คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #133 : -- ๔ – มุมมองของผู้อยู่ในแสงสว่าง - “แล้วตอนนั้น เราคงมีงานให้เธอทำ”
๔ – มุมมองของผู้อยู่ในแสงสว่าง
เสียงเคาะประตูนำหน้าเสียงระบุตัวตน
“ร้อยเอกฮัมเบิร์ต ไวสวอลด์ ครับ ฯพณฯ ท่าน”
“เข้ามา”
เทมพลาร์หนุ่มเดินเข้ามาในห้อง หยุดยืนหน้าโต๊ะทำงานของพระราชาคณะเอลิยาห์ ลูเชียส ก่อนจะชิดเท้า ทำมือแสดงความเคารพนิ่งอยู่ กระทั่งได้รับคำอนุญาต
“นั่งลงสิ” พระราชาคณะวัยหนุ่มหยิบกระดาษปึกบางที่มีรอยยับเหมือนเคยถูกขยำขึ้นมา “เราอยากให้เธอดูนี่ แล้วบอกว่าเธอคิดอย่างไร”
ขณะที่ไวส์วอลด์อ่านกระดาษพวกนั้น นักบวชหนุ่มก็นึกทวนข้อความซึ่งตนแทบจำได้ขึ้นใจ...
พวกป่าเถื่อนนั่นยังพอมีสติปัญญาอยู่ เมื่อกระแสสนับสนุนสันติภาพถูกจุดขึ้นโดยสตรีอาภรณ์แสงสุริยัน ไม่ช้าพวกมันก็ออกแถลงการณ์ว่าพวกตนใฝ่หวังสันติภาพเช่นกัน ทั้งยังอาสาจะช่วยโซลาริสคลี่คลายคดีวางเพลิงคณะละครสัตว์ และสังหารครูเซเดอร์อย่างอุกอาจกลางคีรีเอ โดยให้ความรู้เกี่ยวกับเนฟิลิม ‘ในเรื่องที่โซลาริสยังไม่ทราบ’ อีกด้วย
พวกอัสลานมันยอมรับว่าตนเลี้ยงเนฟิลิมจริงๆ แต่ก็ไม่มีเนฟิลิมที่มีพลังทำให้คนหายไปเฉยๆ โดยทิ้งไว้เพียงแขนข้างเดียวให้ดูต่างหน้ากับรอยเลือดเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้จึงอ้างได้ว่าถึงผู้ก่อคดีจะเป็นเนฟิลิม ก็ย่อมไม่ใช่เนฟิลิมที่อยู่ในสังกัดของตน
อีกประการ ทุกครั้งที่คนอัสลานหรือเนฟิลิมก่อการร้าย ก็จะประกาศความรับผิดชอบมาโดยตลอด จนถึงครั้งล่าสุดคือการวางระเบิดและวางเพลิงในคีรีเอเมื่อเทศกาลโคมตะวัน มีเพียงเรื่องการขโมยเพทรา โซลาริสเท่านั้นเองที่ยังไม่ได้ประกาศ เพราะโซลาริสมิได้ประกาศก่อนว่าศิลาศักดิ์สิทธิ์ถูกขโมยไป ไม่มีเหตุผลและความเชื่อมโยงใดๆ ที่อัสลานจะโจมตีคณะละครสัตว์ที่ไม่เกี่ยวข้องแห่งนี้
ในเรื่องสันติภาพ ผู้นำกลุ่มอัสลานตอบรับก็จริง แต่ยังไม่ยอมศิโรราบโดยง่ายนักหรอก มันบอกว่าหากอยากดำเนินการให้เกิดสันติภาพ ‘บนความเท่าเทียม’ โดยแท้จริง ก็จะยินดี ...แต่ก่อนหน้านั้น พวกมันเรียกร้องให้โซลาริสรับประกันว่าจะไม่มีการโจมตีชุมชนชาวอัสลานในเวสต์แลนด์ ไปจนถึงขอเพิ่มสิทธิให้คอนเวิร์ต ขอความช่วยเหลือด้านอาหาร ยารักษาโรค เครื่องมือทางการเกษตรและเมล็ดพันธุ์ รวมทั้งขอเพทรา โซลาริส ไว้กับเวสต์แลนด์ ในฐานะ ‘ของขวัญแห่งสันติภาพ’
