    เงียบ...เม้มปาก...กะพริบตา...แล้วก็ยังเงียบไปเป็นนาน ก่อนจะทำเพียงปาดพื้นดิน ลบแล้วเขียนข้อความของตน

    ...งั้นหนีไปด้วยกันตอนนี้ไหมฮะ เรามีไฟฉาย ถนนก็สภาพค่อนข้างดี ถ้าเป็นอย่างนี้เก็ตโตต้องอยู่ไม่ไกลแน่ๆ ถึงที่นั่นแล้วก็โทรหาครูเซเดอร์ ราดาให้เงินผมมาแล้ว...

    อมาเนเซราเม้มปากครุ่นคิด ไม่ได้ เสี่ยงไป เด็กสองคนวิ่งบนถนนเข้าเก็ตโต จะปลอดภัยไหม ไปถึงเมื่อไร พวกนั้นจะไหวตัวทัน และตามจับกลับมาเมื่อไร

    ...มันเสี่ยงไป... เธอเขียนตอบ ...เอาอย่างนี้ไหม นิกซ์ต้องช่วยฉัน ให้ฉันไปถึงเพทรานะ แล้วฉันจะใช้พลังกับเพทรา...

    เด็กหญิงชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนเขียนต่อ

    ...ฉันจะใช้เพทราส่งสัญญาณแสง ให้ครูเซเดอร์รู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่ พวกราดาไม่ยอมเอาชีวิตมาทิ้งไว้หรอก ถ้าเห็นพวกครูเซเดอร์มา พวกนั้นต้องหนีไปแน่ๆ...

    นิกซ์พยักหน้าเหมือนเห็นดีด้วย ครั้นแล้วก็มีสีหน้าเหมือนนึกอะไรออก เขารีบลบแล้วเขียน บอกว่ามีเครื่องดักฟังซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าของเธอ พวกราดาบอกเขาเมื่อวานซืน

    เด็กหญิงไม่แปลกใจนัก แต่นั่นเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้ว...ติดไว้ในเสื้อผ้าตัวไหนล่ะ เธอไม่รู้ และไม่ได้สำรวจเสื้อผ้าตัวเองเลย ตอนอาบน้ำเสร็จ ยายปีศาจหญิงเป็นคนแต่งตัวให้เธอ แต่งให้อย่างกับแต่งตัวเด็กแท้ๆ

    แล้วเครื่องดักฟังจะอยู่ที่ไหน ท่านพ่อกับท่านพี่เคยฝึกให้เธอช่างสังเกตเรื่องสิ่งแปลกปลอมในคฤหาสน์กับของของตนเองไว้บ้าง (พวกเขาบอกว่าคนยิ่งใหญ่ระดับนี้ การลอบสังหารหรือล้วงความลับเป็นเรื่องธรรมดา) ดังนั้นเธอจึงพอรู้รูปร่างลักษณะของเครื่องดักฟัง ของแบบนี้เขาคงไม่ติดที่กางเกง หรืออะไรที่อยู่ไกลปากไปนักหรอก น่าจะเป็นเสื้อ แต่จะเป็นเสื้อกันหนาว เสื้อยืดข้างใน หรือ...อะไรที่อยู่ลึกกว่านั้น

    อมาเนเซราลุกขึ้นยืน รีบล้วงกระเป๋าเสื้อกันหนาว ตรวจทุกซอกมุม ตรวจตะเข็บ หมวกฮู้ด สาบเสื้อ อย่างเงียบกริบที่สุด ครั้นไม่พบอะไร เธอก็ลูบตามตะเข็บเสื้อยืดแขนยาวบ้าง ยังคงไม่มีอะไร

    ถ้าอย่างนั้นก็เหลือแค่ที่เดียว เด็กหญิงดึงคอเสื้อยืดกว้างขึ้นอีกหน่อย ซึ่งไม่ยากนัก เพราะเสื้อยืดนั้นหลวมกว่าตัวอยู่พอควร เธอมองลงไปในคอเสื้อ ดูเหมือนจะเห็นผ้าเสื้อชั้นในตรงกลางอกนูนขึ้นมาเหมือนปุ่มสี่เหลี่ยมเล็กๆ

    ...เอาเข้าแล้ว...

    อมาเนเซรารู้สึกเหมือนมีอะไรสะกิดขา จึงก้มหน้าลง เห็นนิกซ์พยักพเยิดไปทางพื้นดินปนทราย หน้าของเธอร้อนผ่าวกับคำที่เด็กชายเขียนไว้

    ...เซราถอดชุดให้หมด แล้วเอาชุดผมไปใส่ก็ได้ ผมไม่รู้สึกหนาว ไม่เป็นไรหรอก ถ้ารีบหนีไปด้วยกันได้ก็ไม่เป็นไร...

