ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Sun Seeker - ผู้ตามหาตะวัน (จบภาค)

    ลำดับตอนที่ #35 : -- ๘ – ผู้แทรกแซงกระดาน - “ผู้หญิงคนนั้น...ไม่ธรรมดาแน่นอนว่ะ”

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 244
      0
      4 พ.ย. 53

    ผู้แทรกแซงกระดาน

     

    ในสถานีเชื้อเพลิง สูบบุหรี่ไม่ปลอดภัยนะคะ หญิงสาวที่เบาะหลังพูดเรียบๆ เมื่อชายคนขับชะลอรถใกล้หัวจ่ายเชื้อเพลิงซึ่งยังว่างอยู่

    นั่นทำให้แม็กนัสเบ้หน้าทันควัน แต่ก็ยอมดับบุหรี่ในถาดเก็บขยะ อันมีก้นบุหรี่มวนอื่นๆ รวมกันแทบเต็ม และปิดถาดพับเข้าที่เสียงดังปึง

    เอาเถอะ ที่แอนเธียพูดก็เป็นความจริง ถึงอย่างไรเขาย่อมไม่อยากระเบิดตายอย่างโง่ๆ ก่อนทำงานโง่ๆ อีกชิ้นแต่ยังมีความหมายมากกว่าสำเร็จแน่นอน และคงนับเป็นพระคุณอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว ที่หญิงสาวทนถูกเขารมควันบุหรี่ในรถมาตลอดทางโดยไม่ปริปาก กระทั่งบิวเรนยังปรามให้ชายหนุ่มเพลาการสูบลง ไม่ผลาญบุหรี่เป็นซองๆ ด้วยอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นจากปกติจนน่าตกใจอย่างนี้

    ...ก็รู้ว่าแกเครียด แต่อัดควันเข้าไปมันช่วยอะไรได้บ้างวะ นอกจากเผาปอดพวกเราไปด้วย...

    ...ช่วยสิ ช่วยเผาความเครียดในหัวลงหน่อยไง... ชายหนุ่มคิดตอบพลางเคาะนิ้วบนพวงมาลัย กลืนน้ำลายข่มความเปรี้ยวปาก

    หลังจากเขาสั่งคนของสถานีให้เติมเชื้อเพลิงเต็มถัง แอนเธียก็ลุกจากที่นั่ง บอกทั้งสองว่าจะไปเข้าห้องน้ำ คนขับรถปล่อยให้เธอเปิดประตูออกไปโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้บิวเรนเป็นคนปฏิเสธเมื่อเธอถามว่าจะให้ซื้ออะไรมาเผื่อด้วยไหม

    เขาไม่หิวเลย มิหนำซ้ำเสบียงที่แอนเธียหิ้วใส่ท้ายรถคันนี้มาก็ดูจะมีเหลือเฟือ ทั้งน้ำสะอาด และอาหารสังเคราะห์สำเร็จรูปที่มีคุณภาพดีพอสมควร อย่างน้อยก็มากกว่าอาหารข้างทางในเก็ตโต ซึ่งไม่รู้ว่าหมดอายุไปแล้ว หรือผสมวัตถุดิบปลอมปนอย่างไรบ้าง

    นอกจากอาหารแล้ว ในรถยังมีพวกอุปกรณ์ยังชีพและป้องกันตัวทั่วไป เช่นมีดพกสารพัดประโยชน์ ไฟฉาย กล้องส่องทางไกล ถุงนอน พลุสัญญาณ ฯลฯ ราวกับพวกเขาจะไปเดินดงเห็ดชมชีวิตสัตว์โลก หรือสำรวจซากเมืองร้าง แถมยังมีของประหลาดๆ อย่างถังดับเพลิงอยู่อีกถึงสามถัง ซึ่งแม็กนัสไม่รู้ว่าจะเอาติดมาสร้างมรรคผลอันใด ถ้ารถดันติดไฟขึ้นมาจริงๆ เพราะวิ่งจนเครื่องร้อนเกินพิกัด หรือผ้าเบรกหรือยางล้อรถเสียดสีถนนจนไหม้ขึ้นมา แต่ก็นั่นละ ของพวกนั้นไม่ใช่ของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร

    ว่ากันตามจริง หญิงสาวเป็นคนเตรียมทุกอย่าง ตั้งแต่รถที่พวกเขาขับอยู่ตอนนี้ด้วยซ้ำ เธอบอกว่านี่เป็นรถเก่าของหลวงพ่อนิโคลัส และเขาก็ไม่รู้จะตั้งคำถามไปทำไม ว่าเหตุใดนักบวชคนนั้นจึงยอมให้ทั้งสามนำรถมาใช้อย่างง่ายดาย หรือแม้แต่ปล่อยให้อดีตเด็กหญิงกำพร้าในความดูแลนั่งรถข้ามวันข้ามคืนมากับผู้ชายอีกสองคน ถึงจะเป็นครูเซเดอร์ที่มาทำภารกิจช่วยเหลือเฉพาะหน้าก็เถอะ