‘เราเองก็เป็นเช่นมนุษย์ทั้งมวลที่ใฝ่หวังสันติภาพ แต่ก่อนสันติภาพ มนุษย์ทั้งมวลย่อมต้องการปัจจัยสี่อันเป็นพื้นฐานต่อการดำรงชีวิต ต้องการความปลอดภัยในการดำรงชีวิต และการยอมรับในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เราตั้งกองกำลังป้องกันตนเองในทีแรกเพราะเราถูกละเมิดสิทธิพื้นฐานเหล่านั้น ดังนั้น หากได้รับสิทธิที่พึงมีคืน เราย่อมสนับสนุนสันติภาพของทั้งเราและท่านอย่างเต็มที่ บนพื้นฐานของไมตรีจิตอันดี’
นั่นไม่ใช่ท่าทางของผู้แพ้ เอลิยาห์รู้ ชาวอัสลานเคยทระนงสมชื่อ ‘ชนแห่งราชสีห์’ อย่างไร บัดนี้ก็ยังทระนงอย่างนั้น
ที่ร้ายยิ่งกว่านั้น คือท่าทางบิดาของเขา กับสตรีอาภรณ์แสงสุริยันจะเห็นคล้อยตาม ‘ความเท่าเทียม’ ที่พวกมันยกมาอ้างเสียด้วย
“แค่ความโอหังของหมาจนตรอกเท่านั้นเองครับ” เป็นคำตอบของผู้กองไวส์วอลด์ ขณะวางกระดาษนั้นคืนกับโต๊ะด้วยท่าทางเหยียดหยาม “ที่จริง ผมเห็นว่าเราน่าจะหาวิธีทำลายพวกมันให้สิ้นซากด้วยซ้ำ”
“โดยไม่ให้เป็นที่ครหา” เอลิยาห์ต่อคำ “ล้างเผ่าพันธุ์พวกมันน่ะไม่ยากหรอก แต่จะทำอย่างไรให้ ‘ชอบธรรม’ กระทั่งในตระกูลลูเชียส เรายังกลายเป็นเสียงส่วนน้อยแค่คนเดียวไปเลย”
“คนชรากับเด็กผู้หญิงย่อมใจอ่อนเป็นธรรมดานี่ครับ” เด็กหนุ่มตอบยิ้มๆ “ที่จริง ฯพณฯ ท่านน่าจะหาวิธีอ้างว่ามันละเมิดข้อตกลงก่อนได้ไม่ยากนะครับ”
“หาได้ไม่ยากจริง” พระราชาคณะรับ “แต่ต้องรอจังหวะดีๆ นั่นล่ะ ตอนนี้กระแสชูสันติภาพกับเห็นใจเผ่าอัสลานยังมาแรงจนน่ากลัว ต้องทิ้งช่วงสักพักให้ซาลงไป แล้วตอนนั้น เราคงมีงานให้เธอทำ”
“รับทราบครับ” ผู้กองไวส์วอลด์ค้อมศีรษะ “ผมรอเวลาที่จะได้รับใช้ ฯพณฯ ท่าน เต็มความสามารถ”
เอลิยาห์ไม่มองเด็กหนุ่ม แต่เสมองไปยังสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ ไม่ได้อยู่ในเมืองหรือแม้แต่โลกเบื้องนอก...สิ่งซึ่งอยู่ในอนาคตที่ตนพยายามเอื้อมมือไขว่คว้า
เขาเองก็ต้องรอเวลา เวลาที่จะได้กวาดล้างเหลือบไรน่ารังเกียจพวกนั้นไปจากแผ่นดิน จะได้ลืมเลือนตราบาปที่พวกมันประทับให้แก่ชีวิตของเขา ลืมเลือนว่าเคยมีพวกมันอยู่...
...เพื่อที่แสงตะวันจะได้สาดส่องให้เขาอีกครั้ง...
* * * * *
ความคิดเห็น