    เด็กหญิงแทบแหวออกมาแล้ว แต่ยังคุมสติตนเองให้นึกถึงเครื่องดักฟังขึ้นมาได้ เลยใช้เท้ากวาดตัวอักษรบนพื้น แล้วลงนั่งยองๆ เขียนตอบไปแทน

    ...ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อย...

    เธอรีบเขียนตอบว่ารู้ที่อยู่ของเครื่องดักฟังแล้ว ถอดออกแค่นั้นก็เรียบร้อย แต่ปัญหาต่อไปที่นึกได้คือจะทำอย่างไรให้ปีศาจพวกนั้นออกมา และหาทางเข้าไปยังเพทราได้

    นั่นละ ปัญหาสำคัญที่สุด

    ขณะกำลังคิดอยู่นั่นเอง เสียงร้องหวีดแหลมก็ดังขึ้นจนอมาเนเซราสะดุ้งโหยง เสียงนั้นคล้ายผู้หญิงหรือสัตว์บางอย่างกรีดร้อง ดังสะท้อนก้อง แว่วไปมา

    เหมือนต้นเสียงจะอยู่ในป่าเห็ด ...แต่ที่จริงก็อาจใกล้กว่านั้น หรือไกลออกไป หรือตรงมุมไหนก็ได้

    น...นั่นเสียงอะไร!” เด็กหญิงอุทาน และแทบกระโดดเข้าใกล้เพื่อนมนุษย์ที่อยู่ใกล้ที่สุดคนเดียวทันที ย...เยติ...หรือต...ตัวอะไร

    ม...ไม่ใช่เสียงสัตว์ฮะ นิกซ์ตอบอย่างตื่นๆ แต่ฟังดูเหมือนไม่ได้กลัวมากมายขนาดเธอ แค่...เห็ดโหยหวนฮะ มันเป็นเห็ดดอกใหญ่ๆ พองๆ เหมือนลูกโป่ง เวลามันปล่อยสปอร์ จะมีเสียงคล้ายๆ ผู้หญิงร้อง ตอนเดินทางกับคณะละครสัตว์ ผมเคยได้ยินบ่อยอยู่

    ม...ไม่เป็นอันตรายเหรอ

    ไม่ฮะ เสียงของเด็กชายกลับเรียบเป็นปกติ ที่จริง แถวไหนที่มีเสียงเห็ดโหยหวน จะไม่มีเยติหรอกฮะ พวกมันไม่กล้าเข้าใกล้เห็ดพวกนี้

    ล...แล้วเห็ดพวกนี้มันมีเยอะไหม

    นิกซ์พยักหน้า

    พี่เอบเคยพาผมเข้าไปดู ขึ้นเป็นดงเลยฮะ ถ้าดอกหนึ่งปล่อยสปอร์ออกมา ดอกใกล้ๆ ก็จะปล่อยสปอร์ตามด้วย สปอร์มันปล่อยออกมาเป็นควันสีน้ำตาลๆ ดูแปลกดี แต่ถ้าจะเข้าไปดูต้องหาผ้าอุดจมูกไว้ สปอร์เห็ดโหยหวนใช้หลอนประสาทหรือทำให้หลับได้ เราเลยเก็บมาเรื่อยๆ ไว้ปราบสัตว์พยศ

    อมาเนเซรากะพริบตาปริบๆ

    นิกซ์...รู้เรื่องเห็ดนี่ดีจัง

    เด็กชายยกมือขึ้นเกาศีรษะที่โกนเกลี้ยงอย่างประหม่า

    ก...ก็พี่เอบอธิบายให้ฟังฮะ แล้วผมก็เข้าไปช่วยพี่เขาเก็บสปอร์บ่อยๆ ด้วย

    เด็กหญิงครุ่นคิดอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น

    เอาเถอะ ถือว่าเกมจ้องหน้าคราวที่แล้วเสมอ...เสียดายเนอะ อุตส่าห์จ้องกันมาตั้งนาน เอาใหม่อีกรอบดีกว่า

    พูดแล้วเธอก็เขียนข้อความบนพื้นดินอีกครั้ง

    ...ฉันนึกอะไรได้แล้ว เดี๋ยวจะถอดเครื่องดักฟังออก แล้วเราเข้าไปเก็บสปอร์เห็ดด้วยกันนะ...

     

    * * * * *

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×