    ชายหนุ่มทอดสายตาเลื่อนลอยไปเบื้องหน้า ขณะรอให้เชื้อเพลิงเต็มถัง เพื่อนร่วมงานบนที่นั่งข้างคนขับหยิบโทรศัพท์มือถือสำหรับติดต่อของครูเซเดอร์ออกมา มีเสียงกดปุ่มเป็นระยะๆ พักหนึ่ง ก่อนเสียงเปรย

    ฉันว่ามันแปลกๆ

    อะไรแปลก แม็กนัสถามอย่างไม่ใส่ใจนัก

    ทุกอย่างเลย บิวเรนโคลงศีรษะ เราขับรถมาสองจะสามวันแล้ว แต่ก็ยังไม่มีข่าวเรื่องเพทราหรือท่านหญิงออกมาเลย

    ก็ใครมันประกาศเรื่องได้ของก่อนกลับถึงบ้านบ้างล่ะ ครูเซเดอร์หนุ่มแย้ง แกคิดว่าพวกอัสลานจะทำอะไรง่าวๆ อย่างประกาศว่ามีตัวประกัน...ทั้งๆ ที่ตัวประกันยังไปไม่ถึงฐานรึ

    แล้วโซลาริสล่ะ บิวเรนแย้งกลับ ทำไมไม่ประกาศก่อน หรือ...อย่าว่าเลย ไม่มีกระทั่งข่าวภายในหน่วยครูเซเดอร์ หรือคำสั่งอื่นๆ นอกจากเพิ่มความระมัดระวังหลังเหตุก่อการร้ายในเทศกาลวันแรก กับปีนี้ไม่สามารถนำเพทราออกมาให้สักการะได้เพราะ เรื่องขัดข้องบางอย่าง ด้วยซ้ำ ฉันได้รับจดหมายข่าวแค่คำสั่งเรียกรายงานตัวด่วน ของแกล่ะ

    ปิดเครื่องตั้งแต่ก่อนออกมาแล้ว แม็กนัสพูดง่ายๆ ขี้เกียจอ่าน

    เอาเถอะ เสียงของเพื่อนร่วมงานกึ่งรำคาญ กึ่งอ่อนใจ ถ้าฉันโดนเรียกตัวกลับ แกก็ต้องโดนเหมือนกัน

    บอกตามตรง แม็กนัสไม่อยากสนใจเรื่องนั้น ถูกเรียกตัวกลับแล้วจะเกิดอะไรขึ้น จะเป็นอย่างไรอีก เขามองไม่เห็นอนาคตของทางเลือกนั้นมากไปกว่าทางในตอนนี้ ซึ่งถึงแม้จะเสี่ยง ก็ยังมีโอกาสมากกว่าไม่ทำอะไรเลย

    แอนเธียนั่นก็แปลก บิวเรนเริ่มพูดเคร่งขรึม ฉันว่าผู้หญิงคนนั้นไม่น่าไว้ใจเลย ที่ออกมาตะลอนๆ กันอย่างนี้เป็นความคิดของแกหรือเขากันแน่

    ฉันอยากมา ชายหนุ่มตอบอย่างรำคาญ แม้ต้องยอมรับความจริงอีกอย่าง แต่เขาเป็นคนเสนอ ก็เขาอยากช่วยเด็กมีเขานั่น ไอ้เราก็คงมีแต่ต้องช่วยยายท่านหญิงกลับมาให้ได้ก่อนคนอื่นถ้าจะขอเว้นโทษ แต่ถ้าแกอยากถูกปลดง่ายๆ ก็ขออภัยด้วยที่พามาลำบาก

    ขึ้นรถคันเดียวกันแล้ว ทำไงได้วะ เสียงตอบขุ่นมัวอยู่บ้าง แต่ก็เหมือนจะไม่ได้โมโหมากนัก ห่วงแต่แม่นั่นหลอกเรามาทำอย่างอื่นมากกว่า ฉันชักไม่เชื่อจริงๆ แล้วว่ะ ว่าเขาเป็นพลเรือนธรรมดา ถ้าเกิดเป็นสายลับพวกอัสลานขึ้นมาจะทำยังไง

    สายลับที่ไหนมันจะง่าวจับครูเซเดอร์ง่าวๆ สองคน ที่ทำงานง่าวๆ แค่คุ้มกันท่านหญิงง่าวๆ สักคนยังไม่ได้ แล้วจับไปทำง่าวอะไรวะ แม็กนัสตั้งคำถาม ด้วยไม่เห็นความจำเป็นของการสาธยายให้บิวเรนซึ่งดูมีสติปัญญาในเรื่องจับแพะชนแกะอะไรต่อมิอะไรมากกว่าตน

    ต่อให้เป็นครูเซเดอร์ประเภท ยิงก่อนคิดทีหลัง (หรือบางครั้งก็ ยิงก่อนโดยไม่คิดอะไรเลย) แบบแม็กนัส ก็ย่อมรู้ดีว่าตนเองไม่มีคุณค่าในฐานะตัวประกันเลย พวกเขาไม่มีข้อมูลลับสุดยอดให้ล้วง เรื่องจะกล่อมให้ยอมเป็นหนอนบ่อนไส้โซลาริสเพื่อให้ถูกประหารยกครอบครัวยิ่งไม่ต้องพูดถึง และโซลาริสก็คงไม่คิดยอมตามคำขู่ใดๆ เพื่อรักษาชีวิตครูเซเดอร์แค่สองคนเป็นแน่

    ฉันก็ไม่รู้ แต่ผู้หญิงคนนั้น...ไม่ธรรมดาแน่นอนว่ะ บิวเรนยังยืนยันข้อสังเกตเดิม เขารู้มากเกินไป กระทั่งเส้นทางถนนร้างก็รู้ดีเหมือนท่องจำขึ้นใจ แกไม่ระแวงบ้างรึไง

    ก็ให้มันรู้ไป ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ครูเซเดอร์สองคนจะฆ่าผู้หญิงคนเดียวป้องกันตัวไม่ได้ ชายหนุ่มบอก แค่นี้แกก็ช่วยระวังตัวแทนฉันสุดๆ แล้วไม่ใช่รึ

    ใช่ ไม่ต้องเป็นพวกขี้เกียจสังเกตอย่างแม็กนัสอีกเช่นกันก็มองออก ว่าปฏิกิริยาของบิวเรนต่อแม่สาวขายดอกไม้แอนเธีย...หลังได้ยินว่าเจ้าหล่อนเป็นลูกสาวของผู้ก่อการร้ายซึ่งยิงปืนและใช้ระเบิดมือเป็น...เปลี่ยนจากทีแรกเป็นฝ่ามือกับหลังเท้า ต่อให้หญิงสาวชวนพูดคุย ชายหนุ่มก็ตอบเธอน้อยลงและสงวนท่าทีขึ้น เมื่อต้องเปลี่ยนเวรขับรถ และแอนเธียอาสาจะช่วยทั้งสองขับด้วย บิวเรนก็ยืนกรานอย่างสุภาพว่าไม่ควรให้สุภาพสตรีอย่างเธอต้องลำบาก แต่แม็กนัสซึ่งส่วนตัวไม่เห็นว่ามีคนช่วยผลัดเวรขับรถอีกคนเสียหายตรงไหน ก็ยังรู้อยู่ดีว่าเพื่อนร่วมงานกลัวอีกฝ่ายจะขับพาพวกเขาไปในที่ที่ไม่รู้จัก ถึงปกติเจ้าหล่อนจะเป็นคนบอกเส้นทางให้อยู่แล้วก็เถอะ

    แอนเธียไม่คิดอะไรมากไปกว่าช่วยเจ้าเด็กมีเขานั่นหรอก แม็กนัสเชื่ออย่างนั้นจากแววตาของเธอ หญิงสาวยังชิมอาหารทุกอย่างที่เธอเองทำให้พวกเขาก่อนทุกมื้อ เพื่อพิสูจน์ว่าไม่มียาพิษใดๆ ด้วยซ้ำ

    ครูเซเดอร์ทั้งสองปล่อยให้ความเงียบดำเนินต่อไป จนถังเชื้อเพลิงเต็ม แม็กนัสส่งเงินให้คนของสถานี แล้วรอผู้โดยสารอีกคน อีกไม่นาน เธอก็เดินออกมาจากตึกห้องน้ำที่มีสีทั้งพ่นและทาเป็นภาพศิลปะข้างถนนกับถ้อยคำหยาบคาย

    ชายหนุ่มเหลือบดูทางกระจกหลัง และกำลังจะสตาร์ทรถพอดี...เมื่อเห็นหญิงสาวชะงักไม่ห่างจากนักเลงวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่นั่งซ่องสุมอยู่ริมตึก แต่ละคนแต่งตัวและย้อมผมสีพิลึกพิลั่น ทั้งเหลืองแดงเขียวม่วง

    ไม่ช้า แอนเธียก็เดินไปหาคนพวกนั้น พวกเขาทุกคนมองเธออย่างประหลาดใจ

    ...เขาคิดจะทำอะไรวะ บิวเรนซึ่งเห็นแล้วเช่นกันตั้งคำถาม

    แม็กนัสชั่งใจอีกครู่ ก่อนจะตรวจปืนที่เข็มขัดซึ่งเขาปล่อยชายเสื้อบังไว้ ครั้นแล้วก็พูดสั้นๆ

    ฉันจะไปดู แกเฝ้ารถ

    เขาไม่รอคำตอบ เพียงเปิดประตูลงจากรถ แล้วสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหาหญิงสาวคนนำทางกับนักเลงแห่งเก็ตโตสิบเจ็ดทันที

     

    * * * * *

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×